logo

รีวิว ลำโพง Marshall: รุ่นไหนดี? เสียงเป็นอย่างไร? คุ้มค่าน่าซื้อมาตั้งโชว์ไหม?

user avatar
เกศรินทร์ รัตนเสถียร·07/01/2025 16:04
点赞
รีวิว ลำโพง Marshall: รุ่นไหนดี? เสียงเป็นอย่างไร? คุ้มค่าน่าซื้อมาตั้งโชว์ไหม?

มาแล้วจ้า! ได้เวลาเม้าท์มอยเรื่องลำโพงที่ฮอตสุดอะไรสุด ณ ตอนนี้ อย่าง Marshall ที่หลายคนเห็นแล้วต้องเหลียวหลัง เพราะดีไซน์มันช่างเท่บาดใจซะเหลือเกิน! แต่นอกจากหน้าตาที่กินขาดแล้ว เสียงน้องจะเป็นยังไง? รุ่นไหนถึงจะเหมาะกับเรา? หรือแค่ซื้อมาตั้งสวยๆ ก็คุ้มแล้ว? วันนี้จะมารีวิวลำโพง Marshall แบบหมดเปลือก ฉบับภาษาบ้านๆ เข้าใจง่ายๆ สไตล์คนไทยที่รักเสียงเพลง (และของสวยๆงามๆ) ตามมาดูกันเลย!


1. ภาพรวมของ Marshall: หล่อ เท่ เสียงดี มีอยู่จริง?

ถ้าพูดถึง Marshall หลายคนจะนึกถึงแอมป์กีตาร์ระดับตำนาน แต่แบรนด์นี้ไม่ได้มีดีแค่นั้น! เขายังผลิตลำโพงบลูทูธและหูฟังที่โด่งดังไม่แพ้กัน จุดเด่นที่ทำให้หลายคนยอมควักเงินในกระเป๋าคือ ดีไซน์วินเทจสุดคลาสสิก ที่ถอดแบบมาจากตู้แอมป์กีตาร์นั่นแหละ เห็นแล้วรู้เลยว่านี่คือ Marshall!

ปัจจุบันมีหลายรุ่นให้เลือก ตั้งแต่ไซส์มินิพกพาไปยันไซส์บิ๊กเบิ้มตั้งโชว์ โดยมีช่วงราคาที่หลากหลาย (ตามขนาดและฟังก์ชัน) ตั้งแต่หลักพันปลายๆ ไปจนถึงเกือบสามหมื่นบาทเลยทีเดียว

ตำแหน่งสินค้าคร่าวๆ (สำหรับรุ่นฮิตๆ):

  • รุ่นเล็กพกพา (เช่น Willen, Emberton, Stockwell): เหมาะกับคนชอบฟังเพลงนอกบ้าน เดินทางบ่อย หรืออยากได้ลำโพงไซส์กะทัดรัด
  • รุ่นกลางตั้งบ้าน (เช่น Acton, Stanmore, Kilburn): เหมาะกับห้องขนาดกลาง คอนโด หรือคนที่อยากได้เสียงที่ใหญ่ขึ้นมาหน่อย แต่ยังไม่ถึงกับกระหึ่มจัดๆ
  • รุ่นใหญ่ตั้งบ้าน (เช่น Woburn, Tufton): เหมาะกับห้องขนาดใหญ่ โถงบ้าน หรือคนที่เน้นเปิดเพลงเสียงดังจัดปาร์ตี้

จุดเด่นหลักที่ Marshall มักจะมี:

  • ดีไซน์คลาสสิกเหนือกาลเวลา: วางตรงไหนก็สวย เหมือนเป็นเฟอร์นิเจอร์ชิ้นนึง
  • เอกลักษณ์เสียงเฉพาะตัว: เสียงอุ่น หนา เบสแน่นสะใจ โดยเฉพาะแนวเพลงร็อก
  • ปุ่มควบคุมแบบอนาล็อก: หมุนปรับเสียงเบส/แหลมได้ง่ายๆ ที่ตัวเครื่อง ฟีลลิ่งมันได้!
  • วัสดุคุณภาพดี งานประกอบประณีต: หยิบจับแล้วรู้สึกแข็งแรง พรีเมียม
  • เชื่อมต่อไร้สายง่าย: ส่วนใหญ่เป็น Bluetooth (รุ่นใหม่ๆ เป็น 5.2 หรือ 5.3) ใช้งานสะดวก

2. ดีไซน์ & รูปลักษณ์ภายนอก: แค่วางก็กินขาด!

อันนี้คือสิ่งที่ทำให้หลายคนโดน Marshall ตกตั้งแต่แรกเห็น! ไม่ว่าจะเป็นรุ่นเล็ก รุ่นใหญ่ คือดีไซน์เขาคุมโทนจริงๆ ด้วยแรงบันดาลใจจากตู้แอมป์กีตาร์ ทำให้ได้ลุคแบบวินเทจ คลาสสิก แต่ดูทันสมัยในเวลาเดียวกัน

วัสดุที่ใช้: ส่วนใหญ่จะเป็นหนังเทียมคุณภาพดี (บางรุ่นใช้วัสดุรีไซเคิลด้วยนะ เก๋มาก!) ตะแกรงด้านหน้าเป็นโลหะแข็งแรง พร้อมโลโก้ Marshall สีทองเด่นเป็นสง่า ปุ่มควบคุมต่างๆ ก็เป็นสีทองอร่าม ดูหรูหรา พรีเมียมสุดๆ

ขนาดและน้ำหนัก: แตกต่างกันไปตามรุ่น รุ่นพกพาก็จะเล็ก น้ำหนักเบา พกสะดวก (อย่าง Emberton ก็ประมาณ 0.7 กก. หรือ Willen ที่เล็กจิ๋ว) ส่วนรุ่นตั้งบ้านก็จะใหญ่ขึ้น น้ำหนักเยอะขึ้น (Acton ประมาณ 2.85 กก., Stanmore ประมาณ 5 กก., Woburn นี่เกือบ 8.6 กก. เลยนะ!) ต้องดูก่อนว่าจะวางตรงไหน หรือจะแบกไปเที่ยวรึเปล่า

สี: สีฮิตๆ ก็จะมี ดำ, ครีม, หรือน้ำตาล ตัดกับโลโก้สีทอง ดูดีทุกสีเลย

ความสะดวกในการพกพา / การจัดวาง: รุ่นพกพาแน่นอนว่าออกแบบมาให้แบกไปได้ทุกที่ บางรุ่นมีสายคล้องให้ด้วย ส่วนรุ่นตั้งบ้านก็เหมาะกับการวางบนชั้นวาง ทีวี หรือโต๊ะข้างเตียง แค่วางไว้เฉยๆ ก็เพิ่มความเก๋ให้ห้องได้เป็นกอง

อุปกรณ์เสริมในกล่อง: ส่วนใหญ่จะมีสายไฟ, คู่มือ รุ่นพกพาบางรุ่นอาจจะมีสายชาร์จมาให้ด้วย แต่ส่วนใหญ่จะเน้นแค่ตัวลำโพงกับสายไฟนี่แหละ


3. ประสบการณ์ในการใช้งานฟังก์ชันหลัก: เสียงเป็นยังไง? ดีจริงไหม?

หัวใจหลักของลำโพงก็คือเสียงนี่แหละ! Marshall มีเอกลักษณ์เสียงที่ชัดเจนมากคือ เสียงโดยรวมจะมีความอุ่น หนา เสียงกลางเด่น และเบสหนักแน่นสะใจ เหมาะมากสำหรับคนชอบฟังเพลงแนวร็อก เมทัล หรือ EDM ที่เน้นจังหวะหนักๆ เสียงร้องจะคมชัด ไม่โดนเสียงดนตรีกลบ

แต่ถามว่าฟังเพลงแนวอื่นได้ไหม? ได้สบายมาก! อย่างเพลง Pop, Acoustic ก็ยังทำได้ดี เสียงมีมิติในระดับหนึ่ง แต่ถ้าใครเป็นสาย Audiophile จ๋าๆ ที่เน้นรายละเอียดเสียงแบบพริ้วๆ ทุกเม็ด อาจจะต้องลองฟังเทียบกับแบรนด์อื่นดูอีกที

การปรับเสียง: จุดเด่นคือมีปุ่มหมุนปรับเสียงเบส (Bass) และเสียงแหลม (Treble) ที่ตัวลำโพงเลย ทำให้เราปรับแนวเสียงให้เข้ากับเพลงที่ฟัง หรือความชอบส่วนตัวได้ง่ายมากๆ ฟีลเหมือนได้คุมตู้แอมป์เองเลย

ความดัง: รุ่นตั้งบ้านนี่ดังสะใจแน่นอน โดยเฉพาะรุ่นพี่ใหญ่อย่าง Woburn ที่กำลังขับสูงปรี๊ด เหมาะกับห้องใหญ่ๆ หรือเปิดสู้เสียงภายนอกได้สบายๆ รุ่นกลางอย่าง Stanmore หรือ Acton ก็ดังพอตัวสำหรับห้องทั่วไป ส่วนรุ่นพกพาก็เสียงดังเกินตัวเหมือนกันนะ อย่าง Emberton นี่ให้เสียงแบบ 360 องศาด้วย


4. ใช้งานง่ายไหม? มือใหม่สบายใจได้!

เรื่องความง่ายในการใช้งาน Marshall ถือว่าทำได้ดีเลยครับ การเชื่อมต่อหลักๆ เป็น Bluetooth ซึ่งใช้งานง่ายมาก แค่เปิดลำโพง เปิดบลูทูธที่มือถือก็หากันเจอแล้ว บางรุ่นยังมีช่อง AUX 3.5mm หรือ RCA ให้เชื่อมต่อแบบมีสายด้วย รุ่น Woburn III มี HDMI eARC ให้ต่อทีวีได้ด้วยนะ

แอปพลิเคชัน Marshall Bluetooth: สามารถโหลดมาติดตั้งบนมือถือได้ (มีทั้ง iOS และ Android) ตัวแอปฯ หน้าตาใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน สามารถใช้ปรับ EQ, อัปเดตเฟิร์มแวร์, หรือตั้งค่าอื่นๆ ได้สะดวก

ปุ่มควบคุมที่ตัวลำโพง: อันนี้คือเสน่ห์ของ Marshall เลย มีปุ่มหมุนปรับเสียง (Volume), เสียงเบส (Bass), เสียงแหลม (Treble) ให้มาครบ บางรุ่นมีปุ่มควบคุมการเล่นเพลง (เล่น/หยุด, ข้ามเพลง) ด้วย ใช้งานง่าย ไม่ต้องงมหาในแอปฯ ตลอดเวลา

ส่วนเรื่องเสียงดังตอนใช้งาน รุ่นตั้งบ้านอาจจะมีเสียงดังบ้างตอนเปิดดังสุดๆ แต่ก็เป็นปกติของลำโพง ส่วนรุ่นพกพาก็ค่อนข้างเงียบตอนเปิดธรรมดา


5. แบตเตอรี่ / พลังงาน / ความคุ้มค่าในระยะยาว: คุ้มไหมถ้าจะเปย์?

สำหรับลำโพง Marshall จะแบ่งเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ ลำโพงตั้งบ้าน (เสียบปลั๊กตลอดเวลา) และ ลำโพงพกพา (มีแบตเตอรี่ในตัว)

รุ่นพกพา: แบตเตอรี่ถือว่าอึดพอสมควรเลยนะ หลายรุ่นเคลมว่าใช้งานได้ยาวนาน 20 ชั่วโมง+ ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง อย่าง Emberton III เคลมไว้ถึง 32 ชั่วโมงเลยนะ! บางรุ่นมี Quick Charge ชาร์จแป๊บเดียวฟังได้หลายชั่วโมง เรื่องแบตนี่หายห่วง พกไปปาร์ตี้ยาวๆ ได้เลย

รุ่นตั้งบ้าน: อันนี้เสียบปลั๊กใช้ไฟบ้านตลอด ไม่ต้องกังวลเรื่องแบตหมด

ค่าใช้จ่ายระยะยาว: ลำโพง Marshall เป็นสินค้าที่ค่อนข้างทนทาน วัสดุดี โอกาสที่อะไหล่จะเสียมีน้อย แต่ถ้ามีปัญหาก็ต้องติดต่อศูนย์บริการ การเปลี่ยนอะไหล่ก็ขึ้นอยู่กับอาการและรุ่น การดูแลรักษาไม่ยาก แค่เช็ดทำความสะอาดตามปกติ

วิเคราะห์ความคุ้มค่า: ถ้ามองในเรื่องคุณภาพเสียงอย่างเดียว อาจจะมีลำโพงแบรนด์อื่นที่ราคาใกล้เคียงกันแต่ให้เสียงที่ถูกใจกว่า (อันนี้แล้วแต่แนวเพลงและความชอบส่วนบุคคล) แต่ถ้ามองรวมๆ ทั้งเรื่อง ดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ คุณภาพเสียงที่ได้มาตรฐาน และความทนทาน Marshall ถือว่าคุ้มค่าน่าลงทุน โดยเฉพาะถ้าคุณชอบดีไซน์คลาสสิกของเขา เพราะมันเป็นมากกว่าลำโพง แต่มันคือของแต่งบ้านชิ้นงามเลยทีเดียว


6. ข้อดี-ข้อเสีย: มีอะไรให้ปัง มีอะไรให้คิด?

เพื่อให้เห็นภาพรวมชัดๆ มาดูข้อดีข้อเสียของลำโพง Marshall กันแบบตรงไปตรงมา:

ข้อดี:

  • ดีไซน์สวย คลาสสิก ไม่เหมือนใคร: เป็นจุดเด่นที่ทำให้หลายคนยอมจ่าย
  • คุณภาพเสียงดี มีเอกลักษณ์: เสียงอุ่น หนา เบสแน่น ถูกใจสายร็อก สายปาร์ตี้
  • วัสดุดี งานประกอบแข็งแรง ทนทาน: รู้สึกคุ้มค่ากับราคา
  • ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน: ปุ่มควบคุมแบบอนาล็อกใช้งานสะดวก แม้ไม่ใช้แอปฯ
  • แอปพลิเคชันใช้งานง่าย: ปรับแต่งเสียงและตั้งค่าต่างๆ ได้สะดวก

ข้อเสีย:

  • ราคาสูงกว่าลำโพงทั่วไปในสเปกใกล้เคียงกัน: มีค่าแบรนด์ค่อนข้างเยอะ
  • โทนเสียงอาจจะไม่เหมาะกับทุกคน: ถ้าไม่ชอบเบสหนัก หรือชอบเสียงใสๆ รายละเอียดเยอะๆ อาจจะไม่ใช่แนว
  • รุ่นตั้งบ้านส่วนใหญ่ไม่มีแบตเตอรี่: ต้องเสียบปลั๊กตลอด พกพาไปใช้นอกบ้านไม่ได้
  • รุ่นพกพาไซส์เล็กๆ เสียงอาจจะยังไม่ทรงพลังเท่ารุ่นใหญ่: เป็นเรื่องปกติของขนาดลำโพง
  • บางรุ่นไม่มีฟังก์ชัน Multi-room หรือ Wi-Fi Streaming: ถ้าเน้นฟังก์ชันพวกนี้อาจจะต้องดูรุ่นอื่น

7. เหมาะกับใคร & คำแนะนำในการซื้อ: ใครควรมี Marshall ไว้ในครอบครอง?

จากที่รีวิวมา Marshall เหมาะกับคนกลุ่มนี้เลย:

  • คนรักเสียงเพลงที่ชอบแนวร็อก EDM หรือเพลงที่เน้นเบส: เสียงของ Marshall เกิดมาเพื่อสิ่งนี้จริงๆ
  • คนที่มองหาลำโพงที่เป็นมากกว่าอุปกรณ์ฟังเพลง: คุณให้ความสำคัญกับดีไซน์ อยากได้ลำโพงที่สวยงาม วางแล้วเหมือนเฟอร์นิเจอร์แต่งบ้าน
  • คนที่ชอบความคลาสสิก วินเทจ: ดีไซน์ของ Marshall ตอบโจทย์มากๆ
  • คนที่ชอบลำโพงที่ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน: ปุ่มควบคุมแบบอนาล็อกคือสวรรค์
  • คนที่ต้องการลำโพงพกพาที่แบตอึดและทนทาน: รุ่นพกพาสอบผ่านฉลุย

ควรซื้อเลยไหม?

ถ้าคุณเข้าข่ายตามด้านบน และมีงบประมาณที่พร้อม ก็จัดเลยค่ะ! เพราะ Marshall ไม่ได้ลดราคาบ่อยเท่าแบรนด์อื่น แต่ถ้าอยากได้ราคาดีๆ ลองดูช่วงโปรโมชั่นใหญ่ๆ อย่าง 11.11, 12.12 หรือช่วงปลายปี อาจจะมีส่วนลดหรือของแถมบ้าง

คำแนะนำในการซื้อ:

ถ้าเน้นพกพา ไป Emberton หรือ Willen เลย ตัวเล็ก เบา แบตอึด กันน้ำกันฝุ่นได้ด้วย ถ้าอยากได้ตั้งบ้านไซส์กลางๆ เสียงดี กำลังเหมาะ ก็ Acton หรือ Stanmore ส่วนถ้าบ้านใหญ่ เน้นความกระหึ่ม จัด Woburn หรือ Tufton ไปเลย ไม่ผิดหวัง!


8. เปรียบเทียบกับสินค้าคล้ายๆ กัน: Marshall กับคู่แข่ง ใครเจ๋งกว่า?

ในตลาดลำโพงบลูทูธ ก็มีคู่แข่งหลายเจ้าที่น่าสนใจ อย่าง JBL ที่ดังเรื่องเบสหนักๆ และดีไซน์โมเดิร์น หรือ Harman Kardon ที่ดีไซน์ล้ำสมัยและเสียงดี

Marshall vs JBL: Marshall จะเด่นเรื่องดีไซน์คลาสสิก เสียงอุ่น หนา เบสแน่นสไตล์ร็อก ใช้งานง่ายด้วยปุ่มอนาล็อก ส่วน JBL จะเด่นเรื่องดีไซน์ทันสมัย สีสันหลากหลาย เบสหนักสะใจ เหมาะกับสายปาร์ตี้ มีฟังก์ชันเยอะกว่าในบางรุ่น เลือกตามแนวเพลงและดีไซน์ที่ชอบได้เลย

เทียบกับรุ่นอื่นของ Marshall เอง: การอัปเกรดจากรุ่น II มาเป็นรุ่น III ส่วนใหญ่จะเน้นปรับปรุงคุณภาพเสียงให้ดียิ่งขึ้น เวทีเสียงกว้างขึ้น ใช้วัสดุรีไซเคิลมากขึ้น และอาจมีฟังก์ชันเล็กๆ น้อยๆ เพิ่มเข้ามา เช่น Bluetooth เวอร์ชันใหม่ หรือพอร์ตเชื่อมต่อ ถ้ามีรุ่นเก่าอยู่แล้ว อาจจะไม่จำเป็นต้องรีบอัปเกรดทันที แต่ถ้าซื้อใหม่ เลือกรุ่นใหม่ๆ ก็จะได้เทคโนโลยีที่ดีกว่า


9. บริการหลังการขายและช่องทางการซื้อ: ซื้อที่ไหนดี?

ลำโพง Marshall ที่นำเข้ามาขายในไทย ส่วนใหญ่จะจัดจำหน่ายโดยตัวแทนอย่างเป็นทางการ ซึ่งจะมีการรับประกันสินค้าให้

การรับประกัน: โดยทั่วไปลำโพง Marshall จะมีการรับประกัน 1 ปี แต่ถ้าลงทะเบียนกับตัวแทนอย่างเป็นทางการ อาจจะขยายระยะเวลาเป็น 18 เดือนได้ในช่วงโปรโมชั่น ต้องเก็บใบเสร็จหรือหลักฐานการซื้อไว้ให้ดี เพื่อใช้ในการเคลม ศูนย์บริการก็มีในประเทศไทย สามารถติดต่อสอบถามได้

ช่องทางการซื้อ: หาซื้อได้ง่ายมากๆ ทั้งร้านค้าออนไลน์ยอดนิยมอย่าง Lazada, Shopee หรือร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าใหญ่ๆ อย่าง Power Buy, Banana IT รวมถึงร้านค้าออนไลน์ของตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

โปรโมชั่นและส่วนลด: แนะนำให้ติดตามโปรโมชั่นในแอปฯ หรือเว็บไซต์ของร้านค้าต่างๆ บางทีมีโค้ดส่วนลด, เงินคืน, หรือของแถม การผ่อนชำระ 0% ก็มีให้เลือกในหลายๆ ร้าน ลองเปรียบเทียบราคาแต่ละช่องทางก่อนตัดสินใจซื้อนะ บางช่วงออนไลน์อาจจะถูกกว่าหน้าร้าน หรือบางทีหน้าร้านมีโปรโมชั่นพิเศษ

การจัดส่ง: ถ้าสั่งออนไลน์ ส่วนใหญ่ก็มีบริการจัดส่งถึงบ้าน รวดเร็วทันใจ


10. บทสรุปและคำแนะนำในการซื้อ: ฟันธง! Marshall คุ้มไหม?

มาถึงบทสรุปแล้ว! ถ้าถามว่าลำโพง Marshall คุ้มค่าน่าซื้อไหม? บอกเลยว่า คุ้มค่ามากๆ ค่ะ ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบดีไซน์คลาสสิกวินเทจ และชอบแนวเสียงที่มีเอกลักษณ์ เบสแน่น ฟังสนุก คือแค่ตั้งโชว์ก็คุ้มแล้วจริงๆ เพราะมันสวยมาก! แถมคุณภาพเสียงก็ดี ไม่ได้มีดีแค่หน้าตา

คำแนะนำเฉพาะกลุ่มผู้ใช้งาน:

  • งบประมาณจำกัด: เริ่มจากรุ่นเล็กพกพาอย่าง Willen หรือ Emberton ก่อนก็ได้ เสียงดี ดีไซน์สวยเหมือนกัน ราคาจับต้องง่ายกว่า
  • เน้นพกพาไปเที่ยวบ่อย: Emberton หรือ Kilburn II คือตัวเลือกที่ดี แบตอึด กันน้ำได้ด้วย
  • อยากได้ตั้งในห้องนอน ห้องนั่งเล่นทั่วไป: Acton หรือ Stanmore คือขนาดกำลังพอดี เสียงดีเพียงพอสำหรับพื้นที่ไม่ใหญ่มาก
  • ต้องการลำโพงสำหรับจัดปาร์ตี้ หรือใช้ในพื้นที่ใหญ่: Woburn หรือ Tufton คือที่สุดของความกระหึ่ม!

สรุปง่ายๆ คือ Marshall ไม่ใช่แค่ลำโพง แต่เป็นไอเทมที่ช่วยเสริมสไตล์และบ่งบอกความเป็นตัวคุณ ถ้าชอบดีไซน์ ชอบเสียงแนวนี้ และมีงบ ก็อย่าลังเลที่จะจัดมาตั้งโชว์ (และฟังเพลงเพราะๆ) เลยค่ะ รับรองไม่ผิดหวัง!

วิดีโอที่เกี่ยวข้อง

บทความที่เกี่ยวข้อง

สวัสดีครับเพื่อนๆ! เหล่าคนรักเสียงเพลง คอหนัง หรือแม้แต่เกมเมอร์ทั้งหลาย! 👋 เคยไหมครับที่รู้สึกว่าลำโพงคู่ใจที่ใช้อยู่มันยังไม่สุด เสียงไม่คม เบสไม่สะใจ หรือดีไซน์ยังไม่โดนใจ?ในยุคที่คอนเทนต์ความบันเทิงอยู่รอบตัวเราแบบนี้ ไม่ว่าจะเป็นการดู
10 ลําโพง Edifier รุ่นไหนดี ปี 2025 เสียงคุณภาพสูง เบสแน่น
โอ้โห! ใครสายลำโพงเก๋าๆ ดีไซน์คลาสสิก เห็น Marshall แล้วใจมันสั่นแน่นอน! โดยเฉพาะเจ้า Marshall Stanmore II ตัวนี้นี่แหละ ที่หลายคนเล็งมานาน เพราะขนาดกำลังดี วางตรงไหนในบ้านก็ดูดีมีชาติตระกูล แถมเสียงยังกระหึ่มสะใจ! แต่เอ๊ะ... ลำโพงรุ่นนี้ที
รีวิว ลำโพง Marshall Stanmore II: ลำโพง Bluetooth เสียงดี ดีไซน์คลาสสิก เหมาะกับใคร?
สวัสดีครับเพื่อนๆ สายช้อป gadgets และมนุษย์รักเสียงเพลงทุกคน! 👋 ยุคนี้อะไรๆ ก็ต้องไร้สายจริงไหมครับ? โดยเฉพาะเจ้าหูฟังบลูทูธนี่แหละ กลายเป็นอวัยวะที่ 33 ของหลายๆ คนไปแล้ว! จะใส่ฟังเพลงตอนเดินทาง, ประชุมออนไลน์, ออกกำลังกาย หรือแค่ต้องการโล
10 หูฟังบลูทูธ ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 เสียงคุณภาพสูง ฟังเพลงดี

บทความล่าสุดดูเพิ่มเติม

โอ๊ยยย... ปวดหลัง ปวดคอ ปวดไหล่! เป็นกันมั้ยจ๊ะชาวออฟฟิศ (หรือชาวฟรีแลนซ์ที่นั่งทำงานหน้าคอมนานๆ) อาการปวดเมื่อยมันเหมือนเพื่อนสนิทที่ตามติดไปทุกที่ บางทีก็คิดนะว่าร่างกายเรามันคงจะเบี้ยวๆ บูดๆ ไปแล้วแน่เลย ถึงได้ปวดได้เมื่อยขนาดนี้! แล้วไอ
จัดกระดูก คืออะไร? รีวิว ประสบการณ์ และข้อควรรู้
ลมหนาวเอื่อยๆ เริ่มพัดมา (หรืออาจจะแค่มโนไปเองในบางวัน 🤣) ท้องฟ้าเริ่มเป็นสีชมพูตอนเย็นๆ โอ๊ย...บรรยากาศมันชวนให้คิดถึงอะไรน้า... ใช่แล้ว! หมูจุ่มร้อนๆ น้ำซุปนัวๆ น้ำจิ้มรสเด็ด! ยิ่งถ้าได้มาอยู่เชียงใหม่ เมืองที่เต็มไปด้วยร้านอร่อย บรรยากา
รวมร้านหมูจุ่ม เชียงใหม่ อร่อยเด็ด บรรยากาศดี
โอ๊ยยย... เบื่อจริงจริ๊งงง! ปัญหาขนกวนใจเนี่ย ไม่ว่าจะขนรักแร้ ขนหน้าแข้ง ขนจิมิ สารพัดขนที่ทำให้เสียเซลฟ์ จะใส่บิกินี่ไปทะเลช่วงสงกรานต์ก็ไม่มั่นใจ จะยกแขนก็กลัวคนเห็นตอขน แถมบางทีโกน ถอน แว็กซ์ จนเป็นหนังไก่บ้าง ขนคุดบ้าง คันยุบยิบไปอีก!
รีวิว Beauty Plus Clinic กำจัดขน: เลเซอร์ขนที่นี่ดีไหม ราคาเป็นอย่างไร?

บทความที่แนะนำ