รีวิวภาพยนตร์ Eighth Grade: หนัง coming-of-age ที่สะท้อนชีวิตวัยรุ่นยุคโซเชียล

ช่วงชีวิต ม.2 (หรือเกรด 8 ในหนังฝรั่ง) นี่มันเป็นช่วงเวลาที่แบบ... อื้อหือ! จะเด็กก็ไม่ใช่ ผู้ใหญ่ก็ไม่เชิง แถมโลกโซเชียลก็ถาโถมเข้ามาอีก หนังเรื่อง Eighth Grade นี่แหละ ที่จับเอาความวุ่นวาย ความอึดอัด ความเปิ่น ความไม่มั่นใจของเด็กวัยนี้ มาขยี้ซะจนคนดูอย่างเราๆ ที่เคยผ่านช่วงนั้นมา (หรือไม่ก็กำลังจะผ่าน!) ต้องมีจิกเบาะ ร้องเหยยย หรือไม่ก็ขำแห้งๆ ตามไปด้วย วันนี้เราจะมาเปิดแฟ้มรีวิวหนังเรื่องนี้กันแบบหมดเปลือก สไตล์บ้านๆ อ่านง่าย ย่อยง่าย ว่าทำไมหนังเรื่องนี้ถึงได้ใจทั้งนักวิจารณ์และคนดู แถมยังตรงใจชีวิตวัยรุ่นยุคนี้สุดๆ ไปเลย

1. ภาพรวมภาพยนตร์: รู้จัก Kayla สาวน้อยนัก Vlog

ชื่อเรื่อง: Eighth Grade (ชื่อไทยแล้วแต่คนเรียก แต่เนื้อหาคือ ม.2 นั่นแหละ)
ผู้กำกับ/เขียนบท: Bo Burnham (คนนี้เก่งจริง มาจากสายตลก/นักดนตรีใน YouTube มากำกับหนังเรื่องแรกก็ปังเลย!)
ปีที่ออกฉาย: 2018
แนว: Coming-of-Age, ตลก-ดราม่า
นักแสดงนำ: Elsie Fisher รับบท Kayla

หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร: วัยรุ่นยุคโซเชียล พ่อแม่ผู้ปกครองที่อยากเข้าใจลูกหลาน หรือใครก็ตามที่เคยผ่านช่วงวัยหัวเลี้ยวหัวต่อแล้วอยากย้อนวันวานไปจิกหมอน

จุดเด่นคร่าวๆ:

• สะท้อนชีวิตวัยรุ่นยุคโซเชียล ได้แบบโคตรจริง
• ตัวละคร Kayla ที่โคตรจะ Relatable เหมือนเห็นตัวเอง (หรือเพื่อน) ตอนเด็ก
• ความอึดอัดในการเข้าสังคม ที่ถ่ายทอดออกมาได้แบบเรียลสุดๆ
• มุมมองความสัมพันธ์พ่อลูก ที่น่ารักแต่ก็มีช่องว่าง

2. การนำเสนอและสไตล์: เรียลจนอยากจะมุดดินหนี

หนังไม่ได้มีฉากอลังการงานสร้างอะไรเลยค่ะคุณผู้โชมมม! เน้นความเรียบง่าย แต่ทุกอย่างที่นำเสนอคือ เหมือนชีวิตจริงมาก ทั้งมุมกล้องที่บางทีก็สั่นๆ เหมือนถ่ายด้วยมือถือ ฟิลเตอร์สีตุ่นๆ แสงธรรมชาติๆ ที่ดูบ้านๆ แต่โคตรจริง ฟังแล้วอาจจะง่วง แต่มันคือเสน่ห์ของหนังเลยนะ!

การออกแบบ: เน้นความธรรมดาของโรงเรียน บ้าน ที่ดูคุ้นเคย
เพลงประกอบ: มีซาวด์ตื๊ดๆ ที่สะท้อนความรู้สึกของ Kayla ตอนประหม่า ตื่นเต้น หรืออึดอัดได้ดีมาก

ดูแล้วรู้สึกเหมือนแอบไปส่องชีวิตเด็ก ม.2 จริงๆ ไม่มีการปรุงแต่งใดๆ ทั้งสิ้น

3. ประสบการณ์การรับชม: ทั้งอึดอัด ทั้งเอาใจช่วย

หนังเรื่องนี้จะพาเราไปเกาะติดชีวิต Kayla ในสัปดาห์สุดท้ายก่อนจบชั้นเกรด 8 ที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย ความพยายามจะเข้าสังคม การสร้างตัวตนในโลกออนไลน์ และการเผชิญหน้ากับโลกจริงที่ไม่ได้สวยงามเหมือนในฟีด เราจะได้เห็น:

• Kayla อัดคลิป Vlog สอนคนอื่นให้มั่นใจ ทั้งที่ตัวเองโคตรจะไม่มั่นใจเลย
• ความพยายามเนียนๆ เข้ากลุ่มเพื่อนสาวฮอตๆ แต่ก็มีเหตุให้เฟลตลอด
• โมเมนต์ awkward สุดๆ ในงานวันเกิดเพื่อน หรือตอนไป Hangout กับรุ่นพี่
• บทสนทนากับพ่อ ที่พ่อพยายามเข้าใจ แต่ Kayla ก็อยู่ในโลกของตัวเอง

มีฉากที่ต้องลุ้นตามและเอาใจช่วย Kayla เยอะมาก เพราะทุกสถานการณ์มันคือความท้าทายของเด็กขี้อายที่อยากเป็นส่วนหนึ่งของสังคมจริงๆ

4. ความเรียลและความง่ายในการเข้าถึง: นี่มันชีวิตฉันนี่นา!

ถามว่าดูง่ายไหม... ถ้าคุณเคยผ่านช่วงวัยรุ่นที่พยายามค้นหาตัวเอง พยายามเป็นที่ยอมรับ หนังเรื่องนี้คือ โคตรจะดูง่ายและเข้าใจง่าย เลยค่ะ ไม่ต้องคิดเยอะ ไม่ต้องตีความซับซ้อน เพราะทุกสถานการณ์คือสิ่งที่เราอาจจะเคยเจอ หรือเห็นเพื่อนเจอมาแล้ว

ความ Relatable: สูงปรี๊ดดดดด โดยเฉพาะฉากที่ Kayla จมอยู่กับมือถือ สไลด์ฟีดไปเรื่อยๆ อันนี้คือ ชีวิตจริงวัยรุ่นยุคนี้ชัดๆ
ภาษา: บทสนทนาคือภาษาพูดของวัยรุ่นจริงๆ มีความห้วนๆ ประหม่าๆ ในบางครั้ง

ดูแล้วอาจจะมีจังหวะที่แบบ "เห้ยยย เหมือนฉันเลย" หรือ "เพื่อนฉันเคยเป็นแบบนี้เลย" ซึ่งตรงนี้แหละที่ทำให้หนังมันทรงพลัง

5. สิ่งที่ได้กลับไปหลังดู: ย้อนวัย & เข้าใจวัยรุ่นยุคนี้

หนังเรื่องนี้อาจจะไม่ได้ให้พลังฮึกเหิมอะไรมากมาย แต่มันทำให้เรา เข้าใจวัยรุ่นยุคโซเชียลมากขึ้น อย่างน้อยก็เข้าใจว่าภายใต้เปลือกที่ดูมั่นใจในโลกออนไลน์ ชีวิตจริงของพวกเขาก็มีความเปราะบางและต้องการการยอมรับไม่ต่างจากเราในวัยเดียวกัน

ความคุ้มค่าทางใจ: ได้ย้อนไปนึกถึงตัวเองตอนเด็กๆ ได้หัวเราะให้กับความเปิ่นของ Kayla (และของตัวเองในอดีต) ได้เข้าใจพ่อแม่ของ Kayla มากขึ้น และอาจจะทำให้เราอยากเข้าไปคุยกับคนรอบข้างที่เป็นวัยรุ่นมากขึ้นด้วย

เป็นหนังที่ดูจบแล้วมีอะไรให้คิดต่อ ไม่ได้ดูแล้วจบไปเลยค่ะ

6. สรุปข้อดีข้อเสีย

ข้อดี:

• portrayal วัยรุ่นยุคโซเชียลที่โคตรจะจริง
• ตัวละครหลักเล่นดีมาก โดยเฉพาะ Elsie Fisher
• บทเขียนได้ดี เข้าถึงความรู้สึกของวัยรุ่น
• ให้มุมมองเรื่องความสัมพันธ์ในครอบครัว ที่น่ารักและสำคัญ

ข้อเสีย:

• บางฉากอาจจะ อึดอัดและน่ากระอักกระอ่วน เกินไปจนดูต่อไม่ไหว (สำหรับบางคน)
• โทนหนังเรียบๆ ไม่ได้หวือหวา อาจจะไม่ถูกใจคนชอบหนังที่มีพล็อตซับซ้อน
• เน้นไปที่ตัวละครหลักคนเดียว อาจจะไม่ได้เห็นภาพรวมของวัยรุ่นที่หลากหลายมากนัก

7. เหมาะกับใคร & คำแนะนำในการรับชม

เหมาะกับ:

• วัยรุ่น: ดูแล้วจะรู้สึกว่า "มีเพื่อนแล้วเว้ย" ไม่ได้เปิ่นอยู่คนเดียว
• พ่อแม่/ผู้ปกครอง: ดูแล้วอาจจะเข้าใจโลกของลูกๆ มากขึ้น ว่าชีวิตเขาไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด
• คนที่เคยเป็นวัยรุ่น: ได้ย้อนวันวานไปดูความโก๊ะของตัวเอง

คำแนะนำ: ดูคนเดียวก็ได้ ดูเป็นกลุ่มกับเพื่อนที่อายุใกล้ๆ กันก็ฟีลดี หรือจะดูพร้อมหน้าพร้อมตากับคุณพ่อคุณแม่ก็ได้ (แต่บางฉากอาจจะต้องแอบเขินหน่อยๆ นะ)

8. เปรียบเทียบกับหนังแนวคล้ายกัน

ถ้าชอบ Eighth Grade ก็น่าจะชอบหนัง Coming-of-Age ที่เน้นความเรียล ไม่ปรุงแต่ง อย่าง Lady Bird (อันนี้ก็ชีวิตวัยรุ่นหญิงสาวยุคก่อนโซเชียลนิดๆ แต่ก็วุ่นวายเหมือนกัน) หรือหนังที่พูดถึงโลกออนไลน์ในมุมอื่นๆ อย่าง Searching (แต่อันนั้น Thriller เลยนะ ไม่ใช่แนวนี้เป๊ะๆ) แต่ถ้าเอาความเรียลแบบเจาะลึกชีวิตวัยรุ่นยุคโซเชียลจ๋าๆ Eighth Grade ค่อนข้างยืนหนึ่งเลยค่ะ

9. ช่องทางการรับชม

อันนี้อาจจะต้องลองเช็กในแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งต่างๆ ในไทยดูนะคะ เพราะหนังไม่ได้เข้าโรงนานแล้ว แต่ส่วนใหญ่หนังดีๆ แบบนี้มักจะมีให้ เช่าซื้อหรืออยู่ในแคตตาล็อกของแอปดูหนังออนไลน์ อยู่แล้ว ลองดูใน Apple TV, Google Play Movies หรือแพลตฟอร์มอื่นๆ ที่คุณใช้อยู่ได้เลยค่ะ (บางทีอาจจะมีโปรโมชั่นลดราคาแอบซ่อนอยู่ก็ได้นะ!)

ส่วนเรื่องพากย์ไทย/ซับไทย ส่วนใหญ่จะมีซับไทยให้แน่นอนค่ะ ดูง่าย ไม่ต้องกลัวฟังไม่ออก

10. บทสรุปและคำแนะนำในการรับชม

สำหรับคนที่กำลังมองหาหนังที่ สะท้อนชีวิตวัยรุ่นยุคใหม่ได้แบบโคตรจริง ดูแล้วมีทั้งขำ อึดอัด และจุกนิดๆ ที่ตรงกับชีวิตจริง Eighth Grade คือคำตอบค่ะ! แนะนำให้ดูอย่างยิ่ง โดยเฉพาะถ้าคุณเป็นวัยรุ่น พ่อแม่ หรือใครก็ตามที่อยากเข้าใจพวกเขามากขึ้น

ถ้าคุณคาดหวังหนังวัยรุ่นแบบใสๆ ฟีลกู้ดตลอดเวลา อาจจะต้องทำใจนิดนึง เพราะเรื่องนี้มันคือความเรียลที่บางทีก็ painful อยู่เหมือนกัน แต่รับรองว่าดูแล้วได้อะไรกลับไปคิดแน่นอนค่ะ

มีเรื่องไหนที่ดูแล้วอินเหมือนกัน หรือมีประสบการณ์วัยรุ่นแบบ Eighth Grade มาแชร์กันอีกไหมคะ? มาคอมเมนต์เมาท์มอยกันได้เลย!

วิดีโอที่เกี่ยวข้อง

• 'Eighth Grade' หนัง Coming-of-Age ที่เจาะทุกประเด็นหนักใจของ ...