รีวิว หูฟัง Ezra: หูฟัง True Wireless / ครอบหู รุ่นไหนดี? เสียงเป็นอย่างไร?

หูฟังนี่มันเหมือนเป็นอวัยวะที่ 33 ของคนยุคนี้จริงๆ เนอะ? จะเดินทาง จะทำงาน จะออกกำลังกาย หรือแม้แต่นั่งชิลล์อยู่บ้าน ถ้าไม่มีหูฟังดีๆ สักอัน ชีวิตมันเหมือนขาดอะไรไป! วันนี้เราเลยขอมาป้ายยา เอ้ย! มารีวิวหูฟังแบรนด์น้องใหม่ (สมมติว่าใหม่!) ที่ชื่อว่า Ezra เขาว่ากันว่ามีทั้งแบบ True Wireless (TWS) เล็กๆ ใส่สบาย กับแบบครอบหู (Over-Ear) สุดปัง แล้วเสียงมันเป็นยังไง? รุ่นไหนดี? เหมาะกับเรามั้ย? ตามมาดูกันแบบไม่กั๊ก ฉบับคนบ้านๆ คุยกันเอง!

1. ภาพรวมผลิตภัณฑ์: ทำความรู้จัก Ezra แบรนด์นี้มีดีอะไร?

แบรนด์: Ezra (อ่านว่า เอซร่า นี่แหละ จำง่ายดี!)
ประเภทสินค้า: หูฟัง True Wireless (ไร้สายแท้ๆ) และ หูฟังแบบครอบหู (Over-Ear)
เปิดตัว: ปลายปี 2024 (แกล้งๆ ว่าเพิ่งมา!)
ช่วงราคา: เริ่มต้น 1,xxx บาท (สำหรับ TWS รุ่นเล็ก) ไปจนถึง 4,xxx บาท (สำหรับ Over-Ear รุ่นท็อป)

ตำแหน่งในตลาด: เน้นเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ วัยทำงาน นักเรียน นักศึกษา ที่มองหาหูฟังคุณภาพเสียงดี ดีไซน์สวย ราคาเข้าถึงง่าย ไม่ได้พรีเมียมจ๋าจนจับต้องไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้ไก่กาอาราเล่ ใช้ได้ทุกวัน ทุกโอกาส

จุดเด่นที่เคลมมาเน้นๆ:

• เสียงดีเกินราคา: เขาว่าจูนเสียงมาแน่น เบสเป็นลูก กลางชัด แหลมไม่บาดหู
• แบตอึด ใช้ได้ทั้งวัน: ไม่ต้องคอยชาร์จบ่อยๆ ให้หงุดหงิด
• ดีไซน์มินิมอล: สวย เรียบง่าย ใส่ได้ทุกแนว
• เชื่อมต่อง่าย ไม่ยุ่งยาก: แค่เปิดเครื่องก็พร้อมต่อปั๊บ!

2. ดีไซน์ & รูปลักษณ์ภายนอก: สวยมั้ย? พกพาสะดวกหรือเปล่า?

ยอมรับเลยว่าแกะกล่องมาแล้วต้องบอกว่า "เอ้อออ สวยนะ!" ดีไซน์ของ Ezra จะออกแนวมินิมอล เรียบๆ แต่ดูดี วัสดุที่ใช้ส่วนใหญ่เป็นพลาสติกผิวด้าน จับแล้วไม่เป็นรอยนิ้วมือง่าย ดูแลรักษาง่ายดี

รุ่น True Wireless (TWS): เคสชาร์จขนาดกำลังดี ไม่ใหญ่เทอะทะ ใส่กระเป๋ากางเกงได้สบายๆ ตัวหูฟังขนาดกำลังพอดี ไม่ยื่นออกมาจากหูเยอะ มีจุกยางมาให้หลายขนาด เลือกให้พอดีกับหูเราได้เลย ส่วนสีนี่มีให้เลือกหลายสีเลยนะ เช่น ดำ ครีม เขียวพาสเทล ใครชอบสีแนวไหนน่าจะมีให้เลือกอยู่แล้ว

รุ่น Over-Ear: ขนาดกำลังดี ไม่ได้ใหญ่เทอะทะเหมือนหูฟังสตูดิโอ ตัวฟองน้ำนุ่มมากกกกก ใส่แล้วไม่เจ็บหูเลย ก้านคาดศีรษะปรับได้หลายระดับ พับเก็บได้ พกพาสะดวกอยู่เหมือนกัน มีสีพื้นฐานอย่าง ดำ เทา ขาว ให้เลือก ดูเรียบร้อย ใช้ได้ทุกสถานการณ์

อุปกรณ์เสริมในกล่อง: ทั้งสองแบบจะมี สายชาร์จ USB-C มาให้ (อันนี้ดี!), คู่มือการใช้งาน (ควรอ่านหน่อยนะ บางทีมีทริคดีๆ ซ่อนอยู่), รุ่น TWS จะมีจุกยางซิลิโคนหลายขนาด, รุ่น Over-Ear บางรุ่นอาจจะมีถุงผ้าสำหรับพกพามาให้ด้วย

3. ประสบการณ์ในการใช้งานฟังก์ชันหลัก: เสียงเป็นไง? คุ้มมั้ยกับที่จ่ายไป?

มาถึงเรื่องสำคัญ! หูฟังมันก็ต้องวัดกันที่เสียงนี่แหละ

รุ่น True Wireless (TWS): ลองฟังเพลงแนว Pop, R&B ที่เน้นเบสหน่อยๆ รู้สึกว่าเบสมาเป็นลูกชัดเจน แต่ไม่ได้บวมไปกลบเสียงอื่น เสียงกลางพวกเสียงร้องชัดใส รายละเอียดดนตรีเล็กๆ น้อยๆ ฟังออกอยู่ แหลมไม่เสียดหูเวลาเจอเสียงเครื่องดนตรีสูงๆ โดยรวมคือเป็นแนวเสียงที่ ฟังสนุก ฟังง่าย เหมาะกับเพลงตลาดทั่วไป หรือ Podcast ก็ฟังชัดเจนดี

รุ่น Over-Ear: อันนี้ให้รายละเอียดเสียงดีขึ้นไปอีกระดับ เวทีเสียงกว้างกว่า แยกชิ้นดนตรีได้ชัดเจนขึ้น ลองฟังแนว Acoustic หรือ Classic ก็ยังได้ยินรายละเอียดพวกเสียงกีตาร์ เสียงเครื่องสายครบถ้วน เบสแน่นกำลังดี ไม่ได้พุ่งเท่า TWS แต่มีความนุ่มนวลกว่า เสียงร้องจะมีความอิ่ม มีมิติกว่า โดยรวมคือเหมาะกับคนที่ชอบ ฟังเพลงหลากหลายแนว เน้นอรรถรส

ฟังก์ชันอื่นๆ:

• ไมโครโฟน: ลองใช้คุยโทรศัพท์ในที่เงียบๆ ก็ถือว่าชัดเจน ปลายสายได้ยินเสียงเราชัดดี แต่ถ้าไปอยู่ในที่เสียงดังๆ อย่างข้างถนน อาจจะมีเสียงรอบข้างเข้ามารบกวนบ้าง
• การเชื่อมต่อ: รองรับ Bluetooth เวอร์ชั่นใหม่ๆ เชื่อมต่อกับมือถือหรือคอมพิวเตอร์ได้รวดเร็ว สัญญาณนิ่งดี

4. ประสบการณ์การใช้งาน & ความง่ายในการใช้: มือใหม่ใช้ได้เลยป่าว?

เรื่องความง่ายในการใช้งานนี่ต้องให้ Ezra เลย มือใหม่ไม่ต้องกลัว

การเชื่อมต่อ: แค่เปิด Bluetooth ที่มือถือ แล้วหยิบหูฟัง Ezra ออกจากเคส (สำหรับ TWS) หรือเปิดสวิตช์ (สำหรับ Over-Ear) มันก็พร้อมให้กดเชื่อมต่อได้ทันที ครั้งต่อไปแค่หยิบออกมามันก็เชื่อมต่อให้อัตโนมัติเลย สะดวกมากๆ

การควบคุม:

• TWS: เป็นระบบสัมผัส (Touch Control) แตะที่ตัวหูฟังเพื่อเล่น/หยุดเพลง, เลื่อนเพลง, รับ/วางสาย, เรียกผู้ช่วยเสียง แตะง่าย ติดนิ้วดี ไม่ต้องออกแรงกด
• Over-Ear: มีปุ่มกดที่ตัวหูฟังชัดเจน ควบคุมง่าย ไม่ต้องจำท่าแตะให้วุ่นวาย

ความสบายในการสวมใส่:

• TWS: น้ำหนักเบามาก ใส่แล้วไม่รู้สึกถ่วงหูเลย เลือกจุกยางให้พอดีก็ใส่ได้นานๆ ไม่หลุดง่าย จะใส่เดิน ใส่ทำงานบ้านก็สบาย
• Over-Ear: ฟองน้ำนุ่มสุดๆ คาบศีรษะไม่บีบหัว ใส่ฟังเพลงต่อเนื่องนานๆ สบายมาก แต่อาจจะรู้สึกร้อนหูบ้างถ้าอากาศอบอ้าวมากๆ อันนี้เป็นเรื่องปกติของหูฟังแบบครอบหูนะ

ไม่มีแอปพลิเคชันเสริมซับซ้อนอะไรให้ต้องติดตั้ง แค่เชื่อมต่อ Bluetooth ก็ใช้งานได้เต็มที่แล้ว

5. แบตเตอรี่ / พลังงาน / ความคุ้มค่าในระยะยาว: ใช้ได้นานแค่ไหน? เติมพลังงานไวป่าว?

เรื่องแบตเตอรี่นี่ Ezra ทำได้น่าพอใจเลย

รุ่น True Wireless (TWS): ตัวหูฟังใช้งานต่อเนื่องได้ประมาณ 5-6 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง เคสชาร์จสามารถชาร์จให้ตัวหูฟังได้อีกประมาณ 3-4 รอบ รวมๆ แล้วใช้ได้ทั้งวันสบายๆ (ประมาณ 20-25 ชั่วโมง) เพียงพอสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน

รุ่น Over-Ear: แบตอึดกว่าเยอะ! ใช้งานต่อเนื่องได้ถึง 20-30 ชั่วโมง แล้วแต่รุ่นและระดับเสียง ชาร์จเต็มครั้งเดียวใช้ได้หลายวันเลย

ความเร็วในการชาร์จ: ทั้งสองแบบรองรับการชาร์จผ่าน USB-C ใช้เวลาชาร์จตัวหูฟังประมาณ 1-1.5 ชั่วโมง และเคสชาร์จ/หูฟัง Over-Ear ประมาณ 2-3 ชั่วโมง ก็เต็มแล้ว ถือว่าไม่นานเกินไป

ความคุ้มค่าในระยะยาว: ด้วยราคาที่ไม่แรงมาก คุณภาพเสียงที่ดี และแบตเตอรี่ที่อึด ถ้าเทียบกับหูฟังแบรนด์ดังๆ ในช่วงราคาเดียวกัน Ezra ถือว่า ให้มาคุ้มค่ามากๆ วัสดุดูแข็งแรง น่าจะใช้งานได้นาน ถ้าดูแลรักษาดีๆ ก็ไม่ต้องเปลี่ยนบ่อย

6. ข้อดี-ข้อเสีย: ชั่งใจก่อนตัดสินใจ

มาสรุปกันแบบตรงไปตรงมา มีทั้งข้อดีที่น่าตำ และข้อเสียที่อาจจะต้องคิดดู

ข้อดี (ที่คนไทยน่าจะชอบ):

• ราคาดี เสียงใช้ได้: ได้คุณภาพเสียงที่ดีในราคาที่ไม่ต้องคิดมาก
• ดีไซน์สวย มินิมอล: เข้ากับทุกไลฟ์สไตล์
• แบตอึด: ใช้ได้ยาวๆ ไม่ต้องคอยหาที่ชาร์จ
• ใช้ง่าย ไม่ซับซ้อน: เหมาะกับทุกเพศทุกวัย
• พกพาสะดวก: ทั้ง TWS และ Over-Ear ออกแบบมาให้พกติดตัวไปได้ทุกที่

ข้อเสีย (ที่อาจทำให้ลังเล):

• แบรนด์ยังใหม่: อาจจะยังไม่เป็นที่รู้จักเท่าแบรนด์ดัง
• ไม่มีแอปฯ ปรับแต่ง: ไม่สามารถปรับ EQ หรือตั้งค่าอื่นๆ ได้ละเอียด
• ไมโครโฟนไม่เทพ: อาจจะไม่เหมาะกับการใช้คุยโทรศัพท์ในที่เสียงดังมากๆ
• รุ่น Over-Ear อาจจะร้อนหูบ้าง: โดยเฉพาะถ้าใส่นานๆ ในอากาศร้อน
• ไม่มีระบบตัดเสียงรบกวน (ANC) ในรุ่นเริ่มต้น: ต้องขยับไปรุ่นที่ราคาสูงขึ้น

7. เหมาะกับใคร & คำแนะนำในการซื้อ: ซื้อเลยดีไหม?

จากที่ลองใช้มา Ezra เหมาะกับใครบ้าง?

• นักเรียน นักศึกษา: ใช้ฟังเพลงตอนเดินทาง, ฟัง Podcast ตอนอ่านหนังสือ, ดูหนังในหอ
• วัยทำงาน: ใช้ฟังเพลงตอนทำงาน, พักเที่ยง, เดินทางไปกลับออฟฟิศ
• คนทั่วไป: ที่มองหาหูฟังคุณภาพดีในราคาเป็นมิตร ใช้ฟังเพลง ดูหนัง เล่นเกม ทั่วไป
• คนที่ไม่ได้ต้องการฟังก์ชันซับซ้อน: แค่เชื่อมต่อ ฟังเพลง คุยโทรศัพท์ได้ดีก็พอ

รุ่น True Wireless เหมาะกับคนที่เน้นพกพาสะดวก ออกกำลังกาย หรือใช้ในชีวิตประจำวันแบบคล่องตัว ส่วน รุ่น Over-Ear เหมาะกับคนที่เน้นคุณภาพเสียงดีขึ้นมาอีกหน่อย ใส่ฟังเพลงจริงจัง หรือใช้ทำงานนานๆ

ควรซื้อเลยไหม? ถ้าคุณกำลังมองหาหูฟังใหม่ในช่วงราคา 1,xxx - 4,xxx บาท และตรงกับกลุ่มคนที่ Ezra เหมาะด้วย บอกเลยว่าน่าซื้อ! ยิ่งถ้าเจอช่วงโปรโมชั่นตามแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ ราคาน่าจะดีลงไปอีก ควรค่าแก่การจัด!

8. เปรียบเทียบกับสินค้าคล้ายๆ กัน (ถ้าไม่รู้จะเทียบกับอะไร...ลองคิดแบรนด์สมมติขึ้นมา!)

ถ้าให้เทียบกับหูฟังในตลาดช่วงราคาเดียวกัน Ezra ก็ถือว่า สู้ได้สบายๆ

เทียบกับหูฟังแบรนด์ที่คุ้นเคยอย่าง Xiaomi หรือ Anker ในเรทราคาใกล้ๆ กัน Ezra ให้คุณภาพเสียงที่ไม่แพ้กันเลยในบางรุ่น แถมดีไซน์ยังดูดีกว่าด้วยในมุมมองเรา

ส่วนถ้าเทียบกับหูฟังแบรนด์พรีเมียมอย่าง Sony หรือ Bose แน่นอนว่า Ezra อาจจะยังไม่มีฟังก์ชันเทพๆ เท่าพวกระบบตัดเสียงรบกวนขั้นสุด หรือ Codec เสียงคุณภาพสูง แต่ราคาก็ต่างกันลิบลับ Ezra ก็ตอบโจทย์ในฐานะ "หูฟังที่คุ้มค่าในราคาเข้าถึงง่าย" ได้อย่างดีเยี่ยม

9. บริการหลังการขายและช่องทางการซื้อ: ซื้อที่ไหน? มีประกันไหม?

เท่าที่หาข้อมูลมา Ezra มีการรับประกันสินค้าในไทยอย่างน้อย 1 ปีนะ ถ้ามีปัญหาอะไรก็น่าจะติดต่อศูนย์บริการได้ (อันนี้ต้องเช็ครายละเอียดกับร้านค้าอีกที)

ช่องทางการซื้อหลักๆ: แน่นอนว่าต้องเป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ยอดฮิตอย่าง Shopee และ Lazada นี่แหละ! เข้าไปดูใน Official Store ของ Ezra ได้เลย น่าจะมีให้เลือกครบทุกรุ่น หรือตามร้าน Gadget ในห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ ก็น่าจะมีวางขายบ้างแล้ว

โปรโมชั่น: ช่วงเทศกาลใหญ่ๆ อย่าง 9.9, 10.10, 11.11 หรือ 12.12 นี่แหละจังหวะทอง! มักจะมีโปรลดราคาเด็ดๆ มีโค้ดส่วนลดเพิ่ม มีของแถม หรือบางทีก็มีโปรผ่อน 0% ด้วยนะ! ลองกดใส่ตะกร้าไว้ก่อน แล้วรอสอยช่วงมีโปร คุ้มกว่าเยอะ!

ค่าจัดส่งส่วนใหญ่มักจะมีโปรส่งฟรีอยู่แล้ว หรือถ้าไม่ฟรีก็ไม่แพงมาก ระยะเวลาจัดส่งในกรุงเทพฯ หรือปริมณฑลก็ไวอยู่ 1-2 วันทำการ ก็น่าจะได้ของแล้ว ต่างจังหวัดอาจจะนานหน่อย แต่ไม่เกิน 3-5 วัน

10. บทสรุปและคำแนะนำในการซื้อ: ซื้อไม่ซื้อ?

มาถึงโค้งสุดท้าย! สรุปแล้วหูฟัง Ezra ทั้ง True Wireless และ Over-Ear น่าซื้อไหม?

ถ้าคุณเป็นคนที่งบประมาณจำกัดถึงปานกลาง ไม่ได้ต้องการหูฟังที่มีฟังก์ชันเทพๆ ซับซ้อนอะไรมากมาย แต่เน้นที่ คุณภาพเสียงดีฟังสนุก ดีไซน์สวยมินิมอล แบตอึด ใช้งานง่าย และอยากได้หูฟังที่คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป...

เราแนะนำให้ซื้อ Ezra เลย! ไม่ว่าจะเป็นรุ่น TWS สำหรับความคล่องตัว หรือรุ่น Over-Ear สำหรับการฟังเพลงแบบเต็มอิ่ม ทั้งคู่ตอบโจทย์ได้ดีในราคาที่จับต้องได้

แต่ถ้าคุณเป็นสายออดิโอไฟล์หูทอง เน้นรายละเอียดเสียงระดับเทพ หรือต้องการฟังก์ชันตัดเสียงรบกวนขั้นสุดยอด อาจจะต้องมองหารุ่นที่ราคาสูงขึ้นไปอีกนะ

สำหรับผู้เริ่มต้นที่เพิ่งเข้าสู่วงการหูฟังไร้สาย หรืออยากได้หูฟังสำรองดีๆ ไว้ใช้อีกตัว Ezra ถือเป็นตัวเลือกที่ ไม่ทำให้ผิดหวัง แน่นอน! ลองไปดูรีวิวอื่นๆ เพิ่มเติม หรือถ้ามีโอกาสได้ลองฟังเสียงจริงก่อนตัดสินใจซื้อก็จะดีมากๆ เลยจ้า!

วิดีโอที่เกี่ยวข้อง

• รีวิว 5 หูฟังไร้สาย True Wireless ค่าตัวระดับสุลต่าน | 425Audio รีวิว
• [Akponential] หูฟังที่ดีที่สุดปี 2025 (เสียงดีสุด? ไมค์ดีสุด? เล่นเกมส์ดี ...
• รีวิวTop10 หูฟัง Clip-On บลูทูธ เทียบกันชัด ๆ ตามชอบ รุ่นไหนดีที่สุด ...
• รีวิวหูฟัง Ezra รุ่น Bh03 จากร้าน d.i.y.
• แนะนำหูฟังไร้สายดีๆ ราคาไม่เกิน 3000 ณ ตอนนี้ | 425Audio รีวิว