รีวิว PRP ผม จาก Pantip: ฉีด PRP รักษาผมร่วง ผมบาง ได้ผลจริงไหม?


《รีวิว PRP ผม จาก Pantip: ฉีด PRP รักษาผมร่วง ผมบาง ได้ผลจริงไหม?》
โอ๊ยยย... ปัญหาผมร่วง ผมบาง นี่มันช่างกวนใจ! ไม่ว่าจะวัยไหน เพศอะไร ก็เจอได้หมด ยิ่งบ้านเราอากาศร้อน อบอ้าว เหงื่อออกง่าย ผมก็ร่วงเก่งไปอีก! เวลาเห็นเส้นผมติดหวี ติดพื้น ติดหมอนนี่ใจจะขาด บางทีก็แอบนอยด์นะ ไม่กล้าทำผมทรงนู้นทรงนี้ กลัวคนเห็นหนังศีรษะแสกกว้างๆ หรือผมด้านหน้าน้อยๆ T_T
สมัยนี้เค้าก็มีวิธีรักษากันเยอะแยะ ทั้งยาทา ยาทาน เลเซอร์ ปลูกผม... แต่ที่ฮิตสุดๆ ในเว็บPantip เห็นคนพูดถึงเยอะมาก ก็คือ "ฉีด PRP ผม" เนี่ยแหละค่ะ หลายคนก็บอกว่าดีงาม ผมขึ้นจริง! บางคนก็บอกว่าเฉยๆ เปลืองเงิน! อ้าววว แล้วตกลงมันยังไงกันแน่?! วันนี้เราจะมาสรุปให้ฟังแบบบ้านๆ เข้าใจง่ายๆ สไตล์คนเคยสิง Pantip กันว่า PRP ผม ที่เค้าเม้าท์กันนี่ มันเวิร์คจริงไหม มาค่ะ ตามมาดูกัน!
1. PRP ผม คืออะไร? ทำไมเค้าถึงฮิตกันนัก?
เอาแบบง่ายๆ เลยนะคะ PRP ย่อมาจาก Platelet-Rich Plasma หรือ "พลาสม่าที่มีเกล็ดเลือดเข้มข้น" ฟังดูไฮโซเนอะ แต่จริงๆ มันก็คือ เลือดของเราเองนี่แหละค่ะ!
คอนเซ็ปต์คือ: เจาะเลือดเราออกมา (เหมือนไปเจาะเลือดตรวจสุขภาพนั่นแหละ ชิลล์ๆ) แล้วเอาไปเข้าเครื่องปั่นแยกส่วน เครื่องก็จะเหวี่ยงๆ แยกเอาเฉพาะพลาสม่าที่มีเกล็ดเลือดเยอะๆ ออกมา ซึ่งในเกล็ดเลือดเนี่ย มันจะมี "Growth Factors" หรือสารเร่งการเติบโต อยู่เพียบเลยค่ะ
จากนั้น เค้าก็จะเอาพลาสม่าสีเหลืองๆ ทองๆ นี่แหละ ไป "ฉีดๆๆ" ตรงบริเวณหนังศีรษะที่เราผมบาง ผมร่วงนั่นแหละค่ะ! เค้าเชื่อว่า Growth Factors เหล่านี้จะไปช่วย:
- กระตุ้นให้รากผมที่ฝ่อไปแล้วกลับมาทำงาน
- ยืดอายุเส้นผมเดิมให้แข็งแรง ไม่ร่วงง่าย
- อาจจะช่วยให้มีลูกผมใหม่ขึ้นมาด้วย!
เค้าว่ากันว่าวิธีนี้ค่อนข้าง "ธรรมชาติ" เพราะใช้เลือดของเราเอง ไม่ใช่สารเคมี แถมยังไม่ต้องผ่าตัด พักฟื้นไม่นาน เลยเป็นที่นิยมในหมู่คนที่กลัวการผ่าตัดหรืออยากลองวิธีที่ไม่ต้องกินยาต่อเนื่องนานๆ ค่ะ
2. หน้าตาของกระบวนการเป็นยังไง? เจ็บไหม?
ถ้าให้นึกภาพตามสไตล์รีวิวสินค้า ก็เปรียบกระบวนการนี้เหมือน "รูปลักษณ์ภายนอก" ของบริการละกันเนอะ คือมันมีขั้นตอนที่มองเห็นได้ สัมผัสได้ค่ะ
- ขั้นตอนแรก: พยาบาลก็จะมาเจาะเลือดเราไปใส่หลอดค่ะ แป๊บเดียวเหมือนตอนไปบริจาคเลือดนั่นแหละ
- ขั้นตอนสอง: เค้าก็จะเอาหลอดเลือดเราไปใส่เครื่องปั่นเหวี่ยง (Centrifuge) เครื่องก็จะหมุนๆๆๆ แยกชั้นเลือด นี่แหละคือช่วงที่ได้ พลาสม่าสีทองคำ ของเราออกมา
- ขั้นตอนสุดท้าย: คุณหมอหรือผู้เชี่ยวชาญก็จะใช้เข็มฉีดยาเล็กๆ ดูดเอาพลาสม่านั้น แล้วมา "จิ้มๆ ฉีดๆ" ทั่วบริเวณหนังศีรษะที่มีปัญหาค่ะ
ความรู้สึกตอนทำ: อันนี้แหละที่คนรีวิวใน Pantip บอกว่า... "เจ็บจี๊ดๆ" อยู่เหมือนกันนะ! เพราะต้องฉีดหลายจุดทั่วหัวเลย แต่ระดับความเจ็บก็แล้วแต่คน แล้วแต่เทคนิคของคุณหมอด้วย บางที่อาจจะมีการแปะยาชาให้ก่อน ก็จะช่วยลดความเจ็บลงได้เยอะค่ะ ทำเสร็จใหม่ๆ หนังศีรษะอาจจะแดงๆ ตึงๆ นิดหน่อย แต่ส่วนใหญ่ก็หายไปเองในไม่กี่ชั่วโมง หรือเต็มที่ไม่เกินวันสองวันค่ะ ถือว่า "ดีไซน์" ของกระบวนการคือเน้นความรวดเร็ว ไม่ต้องพักฟื้นนาน วันรุ่งขึ้นก็สระผม ทำกิจกรรมได้ปกติแล้ว
อุปกรณ์ที่ใช้: เข็มฉีดยา, หลอดเก็บเลือด, เครื่องปั่นเหวี่ยง (Centrifuge) ดูแล้วก็เป็นอุปกรณ์การแพทย์มาตรฐานค่ะ
3. ผลลัพธ์ล่ะ? เห็นผลจริงจังแค่ไหน?
มาถึงหัวข้อที่ทุกคนอยากรู้ที่สุด! สรุปแล้ว "ฟังก์ชันหลัก" คือการทำให้ผมขึ้นเนี่ย มันได้ผลดีงามเหมือนที่เคลมไว้ไหม?
จากการอ่านรีวิวใน Pantip มาเยอะแยะ สรุปได้ว่า... ผลลัพธ์มัน "แล้วแต่คน" และ "แล้วแต่ปัจจัย" จริงๆ ค่ะ!
คนที่เห็นผลดี: มักจะเป็นคนที่มีปัญหาผมบาง "ระยะเริ่มต้น" รากผมยังไม่ฝ่อตายไปหมด ยังพอมีหวังให้กระตุ้น เค้าก็จะรีวิวว่า:
- ผมร่วงน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด (อันนี้เป็นผลลัพธ์แรกๆ ที่หลายคนสังเกตได้)
- เส้นผมดูหนาขึ้น แข็งแรงขึ้น
- อาจจะมีลูกผมเล็กๆ งอกขึ้นมาบ้าง บริเวณที่บางไม่มาก
บางคนถึงขั้นลงรูปเปรียบเทียบ Before/After ให้ดูเลย ก็เห็นความแตกต่างอยู่บ้างค่ะ
คนที่เห็นผลน้อยหรือไม่เห็นผลเลย: มักจะเป็นคนที่มีปัญหาผมบาง ผมล้าน "มานานแล้ว" รากผมอาจจะฝ่อไปเยอะจนกระตุ้นไม่ขึ้น หรือบางทีก็อาจจะขึ้นแต่น้อยมากจนไม่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลง
ระยะเวลาเห็นผล: ส่วนใหญ่ต้องทำ "หลายครั้ง" นะคะ ไม่ใช่ทำครั้งเดียวแล้วผมจะงอกพรวดพราดออกมาเลย! โดยทั่วไป คลินิกจะแนะนำให้ทำเป็น "คอร์ส" เช่น 3-5 ครั้ง ห่างกัน 1 เดือน แล้วค่อยมาประเมินผล คนที่รีวิวว่าเห็นผล มักจะเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงประมาณหลังทำครั้งที่ 2-3 เป็นต้นไปค่ะ.
4. ใช้งานง่ายไหม? ต้องดูแลอะไรเยอะแยะหรือเปล่า?
ถ้าเปรียบกับความง่ายในการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้า การฉีด PRP ถือว่า "ค่อนข้างง่าย" ค่ะ!
- ขั้นตอนไม่ซับซ้อน: แค่ไปตามนัด ให้เค้าเจาะเลือด ปั่นเลือด ฉีดเลือด จบ!
- ไม่มีการดูแลหลังทำที่ยุ่งยาก: แค่ระวังเรื่องความสะอาดบริเวณที่ฉีด งดสระผมวันแรก งดกิจกรรมหนักๆ ที่เหงื่อออกเยอะๆ ในช่วง 24 ชั่วโมงแรก ส่วนใหญ่ก็ไม่มีอะไรพิเศษค่ะ
- ไม่ใช่การรักษาที่ต้องทำเองที่บ้าน: ไม่ต้องมานั่งทายา ฉีดเอง หรือทำอะไรซับซ้อน เหมาะกับคนที่ไม่ชอบความวุ่นวาย
แต่! ความง่ายนี้แลกมากับการ "ต้องเดินทางไปคลินิก" ตามนัดค่ะ ซึ่งอาจจะไม่สะดวกสำหรับบางคน และถึงแม้กระบวนการจะไม่ยุ่งยาก แต่ก็ต้องอาศัย "ความสม่ำเสมอ" ในการไปฉีดตามคอร์ส เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดค่ะ
5. คุ้มค่ากับเงินที่เสียไปไหม? ต้องจ่ายเท่าไหร่?
มาถึงเรื่อง "แบตเตอรี่/พลังงาน" ซึ่งในที่นี้เราจะตีความว่าเป็น "ความคุ้มค่าและค่าใช้จ่ายในระยะยาว" นะคะ เพราะการฉีด PRP เนี่ย ไม่ได้ทำครั้งเดียวจบแล้วผมจะดกดำไปตลอดชีวิต!
ราคา: อันนี้หลากหลายมากๆ เลยค่ะ ใน Pantip จะเห็นคนรีวิวราคาตั้งแต่หลักพันปลายๆ ไปจนถึงหมื่นกว่าบาท ต่อครั้ง! ส่วนใหญ่จะขายเป็น "คอร์ส" ค่ะ เช่น คอร์ส 3 ครั้ง ราคาเท่านี้ คอร์ส 5 ครั้ง ราคาเท่าโน้น ซึ่งการซื้อเป็นคอร์สจะถูกกว่าซื้อเป็นครั้งๆ ค่ะ
ค่าใช้จ่ายในระยะยาว: แม้จะทำครบตามคอร์สแล้ว ถ้าอยากคงสภาพผมที่ดีไว้ ส่วนใหญ่คุณหมอจะแนะนำให้ทำ "Maintenance Dose" หรือทำซ้ำเป็นระยะๆ อาจจะปีละ 1-2 ครั้ง ซึ่งก็เป็นค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นต่อเนื่องค่ะ
ความคุ้มค่า: อันนี้แหละที่เป็นประเด็นถกเถียงกันหนักใน Pantip!
- ถ้าคุณเป็นคนที่ฉีดแล้วเห็นผลดีมากๆ ผมหนาขึ้นจริง ร่วงน้อยลงชัดเจน > คุณอาจจะรู้สึกว่า "คุ้มค่า" เพราะได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ
- ถ้าคุณเป็นคนที่ฉีดแล้วไม่เห็นผล หรือเห็นผลน้อยมาก > คุณก็อาจจะรู้สึกว่า "ไม่คุ้มค่า" เสียเงินไปแล้วไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงเท่าที่คาดหวัง
บางคนก็เอาไปเทียบกับค่ายาทา ค่ายากิน ค่ายาปลูกผม แล้วบอกว่า PRP แพงกว่าเยอะ แต่บางคนก็ยอมจ่ายเพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงจากยาค่ะ สรุปคือ ความคุ้มค่าเป็นเรื่องส่วนบุคคล ที่ต้องประเมินจากผลลัพธ์ที่ได้และกำลังทรัพย์ของเราค่ะ
6. สรุปข้อดี-ข้อเสีย ฉีด PRP ผม
มาลิสต์กันชัดๆ เหมือนตอนดูข้อดีข้อเสียสินค้าเลยค่ะ อะไรเด่น อะไรต้องระวัง!
ข้อดีที่คนรีวิวใน Pantip พูดถึงบ่อยๆ:
- ใช้เลือดตัวเอง ปลอดภัยกว่า ไม่แพ้: ลดความเสี่ยงการแพ้ เพราะไม่ใช่สารแปลกปลอม
- กระบวนการไม่ซับซ้อน พักฟื้นน้อย: ทำแล้วใช้ชีวิตประจำวันได้เกือบปกติทันที
- อาจช่วยลดผมร่วง และกระตุ้นการเติบโต: มีโอกาสเห็นผลในกลุ่มคนที่มีปัญหาไม่มาก
- ไม่ต้องกินยาต่อเนื่องนานๆ: ดีสำหรับคนที่ไม่ชอบหรือกังวลผลข้างเคียงของยาทาน
- เห็นผลได้ในระดับหนึ่ง: บางคนรีวิวว่าผมแข็งแรงขึ้น ร่วงน้อยลงจริง
ข้อเสียที่ต้องทำใจก่อนจ่ายเงิน:
- ผลลัพธ์ไม่แน่นอน แล้วแต่คน: ไม่มีใครรับประกันได้ 100% ว่าฉีดแล้วผมจะขึ้นแน่นอน
- อาจจะเจ็บตอนฉีด: ต้องเตรียมใจรับความรู้สึกจี๊ดๆ หลายจุด
- ต้องทำเป็นคอร์ส หลายครั้ง: ไม่ใช่การรักษาแบบครั้งเดียวจบ
- ค่าใช้จ่ายสูงในระยะยาว: ทั้งค่าคอร์สและค่า Maintenance
- ไม่เหมาะกับคนผมบาง/ล้านเยอะๆ มานาน: อาจไม่เห็นผลเท่าที่ควร
7. ฉีด PRP เหมาะกับใคร? ควรตัดสินใจซื้อ (คอร์ส) ดีไหม?
จากข้อมูลและรีวิวใน Pantip พอจะสรุปได้ว่า PRP เหมาะกับ:
- คนที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง "ระยะเริ่มต้น": คือเพิ่งเริ่มสังเกตว่าผมร่วงเยอะ หรือผมเริ่มบางลงเล็กน้อย แต่ยังไม่ถึงขั้นล้านเห็นหนังศีรษะชัดเจน
- คนที่มองหาวิธีรักษาแบบ "ไม่ใช้ยา" หรือ "ไม่อยากผ่าตัด": เน้นวิธีที่ค่อนข้างธรรมชาติและไม่เจ็บตัวเท่าการปลูกผม
- คนที่ "มีงบประมาณ" ในระดับหนึ่ง: เพราะต้องยอมรับว่าค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง และต้องทำต่อเนื่อง
- คนที่ "คาดหวังผลลัพธ์แบบค่อยเป็นค่อยไป": ไม่ได้คาดหวังว่าจะผมดกดำในชั่วข้ามคืน
แล้วควรซื้อคอร์สดีไหม?
ถ้าคุณเข้าข่ายข้างบน และ "ยอมรับความเสี่ยงเรื่องผลลัพธ์ที่ไม่แน่นอนได้" ก็ "น่าลอง" ค่ะ! แต่ถ้าคุณผมบางมานานมากแล้ว หรือมีงบจำกัดมากๆ อาจจะต้องพิจารณาทางเลือกอื่นที่อาจจะเห็นผลชัดเจนกว่าหรือคุ้มค่ากว่าในมุมของคุณค่ะ บางทีการซื้อคอร์สช่วงโปรโมชั่นพิเศษตามเทศกาลต่างๆ ก็อาจจะช่วยให้ตัดสินใจง่ายขึ้น เหมือนรอซื้อของตอน 11.11 หรือ 12.12 นั่นแหละค่ะ!
8. เลือกคลินิกยังไงดี? ซื้อคอร์สที่ไหนคุ้มสุด?
หัวข้อนี้เปรียบเสมือน "บริการหลังการขายและช่องทางการซื้อ" ในรีวิวสินค้าค่ะ เพราะคลินิกที่เราเลือกก็สำคัญไม่แพ้ตัวการรักษาเลยนะ!
สิ่งที่คนใน Pantip มักแนะนำเวลาเลือกคลินิก:
- เลือกคลินิกที่น่าเชื่อถือ มีใบอนุญาตชัดเจน: อันนี้สำคัญสุด ปลอดภัยไว้ก่อนค่ะ
- คุณหมอต้องมีประสบการณ์: การฉีด PRP ต้องการความแม่นยำและเทคนิคที่ดีค่ะ
- ดูรีวิวจากผู้ใช้จริง: ลองหาอ่านรีวิวใน Pantip หรือตามโซเชียลอื่นๆ ดูว่าคนอื่นที่เคยไปทำที่นี่ เค้าเห็นผลยังไง บริการดีไหม
- สอบถามรายละเอียดให้ชัดเจน: คุยเรื่องขั้นตอน ราคาคอร์ส จำนวนครั้ง การดูแลหลังทำ ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นให้ละเอียดก่อนตัดสินใจ
- เปรียบเทียบราคาและโปรโมชั่น: แต่ละคลินิกราคาไม่เท่ากัน ลองเช็คหลายๆ ที่ หรือรอช่วงโปรโมชั่นค่ะ บางทีมีแถมวิตามินบำรุงผม หรือให้ส่วนลดพิเศษด้วย
ช่องทางการซื้อ (คอร์ส PRP): ส่วนใหญ่ก็ต้องไปซื้อที่ "คลินิกโดยตรง" นั่นแหละค่ะ แต่บางทีคลินิกอาจจะมีการลงโปรโมชั่นในแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ เช่น Line Shopping, Shopee, Lazada บ้าง ต้องลองเช็คดูค่ะ การซื้อตรงกับคลินิกมักจะได้ปรึกษาคุณหมอและเห็นสถานที่ก่อนตัดสินใจ ส่วนการซื้อผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์อาจจะได้ราคาพิเศษกว่า ต้องชั่งน้ำหนักดูค่ะ
9. บทสรุปส่งท้าย: ฉีด PRP ผม ได้ผลจริงไหม?
จากที่ฟังเสียงส่วนใหญ่ใน Pantip และข้อมูลที่เราสรุปมาทั้งหมด ก็พอจะตอบคำถามที่ว่า "ฉีด PRP ผม ได้ผลจริงไหม?" ได้ว่า... "ได้ผลในบางกรณี และได้ผลในระดับหนึ่งค่ะ!"
มันไม่ใช่ยาวิเศษที่ฉีดแล้วผมจะขึ้นดกดำเหมือนสมัยเป็นหนุ่มเป็นสาวทุกคนนะคะ แต่เป็นหนึ่งในทางเลือกการรักษาที่ "อาจจะช่วยชะลอการหลุดร่วง กระตุ้นให้ผมเดิมแข็งแรงขึ้น และอาจจะมีลูกผมใหม่ขึ้นบ้าง" โดยเฉพาะในคนที่ปัญหาผมบางยังไม่รุนแรง
คำแนะนำสุดท้าย:
- ถ้าคุณกังวลเรื่องผมร่วง ผมบาง แนะนำให้ "ปรึกษาคุณหมอผู้เชี่ยวชาญ" ก่อนค่ะ ให้คุณหมอวินิจฉัยสาเหตุและประเมินว่า PRP เหมาะกับกรณีของคุณไหม
- ถ้าตัดสินใจจะลอง ให้ "ทำใจเรื่องผลลัพธ์ที่ไม่แน่นอน" ไว้ด้วยนะคะ อย่าคาดหวังสูงจนเกินไป
- "ศึกษาข้อมูล เปรียบเทียบราคา และเลือกคลินิกที่น่าเชื่อถือ" คือหัวใจสำคัญค่ะ!
หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้เพื่อนๆ ที่กำลังลังเลเรื่องฉีด PRP ผม ได้ข้อมูลไปช่วยในการตัดสินใจนะคะ ผมเป็นเรื่องสำคัญ ความมั่นใจก็สำคัญไม่แพ้กันค่ะ! ลองหาข้อมูลเพิ่มเติม หรือจะเข้าไปอ่านกระทู้รีวิวใน Pantip เพิ่มเติมดูก็ได้เลยค่ะ มีข้อมูลเพียบ!
วิดีโอที่เกี่ยวข้อง
- PRP ฟื้นฟูเส้นผม หยุดปัญหาผมบาง ผมร่วง ด้วยเกล็ดเลือดของตัวเอง
- เรื่องเล่าจากผู้เข้ารับการรักษาผมร่วงด้วยเกล็ดเลือด PRP ...
- PRP ราคาถูก น่ากลัวกว่าที่คิด! | หมอ “ผม” ชอบหาเรื่อง SS4 : EP.14
- "PRP ปลูกผมได้จริงหรือ ?" : หมอแนะ : รายการคุยกับหมออัจจิมา
- หมอHair ขอบอกต่อ (EP.12) : PRP ต้องทำกี่ครั้งถึงจะเห็นผล ?
แนะนำสำหรับคุณ
จัดกระดูก คืออะไร? รีวิว ประสบการณ์ และข้อควรรู้
รวมร้านหมูจุ่ม เชียงใหม่ อร่อยเด็ด บรรยากาศดี
รีวิว Beauty Plus Clinic กำจัดขน: เลเซอร์ขนที่นี่ดีไหม ราคาเป็นอย่างไร?
รีวิวหนัง "ฮาวทูทิ้ง..ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ" ประทับใจแค่ไหน?
รีวิว Adidas Edge Lux Clima: รองเท้าวิ่ง Adidas ระบายอากาศดี น่าใส่ไหม?
รีวิว Hisense 55B7700UW ทีวี 55 นิ้ว ภาพสวย คุ้มราคาไหม?