ลำโพง Bose SoundTouch 20 ราคาล่าสุด เสียงดีจริงไหม? น่าซื้อแค่ไหน?


สวัสดีจ้าทุกคนนน! วันนี้เราจะมาเม้าท์มอยเรื่องลำโพงตัวเก่งในตำนานอย่าง Bose SoundTouch 20 กัน ใครที่กำลังเล็งๆ ลำโพงไร้สายที่เสียงดีไซส์กำลังดี พกพาง่าย (แต่ไม่ได้มีแบตในตัวนะ!) มามุงทางนี้เลยจ้า เพราะเราจะมาเจาะลึก รีวิวให้ฟังแบบหมดเปลือก แถมด้วยเคล็ดลับช้อปยังไงให้คุ้มค่าเหมือนเดิม! เตรียมตัวให้พร้อม แล้วไปลุยกันเลย!
1. ผลิตภัณฑ์นี้มันคืออะไรกันนะ?
เอาล่ะ เริ่มต้นกันที่ว่าเจ้า Bose SoundTouch 20 นี่มันคือลำโพงอะไร? พูดง่ายๆ มันคือลำโพงไร้สาย (Wireless Speaker) ที่เน้นการเชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi เป็นหลัก ทำให้สามารถเล่นเพลงแบบสตรีมมิ่งจากบริการต่างๆ หรือจากคลังเพลงในคอมพิวเตอร์หรือ NAS ได้อย่างง่ายดาย ควบคุมผ่านแอปพลิเคชัน SoundTouch บนสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตได้เลยสะดวกสุดๆ ตัวนี้มาจากแบรนด์ระดับโลกอย่าง Bose ซึ่งเป็นแบรนด์เครื่องเสียงเก่าแก่จากประเทศสหรัฐอเมริกา ที่เค้าขึ้นชื่อเรื่องเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ เบสแน่น ฟังสนุก และดีไซน์เรียบหรูดูดีมานานแล้ว
เจ้า SoundTouch 20 เนี่ย เค้าออกมาหลายซีรีส์แล้วนะ (Series I, II, III) ซึ่งรุ่นหลังๆ จะมีการปรับปรุงฟังก์ชันและประสิทธิภาพให้ดีขึ้น ตัวที่ได้รับความนิยมในไทยส่วนใหญ่จะเป็น Series III นะ เค้าออกแบบมาให้ใช้งานง่าย เหมาะสำหรับการใช้งานภายในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นห้องนั่งเล่น ห้องนอน หรือห้องครัว เหมาะมากสำหรับคนที่อยากได้ลำโพงคุณภาพดีที่ให้เสียงเติมเต็มพื้นที่ได้ในขนาดที่ไม่ใหญ่เทอะทะจนเกินไป
2. ราคาในตลาดไทยเป็นยังไงบ้าง?
มาถึงเรื่องสำคัญที่ทุกคนรอคอย นั่นก็คือ "ราคา" นั่นเอง! สำหรับ Bose SoundTouch 20 เนี่ย ต้องบอกก่อนว่าเนื่องจากเป็นรุ่นที่ออกมาสักพักแล้วและทาง Bose เองก็ประกาศยกเลิกการผลิตตระกูล SoundTouch ไปแล้วเมื่อประมาณปี 2020-2021 ราคาในตลาดตอนนี้จึงมีความหลากหลายมากๆ จ้า ส่วนใหญ่แล้วเรามักจะเจอเป็น สินค้ามือสอง หรือ สินค้าค้างสต็อก/ลดล้างสต็อก ซะมากกว่านะ
ราคาของใหม่ (ถ้ายังพอหาเจอ) ตอนที่ออกมาแรกๆ อาจจะอยู่ที่ประมาณหมื่นกลางๆ ขึ้นไป แต่สำหรับ สินค้ามือสอง เนี่ย ราคาจะขึ้นอยู่กับสภาพ รุ่น (Series II หรือ III) และอุปกรณ์ที่ให้มาด้วย จากที่ลองส่องๆ ดูตามแหล่งออนไลน์ในไทยอย่าง Lazada หรือ Shopee เราจะเจอราคาตั้งแต่ประมาณ 7,000 - 15,000 บาท (฿) หรืออาจจะสูงกว่านั้นสำหรับสภาพที่เหมือนใหม่จริงๆ นะ ส่วนร้านค้าปลีกใหญ่ๆ อย่าง Central, Big C, The Mall, JIB, Banana IT, Power Buy ตอนนี้เค้าจะเน้นขายลำโพง Bose รุ่นใหม่ๆ ในตระกูล Home Speaker หรือ Soundbar มากกว่า อาจจะต้องลองสอบถามเป็นพิเศษว่ายังมีรุ่นเก่าเหลืออยู่บ้างไหม ซึ่งส่วนใหญ่ค่อนข้างหายากแล้วล่ะ ดังนั้นแหล่งหลักจะเป็นออนไลน์และตลาดมือสองนะจ๊ะ
3. แล้วเทียบกับรุ่นอื่นล่ะ ราคาโอเคมั้ย?
ถ้าให้เทียบกับลำโพงไร้สายแบรนด์อื่นในตลาด ณ ปัจจุบันที่ราคาใกล้เคียงกัน หรือลำโพง Bose รุ่นใหม่ๆ อย่างตระกูล Home Speaker เนี่ย Bose SoundTouch 20 มือสอง ถือว่ามีราคาที่ น่าสนใจมากๆ ในแง่ของ "คุณภาพเสียง" ที่ได้รับในราคาที่จ่ายไป นะ เสียงของ Bose มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่หลายคนชอบ คือ เบสแน่น อิ่ม รายละเอียดดี ฟังสนุก ซึ่งในราคาหมื่นต้นๆ หรือไม่ถึงหมื่นบาทสำหรับมือสองเนี่ย เราได้ลำโพงที่ให้คุณภาพเสียงระดับ Bose มาใช้งานได้เลย ซึ่งถ้าเป็นรุ่นใหม่ที่ประสิทธิภาพใกล้เคียงกัน อาจจะต้องใช้งบสูงกว่านี้พอสมควร
แต่ข้อจำกัดของ SoundTouch 20 เมื่อเทียบกับรุ่นใหม่ๆ ก็คือเรื่องของฟังก์ชันที่อาจจะไม่ทันสมัยเท่า เช่น การรองรับผู้ช่วยอัจฉริยะอย่าง Alexa หรือ Google Assistant, การเชื่อมต่อ AirPlay 2 (รุ่นเก่าอาจจะรองรับแค่ AirPlay รุ่นแรกหรือไม่มีเลย ต้องเช็คสเปกดีๆ), หรือการทำงานร่วมกับระบบลำโพง Multi-room รุ่นใหม่ของ Bose ที่ตอนนี้เป็นคนละระบบกันไปแล้ว ดังนั้น ถ้าเน้นแค่คุณภาพเสียง Bose ที่คุ้มค่าในงบจำกัด SoundTouch 20 มือสองคือตัวเลือกที่น่าพิจารณา แต่ถ้าอยากได้ฟังก์ชันใหม่ๆ หรือระบบนิเวศ (Ecosystem) ที่ต่อเนื่อง ก็อาจจะต้องมองข้ามไปรุ่นใหม่กว่าแทน
4. ซื้อแล้วได้อะไรมาบ้างนะ?
อันนี้แหละคือจุดที่ต้องเช็คให้ดีมากๆ เลยนะ เวลาซื้อ Bose SoundTouch 20 มือสอง เนี่ย เพราะสิ่งที่ได้มาอาจจะไม่เหมือนกันในแต่ละร้านหรือแต่ละคนขายเลย สิ่งที่ควรเช็คเลยก็คือ:
- ตัวลำโพง: สภาพเป็นยังไง มีรอยเยอะมั้ย การทำงานของปุ่มต่างๆ หน้าจอ OLED (ถ้ามี) ยังแสดงผลชัดเจนดีอยู่หรือเปล่า
- รีโมทคอนโทรล: ส่วนใหญ่จะมีรีโมทมาให้ด้วย เช็คว่ายังใช้งานได้ดีมั้ย
- สายไฟ: มีมาให้ครบมั้ย เป็นหัวแบบที่ใช้ในไทยได้เลยหรือเปล่า
- คู่มือ: อาจจะมีหรือไม่มีก็ได้
- กล่อง: ถ้ามีกล่องเดิมๆ มาด้วยจะยิ่งดี
- ประกัน: อันนี้สำคัญมากสำหรับคนไทยที่ค่อนข้างกังวลเรื่องการซ่อม! ส่วนใหญ่ลำโพงมือสองจะ ไม่มีประกันศูนย์ แล้วนะ แต่บางร้านที่ขายอาจจะมี ประกันร้าน ให้เล็กๆ น้อยๆ สัก 7 วัน หรือ 30 วัน ก็ต้องลองสอบถามดู หรือถ้าซื้อกับผู้ใช้โดยตรง ก็อาจจะไม่มีประกันเลย ต้องทำใจนะจ๊ะ การซ่อมลำโพง Bose อาจจะมีค่าใช้จ่ายสูงได้
- ของแถม/โปรโมชั่น: อันนี้แล้วแต่ร้านเลย อาจจะมีแถมสาย AUX หรืออุปกรณ์อื่นๆ ลองสอบถามดูจ้า
ส่วนเรื่อง ค่าจัดส่ง ถ้าซื้อออนไลน์ส่วนใหญ่จะมีค่าส่งนะ นอกจากร้านจะจัดโปรโมชั่น ส่งฟรี ก็ต้องลองดูเงื่อนไขดีๆ อย่าง Mercular ก็มีบริการจัดส่งฟรีเมื่อซื้อถึงยอดที่กำหนด
5. มีช่วงไหนน่าซื้อเป็นพิเศษมั้ย?
แน่นอนว่าถ้าอยากได้ของดีราคาโดน ช่วง โปรโมชั่น นี่แหละคือเวลาทองเลยจ้า! ถึงแม้จะเป็นลำโพงที่เน้นขายมือสองหรือค้างสต็อก แต่บางร้านค้าออนไลน์หรือผู้ขายรายย่อยก็มักจะมีโปรโมชั่นลดราคาในช่วงเทศกาลสำคัญๆ ของไทยนะ เช่น ช่วงปีใหม่ไทย (สงกรานต์), วันชาติไทย (5 ธันวาคม), หรือช่วง Double Digit Sale ยอดฮิตอย่าง 11.11 (วันที่ 11 เดือน 11) และ 12.12 (วันที่ 12 เดือน 12) ที่ Lazada กับ Shopee เค้าจัดหนักจัดเต็มกันทุกปี! ช่วงนี้แหละที่อาจจะมีร้านค้าเอากล้องมือสองสภาพดีๆ มาลดราคา หรือมีโค้ดส่วนลดพิเศษให้ใช้ ก็ต้องหมั่นเข้าไปเช็ค เข้าไปส่องบ่อยๆ นะจ๊ะ หรือบางทีร้านเครื่องเสียงใหญ่ๆ ที่อาจจะยังมีสต็อกค้างอยู่ อาจจะจัดโปรโมชั่นล้างสต็อกในช่วงเวลาเหล่านี้ก็ได้ สรุปคือ ถ้าไม่รีบมากๆ รอช่วงโปรโมชั่น เนี่ย มีโอกาสได้ของดีราคาถูกลงเยอะเลยจ้า!
6. คนไทยใช้แล้วรู้สึกยังไงกันบ้างนะ?
จากที่ลองไปส่องๆ ดูตามรีวิวและกระทู้พูดคุยของคนไทยเนี่ย เสียงตอบรับส่วนใหญ่เกี่ยวกับ Bose SoundTouch 20 ถือว่าดีเลยนะ จุดที่คนไทยชอบมากๆ เลยก็คือ:
- คุณภาพเสียงตามสไตล์ Bose: หลายคนชอบเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ เบสแน่น กลางชัด ปลายไม่จัดจ้านเกินไป เหมาะกับการฟังเพลงหลากหลายแนวในบรรยากาศสบายๆ ในบ้าน
- เสียงดังเกินตัว คุ้มค่า: ด้วยขนาดที่ไม่ใหญ่มาก แต่ให้เสียงที่ดังและเติมเต็มพื้นที่ในห้องได้ดี
- ดีไซน์เรียบหรู: วางตรงไหนในบ้านก็ดูดี กลมกลืนไปกับการตกแต่ง
- ใช้งานง่าย (ผ่านแอปฯ SoundTouch): ถึงแม้แอปฯ อาจจะไม่ได้อัปเดตเท่าแอปฯ รุ่นใหม่ แต่ก็ถือว่าใช้งานง่ายในการควบคุมเพลง สตรีมมิ่ง หรือสร้าง Preset เพลงโปรด
- การเชื่อมต่อหลากหลาย: มีทั้ง Wi-Fi, Bluetooth (สำหรับ Series III ขึ้นไป) และ AUX ทำให้ยืดหยุ่นในการใช้งาน
- ความทนทาน: หลายคนที่ใช้มานานก็บอกว่ามันค่อนข้างทนทาน ใช้งานได้ดี (แต่ก็ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษานะ!)
แต่ก็มีบางส่วนที่อาจจะรู้สึกว่าเสียงเบสเยอะไปหน่อย หรือรายละเอียดเสียงบางย่านอาจจะไม่ชัดเจนเท่าที่ควรสำหรับบางแนวเพลงที่เน้นรายละเอียดมากๆ และบางคนอาจจะไม่ชอบที่ไม่มีแบตเตอรี่ในตัว ต้องเสียบปลั๊กตลอดเวลา ซึ่งทำให้ไม่สะดวกในการพกพาไปใช้นอกบ้านเหมือนลำโพงพกพารุ่นอื่นๆ ของ Bose อย่าง SoundLink
สรุปคือ คนไทยที่เคยใช้ SoundTouch 20 ส่วนใหญ่จะแฮปปี้กับ คุณภาพเสียงตามสไตล์ Bose, ความดังและมิติเสียงที่ดีเกินขนาด และ ความคุ้มค่า ในราคาของมือสองจ้า
7. แล้วจะไปหาซื้อได้ที่ไหนล่ะทีนี้?
อย่างที่บอกไปตอนต้นว่าส่วนใหญ่ตอนนี้จะเป็น สินค้ามือสอง หรือ ค้างสต็อก/ลดล้างสต็อก นะจ๊ะ ช่องทางหลักๆ ที่น่าไปส่องก็คือ:
- แพลตฟอร์มออนไลน์ขนาดใหญ่: เช่น Shopee และ Lazada อันนี้เป็นแหล่งรวมร้านค้าและผู้ขายรายย่อยเยอะมากๆ มีทั้งมือหนึ่ง (ที่อาจจะค้างสต็อกนานแล้ว) และมือสอง ข้อดีคือมีตัวเลือกเยอะ สามารถเปรียบเทียบราคาได้ง่าย มีระบบการจ่ายเงินที่ปลอดภัย และบางทีมีโค้ดส่วนลดหรือโปรโมชั่นส่งฟรีให้ใช้ด้วย แต่ข้อเสียคือเราไม่เห็นของจริง ต้องดูจากรูปและรายละเอียดที่ผู้ขายให้มา และต้องเช็คเครดิตร้าน/ผู้ขายดีๆ อ่านรีวิวจากคนอื่นเยอะๆ ก่อนซื้อนะจ๊ะ โดยเฉพาะสินค้ามือสอง ควรสอบถามรายละเอียดและขอรูป/วิดีโอเพิ่มเติมให้แน่ใจ
- กลุ่มซื้อขายอุปกรณ์เครื่องเสียงมือสองใน Facebook: กลุ่มเหล่านี้เป็นแหล่งที่ดีมากๆ ในการหาลำโพงมือสองนะ เพราะมักจะเป็นผู้ใช้ด้วยกันเองที่เอามาปล่อยต่อ บางทีจะได้ราคาดีกว่าซื้อจากร้าน แถมยังสามารถพูดคุย สอบถามรายละเอียด ขอดูรูป หรือวิดีโอเพิ่มเติมจากผู้ขายได้โดยตรง แต่ก็ต้องระวังมิจฉาชีพด้วยนะ! นัดเจอเพื่อเช็คของและจ่ายเงินกับมือจะปลอดภัยที่สุดจ้า
- ร้านเครื่องเสียงบางแห่ง: ถึงแม้ตัวแทนจำหน่ายหลักอย่างอัศวโสภณอาจจะไม่มีขายแล้ว แต่ร้านเครื่องเสียงบางแห่งที่เน้นขายสินค้า Hi-Fi หรือ Gadget อาจจะยังมีสต็อกค้างอยู่ หรือรับซื้อขายมือสองด้วย ลองสอบถามดูได้ แต่ไม่การันตีว่าจะยังมีสินค้าจ้า
- ตลาดต่างประเทศ (เช่น eBay): ถ้าใจกล้าและไม่กลัวเรื่องการนำเข้า อาจจะลองดูใน eBay ก็มี Bose SoundTouch 20 ทั้งมือหนึ่ง (ค้างสต็อก) และมือสองให้เลือกเยอะ แต่ต้องบวกค่าส่ง ค่าภาษี และความเสี่ยงต่างๆ ด้วยนะ
ช่องทาง Official ของ Bose ในไทยตอนนี้เค้าจะเน้นไปที่รุ่นใหม่ๆ แล้วจ้า สำหรับ SoundTouch 20 ต้องพึ่งพาตลาดมือสองและร้านที่ยังมีสต็อกเก่าเป็นหลักนะ
8. สรุปแล้วน่าซื้อไหม? เหมาะกับใคร?
มาถึงบทสรุปกันแล้ว! ถามว่า Bose SoundTouch 20 ยังน่าซื้ออยู่ไหมในปีนี้? คำตอบคือ น่าซื้อมากๆ เลยจ้า ถ้าคุณยอมรับได้ว่าเป็นรุ่นที่เลิกผลิตแล้ว และอาจจะต้องพึ่งพาตลาดมือสอง และคุณเป็นคนที่:
- มีงบประมาณจำกัด แต่อยากได้ลำโพงที่ให้ คุณภาพเสียงระดับ Bose ที่โดดเด่นในสไตล์เบสแน่น ฟังสนุก
- ต้องการลำโพงสำหรับใช้งานในบ้าน เป็นหลัก ไม่เน้นพกพาไปข้างนอก เพราะไม่มีแบตในตัว
- มีพื้นที่ในห้องขนาดกำลังดี (ห้องนั่งเล่น, ห้องนอน) ที่ SoundTouch 20 ให้เสียงได้ครอบคลุม
- ชอบดีไซน์เรียบหรูดูดี วางตรงไหนก็เข้ากับบ้าน
- ไม่ได้ซีเรียสเรื่องฟังก์ชันใหม่ล่าสุด เช่น การสั่งงานด้วยเสียง หรือการทำงานร่วมกับระบบ Multi-room รุ่นใหม่ของ Bose ที่เป็นคนละระบบกัน
เจ้า SoundTouch 20 คือตัวเลือกที่ คุ้มค่าเกินราคา (ในตลาดมือสอง) ให้คุณภาพเสียงที่ดีมากๆ สำหรับการฟังเพลงในชีวิตประจำวัน ถือเป็นลำโพงตัวจบสำหรับหลายๆ คนที่ไม่ต้องการความซับซ้อน
ส่วนจะเลือกรุ่น SoundTouch 20 หรือจะข้ามไปรุ่นใหม่เลย ก็ขึ้นอยู่กับงบและความต้องการเลยจ้า ถ้าเน้นประหยัด คุณภาพเสียงดี Bose จบๆ ในงบหมื่นต้นๆ SoundTouch 20 นี่แหละเหมาะเลย แต่ถ้าอยากได้ฟังก์ชันครบๆ ทันสมัย รองรับการเชื่อมต่อใหม่ๆ หรืออยากสร้างระบบ Multi-room ที่เป็นปัจจุบันของ Bose ก็อาจจะต้องเพิ่มงบไปดูตระกูล Home Speaker แทนนะ แต่สำหรับคนรักเสียง Bose ที่อยากได้ลำโพงดีๆ ในราคาที่จับต้องได้ง่ายขึ้น SoundTouch 20 มือสอง ยังคงเป็นตัวเลือกที่ น่าสอยมากๆ เลยจ้า!
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคนที่กำลังตัดสินใจซื้อ Bose SoundTouch 20 นะจ๊ะ ขอให้ได้ลำโพงที่ถูกใจ ได้ฟังเพลงโปรดแบบฟินๆ กันทุกคนจ้า! บ๊ายบายยย!
วิดีโอที่เกี่ยวข้อง
แนะนำสำหรับคุณ
ไส้กรองน้ำ Lux Alva ราคาล่าสุด เปลี่ยนเมื่อไหร่ดี?
Ableton Push 2: ราคาล่าสุด ปี 2568 และรีวิวคอนโทรลเลอร์สำหรับทำเพลง
คาลิมบา (Kalimba) ราคาถูก เริ่มต้นกี่บาท? ยี่ห้อไหนดีสำหรับมือใหม่
รวมราคา Samsung Galaxy J Prime ทุกรุ่นฮิต (J2, J5, J7 Prime)
กระเป๋า Porter จากญี่ปุ่น: ราคาล่าสุด ปี 2568 รุ่นไหนยอดนิยม ซื้อที่ไหนดี?
หมวกเบสบอล LA Dodgers ราคาล่าสุด: ซื้อของแท้ได้ที่ไหน?