logo

รีวิวข้อสอบ TU-GET เตรียมตัวสอบ TU-GET ยังไงให้ได้คะแนนดี?

user avatar
ภูมิ พงศ์ธนาธิป·07/04/2025 17:40
点赞
รีวิวข้อสอบ TU-GET เตรียมตัวสอบ TU-GET ยังไงให้ได้คะแนนดี?

สวัสดีค่าทุกคนนน! วันนี้จะมาป้ายยา เอ้ย! ไม่ใช่ป้ายยา แต่จะมารีวิวของที่หลายคนกำลังเล็งๆ อยู่ แถมยังเป็นอุปสรรคชิ้นโบว์แดงของใครหลายๆ คนที่อยากจะก้าวเท้าเข้าไปเป็นลูกแม่โดม นั่นก็คือ ข้อสอบ TU-GET นั่นเอง! ได้ยินชื่อก็ขนลุกแล้วใช่มั้ยล่ะ? คะแนนน้อยก็ใจแป้ว คะแนนถึงก็โล่งเป็นปลิดทิ้ง วันนี้เราจะมาเจาะลึกข้อสอบนี้กันแบบถึงพริกถึงขิง พร้อมเทคนิคเด็ดๆ ที่จะทำให้คุณพิชิต TU-GET ได้คะแนนดีแบบที่คาดไม่ถึง! เตรียมตัวให้พร้อม แล้วไปดูกันเล้ยยย!


1. ภาพรวมน้อง TU-GET: มันคือใคร? มาจากไหน?

TU-GET ย่อมาจาก Thammasat University General English Test เป็นข้อสอบวัดระดับความสามารถทางภาษาอังกฤษของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ค่ะ หลักๆ คือใช้ยื่นเข้าเรียนต่อ ไม่ว่าจะเป็นภาคไทยหรือภาคอินเตอร์ ทั้งปริญญาตรี โท เอก ที่ธรรมศาสตร์นี่แหละ บางทีองค์กรข้างนอกก็อาจจะใช้ด้วยนะ

ข้อสอบ TU-GET มี 2 แบบนะเออ ต้องดูดีๆ ก่อนสมัครว่าคณะ/โครงการที่เราจะยื่นเขาใช้แบบไหน:

  • TU-GET PBT (Paper-based Test): สอบบนกระดาษ มี 3 พาร์ท คะแนนเต็ม 1,000 คะแนน
  • TU-GET CBT (Computer-based Test): สอบบนคอมพิวเตอร์ มี 4 พาร์ท คะแนนเต็ม 120 คะแนน

ช่วงราคาค่าสอบ: PBT ประมาณ 800 บาท, CBT ประมาณ 1,500 บาท (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงและมีค่าสมัครล่าช้า) ใครไหวแบบไหน ถนัดแบบไหนก็เลือกเอา แต่เช็กกับที่ที่เราจะยื่นก่อนนะว่าเขารับแบบไหน

จุดที่ทำให้หลายคนเหงื่อตก:

  • คำศัพท์ยากระดับสิบ!
  • แกรมม่าสุดปราบเซียน
  • เวลาทำข้อสอบไม่เคยพอ!

2. ดีไซน์ & รูปลักษณ์ภายนอก (ของข้อสอบนะ ไม่ใช่คนคุมสอบ!)

ถ้าเป็น PBT ก็ฟีลข้อสอบกระดาษทั่วไปนี่แหละ มีเล่มข้อสอบกับกระดาษคำตอบให้ฝนๆ สิ่งที่ต้องเตรียมไปก็มี ดินสอ 2B ปากกา ยางลบ และบัตรประชาชน/พาสปอร์ต สนามสอบก็กระจายๆ กันไป ทั้งรังสิต ท่าพระจันทร์ ลำปาง พัทยา

ส่วน CBT อันนี้สอบบนคอมพิวเตอร์ค่ะ นั่งหน้าจอ จัดไปทั้ง Listening, Reading, Speaking, Writing สนามสอบหลักๆ จะอยู่ที่ธรรมศาสตร์ รังสิต สิ่งที่ต้องเตรียมไปก็น่าจะเป็นบัตรประชาชน/พาสปอร์ต (อาจจะมีอย่างอื่นอีก เช็กระเบียบดีๆ นะ)

บรรยากาศห้องสอบก็มาตรฐานสนามสอบทั่วไป แอร์เย็นบ้างไม่เย็นบ้าง เสียงเดิน เสียงกระแอม ไอ จาม ของคนข้างๆ ก็อาจจะมีบ้าง ถือเป็นสีสัน (มั้งนะ) แต่หลักๆ คือต้องมีสมาธิมากๆ ค่ะ! การแต่งกายก็ชุดสุภาพ หรือชุดนักเรียน/นักศึกษา (ถ้ายังเป็นอยู่) นะคะ


3. ประสิทธิภาพหลัก: แต่ละพาร์ทโหดแค่ไหน?

มาดูกันทีละพาร์ทเลยว่าน้อง TU-GET เขาจะมาไม้ไหนบ้าง:

สำหรับ PBT (คะแนนเต็ม 1000):

  • Structure (250 คะแนน): วัดแกรมม่าเน้นๆ มีทั้ง Error Identification (หาจุดผิด) และ Sentence Completion (เติมคำให้สมบูรณ์) อันนี้ต้องแม่นเรื่องโครงสร้างประโยค Tense ต่างๆ Participle Gerund Infinitive สารพัดสิ่ง
  • Vocabulary (250 คะแนน): วัดคลังศัพท์ มีทั้ง Cloze Test (เติมคำในช่องว่าง) และ Synonyms (หาคำเหมือน/ใกล้เคียง) จุดโหดคือตัวเลือกคำศัพท์จะใกล้เคียงกันมากกกก บางทีรู้ความหมายแต่เลือกใช้ผิดบริบทก็มีนะ
  • Reading (500 คะแนน): พาร์ทเก็บคะแนน (ถ้าทำทันนะ!) มีบทความให้อ่านหลายเรื่อง หลายแนว ทั้งวิชาการ สังคม ทั่วไป แล้วก็ตอบคำถามวัดความเข้าใจ จำนวนข้อเยอะ คะแนนเยอะ แต่เวลาก็น้อยตามไปด้วย

สำหรับ CBT (คะแนนเต็ม 120):

  • Reading (30 คะแนน): อ่านบทความหลากหลาย ตอบคำถาม
  • Listening (30 คะแนน): ฟังบทสนทนา บทพูด แล้วตอบคำถาม สำเนียงก็อาจจะมีหลากหลาย ต้องตั้งใจฟังดีๆ
  • Speaking (30 คะแนน): พูดใส่ไมโครโฟน! มีหัวข้อให้เตรียมตัวแป๊บหนึ่งแล้วก็พูด ใครไม่คุ้นกับการพูดกับคอมฯ ต้องซ้อมเยอะๆ
  • Writing (30 คะแนน): เขียน Essay เชิงวิชาการตามหัวข้อที่กำหนด ต้องมี Structure การเขียนที่ดี และใช้ศัพท์ แกรมม่าที่เหมาะสมกับ Academic Writing

ไม่ว่าจะ PBT หรือ CBT แต่ละพาร์ทก็มีจุดท้าทายของตัวเอง การฝึกทำข้อสอบเก่าเยอะๆ จะช่วยให้คุ้นเคยกับแนวข้อสอบและบริหารเวลาได้ดีขึ้น


4. ประสบการณ์การใช้งาน & ความง่ายในการใช้ (ข้อสอบใช้ง่ายมั้ยเนี่ย?)

ถามว่าข้อสอบมัน "ใช้ง่าย" ไหม... เอาเป็นว่ามันถูกออกแบบมาเพื่อ "วัด" เราอย่างเต็มที่แล้วกันค่ะ! 🤣

ความง่ายในการใช้สำหรับผู้สอบก็น่าจะอยู่ที่ความคุ้นเคยกับรูปแบบข้อสอบ และความพร้อมของเราเอง ถ้าเป็น PBT ก็คือการฝนกระดาษคำตอบทั่วไป ซึ่งอาจจะมีปัญหาเรื่องฝนไม่เข้มพอ หรือฝนผิดช่องได้ ถ้าไม่รอบคอบ

ส่วน CBT การทำบนคอมพิวเตอร์ก็มีข้อดีคือไม่ต้องกลัวเรื่องฝนคำตอบ แต่ก็ต้องมาดูเรื่องความคุ้นเคยกับระบบ การพิมพ์ (สำหรับพาร์ท Writing) และการพูดใส่ไมโครโฟน (สำหรับพาร์ท Speaking)

เรื่องภาษาที่ใช้ในข้อสอบ ส่วนใหญ่ก็เป็น Academic English ที่เจอได้ทั่วไปในตำราเรียน หรือบทความวิชาการ อาจจะมีศัพท์เฉพาะทางบ้างในบางบทความ แกรมม่าก็เน้นตามหลักเป๊ะๆ ใครที่คุ้นกับภาษาพูดมากๆ อาจจะต้องปรับตัวนิดหน่อย


5. แบตเตอรี่ / พลังงาน / ความคุ้มค่าในระยะยาว (คะแนนอยู่ได้นานแค่ไหน? คุ้มค่ามั้ย?)

น้อง TU-GET เขาไม่ได้ใช้แบตเตอรี่ค่ะ แต่ใช้พลังงานสมองและพลังใจของเราล้วนๆ! 😂

คะแนน TU-GET มีอายุ 2 ปี นับจากวันที่สอบ ดังนั้นวางแผนการสอบดีๆ นะคะ อย่าปล่อยให้คะแนนหมดอายุก่อนได้ใช้

ค่าใช้จ่ายในการสอบก็ตามที่บอกไป PBT ประมาณ 800 บาท, CBT ประมาณ 1,500 บาท ถ้าสอบครั้งเดียวผ่านฉลุยก็ถือว่าคุ้มมาก แต่ถ้าต้องสอบหลายรอบ ค่าใช้จ่ายก็บานปลายได้เหมือนกัน

ความคุ้มค่าในระยะยาว นอกจากใช้ยื่นเข้าธรรมศาสตร์แล้ว การเตรียมตัวสอบ TU-GET ก็ถือเป็นการทบทวนและพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษเชิงวิชาการของเราด้วย แกรมม่าแน่นขึ้น ศัพท์เป๊ะขึ้น อ่านจับใจความเก่งขึ้น ซึ่งทักษะเหล่านี้เอาไปต่อยอดในการเรียน หรือการทำงานได้สบายๆ เลยค่ะ


6. สรุปข้อดีข้อเสีย (แบบไม่อวย... เท่าไหร่)

ข้อดี:

  • เป็นที่ยอมรับในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ใช้ยื่นเข้าได้หลากหลายคณะ/โครงการ
  • PBT ราคาเป็นมิตร (กว่าข้อสอบอินเตอร์บางตัว)
  • ข้อสอบออกแบบตามมาตรฐานสากล
  • การเตรียมตัวช่วยปูพื้นฐาน Academic English ได้ดี
  • มีสอบเกือบทุกเดือน (มีโอกาสแก้ตัวได้เรื่อยๆ 😅)

ข้อเสีย:

  • ค่าสอบอาจจะสูงสำหรับบางคน โดยเฉพาะถ้าต้องสอบหลายรอบ
  • ความยากของข้อสอบที่เน้นศัพท์และแกรมม่าค่อนข้างสูง
  • เวลาทำข้อสอบค่อนข้างจำกัด ต้องบริหารเวลาให้ดี
  • คะแนนมีอายุจำกัดแค่ 2 ปี
  • CBT มีแค่ที่รังสิต อาจจะไม่สะดวกสำหรับคนต่างจังหวัด

7. เหมาะกับใคร & คำแนะนำในการซื้อ (หรือควรเรียกว่า 'สมัครสอบ')

น้อง TU-GET เหมาะกับใคร? แน่นอนว่าอันดับหนึ่งคือคนที่อยากเข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ไม่ว่าจะระดับไหน หรือคณะ/โครงการอะไรก็ตามที่กำหนดให้ใช้คะแนน TU-GET

เหมาะกับการใช้งานแบบไหน? เหมาะกับการใช้เป็นใบเบิกทางเข้าสู่รั้วแม่โดมค่ะ

ควรซื้อ (สมัครสอบ) เลยไหม? อันนี้ขึ้นอยู่กับความพร้อมของคุณค่ะ ถ้าพอมีพื้นฐานภาษาอังกฤษอยู่บ้าง แล้วมีเวลาเตรียมตัวสัก 1-3 เดือน ก็ลองสมัครสอบรอบที่ใกล้ที่สุดดูได้ แต่ถ้ายังรู้สึกว่าพื้นฐานไม่แน่นเลย แนะนำให้เริ่มจากการปูพื้นฐานก่อน แล้วค่อยวางแผนสมัครสอบทีหลัง

คำแนะนำในการเตรียมตัว:

  • รู้เขารู้เรา: ศึกษาโครงสร้างข้อสอบแต่ละพาร์ทให้ละเอียด
  • ฝึกทำโจทย์: หาข้อสอบเก่า หรือหนังสือแนวข้อสอบมาฝึกทำเยอะๆ โดยเฉพาะแบบจับเวลา
  • เน้นจุดอ่อน: ถ้าไม่แม่นแกรมม่า ก็ลุยแกรมม่า ถ้าศัพท์น้อย ก็ท่องศัพท์
  • บริหารเวลา: สำคัญมากๆ ในวันสอบจริง
  • พักผ่อนให้เพียงพอ: สมองเฟรชๆ พร้อมลุย!

8. เปรียบเทียบกับข้อสอบคล้ายๆ กัน (มวยถูกคู่ไหม?)

ข้อสอบวัดระดับภาษาอังกฤษที่ใช้ยื่นเข้ามหาวิทยาลัยในไทยก็มีหลายตัวค่ะ ที่เป็นคู่แข่งตลอดกาลของ TU-GET ก็คือ CU-TEP ของจุฬาฯ นอกจากนี้ยังมีข้อสอบมาตรฐานสากลอย่าง TOEFL และ IELTS อีกด้วย

TU-GET vs CU-TEP: ทั้งคู่เป็นข้อสอบของมหาวิทยาลัยไทย โครงสร้างคล้ายๆ กัน (PBT vs Paper-based, CBT vs Computer-based) แต่รายละเอียดเนื้อหาอาจจะต่างกันบ้าง บางคณะ/มหาวิทยาลัยรับทั้งคู่ บางที่ก็ระบุเลยว่าต้องใช้ตัวไหน ส่วนใหญ่คนที่จะเข้าธรรมศาสตร์ก็สอบ TU-GET คนจะเข้าจุฬาก็สอบ CU-TEP แต่คะแนน TU-GET ก็ใช้ยื่นจุฬาฯ ได้บางที่ และคะแนน CU-TEP ก็ใช้ยื่นธรรมศาสตร์ได้บางที่เช่นกัน ต้องเช็กระเบียบการดีๆ เลยค่ะ

TU-GET vs TOEFL/IELTS: TOEFL กับ IELTS เป็นข้อสอบที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ใช้ยื่นเข้ามหาวิทยาลัยได้ทั่วโลก รวมถึงภาคอินเตอร์ในไทยด้วย ข้อสอบจะมีความแตกต่างกับ TU-GET/CU-TEP อยู่บ้าง เช่น TOEFL iBT และ IELTS จะมีพาร์ท Speaking ที่เป็นการพูดจริงๆ จังๆ (ไม่ใช่แค่เลือกตอบ) ค่าสอบ TOEFL/IELTS ก็จะสูงกว่า TU-GET พอสมควร

คุ้มค่าที่จะสอบตัวไหน? ถ้าตั้งใจเข้าธรรมศาสตร์เป็นหลัก และคณะที่อยากเข้าใช้ TU-GET ก็มุ่งมั่นกับ TU-GET ไปเลยค่ะ แต่ถ้ามีแผนจะยื่นที่อื่นด้วย หรืออยากได้คะแนนที่ใช้ได้กว้างกว่า ก็อาจจะพิจารณา TOEFL หรือ IELTS แต่ต้องเตรียมตัวให้หนักขึ้นและงบเยอะขึ้นนะ


9. บริการหลังการขายและช่องทางการซื้อ (สมัครสอบที่ไหนดี?)

น้อง TU-GET ไม่ได้มีบริการหลังการขายแบบซ่อมบำรุงนะคะ แต่มีเรื่องการสมัครสอบและตรวจผลค่ะ

ช่องทางการสมัคร: ส่วนใหญ่จะสมัครผ่านเว็บไซต์ของสถาบันภาษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ค่ะ มีทั้งเว็บสำหรับ PBT และ CBT แยกกัน สมัครออนไลน์แล้วก็พิมพ์ใบไปชำระเงินตามช่องทางที่เขากำหนด (ส่วนใหญ่เป็นธนาคารกสิกรไทย)

การรับประกัน: ไม่มีค่ะ จ่ายเงินแล้วคือจ่ายเลย ไม่คืนทุกกรณี ยกเว้นสนามสอบมีปัญหาจริงๆ

โปรโมชั่น: ไม่มีโปรโมชั่นแบบลด แลก แจก แถม เหมือนซื้อของทั่วไปค่ะ แต่จะมีช่วงที่เรียกว่าสมัครล่าช้า ซึ่งค่าสมัครจะแพงขึ้น เพราะฉะนั้นสมัครช่วงปกติจะดีที่สุดค่ะ

การตรวจผล: ตรวจผลทางเว็บไซต์ได้เลยค่ะ PBT จะประกาศผลเร็วกว่า CBT หลังจากนั้นสถาบันภาษาจะจัดส่งใบรายงานผลอย่างเป็นทางการให้

การติดต่อสอบถาม: ถ้ามีปัญหาหรือข้อสงสัย สามารถติดต่อสถาบันภาษา มธ. ได้โดยตรงตามเบอร์โทรศัพท์หรืออีเมลที่ระบุไว้ในเว็บไซต์โครงการ TU-GET ค่ะ


10. บทสรุปและคำแนะนำในการซื้อ (ตัดสินใจเลยดีไหม?)

ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้แล้วยังลังเลว่าจะเอายังไงกับน้อง TU-GET ดี ขอสรุปให้ฟันธงไปเลยว่า:

ถ้าคุณมีเป้าหมายคือการเข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และคณะ/โครงการที่คุณสนใจต้องการคะแนน TU-GET เป็นหลัก แนะนำให้เตรียมตัวแล้วลุยเลยค่ะ!

สำหรับ ผู้เริ่มต้นที่พื้นฐานยังไม่แน่น แนะนำให้เริ่มจากการปูพื้นฐานภาษาอังกฤษ ทั้งแกรมม่า คำศัพท์ และการอ่านจับใจความให้แน่นก่อน อาจจะลองหาหนังสือเตรียมสอบ TU-GET ที่มีเฉลยอธิบายละเอียดๆ มาลองทำดู หรือถ้าไหวก็ลองหาคอร์สเรียนที่เน้นการเตรียมสอบ TU-GET โดยเฉพาะก็ได้ค่ะ

สำหรับ คนที่พอมีพื้นฐานอยู่แล้ว เน้นฝึกทำข้อสอบเก่าแบบจับเวลาเลยค่ะ เพื่อให้ชินกับเวลาและแนวข้อสอบ พยายามวิเคราะห์ข้อผิดพลาดของตัวเองเพื่อจะได้แก้ไขให้ตรงจุด

ไม่แนะนำ ให้ไปสอบแบบไม่เตรียมตัว หรือเตรียมตัวแบบสะเปะสะปะนะคะ เพราะนอกจากจะเสียเงินฟรีแล้ว ยังอาจจะทำให้เสียกำลังใจด้วย

จำไว้ว่า TU-GET ไม่ใช่ข้อสอบวัดว่าใครเก่งภาษาอังกฤษที่สุดในโลก แต่เป็นข้อสอบที่วัดว่าคุณมีความพร้อมทางภาษาอังกฤษในระดับที่จะสามารถเรียนในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้หรือไม่ การเตรียมตัวที่ดีคือหัวใจสำคัญค่ะ!

หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์นะคะ ขอให้ทุกคนที่กำลังจะสอบ TU-GET ได้คะแนนตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ค่ะ! สู้ๆ ค่า! 💪✨

วิดีโอที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุดดูเพิ่มเติม

โอ๊ยยย... ปวดหลัง ปวดคอ ปวดไหล่! เป็นกันมั้ยจ๊ะชาวออฟฟิศ (หรือชาวฟรีแลนซ์ที่นั่งทำงานหน้าคอมนานๆ) อาการปวดเมื่อยมันเหมือนเพื่อนสนิทที่ตามติดไปทุกที่ บางทีก็คิดนะว่าร่างกายเรามันคงจะเบี้ยวๆ บูดๆ ไปแล้วแน่เลย ถึงได้ปวดได้เมื่อยขนาดนี้! แล้วไอ
จัดกระดูก คืออะไร? รีวิว ประสบการณ์ และข้อควรรู้
ลมหนาวเอื่อยๆ เริ่มพัดมา (หรืออาจจะแค่มโนไปเองในบางวัน 🤣) ท้องฟ้าเริ่มเป็นสีชมพูตอนเย็นๆ โอ๊ย...บรรยากาศมันชวนให้คิดถึงอะไรน้า... ใช่แล้ว! หมูจุ่มร้อนๆ น้ำซุปนัวๆ น้ำจิ้มรสเด็ด! ยิ่งถ้าได้มาอยู่เชียงใหม่ เมืองที่เต็มไปด้วยร้านอร่อย บรรยากา
รวมร้านหมูจุ่ม เชียงใหม่ อร่อยเด็ด บรรยากาศดี
โอ๊ยยย... เบื่อจริงจริ๊งงง! ปัญหาขนกวนใจเนี่ย ไม่ว่าจะขนรักแร้ ขนหน้าแข้ง ขนจิมิ สารพัดขนที่ทำให้เสียเซลฟ์ จะใส่บิกินี่ไปทะเลช่วงสงกรานต์ก็ไม่มั่นใจ จะยกแขนก็กลัวคนเห็นตอขน แถมบางทีโกน ถอน แว็กซ์ จนเป็นหนังไก่บ้าง ขนคุดบ้าง คันยุบยิบไปอีก!
รีวิว Beauty Plus Clinic กำจัดขน: เลเซอร์ขนที่นี่ดีไหม ราคาเป็นอย่างไร?