รีวิว ซื้อบ้านหลังแรก: เตรียมตัวอย่างไร? มีขั้นตอนอะไรบ้าง? ฉบับคนเคยซื้อจริง!


เฮโหลลล! ใครที่กำลังมีความฝันอยากมีบ้านเป็นของตัวเองยกมือขึ้น! 👋 การซื้อบ้านหลังแรกนี่มันเหมือนกับการผจญภัยครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตเลยนะ ไม่ใช่แค่ควักเงินจ่ายแล้วจบ แต่มีขั้นตอนที่ต้องเตรียมตัว เตรียมใจ เตรียมเอกสารกันให้วุ่นวายไปหมด! ในฐานะคนเคยผ่านสนามรบ เอ๊ย! สนามซื้อบ้านหลังแรกมาแล้ว ขอมาแชร์ประสบการณ์แบบหมดเปลือก พร้อมบอกเทคนิคและขั้นตอนแบบละเอียดยิบ อ่านจบพร้อมลุยแน่นอน!
1. ภาพรวม: ซื้อบ้านหลังแรก ต้องรู้อะไรบ้าง?
ก่อนอื่นต้องทำใจก่อนว่ามันไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ได้ยากเกินความสามารถ! การซื้อบ้านคือการลงทุนก้อนใหญ่ที่สุดในชีวิต (ของหลายๆ คน) เพราะฉะนั้นต้องใช้เวลาศึกษา ทำความเข้าใจ และวางแผนให้ดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงินๆ ทองๆ การหาบ้านที่ถูกใจ การยื่นกู้แบงก์ หรือแม้กระทั่งขั้นตอนยิบย่อยที่กรมที่ดิน แค่คิดก็เหนื่อยแล้วใช่ป่ะ? ไม่ต้องกลัว! เพราะเราจะพาไปทีละสเต็ป!
2. ขั้นตอนที่ 1: เตรียมตัวก่อนลุย! (ขั้นนี้สำคัญมาก!)
เปรียบเทียบก็เหมือนก่อนออกรบ ต้องเตรียมเสบียง เตรียมอาวุธให้พร้อมไง!
- เช็คฐานะทางการเงินตัวเองก่อนเลย: อันนี้สำคัญสุด! รายได้ต่อเดือนเท่าไหร่ ภาระหนี้สินมีแค่ไหน (หนี้บัตรเครดิต, ค่ารถ, หนี้ กยศ. นับหมดนะจ๊ะ) ตรงนี้จะบอกได้ว่าเรามีกำลังผ่อนไหวเดือนละเท่าไหร่ และกู้แบงก์ได้สูงสุดประมาณเท่าไหร่
- ตั้งงบประมาณในใจ: เมื่อรู้กำลังตัวเองแล้ว ก็มากำหนดงบเลยว่าอยากได้บ้านราคาเท่าไหร่ งบนี้ควรรวมค่าใช้จ่ายจิปาถะอื่นๆ ด้วยนะ ไม่ใช่แค่ราคาบ้านอย่างเดียว! (เดี๋ยวมีบอกว่ามีค่าอะไรบ้าง)
- ศึกษาข้อมูล: อยากได้บ้านแบบไหน? ทาวน์โฮม, บ้านเดี่ยว, คอนโด? ทำเลไหนที่เดินทางสะดวก? ใกล้ที่ทำงาน, ใกล้โรงเรียนลูก, ใกล้ห้าง? หาข้อมูลเยอะๆ เลย ทั้งจากอินเทอร์เน็ต, นิตยสาร, หรือคุยกับเพื่อนที่เคยมีประสบการณ์
- ลิสต์ความต้องการ: อะไรคือสิ่งที่ "ต้องมี" และอะไรคือสิ่งที่ "มีก็ได้ไม่มีก็ได้"? เช่น ต้องมี 3 ห้องนอน, ขอห้องครัวใหญ่ๆ, อยากได้สวนเล็กๆ หรือแค่ขอที่จอดรถ 2 คันพอ ลิสต์ไว้จะได้ไม่หลงทาง
3. ขั้นตอนที่ 2: ออกล่าฝัน! (หาบ้านที่ใช่)
ได้เวลาออกสนามจริง! การหาบ้านก็เหมือนการตามหาเนื้อคู่ อาจจะเจอในครั้งแรก หรืออาจจะต้องใช้เวลาหน่อย
- ท่องเว็บอสังหาฯ: เว็บไซต์ดังๆ มีให้เลือกเยอะมาก รูปภาพสวยๆ ราคาพร้อม! ดูแบบออนไลน์ไปก่อน พอเจอที่น่าสนใจค่อยนัดเข้าไปดูจริง
- เยี่ยมชมโครงการใหม่/บ้านมือสอง: อันนี้สำคัญมาก! รูปในเว็บอาจจะไม่เหมือนของจริงเสมอไป การไปดูสถานที่จริงทำให้เห็นบรรยากาศ ทำเล เพื่อนบ้าน (สำคัญมาก!) และสภาพบ้านจริงๆ
- คุยกับนายหน้า: นายหน้าอสังหาฯ ช่วยเราได้เยอะนะ โดยเฉพาะถ้าดูบ้านมือสอง เขาจะช่วยประสานงานกับเจ้าของบ้าน ช่วยเรื่องเอกสาร และให้คำแนะนำได้ (แต่ก็ต้องเลือกนายหน้าที่ไว้ใจได้ด้วยนะ)
- เปรียบเทียบ: อย่าเพิ่งรีบตัดสินใจดูแค่หลังเดียว ดูหลายๆ ที่ เปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย ทำเล ราคา ฟังก์ชัน การเดินทาง แล้วค่อยๆ ตัดตัวเลือกออก
4. ขั้นตอนที่ 3: เมื่อเจอเนื้อคู่... (การจองและสัญญา)
ใจเต้นแรง! เจอแล้วบ้านที่ใช่! ขั้นตอนนี้คือการมัดจำและทำสัญญา
- วางเงินจอง/ทำสัญญา: ถ้าเป็นโครงการใหม่ ส่วนใหญ่จะมีค่าจอง ค่าทำสัญญา ซึ่งเงินส่วนนี้จะเป็นส่วนหนึ่งของเงินดาวน์หรือราคาบ้าน แต่ถ้าเป็นบ้านมือสอง อาจจะมีแค่ค่ามัดจำก้อนหนึ่ง
- อ่านสัญญาให้ละเอียดที่สุด!: ดอกจันล้านตัว! สัญญาคือสิ่งสำคัญที่สุด! อ่านทุกตัวอักษร! เงื่อนไขการชำระเงิน, กำหนดวันโอน, รายละเอียดของบ้าน, เงื่อนไขการรับประกัน (ถ้ามี) ถ้าไม่เข้าใจตรงไหนให้ถามทันที หรือจ้างทนายมาช่วยอ่านก็ได้นะ ป้องกันปัญหาในอนาคต
- เก็บหลักฐานทุกอย่าง: ใบเสร็จ, สัญญา, เอกสารต่างๆ เก็บไว้ให้ดี ห้ามทำหายเด็ดขาด!
5. ขั้นตอนที่ 4: เรื่องเงินๆ ทองๆ... (การยื่นกู้แบงก์)
ถึงเวลาคุยกับเจ้าหนี้ตัวจริง! แบงก์ชาติ เอ๊ย! ธนาคารที่เราจะไปกู้ซื้อบ้านนั่นเอง
- เตรียมเอกสาร: เอกสารส่วนตัว (สำเนาบัตรประชาชน, ทะเบียนบ้าน), เอกสารแสดงรายได้ (สลิปเงินเดือน, หนังสือรับรองเงินเดือน, สเตทเม้นท์ย้อนหลัง) และเอกสารเกี่ยวกับบ้าน (สำเนาโฉนด, สัญญาจะซื้อจะขาย)
- ยื่นกู้หลายๆ แบงก์: แต่ละแบงก์มีเงื่อนไข โปรโมชั่น และอัตราดอกเบี้ยไม่เหมือนกัน ลองยื่นดูหลายๆ ที่ เพื่อเปรียบเทียบข้อเสนอที่ดีที่สุด
- ประเมินราคาบ้าน: แบงก์จะส่งเจ้าหน้าที่มาประเมินราคาบ้าน เพื่อดูว่าราคาบ้านเหมาะสมกับยอดกู้หรือไม่
- รอฟังผลอนุมัติ: ขั้นตอนนี้ต้องลุ้นหน่อย! ถ้าผ่านก็เฮ! ถ้าไม่ผ่านก็อาจจะต้องคุยกับแบงก์ถึงสาเหตุและหาทางแก้ไข หรือลองยื่นแบงก์อื่น
6. ขั้นตอนที่ 5: ตรวจบ้าน! (ขั้นตอนนี้ห้ามพลาดเด็ดขาด!)
ต่อให้รีบแค่ไหน ขั้นตอนนี้ก็ห้ามละเลยเป็นอันขาด! เหมือนตรวจร่างกายก่อนแต่งงาน! 😂
- นัดผู้เชี่ยวชาญ (ถ้ามีงบ): จ้างบริษัทตรวจบ้านโดยเฉพาะก็ดีนะ เขาจะมีเครื่องมือและความรู้ในการหาจุดบกพร่องที่เราอาจมองไม่เห็น
- ตรวจเองทุกซอกทุกมุม: ถ้าตรวจเอง ก็ใช้เวลาให้เต็มที่ เดินดูตั้งแต่รั้วหน้าบ้านยันหลังบ้าน เช็คพื้น ผนัง เพดาน รอยร้าว รอยรั่ว ระบบน้ำ ระบบไฟ หน้าต่าง ประตู ลูกบิด รางน้ำฝน ส้วมกดแล้วลงมั้ย?
- ทำรายการจุดที่ต้องแก้ไข (Punch List): จดรายการสิ่งที่ต้องแก้ไขให้ละเอียด พร้อมถ่ายรูปประกอบ แล้วยื่นให้ผู้ขายหรือโครงการแก้ไขก่อนวันโอน
- นัดตรวจซ้ำ: หลังจากแก้ไขแล้ว ควรกำหนดวันเข้าไปตรวจซ้ำอีกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าแก้ไขเรียบร้อยแล้ว
7. ขั้นตอนที่ 6: ถึงวันโอน! (ได้บ้านแล้ว!)
วันที่รอคอย! วันที่เราจะได้เป็นเจ้าของบ้านอย่างเป็นทางการ! ขั้นตอนนี้จะไปทำที่กรมที่ดิน
- เตรียมเอกสารและเงินให้พร้อม: เอกสารส่วนตัว, เอกสารการกู้จากแบงก์ (ถ้ากู้), สัญญาจะซื้อจะขาย, และเงินสำหรับค่าธรรมเนียมต่างๆ
- ไปที่กรมที่ดิน: ผู้ซื้อ ผู้ขาย และเจ้าหน้าที่จากแบงก์ (ถ้ากู้) จะไปเจอกันที่สำนักงานที่ดินในเขตพื้นที่บ้านนั้นๆ
- ชำระเงินและค่าธรรมเนียม: จ่ายเงินส่วนที่เหลือ (ถ้ามีเงินสด) และชำระค่าธรรมเนียมการโอน ค่าอากรแสตมป์ ค่าจดจำนอง (ถ้ากู้)
- เซ็นเอกสาร: เซ็นเอกสารต่างๆ ที่เจ้าหน้าที่ที่ดินเตรียมไว้
- รับโฉนดและกุญแจ: เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย เราก็จะได้รับโฉนดที่ดินฉบับใหม่ที่เป็นชื่อของเรา และได้รับกุญแจบ้านมาครอง! ยินดีด้วย! 🎉
8. ค่าใช้จ่ายที่งอกเงย (นอกจากราคาบ้าน)
บอกแล้วว่าไม่ใช่แค่ราคาบ้าน! ยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ต้องเตรียมไว้ด้วยนะ
- ค่าธรรมเนียมการโอน: ปกติ 2% ของราคาประเมินที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง (มักจะแบ่งจ่ายคนละครึ่งกับผู้ขาย หรือแล้วแต่ตกลง)
- ค่าอากรแสตมป์: 0.5% ของราคาซื้อขาย (แต่ไม่ต่ำกว่าราคาประเมิน)
- ค่าจดจำนอง: 1% ของวงเงินกู้ (กรณีที่กู้แบงก์)
- ค่าส่วนกลางล่วงหน้า: ถ้าซื้อในโครงการจัดสรร อาจจะต้องจ่ายค่าส่วนกลางล่วงหน้าหลายปี
- ค่าประกันอัคคีภัย: แบงก์มักจะบังคับทำ
- ค่าประเมินราคาบ้าน: แบงก์เรียกเก็บ
- ค่าใช้จ่ายในการตกแต่ง/ซ่อมแซม: ซื้อบ้านมาแล้วก็อยากตกแต่งให้สวยงาม หรือมีจุดที่ต้องซ่อมแซม
- ค่าเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้า: บ้านใหม่ก็อยากได้ของใหม่ใช่ป่ะล่ะ?
9. ข้อควรรู้ & คำแนะนำฉบับคนเคยเจ็บมาแล้ว
บทเรียนจากประสบการณ์ตรง ที่อยากให้คุณไม่พลาด!
- อย่าเพิ่งลาออกจากงาน!: บางคนพอจะซื้อบ้านก็คิดว่าจะลาออกมาทำธุรกิจตัวเองก่อน แบงก์ส่วนใหญ่ดูความมั่นคงของรายได้นะจ๊ะ ทำงานประจำไปก่อนให้การกู้ผ่านเรียบร้อยค่อยว่ากัน
- เช็คเครดิตบูโรตัวเองก่อน: จะได้รู้สถานะทางการเงินของเราก่อนยื่นกู้ ถ้ามีปัญหาจะได้รีบแก้ไข
- อย่าใจร้อน: การหาบ้านและการดำเนินการต่างๆ ต้องใช้เวลา อย่าเพิ่งท้อถ้ายังไม่เจอที่ถูกใจ
- ปรึกษาหลายๆ คน: คุยกับเพื่อน ครอบครัว หรือคนที่มีประสบการณ์
- อย่ากลัวที่จะต่อรอง: ราคาบ้านอาจจะต่อรองได้ ลองคุยดูนะ
- อ่านและทำความเข้าใจเอกสารทุกฉบับ: สัญญาต่างๆ เงื่อนไขการกู้ ห้ามเซ็นทั้งๆ ที่ไม่เข้าใจ
- เผื่อเงินฉุกเฉินไว้ด้วย: ซื้อบ้านมาแล้วอาจจะมีเหตุไม่คาดฝันที่ต้องใช้เงิน
10. บทสรุป: คุ้มไหมกับการซื้อบ้านหลังแรก?
การซื้อบ้านหลังแรกมันคือการเริ่มต้นสร้างความมั่นคงในชีวิต เป็นการลงทุนระยะยาว และให้ความรู้สึกเป็นเจ้าของที่เราไม่สามารถหาได้จากการเช่า ถามว่าคุ้มไหม? ถ้าเรามีการวางแผนที่ดี เตรียมพร้อมทั้งเรื่องเงิน เอกสาร และใช้เวลาในการหาบ้านที่ใช่จริงๆ มันก็คุ้มค่ามากๆ!
แน่นอนว่าระหว่างทางอาจจะมีอุปสรรค มีเรื่องให้ปวดหัวบ้าง แต่เชื่อเถอะว่าวันที่ได้กุญแจบ้านมาอยู่ในมือ ความรู้สึกภูมิใจและดีใจมันจะกลบความเหนื่อยไปจนหมด!
ถ้าคุณกำลังจะซื้อบ้านหลังแรก ขอให้บทความนี้เป็นเหมือนคู่มือเล็กๆ ที่ช่วยให้การเดินทางของคุณราบรื่นขึ้น ขอให้เจอเนื้อคู่ (บ้าน) ที่ใช่ไวๆ นะคะ! เป็นกำลังใจให้ค่า! ❤️
วิดีโอที่เกี่ยวข้อง
แนะนำสำหรับคุณ
รีวิว เหล้า Beehive: วิสกี้รสชาติดี ราคาเป็นมิตร น่าลองไหม?
รีวิวล่าสุด Canon EOS M50: กล้อง Mirrorless ยอดฮิต ยังน่าใช้ไหมในปี 2024?
Mpow M5 รีวิว: หูฟังไร้สายราคาเบา คุณภาพเสียงเป็นยังไง?
รีวิว The Common Saladaeng: แหล่งแฮงค์เอาท์สุดชิค ใจกลางสาทร มีอะไรน่าสนใจบ้าง?
รีวิว Copycat Killer (ซีรีส์ Netflix): ดราม่าอาชญากรรมสุดเข้มข้น ห้ามพลาด!
Rebalance Clinic รีวิว: ทำสวยที่นี่ดีไหม? ครบวงจรเรื่องผิวและหัตถการ