รีวิว Xiaomi Router 4A เราเตอร์สุดคุ้ม สัญญาณแรงทั่วบ้าน?


ใครเคยเจอปัญหานี้บ้าง? เน็ตบ้านติดๆ ดับๆ เข้าห้องน้ำสัญญาณหาย ไปมุมอับของบ้านก็อืดเป็นเต่าคลาน ยิ่งช่วงเทศกาลที่คนในบ้านพร้อมใจกันล็อกอินสารพัดอุปกรณ์นะ...โอ้โห! อยากจะปาเราเตอร์ทิ้ง! แต่วันนี้เรามีตัวช่วยที่เขาว่ากันว่า "คุ้ม" แถม "สัญญาณแรง" ทั่วบ้าน ในราคาแค่แบงก์พันมีทอน! นั่นก็คือ Xiaomi Router 4A นั่นเองจ้า! วันนี้จะมารีวิวแบบบ้านๆ สไตล์คนใช้จริง เจ็บจริง ได้รับสัญญาณจริง จะปังหรือพัง ตามมาดูกันเลย!
1. ภาพรวมผลิตภัณฑ์: รู้จักเจ้าเราเตอร์สุดคุ้มตัวนี้กันหน่อย
แบรนด์: Xiaomi (เสี่ยวมี่ นั่นแหละทุกคน)
รุ่น: Router 4A (มีทั้งรุ่นธรรมดาและรุ่น Gigabit นะ เดี๋ยวเล่าให้ฟัง)
ปีที่เปิดตัว: ประมาณปี 2019 ถือเป็นรุ่นเก๋าแต่ยังเก๋าอยู่นะ!
ช่วงราคา: บอกเลยว่าน่ารักมาก! รุ่นธรรมดาเริ่มต้นแค่หลักร้อยปลายๆ ส่วนรุ่น Gigabit ก็ไม่ถึงพันปลายๆ หรือพันต้นๆ แล้วแต่โปรฯ
ตำแหน่งในตลาด: เป็นเราเตอร์รุ่นเริ่มต้นถึงระดับกลาง เหมาะกับคนงบน้อย อยากอัปเกรดจากเราเตอร์ที่แถมมากับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต หรือบ้านไม่ใหญ่มาก
สรุปจุดเด่นหลัก (แบบเน้นๆ):
- ราคาโคตรดี! ถูกแบบไม่น่าเชื่อ
- รองรับ Wi-Fi Dual Band (2.4GHz และ 5GHz) มีทั้งคลื่นไกลและคลื่นแรง
- มีเสาอากาศ 4 ต้น! ช่วยให้สัญญาณกระจายตัวได้ดีขึ้น
- ตั้งค่าง่ายสุดๆ ผ่านแอป Mi Home / Mi WiFi
- ดีไซน์มินิมอล วางตรงไหนก็ไม่ขัดตา
2. ดีไซน์ & รูปลักษณ์ภายนอก: ขาวๆ คลีนๆ วางตรงไหนก็เข้าท่า
ตัวเครื่องมาในโทนสีขาวจั๊วะ ดูมินิมอลคลีนๆ ตามสไตล์ Xiaomi เลย วัสดุเป็นพลาสติกแข็งแรงดี ไม่ดูก๊องแก๊ง
ขนาดและน้ำหนัก: ไม่ใหญ่ไม่เล็ก กำลังพอดีๆ น้ำหนักเบามาก (ประมาณ 220 กรัมสำหรับรุ่น Gigabit) ยกไปวางมุมไหนของบ้านก็สะดวก
สีที่มีให้เลือก: เท่าที่เห็นก็มีแต่สีขาวนี่แหละ
ความสะดวกในการพกพา: ถ้าต้องย้ายที่บ่อยๆ ก็สบายเลย เพราะเบาและขนาดไม่ใหญ่มาก
เหมาะกับวางไว้ที่ไหนในบ้าน: วางบนโต๊ะ ชั้นวางของ หรือแม้แต่แขวนผนังก็ได้ (ถ้าหาอุปกรณ์เสริม) เพราะดีไซน์มันเรียบๆ ไม่รกตา
อุปกรณ์เสริมในกล่อง: มีตัวเราเตอร์, อะแดปเตอร์จ่ายไฟ, และคู่มือ (ส่วนใหญ่คู่มือจะเป็นภาษาจีนนะ แต่ตั้งค่าผ่านแอปง่ายกว่าเยอะ)
3. ประสบการณ์ในการใช้งานฟังก์ชันหลัก: สัญญาณดีขึ้นจริงดิ?
หัวใจหลักของ Router ก็คือเรื่องสัญญาณนี่แหละ! เจ้า Xiaomi Router 4A เนี่ยเขาเคลมว่าสัญญาณแรงครอบคลุมทั่วบ้าน ด้วยความที่เป็น Dual Band คือมีทั้งคลื่น 2.4GHz ที่ส่งได้ไกลทะลุกำแพง (แต่ความเร็วไม่สูงมาก) และคลื่น 5GHz ที่ความเร็วสูงปรี๊ด (แต่ส่งได้ไม่ไกลเท่าคลื่น 2.4GHz และอ่อนไหวกับสิ่งกีดขวางมากกว่า)
ลองเอาไปใช้ในบ้านพักที่ค่อนข้างมีผนังกั้นหลายชั้น ปรากฏว่า...เฮ้ย! มุมอับที่เมื่อก่อนสัญญาณกากมาก ตอนนี้ดีขึ้นชัดเจนเลยนะ! อาจจะไม่ได้เต็มสปีดของเน็ตบ้านเป๊ะๆ ในทุกจุด แต่ก็เพียงพอที่จะดู YouTube HD หรือเล่นโซเชียลได้สบายๆ
ส่วนคลื่น 5GHz นี่เหมาะมากถ้าอยู่ใกล้ๆ เราเตอร์ เอาไว้ดูหนัง 4K หรือเล่นเกมออนไลน์นี่ลื่นหัวแตกเลยทีเดียว
สิ่งสำคัญคือ รุ่น Gigabit Edition จะมีพอร์ต LAN/WAN เป็นแบบ Gigabit (10/100/1000Mbps) ซึ่งเหมาะกับคนใช้เน็ตบ้านความเร็วสูงๆ ส่วนรุ่นธรรมดา (Megabit) พอร์ตจะเป็นแค่ 10/100Mbps เท่านั้นนะ ถ้าเน็ตบ้านคุณเกิน 100Mbps เลือกรุ่น Gigabit คุ้มกว่าเยอะ!
ใช้งานง่ายไหม? มือใหม่แค่ไหนก็ทำได้!
เรื่องการตั้งค่าบอกเลยว่า ง่ายมากกกก! แค่เสียบปลั๊ก โหลดแอป Mi Home หรือ Mi WiFi แล้วทำตามขั้นตอนในแอปได้เลย แป๊บเดียวก็เสร็จ แถมแอปยังเป็นภาษาไทยด้วยนะ!
หน้าตาแอปก็ใช้งานง่าย ดูสถานะเราเตอร์ได้ว่ามีอุปกรณ์กี่ตัวต่ออยู่ ดูการใช้งานอินเทอร์เน็ตแต่ละอุปกรณ์ได้ กำหนด Bandwidth ได้ (ใครแอบใช้เน็ตเยอะจะได้รู้!) และตั้งค่าอื่นๆ ได้สะดวก
เสียงดังไหม? แทบไม่มีเสียงเลย เพราะเป็นระบบระบายความร้อนแบบ Passive ไม่ต้องมีพัดลม ร้อนเร็วมั้ย? ใช้ไปนานๆ ก็มีอุ่นๆ บ้าง แต่ไม่ถึงกับร้อนจี๋จนน่าตกใจ
รองรับภาษาไทยทั้งในแอปและหน้าเว็บ (บางส่วน) ทำให้คนที่ไม่ถนัดภาษาอังกฤษใช้งานได้สบาย
4. พลังงาน & ความคุ้มค่าในระยะยาว: ใช้ไฟน้อย จ่ายครั้งเดียวจบ!
เราเตอร์ไม่ได้ใช้แบตเตอรี่ แต่เรื่องการใช้พลังงานนี่ประหยัดไฟหายห่วง ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าไฟจะพุ่ง
ความทนทานก็ถือว่าใช้ได้เลย ถ้าไม่ทำตกหรือเอาไปแช่น้ำก็อยู่ได้ยาวๆ ไม่ต้องเปลี่ยนอะไหล่อะไรให้ยุ่งยาก
เมื่อเทียบกับราคาค่าตัวหลักร้อยถึงพันต้นๆ กับสิ่งที่ได้มา ทั้ง Dual Band, เสา 4 ต้น, ตั้งค่าง่าย, และสัญญาณที่ดีขึ้น ถือว่า โคตรคุ้ม! เหมือนได้ชีวิตใหม่ในโลกอินเทอร์เน็ตเลยก็ว่าได้
5. สรุปข้อดี-ข้อเสีย: มีทั้งเรื่องที่ชอบและเรื่องที่ต้องคิดหน่อย
ข้อดีเด็ดๆ ที่คนไทยน่าจะเลิฟ:
- ราคาดีต่อใจ! งบน้อยก็แรงได้
- สัญญาณ Dual Band ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย
- ตั้งค่าผ่านแอปง่ายมาก ไม่ต้องง้อช่าง
- ดีไซน์สวยมินิมอล วางตรงไหนก็ไม่เกะกะ
- มีรุ่น Gigabit Edition สำหรับคนเน็ตแรงๆ
ข้อเสียที่อาจทำให้ลังเล:
- รุ่นธรรมดาพอร์ต LAN/WAN เป็นแค่ 10/100Mbps ถ้าเน็ตเกิน 100Mbps ต้องขยับไปรุ่น Gigabit
- สัญญาณทะลุกำแพงอาจจะยังไม่เท่าเราเตอร์เทพๆ ตัวแพงๆ
- ฟีเจอร์ขั้นสูงอาจไม่เยอะเท่าเราเตอร์ราคาสูง
- มีพอร์ต LAN แค่ 2 พอร์ต อาจจะไม่พอถ้ามีอุปกรณ์ที่ต้องต่อสาย LAN เยอะ
6. เหมาะกับใคร & คำแนะนำในการซื้อ: ใครควักตังค์ซื้อดีนะ?
เหมาะกับ:
- นักเรียน นักศึกษา คนวัยทำงานที่อยู่หอพัก คอนโด หรือบ้านขนาดเล็ก-กลาง: ต้องการเราเตอร์ที่สัญญาณดีขึ้นกว่าเดิมในราคาประหยัด
- คนที่มีงบจำกัด: แต่อยากได้เราเตอร์ Dual Band
- คนที่ไม่เน้นฟีเจอร์ซับซ้อน: แค่อยากได้ Wi-Fi แรงๆ ใช้ง่ายๆ
เหมาะกับการใช้งานแบบไหน:
- ใช้ในบ้านทั่วไป ดูหนัง ฟังเพลง เล่นโซเชียล เล่นเกมนิดหน่อย
- เชื่อมต่ออุปกรณ์ Smart Home ไม่กี่ชิ้น
ควรซื้อเลยไหม? หรือรอช่วงโปรฯ ดีกว่า?
ถ้ากำลังมองหาเราเตอร์ใหม่ และงบประมาณเป็นปัจจัยหลัก Xiaomi Router 4A รุ่น Gigabit Edition ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากๆ เลยนะ ยิ่งถ้าเน็ตบ้านคุณเกิน 100Mbps ย้ำว่าต้องรุ่น Gigabit เท่านั้น!
แต่ถ้าไม่รีบ แนะนำให้รอช่วงโปรโมชั่นตามแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ เช่น Lazada, Shopee เพราะบ่อยครั้งจะมีโค้ดส่วนลดหรือ Flash Sale ทำให้ได้ราคาที่คุ้มค่ากว่าเดิมอีกหลายสิบเปอร์เซ็นต์เลย!
7. เปรียบเทียบกับสินค้าคล้ายๆ กัน (เลือกใส่ก็ได้)
ถ้าเทียบกับเราเตอร์แถมๆ ที่มาจากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตส่วนใหญ่ Xiaomi Router 4A กินขาดเรื่องสัญญาณ Dual Band และความเสถียร ส่วนถ้าเทียบกับเราเตอร์ยี่ห้ออื่นในช่วงราคาใกล้เคียงกัน Xiaomi มักจะให้สเปก Dual Band ที่คุ้มค่ากว่า
ส่วนรุ่นพี่รุ่นน้องในแบรนด์เดียวกัน ถ้าขยับไปรุ่นที่สูงกว่าอย่าง Mi Router AX หรือรุ่นที่รองรับ Wi-Fi 6 ก็จะได้ความเร็วและฟีเจอร์ที่มากกว่า แต่ราคาก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย ถ้าเน็ตบ้านไม่ได้แรงถึงระดับ Wi-Fi 6 หรือไม่ได้ใช้อุปกรณ์ที่รองรับเยอะ รุ่น 4A Gigabit Edition ก็เพียงพอและคุ้มค่ากว่า
8. บริการหลังการขายและช่องทางการซื้อ: ซื้อที่ไหนดี? มีประกันไหม?
สินค้า Xiaomi ที่ขายในไทยส่วนใหญ่มีการรับประกัน 1 ปีนะ ถ้าซื้อจากร้านค้าทางการของ Xiaomi หรือร้านค้าใหญ่ๆ ที่น่าเชื่อถือใน Lazada, Shopee ก็มั่นใจเรื่องการรับประกันได้เลย ถ้ามีปัญหาก็ติดต่อเคลมตามเงื่อนไขได้
ช่องทางการซื้อยอดฮิต:
- Lazada / Shopee: แหล่งรวมร้านค้า ทั้งร้านทางการ ร้านตัวแทนจำหน่าย มีโปรโมชั่นส่วนลดเพียบตลอดปี
- ร้านค้าออนไลน์อย่างเป็นทางการของ Xiaomi: ในแพลตฟอร์มต่างๆ
- ร้านค้าไอทีชั้นนำบางแห่ง: อาจจะมีวางขายบ้าง
ช่วงโปรโมชั่นใหญ่ๆ อย่าง 7.7, 9.9, 11.11, 12.12 หรือช่วงเทศกาลสำคัญ มักจะมีดีลเด็ดๆ ทั้งลดราคา, โค้ดส่วนลดเพิ่ม, คูปองส่งฟรี, หรือแม้แต่ตัวเลือกผ่อนชำระ 0% ด้วยนะ
ระยะเวลาการจัดส่งถ้าสั่งจากร้านในไทยก็รวดเร็วทันใจ ส่วนใหญ่ 1-3 วันก็ได้ของแล้วจ้า
9. บทสรุปและคำแนะนำในการซื้อ: ซื้อเลยดีไหมนะ?
จากที่ลองใช้และพิจารณาทุกแง่มุมแล้ว ถ้าคุณกำลังเจอปัญหา Wi-Fi อืด สัญญาณกากในบางมุมของบ้าน และมีงบประมาณจำกัดมากๆ Xiaomi Router 4A รุ่น Gigabit Edition เป็นเราเตอร์ที่น่าลงทุนสุดๆ! มันคือการอัปเกรดที่เห็นผลชัดเจนในราคาที่คุณจ่ายได้สบายๆ
แนะนำให้ซื้อเลยสำหรับ:
- คนที่ใช้เน็ตบ้านความเร็วไม่เกิน 1Gbps (แล้วเลือกรุ่น Gigabit Edition นะ)
- คนที่อยู่คนเดียว หรือครอบครัวขนาดเล็ก-กลาง ใช้งานอุปกรณ์พร้อมกันไม่เยอะเว่อร์วัง
- คนที่เน้นความคุ้มค่า ไม่ได้ต้องการฟีเจอร์หวือหวา
แต่ถ้าเน็ตบ้านของคุณเกิน 1Gbps หรือเป็นสายเกมเมอร์ตัวจริงที่ต้องการความเสถียรสูงสุด เชื่อมต่ออุปกรณ์พร้อมกันเป็นสิบๆ ตัว หรือบ้านใหญ่มากจริงๆ อาจจะต้องมองหารุ่นที่สเปกสูงกว่านี้ แต่สำหรับคนส่วนใหญ่แล้ว เจ้า 4A Gigabit Edition นี่แหละ ตอบโจทย์ความคุ้มค่าในราคาประหยัดได้อย่างยอดเยี่ยม!
วิดีโอที่เกี่ยวข้อง
แนะนำสำหรับคุณ
จัดกระดูก คืออะไร? รีวิว ประสบการณ์ และข้อควรรู้
รวมร้านหมูจุ่ม เชียงใหม่ อร่อยเด็ด บรรยากาศดี
รีวิว Beauty Plus Clinic กำจัดขน: เลเซอร์ขนที่นี่ดีไหม ราคาเป็นอย่างไร?
รีวิวหนัง "ฮาวทูทิ้ง..ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ" ประทับใจแค่ไหน?
รีวิว Adidas Edge Lux Clima: รองเท้าวิ่ง Adidas ระบายอากาศดี น่าใส่ไหม?
รีวิว Hisense 55B7700UW ทีวี 55 นิ้ว ภาพสวย คุ้มราคาไหม?