รีวิว Olay Regenerist Revitalising Hydration Cream: ครีมบำรุงผิวตัวดัง ใช้แล้วปังจริงไหม


สวัสดีค่าทุกคนนน! วันนี้มีเรื่องเม้าท์มอยเกี่ยวกับครีมบำรุงผิวตัวดังในตำนานมารีวิวให้ฟังกันแบบจัดเต็มในสไตล์บ้านๆ ของเราเองกับ Olay Regenerist Revitalising Hydration Cream หรือที่บางคนอาจจะคุ้นๆ ในชื่อ "โอเลย์ กระปุกแดง" ที่เคลมว่าใช้แล้วหน้าปัง ลดริ้วรอยนู่นนี่นั่น...เอ๊ะ! แล้วมันจะปังจริงเหมือนที่เขาว่ากันมั้ยนะ? ใช้แล้วจะเปลืองตังค์ฟรีหรือเปล่า? วันนี้แหละ เราจะมาไขข้อข้องใจแบบหมดเปลือกให้ดูกันเลยจ้า!
1. ภาพรวมผลิตภัณฑ์: มาทำความรู้จัก "กระปุกแดง" กันก่อน!
ถ้าพูดถึง Olay Regenerist เชื่อว่าสาวๆ หลายคนต้องร้องอ๋อ เพราะเป็นไลน์ที่ดังมากๆ ของ Olay เลยทีเดียว และเจ้าตัว Revitalising Hydration Cream SPF15 นี่แหละ คือหนึ่งในตัวเด็ดที่หลายคนเล็งไว้.
แบรนด์: Olay
รุ่น: Regenerist Revitalising Hydration Cream SPF15
ขนาด: ส่วนใหญ่มักจะเป็นขนาด 50 กรัม
ช่วงราคา: ประมาณ 600 - 700 บาท (แล้วแต่โปรโมชั่นนะจ๊ะ)
ตำแหน่งในตลาด: จัดเป็นครีมบำรุงกลุ่มลดเลือนริ้วรอย เน้นเรื่องความชุ่มชื้นและปกป้องผิวจากแสงแดด เหมาะสำหรับคนที่มีกังวลเรื่องริ้วรอย ผิวไม่กระชับ หรือผิวขาดน้ำ
จุดเด่นคร่าวๆ ที่เค้าเคลมมา:
- ช่วยลดเลือนริ้วรอยและเส้นริ้วต่างๆ ทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น
- ให้ความชุ่มชื้นแบบจัดเต็ม ผิวดูอิ่มฟู
- ช่วยให้ผิวดูกระชับขึ้น ดูเด้งๆ เต่งตึง
- มีส่วนผสม Amino-Peptide Complex และ Niacinamide (วิตามิน B3) ที่ช่วยบำรุงล้ำลึก
- มี SPF15 ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดในทุกๆ วัน
2. ดีไซน์ & รูปลักษณ์ภายนอก: กระปุกแดงในตำนาน!
แพ็คเกจของ Olay Regenerist นี่เป็นเอกลักษณ์มากๆ คือ "กระปุกสีแดง" ที่เห็นแล้วรู้ทันทีว่าเป็นไลน์นี้. ตัวกระปุกดูแข็งแรง เป็นพลาสติกเนื้อดี ให้ความรู้สึกพรีเมียมสมกับเป็นครีมบำรุงที่เน้นเรื่องริ้วรอย
การออกแบบ: กระปุกทรงกลม ฝาหมุนสีเงินหรือสีแดงเมทัลลิก ขนาดกำลังดี
วัสดุ: พลาสติก
ขนาดและน้ำหนัก: ขนาด 50 กรัม ถือได้เต็มไม้เต็มมือ ไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไป
สีที่มีให้เลือก: ตัวกระปุกสีแดงสดใส
ความสะดวกในการพกพา: พกพาง่าย ใส่ในกระเป๋าเดินทางได้สบายๆ
อุปกรณ์เสริมในกล่อง: หลักๆ ก็มีตัวครีมในกระปุก พร้อมกล่องกระดาษที่มีข้อมูลผลิตภัณฑ์บอกละเอียดอยู่ข้างในกล่อง (แต่บางทีส่วนผสมก็หาไม่เจอนะเอ้อ ต้องไปดูตามเว็บเอา)
3. ประสบการณ์ในการใช้งานฟังก์ชันหลัก: ใช้แล้วรู้สึกยังไง?
มาถึงหัวใจหลักของการรีวิว! หลังจากที่ได้ลองใช้เจ้ากระปุกแดงตัวนี้มาสักพัก บอกเลยว่าฟีลลิ่งตอนใช้มันดีนะ! เนื้อครีมจะเป็นสีออกพีชๆ หน่อย เนื้อค่อนข้างเข้มข้น แต่พอเกลี่ยลงบนผิวแล้วซึมไวอยู่เหมือนกัน ไม่ได้เหนอะหนะอย่างที่คิด ตอนทาแล้วรู้สึกได้เลยว่าผิวชุ่มชื้นขึ้นทันที
สำหรับเรื่องริ้วรอย อาจจะต้องใช้เวลาสักพักถึงจะเห็นผลชัดเจนนะ แต่เรื่องความชุ่มชื้น ผิวดูอิ่มฟู อันนี้เห็นผลค่อนข้างไวเลย ตื่นเช้ามาล้างหน้าแล้วรู้สึกผิวนุ่มๆ เด้งๆ ดี ส่วนเรื่อง SPF15 ก็ช่วยเพิ่มความอุ่นใจในการใช้ชีวิตประจำวัน แต่ออกแดดจัดๆ ก็ควรทากันแดดเพิ่มด้วยนะจ๊ะ
สรุปการใช้งาน:
- เนื้อสัมผัส: ครีมเข้มข้น สีพีช ซึมไว ไม่เหนอะหนะ
- กลิ่น: มีกลิ่นหอมอ่อนๆ (แล้วแต่คนชอบนะ บางคนอาจจะไม่ชอบครีมมีน้ำหอม)
- ผลลัพธ์หลังใช้ทันที: ผิวชุ่มชื้น ดูอิ่มน้ำ
- ผลลัพธ์ในระยะสั้น (1-2 สัปดาห์): ผิวนุ่ม เด้ง ดูเรียบเนียนขึ้น
- ผลลัพธ์ในระยะยาว (1 เดือนขึ้นไป): ริ้วรอยเล็กๆ ดูตื้นขึ้น ผิวโดยรวมดูกระชับขึ้น
4. ใช้งานง่ายไหม? มือใหม่ก็สบาย!
เรื่องความง่ายในการใช้ บอกเลยว่าสบายมาก! ไม่มีอะไรซับซ้อนเลย แค่ตักครีมมาเล็กน้อย (ไม่ต้องเยอะนะ เดี๋ยวจะเหนอะไป) ค่อยๆ วอร์มที่ปลายนิ้วแล้วทาให้ทั่วใบหน้าและลำคอ ใช้ได้ทั้งตอนเช้าและก่อนนอนเลย
ตัวครีมเกลี่ยง่าย ไม่เป็นคราบ ไม่กวนเมคอัพ สามารถใช้เป็นเบสก่อนแต่งหน้าได้เลย
สรุปความง่ายในการใช้:
- วิธีใช้: ง่ายสุดๆ แค่ทา ไม่ต้องเรียนรู้อะไรเยอะ
- ความเข้ากับสกินแคร์อื่นๆ: ใช้ร่วมกับเซรั่มหรือสกินแคร์ตัวอื่นได้ดี
- เป็นคราบ/ขุยไหม: ไม่เป็นคราบ ไม่เป็นขุย
5. แบตเตอรี่ / พลังงาน / ความคุ้มค่าในระยะยาว: คุ้มไหมกับการลงทุน?
สำหรับครีมบำรุง เรื่องแบตเตอรี่คงไม่มี แต่ถ้าพูดถึง "ความคงทน" หรือ "ระยะเวลาการใช้งาน" ต่อ 1 กระปุก 50 กรัม ถ้าใช้เช้า-เย็น ทุกวัน ก็จะอยู่ได้ประมาณ 1-2 เดือน แล้วแต่ปริมาณที่ใช้นะ
เมื่อเทียบกับราคาที่ประมาณ 600-700 บาท ต่อกระปุก ถือว่าไม่ได้แพงจนเกินไป ยิ่งถ้าซื้อช่วงโปรโมชั่นตามร้านวัตสัน, บู๊ทส์, หรือในออนไลน์แบบ Shopee, Lazada นี่คือคุ้มมากๆ
ส่วนเรื่องความคุ้มค่าในระยะยาว ถ้ามองว่าเค้าช่วยเรื่องลดเลือนริ้วรอยและให้ความชุ่มชื้นได้ดีในราคาเท่านี้ ก็ถือว่าเป็นการลงทุนที่น่าสนใจเลยทีเดียว เพราะครีมลดริ้วรอยตัวแพงๆ บางทีราคาพุ่งไปหลายพันเลยนะ
วิเคราะห์ความคุ้มค่า:
- ราคาต่อปริมาณ: สมเหตุสมผล ไม่แพงจนเกินไป
- ระยะเวลาใช้งาน: ประมาณ 1-2 เดือน ต่อ 1 กระปุก 50 กรัม
- ผลลัพธ์ที่ได้: เห็นผลเรื่องความชุ่มชื้นและริ้วรอยได้ดีในราคาที่เข้าถึงง่าย
6. ข้อดี-ข้อเสีย: มีอะไรที่ควรรู้บ้าง?
มาสรุปแบบเจาะลึกกันเลยดีกว่า ว่าเจ้ากระปุกแดงตัวนี้มีดีอะไร และมีข้อควรพิจารณาตรงไหนบ้าง
ข้อดี (ที่คนไทยน่าจะชอบ):
- หาซื้อง่ายมาก: มีขายทั่วไปตามห้างสรรพสินค้า ร้าน Drugstore และร้านค้าออนไลน์
- ราคาเข้าถึงง่าย: ไม่แพงเท่าครีมเคาน์เตอร์แบรนด์ แต่ให้ผลลัพธ์ที่ดี
- ให้ความชุ่มชื้นได้ดี: เหมาะกับสภาพอากาศบ้านเราที่บางทีก็ร้อนจนผิวแห้ง หรืออยู่ในห้องแอร์นานๆ
- มี SPF15 ในตัว: สะดวก ไม่ต้องทากันแดดเพิ่มในวันที่อยู่แต่ในบ้านหรือออกแดดไม่นาน
- ช่วยเรื่องริ้วรอยได้จริง (แต่ต้องใช้เวลา): มีส่วนผสมที่ได้รับการยอมรับว่าช่วยเรื่องนี้
ข้อเสีย (ที่อาจทำให้ลังเลใจ):
- เนื้ออาจจะหนักไปสำหรับคนผิวมันมากๆ ในช่วงที่อากาศร้อนและชื้นสุดๆ: แม้จะซึมไว แต่คนผิวมันอาจจะรู้สึกไม่สบายผิว
- กลิ่นน้ำหอม: คนที่แพ้น้ำหอมหรือชอบสกินแคร์ที่ไม่มีกลิ่นอาจจะต้องเลี่ยง
- SPF15 อาจไม่พอ: สำหรับคนที่ต้องออกแดดจัดๆ เป็นเวลานาน ควรทากันแดดที่มี SPF สูงกว่านี้
- ผลลัพธ์เรื่องริ้วรอยอาจจะไม่ได้เหมือนการทำหัตถการ: ต้องเข้าใจว่านี่คือครีมบำรุง อาจจะต้องใช้เวลาและความสม่ำเสมอ
7. เหมาะกับใคร & คำแนะนำในการซื้อ: ซื้อดีไหมนะ?
จากที่ลองใช้และวิเคราะห์มา เจ้า Olay Regenerist Revitalising Hydration Cream SPF15 เนี่ย เหมาะมากๆ กับ:
- คนที่มีอายุ 30+ ที่เริ่มมีปัญหาริ้วรอยเล็กๆ น้อยๆ: หรือกังวลเรื่องผิวไม่กระชับ
- คนที่มีผิวแห้งถึงผิวผสม: โดยเฉพาะคนที่ต้องการความชุ่มชื้นแบบจัดเต็ม
- คนที่มองหาครีมลดริ้วรอยในราคาที่สมเหตุสมผล: ไม่ได้อยากลงทุนกับครีมเคาน์เตอร์แบรนด์แพงๆ
- คนที่ต้องการครีมบำรุงตอนเช้าที่มีกันแดดในตัว: สะดวก รวดเร็ว
ถ้าถามว่าควรซื้อเลยไหม? ถ้าคุณเข้าข่ายกลุ่มด้านบน แล้วกำลังมองหาครีมตามคุณสมบัติเหล่านี้ **ก็จัดเลยจ้า!** โดยเฉพาะช่วงที่มีโปรโมชั่นตามร้านต่างๆ หรือในออนไลน์ ยิ่งคุ้มไปอีก
8. เปรียบเทียบกับสินค้าคล้ายๆ กัน: ในไลน์ Olay เองเป็นไง?
ในไลน์ Regenerist ของ Olay เองก็มีครีมหลายตัวนะ ที่ดังๆ พอๆ กันก็เช่น Olay Regenerist Micro-Sculpting Cream ตัวนี้จะเน้นเรื่องยกกระชับและลดเลือนริ้วรอยที่ชัดเจนกว่า เนื้อจะเข้มข้นกว่าตัว Revitalising Hydration นิดหน่อย ราคาจะสูงกว่าด้วย
ถ้าเทียบกัน ตัว Revitalising Hydration SPF15 จะเน้นความชุ่มชื้นเป็นหลัก และมีกันแดดมาให้ด้วย เหมาะกับการใช้ตอนเช้า ส่วน Micro-Sculpting จะเน้นเรื่องริ้วรอยและความกระชับโดยตรง ถ้าผิวแห้งและต้องการกันแดดด้วย เลือกตัวนี้ แต่ถ้าเน้นแก้ปัญหาริ้วรอยหนักๆ อาจจะมอง Micro-Sculpting หรือใช้คู่กันไปเลยก็ได้
9. บริการหลังการขายและช่องทางการซื้อ: ช้อปที่ไหนดี?
Olay เป็นแบรนด์ใหญ่ การรับประกันสินค้าส่วนใหญ่จะเป็นไปตามเงื่อนไขของร้านค้าที่ซื้อมา เช่น หากสินค้าชำรุดเสียหายจากการผลิต ก็สามารถเปลี่ยนหรือคืนได้ตามนโยบายร้าน
ช่องทางการซื้อ: หาง่ายมากๆ แทบจะทุกที่เลยค่ะ ทั้ง
- ร้าน Drugstore ชั้นนำ: Watsons, Boots มีให้เลือกเพียบ และจัดโปรบ่อยมาก!
- ห้างสรรพสินค้า: แผนกบิวตี้ในห้างต่างๆ
- ร้านค้าออนไลน์: Shopee, Lazada, JD Central นี่คือแหล่งรวมโปรโมชั่นเลย มีโค้ดลด, ส่งฟรี, ผ่อน 0% ด้วยนะ
- ร้านค้าออนไลน์อย่างเป็นทางการของ Olay: มั่นใจว่าเป็นของแท้แน่นอน
คำแนะนำในการซื้อ: แนะนำให้ซื้อช่วงที่มีโปรโมชั่นลดราคา! Olay ชอบจัดโปรโมชั่นร่วมกับร้านค้าต่างๆ อยู่แล้ว ส่วนต่างของราคาก็แตกต่างกันไป บางทีในออนไลน์จัดหนักกว่าหน้าร้านอีก ต้องหมั่นเช็คโปรนะจ๊ะ
เรื่องการจัดส่ง ส่วนใหญ่ถ้าสั่งออนไลน์ในกรุงเทพฯ หรือปริมณฑลก็รอไม่กี่วันก็ได้ของแล้ว
10. บทสรุปและคำแนะนำในการซื้อ: ฟันธง!
หลังจากที่ลองใช้และพิจารณามาทั้งหมดแล้ว ถ้าให้ฟันธงว่า Olay Regenerist Revitalising Hydration Cream SPF15 ควรซื้อไหม?
สำหรับผู้เริ่มต้นที่กังวลเรื่องริ้วรอยและต้องการครีมบำรุงที่ให้ความชุ่มชื้นดี มีกันแดดในตัวในราคาที่เข้าถึงง่าย: **แนะนำให้ซื้อเลยค่ะ!** เป็นครีมบำรุงเริ่มต้นที่ดีมากๆ สำหรับการดูแลปัญหาริ้วรอย
สำหรับคนที่มีผิวแห้งถึงผิวผสม และมองหาครีมใช้ตอนเช้าที่มี SPF: **เหมาะมาก!** ให้ความชุ่มชื้นดี ไม่หนักหน้าจนเกินไปสำหรับใช้ตอนกลางวัน
แต่ถ้าคุณมีผิวมันมากๆ และอยู่ในสภาพอากาศที่ร้อนชื้นสุดๆ: อาจจะต้องลองเทสต์ที่ผิวก่อน หรือพิจารณารุ่นอื่นที่เนื้อเบากว่านี้ในไลน์เดียวกัน หรืออาจจะใช้แค่ตอนกลางคืนแทนก็ได้
สรุปง่ายๆ คือ เป็นครีมบำรุงลดริ้วรอยที่คุ้มค่าตัวหนึ่งเลยทีเดียว หาซื้อง่าย ราคาดี และให้ผลลัพธ์เรื่องความชุ่มชื้นและริ้วรอยได้น่าพอใจในระดับหนึ่งจ้า! ไปลองดูกันนะ!
วิดีโอที่เกี่ยวข้อง
แนะนำสำหรับคุณ
จัดกระดูก คืออะไร? รีวิว ประสบการณ์ และข้อควรรู้
รวมร้านหมูจุ่ม เชียงใหม่ อร่อยเด็ด บรรยากาศดี
รีวิว Beauty Plus Clinic กำจัดขน: เลเซอร์ขนที่นี่ดีไหม ราคาเป็นอย่างไร?
รีวิวหนัง "ฮาวทูทิ้ง..ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ" ประทับใจแค่ไหน?
รีวิว Adidas Edge Lux Clima: รองเท้าวิ่ง Adidas ระบายอากาศดี น่าใส่ไหม?
รีวิว Hisense 55B7700UW ทีวี 55 นิ้ว ภาพสวย คุ้มราคาไหม?