รีวิว Nike Vaporfly Next%: รองเท้าวิ่งซูเปอร์ชู ทำลายสถิติได้จริงไหม? [ข้อดีข้อเสีย]

![รีวิว Nike Vaporfly Next%: รองเท้าวิ่งซูเปอร์ชู ทำลายสถิติได้จริงไหม? [ข้อดีข้อเสีย]](https://cdn-images.zestbuy.com/7331066230044012626/6005d4a94f1f4b03a4633331bd51df50.png?x-image-process=image/resize,m_mfit,w_750,h_421,limit_0/format,webp/imageslim/marker,u_plus)
โอ้โหหห! วันนี้เราจะมารีวิวรองเท้าวิ่งที่เรียกได้ว่า "ซูเปอร์ชู" ตัวตึงแห่งยุค! พูดชื่อไปนักวิ่งสายทำความเร็วไม่มีใครไม่รู้จัก นั่นก็คือ Nike Vaporfly Next% นั่นเอง! ได้ยินมาหนาหูว่าใส่วิ่งแล้วเหมือนติดเทอร์โบ ทำลายสถิติส่วนตัวกันกระจาย แต่เรื่องจริงจะเป็นยังไง? มีข้อดีข้อเสียอะไรบ้างที่คนไทยควรรู้ก่อนควักเงินในกระเป๋าที่สั่นพริ้ว? บทความนี้มีคำตอบแบบหมดเปลือก! เราจะพาไปเจาะลึกทุกซอกทุกมุม เหมือนจับรองเท้ามาคลี่ดูให้เห็นกันจะๆ ไปเลยจ้า
1. ภาพรวมสินค้า: รู้จักเจ้า Vaporfly Next% กันก่อน
แบรนด์: Nike
รุ่น: Vaporfly Next% (มีหลาย Gen ทั้ง Next%, Next% 2, Next% 3, และล่าสุด Next% 4)
ปีที่วางขาย: เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2016 ในตระกูล Vaporfly
ช่วงราคา: จัดอยู่ในกลุ่มรองเท้าตัวท็อป ราคาเอาเรื่องอยู่ ประมาณ 7,500 - 1x,xxx บาท แล้วแต่รุ่นและโปรโมชั่น
การวางตำแหน่งสินค้า: รุ่นตัวท็อป ตัวแข่ง เหมาะสำหรับนักวิ่งที่ต้องการทำความเร็วระยะไกล ตั้งแต่ 10K ไปจนถึงมาราธอน และคนที่อยากลองสัมผัสประสบการณ์ "ซูเปอร์ชู"
จุดเด่นหลักที่เขาว่ากันว่าเด็ด:
- โฟม ZoomX เด้งจัดปลัดบอก: นุ่ม เบา และคืนพลังงานได้ดีม้ากกก
- แผ่นคาร์บอน Carbon Fiber Plate: ฝังมาให้เต็มๆ ช่วยดีด ส่งแรงไปข้างหน้าอย่างเป็นธรรมชาติ
- ดีไซน์แบบ Rocker Geometry: ทรงโค้งๆ ช่วยให้ก้าวเท้าราบรื่น วิ่งต่อเนื่องได้สบาย
- น้ำหนักเบาหวิว: ใส่แล้วเหมือนไม่ได้ใส่ (เว่อร์ไป!) ช่วยให้เคลื่อนไหวได้รวดเร็ว
- ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการวิ่ง: มีงานวิจัยและสถิติรองรับว่าช่วยให้วิ่งเร็วขึ้นได้จริง!
2. ดีไซน์ & รูปลักษณ์ภายนอก: เห็นแล้วใจละลาย!
ดีไซน์ของ Vaporfly เนี่ย เห็นแล้วรู้เลยว่ามาจาก Nike! ความเพรียว ความล้ำ สีสันจี๊ดจ๊าดสะใจขาซิ่ง วัสดุส่วนใหญ่เป็นผ้าตาข่ายที่เบาและระบายอากาศได้ดีมากๆ (บางรุ่นใช้ชื่อเรียกว่า Vaporweave หรือ Atomknit)
การออกแบบ: เน้นความแอโรไดนามิก เพรียวๆ มาพร้อมพื้นหนาๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ของซูเปอร์ชู ตัวอัปเปอร์กระชับเท้าแต่ไม่บีบจนอึดอัด (แล้วแต่รุ่นย่อยและความกว้างเท้าแต่ละคนนะ)
วัสดุที่ใช้: โฟม ZoomX ที่เป็นหัวใจหลัก + แผ่นคาร์บอน + ผ้าตาข่ายที่เบาและระบายอากาศ
ขนาดและน้ำหนัก: เบามากกกก คือจุดเด่น! บางรุ่นหนักไม่ถึง 200 กรัมด้วยซ้ำ ส่วนขนาดก็มาตรฐานรองเท้าวิ่งทั่วไป แต่ด้วยความที่พื้นหนา อาจจะต้องลองก่อนซื้อว่าเข้ากับรูปเท้าเราไหม
สีที่มีให้เลือก: Nike จัดเต็มเรื่องสีอยู่แล้ว มีให้เลือกเยอะมากก ตั้งแต่สีคลาสสิกไปจนถึงสีลิมิเต็ดที่ออกมาเป็นพักๆ
อุปกรณ์เสริมในกล่อง: ปกติก็จะมีคู่มือมาให้จ้า
3. ประสบการณ์ในการใช้งานฟังก์ชันหลัก: ใส่วิ่งแล้วเป็นไง? เหมือนติดจรวดจริงดิ?
นี่แหละไฮไลท์! การได้ลองใส่ Vaporfly ลงวิ่งจริงจังคือที่สุดของประสบการณ์ซูเปอร์ชู! ความรู้สึกแรกที่ได้สัมผัสคือความนุ่ม เด้ง และมีแรงส่งก้าวไปข้างหน้าแบบรู้สึกได้ชัดเจน
การตอบสนองของโฟม ZoomX + แผ่นคาร์บอน: อันนี้คือทีเด็ดของ Vaporfly เลย เวลาลงน้ำหนักที่เท้าแล้วยกขึ้น จะรู้สึกเหมือนมีแรงดีดส่งให้เราพุ่งไปข้างหน้า ทำให้รอบขาดูต่อเนื่องและใช้แรงน้อยลง เหมาะมากสำหรับวิ่งเพซเร็วๆ หรือตอนเร่งทำความเร็วช่วงปลาย
ความรู้สึกในการวิ่ง: เวลาวิ่งด้วยเพซที่เราถนัด ตัวรองเท้าจะช่วยให้เราคงความเร็วได้ดีขึ้น และรู้สึกเหนื่อยช้าลง (นิดนึงก็ยังดี!) ด้วยดีไซน์ Rocker ที่พื้น ทำให้การถ่ายน้ำหนักจากส้นเท้า (ถ้าลงส้น) หรือกลางเท้าไปปลายเท้าเป็นไปอย่างราบรื่น
เหมาะกับระยะไหน: ส่วนใหญ่เค้าออกแบบมาสำหรับวิ่งระยะไกลถึงมาราธอน เพื่อช่วยเซฟแรงและเพิ่มประสิทธิภาพในการวิ่งให้นานที่สุด แต่นักวิ่งหลายคนก็ใช้ซ้อมทำความเร็ว หรือลงแข่งระยะสั้นๆ อย่าง 10K หรือฮาล์ฟมาราธอนด้วย
4. ประสบการณ์การใช้งาน & ความง่ายในการใช้: มือใหม่ใส่ได้ไหม?
สำหรับนักวิ่งที่มีพื้นฐานมาบ้าง การปรับตัวเข้ากับ Vaporfly ไม่ใช่เรื่องยาก ตัวรองเท้าค่อนข้างตรงไปตรงมา ใส่แล้วก็วิ่งได้เลย ไม่ต้องปรับอะไรเยอะ
ความง่ายในการใช้: ง่ายเลย แค่ผูกเชือกแล้วออกไปวิ่ง!
ความสบายเวลาสวมใส่: อัปเปอร์ผ้านุ่ม เบา และระบายอากาศดี ทำให้สบายเท้ามากๆ แม้วิ่งนานๆ แต่ด้วยความที่เป็นรองเท้าสายทำความเร็ว พื้นรองเท้าอาจจะไม่ได้นุ่มยวบเหมือนรองเท้าซัพพอร์ตทั่วไป และบางคนอาจจะรู้สึกถึงความไม่มั่นคงเล็กน้อย โดยเฉพาะบริเวณส้นเท้า
เสียงตอนวิ่ง: อาจจะมีเสียงจากพื้นรองเท้ากระทบพื้นบ้างเล็กน้อย ตามสไตล์รองเท้าที่มีโฟมหนาๆ
เหมาะกับใคร: แม้จะเป็นซูเปอร์ชู แต่บางรีวิวก็บอกว่ามือใหม่ก็ใส่ได้นะ ถ้าอยากลองสัมผัส แต่ผู้ที่ได้ประโยชน์สูงสุดน่าจะเป็นนักวิ่งที่มีพื้นฐานความแข็งแรงดี และวิ่งด้วยความเร็วพอสมควร เพื่อให้โฟมและแผ่นคาร์บอนทำงานได้เต็มที่
5. แบตเตอรี่ / พลังงาน / ความคุ้มค่าในระยะยาว: วิ่งได้กี่กิโลถึงจะคุ้ม?
รองเท้าวิ่งไม่มีแบตเตอรี่จ้า! แต่ถ้าพูดถึงความทนทานและอายุการใช้งานของ "ซูเปอร์ชู" แบบ Vaporfly อันนี้ต้องทำความเข้าใจกันนิดนึง
อายุการใช้งาน: ซูเปอร์ชูไม่ได้ออกแบบมาให้ทนทานเท่ารองเท้าซ้อมทั่วไป โฟมและแผ่นคาร์บอนมีอายุการใช้งานจำกัด หลายคนบอกว่าประสิทธิภาพสูงสุดจะอยู่ที่ประมาณ 300-500 กิโลเมตร หลังจากนั้นโฟมอาจจะเริ่มยุบตัวหรือแผ่นคาร์บอนอาจจะให้ความรู้สึกดีดน้อยลง บางคนก็ใช้ได้ถึง 800-1000 กิโลเมตรนะ ขึ้นอยู่กับท่าวิ่ง น้ำหนักตัว และการดูแลรักษา
ความคุ้มค่าในระยะยาว: ถ้ามองในแง่การทำลายสถิติส่วนตัว หรือใช้แข่งเพื่อเป้าหมายที่วางไว้ ถือว่าคุ้มค่ามากๆ สำหรับนักวิ่งที่จริงจัง แต่ถ้าจะเอามาใส่วิ่งซ้อมทุกวัน หรือวิ่งชิลล์ๆ อาจจะไม่คุ้มกับราคาที่ต้องจ่าย และรองเท้าอาจจะเสื่อมสภาพเร็วกว่าที่ควร
6. ข้อดี-ข้อเสีย: มาชั่งน้ำหนักกันดู
ข้อดี:
- ช่วยให้วิ่งเร็วขึ้น: อันนี้คือจุดเด่นที่สุด มีหลักฐานเชิงสถิติว่าเห็นผลจริง
- ประหยัดแรง: โฟมและแผ่นคาร์บอนช่วยลดการใช้พลังงานของกล้ามเนื้อ ทำให้วิ่งได้นานขึ้น เหนื่อยช้าลง
- น้ำหนักเบามาก: วิ่งแล้วรู้สึกคล่องตัว พริ้วไหว
- นุ่มและตอบสนองดี: ได้ฟีลลิ่งการเด้งและส่งแรงที่สนุกมากๆ
- ดีไซน์สวย: ใส่แล้วดูโปร ดูแพง!
ข้อเสีย:
- ราคาแรง: ถือเป็นรองเท้าวิ่งระดับบนที่ต้องกำเงินไปซื้อพอสมควร
- อายุการใช้งานค่อนข้างจำกัด: ไม่ได้ทนทานเหมือนรองเท้าซ้อม
- ความมั่นคงอาจจะไม่มากนัก: ด้วยความที่พื้นสูงและนุ่ม บางคนอาจรู้สึกไม่มั่นคง โดยเฉพาะตอนเลี้ยวหักศอก
- ไม่เหมาะกับการวิ่งช้ามากๆ: ประสิทธิภาพจะเด่นชัดเมื่อวิ่งด้วยความเร็วระดับหนึ่ง
- บางคนอาจต้องปรับตัว: แม้จะใส่ง่าย แต่ฟีลลิ่งการวิ่งอาจแตกต่างจากรองเท้าปกติ
7. เหมาะกับใคร & คำแนะนำในการซื้อ: ใครควรจัด?
เหมาะกับ:
- นักวิ่งสายแข่งขัน: ที่ต้องการทำลายสถิติ PB (Personal Best) ของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นระยะ 10K, ฮาล์ฟมาราธอน หรือมาราธอน
- นักวิ่งที่ซ้อมทำความเร็ว: ใช้สำหรับวันซ้อม Interval หรือ Tempo run เพื่อให้ร่างกายคุ้นชินกับความเร็วสูง
- คนที่อยากลองสัมผัสเทคโนโลยีซูเปอร์ชู: และมีงบประมาณพร้อมเปย์
ไม่เหมาะกับ:
- นักวิ่งหน้าใหม่มากๆ: ที่ยังไม่มีพื้นฐานความแข็งแรงที่ดีพอ
- คนที่เน้นวิ่งช้าๆ หรือวิ่งเพื่อสุขภาพ: เพราะอาจไม่ได้ใช้ประโยชน์จากประสิทธิภาพของรองเท้าได้เต็มที่
- คนที่ต้องการรองเท้าที่ทนทานมากๆ ใช้ซ้อมได้ทุกวัน: ควรมีรองเท้าคู่อื่นสำหรับซ้อมหนักๆ สลับกันไป
ควรซื้อเลยไหม? ถ้าคุณอยู่ในกลุ่มที่เหมาะ และมีเป้าหมายการวิ่งที่ชัดเจน การลงทุนกับ Vaporfly ก็เป็นสิ่งที่น่าพิจารณามากๆ แต่ถ้าไม่รีบ หรืออยากได้ราคาดีๆ แนะนำให้รอช่วงโปรโมชั่นใหญ่ๆ เช่น ช่วงเทศกาล หรือช่วง Mid Year Sale, Year End Sale ตามแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซต่างๆ หรือหน้าร้าน Nike เอง อาจจะได้ราคาที่น่ารักขึ้น
8. เปรียบเทียบกับสินค้าคล้ายๆ กัน: คู่แข่งมีใครบ้าง?
ในตลาดซูเปอร์ชูตอนนี้ก็มีคู่แข่งที่น่ากลัวอยู่หลายแบรนด์เลย เช่น adidas Adizero Adios Pro, Saucony Endorphin Pro/Elite, ASICS Metaspeed Sky/Edge, HOKA Cielo X1 เป็นต้น
แต่ละแบรนด์ก็มีเทคโนโลยีโฟมและแผ่นคาร์บอนที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง ให้ฟีลลิ่งการวิ่งที่แตกต่างกันไปบ้าง Nike เองก็มีพี่น้องร่วมค่ายอย่าง Alphafly Next% ซึ่งจะเน้นซัพพอร์ตมากกว่า Vaporfly เล็กน้อย
ถ้าเทียบ Vaporfly Next% รุ่นต่างๆ กันเอง รุ่นใหม่ๆ มักจะมีการปรับปรุงทั้งเรื่องน้ำหนัก ความสบาย และการตอบสนองให้ดีขึ้น แต่ก็ขึ้นอยู่กับความชอบและสรีระเท้าของแต่ละบุคคลด้วย บางคนอาจจะยังชอบฟีลลิ่งของรุ่นเก่ามากกว่าก็มีนะ
9. บริการหลังการขายและช่องทางการซื้อ: ซื้อที่ไหนดี?
การซื้อรองเท้า Nike ในไทยค่อนข้างสะดวกสบาย มีช่องทางให้เลือกเยอะเลยจ้า
- ร้านค้าทางการของ Nike: ทั้งในห้างสรรพสินค้าและร้าน Standalone ทั่วไป มั่นใจได้ว่าเป็นของแท้ และสามารถลองสวมใส่ก่อนซื้อได้
- ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ: เช่น Ari Running หรือร้านอุปกรณ์วิ่งอื่นๆ ที่เป็นพาร์ทเนอร์กับ Nike มักจะมีผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำได้
- แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ: Lazada, Shopee, JD Central ก็มีร้านค้าทางการของ Nike หรือร้านค้าที่น่าเชื่อถือต่างๆ ให้เลือกซื้อ สะดวกสบาย มีโปรโมชั่น ส่วนลด และโค้ดส่งฟรีให้เก็บเพียบ! บางทีเจอ Flash Sale ราคาดีๆ ก็มีนะ
การรับประกัน: สินค้า Nike โดยทั่วไปมีการรับประกันตามเงื่อนไขของแบรนด์และผู้จำหน่าย กรณีสินค้ามีตำหนิจากการผลิต ส่วนใหญ่สามารถเปลี่ยนหรือคืนสินค้าได้ตามนโยบายของร้าน
การผ่อนชำระ: บนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซส่วนใหญ่มักจะมีตัวเลือกผ่อนชำระ 0% กับบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ ทำให้การจับจองซูเปอร์ชูเป็นเจ้าของง่ายขึ้น
ค่าจัดส่ง: ถ้าซื้อออนไลน์ ส่วนใหญ่จะจัดส่งฟรีเมื่อซื้อถึงยอดที่กำหนด ระยะเวลาจัดส่งก็ขึ้นอยู่กับพื้นที่และผู้ให้บริการขนส่ง
10. บทสรุปและคำแนะนำในการซื้อ: ฟันธง!
สรุปแล้ว Nike Vaporfly Next% เป็นรองเท้าวิ่งระดับ "ซูเปอร์ชู" ที่มีเทคโนโลยีสุดล้ำ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการวิ่ง ทำลายสถิติได้จริง และเหมาะมากๆ สำหรับนักวิ่งที่จริงจังกับการแข่งขัน หรือต้องการยกระดับการซ้อมความเร็ว
คำแนะนำขั้นสุดท้าย:
- ถ้าคุณคือนักวิ่งสายทำความเร็ว มีเป้าหมายชัดเจน และมีงบประมาณพร้อมที่จะลงทุน แนะนำให้ลองซื้อมาใช้เลย! คุณจะได้สัมผัสประสบการณ์การวิ่งที่แตกต่างและอาจช่วยให้บรรลุเป้าหมายได้เร็วขึ้น
- ถ้าเป็นนักวิ่งหน้าใหม่ หรือเน้นวิ่งเพื่อสุขภาพ ไม่ได้เน้นทำความเร็วแบบจริงจังมากๆ อาจจะยังไม่จำเป็นต้องรีบซื้อ ลองหารองเท้าวิ่งรุ่นอื่นๆ ที่เน้นความสบายหรือซัพพอร์ตเท้ามากกว่าดูก่อน หรือถ้าอยากลองจริงๆ อาจจะมองหารุ่นที่ราคาเข้าถึงง่ายกว่านี้
- สำหรับคนที่มีงบจำกัด แนะนำให้รอช่วงโปรโมชั่นตามช่องทางออนไลน์ต่างๆ หรือหน้าร้าน อาจจะได้ราคาที่ถูกลง หรือได้ของแถมเพิ่ม
จำไว้ว่า "ซูเปอร์ชู" ไม่ใช่รองเท้าวิเศษที่ใส่แล้วจะวิ่งเร็วปรื๋อทันทีโดยไม่ต้องซ้อมนะจ๊ะ! มันคือตัวช่วยที่ดีมากๆ ที่จะดึงศักยภาพของคุณออกมาในวันสำคัญ ดังนั้น การซ้อมอย่างสม่ำเสมอและถูกวิธีก็ยังเป็นหัวใจหลักของการวิ่งอยู่ดี!
วิดีโอที่เกี่ยวข้อง
- รีวิว รองเท้าวิ่ง NIKE ZOOMX VAPORFLY NEXT% 3 เวเปอร์ที่ไม่ ...
- รีวิว NIKE VAPORFLY NEXT% 4 รองเท้าวิ่งแหวกกระแสหนา นุ่ม ...
- รีวิว Nike Vaporfly Next%2 รองเท้าวิ่งสายซิ่ง กับ คนวิ่งสายชิล
- รีวิวอีกครั้งกับ Nike Vaporfly Next% 3 รอบนี้ของแท้แน่นอน
- ข้อดีข้อเสียแบบละเอียด NIKE VAPORFLY NEXT%3 - After 100km
แนะนำสำหรับคุณ
จัดกระดูก คืออะไร? รีวิว ประสบการณ์ และข้อควรรู้
รวมร้านหมูจุ่ม เชียงใหม่ อร่อยเด็ด บรรยากาศดี
รีวิว Beauty Plus Clinic กำจัดขน: เลเซอร์ขนที่นี่ดีไหม ราคาเป็นอย่างไร?
รีวิวหนัง "ฮาวทูทิ้ง..ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ" ประทับใจแค่ไหน?
รีวิว Adidas Edge Lux Clima: รองเท้าวิ่ง Adidas ระบายอากาศดี น่าใส่ไหม?
รีวิว Hisense 55B7700UW ทีวี 55 นิ้ว ภาพสวย คุ้มราคาไหม?