รีวิวน้ำหอม Chanel Les Eaux de Chanel - Venise กลิ่นหอมสบายๆ


สวัสดีค่ะทุกคน! วันนี้จะมารีวิวน้ำหอมที่ได้ยินชื่อเสียงเรียงนามมานานในไลน์ Les Eaux de Chanel กับกลิ่นที่ชื่อว่า Venise ค่ะ หลายคนอาจจะสงสัยว่ากลิ่นนี้มันเป็นยังไง? หอมสบายๆ จริงไหม? แล้วที่สำคัญคือ เหมาะกับอากาศร้อนตับแตกแบบประเทศไทยหรือเปล่า? บทความนี้มีคำตอบให้ค่ะ!
1. ภาพรวมของสินค้า: รู้จัก Chanel Venise กันหน่อย
แบรนด์: Chanel
ไลน์: Les Eaux de Chanel
ชื่อกลิ่น: Paris – Venise
ปีที่วางขาย: 2018
ช่วงราคา: จัดอยู่ในกลุ่มน้ำหอม Niche/Luxury ราคาสูงตามสไตล์ชาเนล
ตำแหน่งในตลาด: น้ำหอม EDT ที่เน้นความสดชื่น เบาสบาย เหมาะกับการฉีดได้ทุกวัน หรือฉีดเพื่อสร้างความรู้สึกผ่อนคลาย ได้แรงบันดาลใจจากการเดินทาง เป็นน้ำหอม Unisex ฉีดได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย
จุดเด่นคร่าวๆ:
- กลิ่นหอมสบายๆ ไม่หนัก ฉีดง่าย
- มีความสดชื่นแต่แฝงความละมุน ไม่ได้เปรี้ยวจี๊ดอย่างเดียว
- เหมาะกับสภาพอากาศร้อน ไม่ฉุน ไม่เวียนหัว
- ขวดดีไซน์เรียบหรู ถือแล้วดูแพง
- มีส่วนผสมของ Neroli และกลิ่นแนว Amber ที่อบอุ่น
2. ดีไซน์ & รูปลักษณ์ภายนอก: เรียบหรู ดูมินิมอล
ขวดน้ำหอมไลน์ Les Eaux de Chanel จะมาในดีไซน์เดียวกันหมดคือ ขวดแก้วใส ทรงกระบอก ฝาขวดเป็นพลาสติกสีดำแบบแม่เหล็ก (บางรุ่นอาจไม่ใช่แม่เหล็กนะคะ แต่ Venise เป็นแม่เหล็กค่ะ)
ขนาด: มีหลายขนาดให้เลือก แต่ที่นิยมคือ 125ml และมีขนาด travel size หรือแบบแบ่งขายให้ลองด้วย
วัสดุ: ขวดแก้วคุณภาพดี ฝาแม่เหล็กปิดสนิทดี
ความสะดวกในการพกพา: ขนาด 125ml อาจจะใหญ่หน่อย แต่ก็มีขนาดเล็กให้เลือกพกไปเที่ยวได้
อุปกรณ์เสริมในกล่อง: มักจะมีแค่ตัวขวดน้ำหอมและกล่องค่ะ
โดยรวมแล้วขวดเค้าเรียบง่ายแต่ดูแพง วางไว้บนโต๊ะเครื่องแป้งแล้วดูดีมากๆ ค่ะ
3. ประสบการณ์ในการใช้งานฟังก์ชันหลัก: กลิ่นหอมที่พาไปเวนิส (แบบไม่เปียก)
มาถึงหัวใจหลัก นั่นก็คือ กลิ่น! Venise เป็นกลิ่นที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเมืองเวนิส ประเทศอิตาลี ซึ่งเป็นเมืองที่มีเสน่ห์แบบโบราณและมีความลึกลับเล็กๆ ค่ะ
โน้ตน้ำหอม (ตามข้อมูล): ท็อปโน้ต: เลมอน, เบอร์กาม็อท, ส้ม, เพตติเกรน, พิ้งค์เปปเปอร์. มิดเดิ้ลโน้ต: ไอริส, เนโรลี, กุหลาบ, กระดังงา, เจอเรเนียม. เบสโน้ต: ไวท์มัสก์, ถั่วตองก้า, วานิลลา, ไวโอเล็ต, รากไอริส, เบนโซอิน
กลิ่นจริง: ฉีดปุ๊บ! กลิ่นเปิดมามีความสดชื่นแบบ ซิตรัสปลายๆ ไม่เปรี้ยวจี๊ด ค่ะ มีความโปร่งๆ อากาศถ่ายเทได้ดี จากนั้นจะค่อยๆ เข้าสู่ช่วงกลางที่มีกลิ่น ดอกส้ม (เนโรลี) เด่นขึ้นมา ผสมกับกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้และมี กลิ่นแป้งๆ นุ่มๆ แทรกอยู่ค่ะ
ช่วงท้าย (เบสโน้ต) จะเป็นกลิ่นที่มีความ ละมุน นวลๆ จากวานิลลา ถั่วตองก้า และมัสก์ มันให้ความรู้สึกอบอุ่นแต่ไม่หนัก ไม่ใช่หวานเลี่ยนแบบขนม แต่เป็นหวานแบบละมุนๆ เหมือนแป้งหอมๆ ที่มีความนวลเนียนค่ะ
การกระจายตัว (Sillage): อยู่ในระดับ ปานกลางค่อนไปทางเบา ไม่ได้ฟุ้งกระจายอลังการแบบน้ำหอมที่เน้นความเข้มข้น แต่จะหอมกรุ่นๆ รอบตัวค่ะ
ความติดทน (Longevity): เป็นน้ำหอมประเภท Eau de Toilette (EDT) ความติดทนอาจจะไม่ได้ยาวนานเท่า EDP หรือ Parfum ค่ะ โดยทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 4-6 ชั่วโมงบนผิว แต่อาจติดทนบนเสื้อผ้าได้นานกว่าค่ะ
4. ประสบการณ์การใช้งาน & ความง่ายในการใช้: ฉีดได้ทุกวัน ไม่ต้องคิดเยอะ
Chanel Venise เป็นน้ำหอมที่ใช้ง่ายมากๆ ค่ะ ไม่ต้องมีสกิลอะไรมากมาย แค่ฉีดก็หอมแล้ว! กลิ่นเค้ามีความเป็นมิตรมากๆ ค่ะ
เหมาะกับสภาพอากาศ: เหมาะกับอากาศร้อนในประเทศไทยมากๆ! กลิ่นมีความโปร่ง สบาย ไม่ทำให้รู้สึกอึดอัด หรือฉุนกวนใจคนรอบข้างค่ะ
ความรู้สึกขณะใช้: ฉีดแล้วรู้สึกสดชื่น สะอาด และมีความเป็นผู้ดีแบบสบายๆ เหมือนเพิ่งอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ แต่มีความหรูซ่อนอยู่ ไม่ใช่กลิ่นที่ตะโกนว่าฉันใส่น้ำหอมนะ แต่เป็นกลิ่นที่ทำให้คนเข้าใกล้อยากอยู่ใกล้ๆ มากกว่า
รองรับภาษาไทย: อันนี้ไม่เกี่ยวกับการใช้งานโดยตรง แต่หน้าร้านหรือเว็บไซต์ของชาเนลในไทยก็มีข้อมูลภาษาไทยค่ะ
5. แบตเตอรี่ / พลังงาน / ความคุ้มค่าในระยะยาว: แพงแต่คุ้ม (ถ้าใช้ถูกสถานการณ์)
น้ำหอมไม่ได้ใช้แบตเตอรี่ค่ะ แต่เรามาดูเรื่อง ความคุ้มค่า กันดีกว่า
ความคุ้มค่า: ราคาของ Chanel Les Eaux de Chanel ค่อนข้างสูงค่ะ แต่ถ้ามองว่าได้น้ำหอมคุณภาพดี กลิ่นไม่โหล เหมาะกับอากาศบ้านเรา และได้แบรนด์อย่างชาเนล ก็ถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าค่ะ แต่ถ้าเทียบกับน้ำหอม EDT แบรนด์อื่นในท้องตลาด อาจจะต้องบอกว่าราคาชาเนลสูงกว่าค่ะ
ค่าใช้จ่ายระยะยาว: ไม่มีค่าใช้จ่ายอื่นนอกจากซื้อขวดใหม่เมื่อหมดค่ะ
เทียบกับราคาใกล้เคียง: น้ำหอมในกลุ่มราคาใกล้เคียงกันก็มักจะเป็นแบรนด์ไฮเอนด์ด้วยกัน ซึ่งแต่ละแบรนด์ก็มีแนวกลิ่นต่างกันไป ต้องลองดมเองค่ะ
โดยรวมแล้วคือ จ่ายแพงเพื่อคุณภาพและแบรนด์ ค่ะ ถ้าเน้นความประหยัดอาจจะต้องมองข้ามไปก่อน
6. ข้อดี-ข้อเสีย: ชั่งใจก่อนสอย
ข้อดี:
- กลิ่นหอมสบายๆ เหมาะกับอากาศร้อนสุดๆ
- มีความหรูหรา เป็นผู้ดี ตามแบบฉบับชาเนล
- กลิ่นไม่โหล ไม่ค่อยซ้ำใคร
- ฉีดได้หลากหลายโอกาส ทั้งทำงาน เที่ยว เล่น
- ขวดสวยงาม ตั้งโชว์ได้สบาย
ข้อเสีย:
- ราคาค่อนข้างสูง
- ความติดทนอาจจะไม่ยาวนานมาก สำหรับบางคน
- การกระจายตัวไม่แรง ไม่เหมาะกับคนชอบกลิ่นฟุ้งๆ
- อาจจะไม่เหมาะกับคนที่ชอบกลิ่นแน่นๆ หวานๆ หรือแนวฟลอรัลจัดๆ
7. เหมาะกับใคร & คำแนะนำในการซื้อ: ใครควรเปย์?
เหมาะกับ:
- คนที่ชอบน้ำหอมกลิ่นสบายๆ ไม่หนัก ไม่ฉุน
- คนที่มองหาน้ำหอมสำหรับใช้ในชีวิตประจำวัน หรือไปทำงาน
- คนที่ทำงานในห้องแอร์ หรืออยู่ในสภาพอากาศร้อน
- คนที่อยากได้น้ำหอมแบรนด์หรู แต่ยังมีความใช้ง่าย
- คนที่เพิ่งเริ่มต้นใช้น้ำหอมแบรนด์เนม และอยากได้กลิ่นที่ไม่ซับซ้อนเกินไป
เหมาะกับการใช้งานแบบไหน: ใช้ได้ทุกวันเลยค่ะ! เหมาะกับการไปทำงาน, ไปเรียน, ไปเที่ยวคาเฟ่, เดินห้าง, หรือแม้แต่ฉีดอยู่บ้านชิลๆ
ควรซื้อเลยไหม? ถ้าลองดมแล้วชอบ และงบถึง ก็จัดเลยค่ะ! แต่ถ้ายังลังเล แนะนำให้ไปลองเทสที่เคาน์เตอร์ก่อน หรือลองซื้อแบบแบ่งขายมาใช้ดูก่อนค่ะ ช่วงเทศกาลใหญ่ๆ อาจจะมีโปรโมชั่นหรือของแถมเล็กน้อย แต่ราคาตัวน้ำหอมเองมักจะไม่ลดเยอะค่ะ
8. เปรียบเทียบกับสินค้าคล้ายๆ กัน: เลือกกลิ่นไหนดีในไลน์เดียวกัน?
ในไลน์ Les Eaux de Chanel ก็มีหลายกลิ่นที่น่าสนใจค่ะ แต่ละกลิ่นได้แรงบันดาลใจมาจากเมืองต่างๆ เหมือนกัน
- Paris – Deauville: กลิ่นจะออกแนวเขียวๆ สดชื่นแบบใบไม้ ดูกระฉับกระเฉงกว่า Venise นิดหน่อย
- Paris – Biarritz: กลิ่นจะมีความเป็น Aquatic สดชื่นแบบทะเล สปอร์ตๆ ขึ้นมาอีก
- Paris – Riviera: กลิ่นจะมีความเป็นฟลอรัล สดใส แดดๆ มีกลิ่นส้มเด่น
- Paris – Paris: กลิ่นกุหลาบผสมแพทชูลี่ มีความหรูหรา คลาสสิกกว่าตัวอื่นๆ ในไลน์
ถ้าชอบกลิ่นที่มีความนุ่มนวล อบอุ่น ปลายๆ แฝงความหวานแบบละมุน Venise จะตอบโจทย์ที่สุดค่ะ
9. บริการหลังการขายและช่องทางการซื้อ: หาซื้อได้ที่ไหน?
หาซื้อ Chanel Les Eaux de Chanel – Venise ได้ที่:
- เคาน์เตอร์ Chanel ในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ: Paragon, Central, Emporium, EmQuartier ฯลฯ ข้อดีคือได้ลองดมกลิ่นจริง ได้รับบริการจาก BA โดยตรง
- Chanel Boutique: ร้านของชาเนลโดยเฉพาะ
- เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ Chanel ประเทศไทย: สั่งซื้อออนไลน์ สะดวก จัดส่งถึงบ้าน
- ร้านค้าออนไลน์ที่น่าเชื่อถือ: เช่น Central Online, Sephora Online หรือร้านแบ่งขายน้ำหอมที่ไว้ใจได้ (ต้องเลือกร้านดีๆ นะคะ ระวังของปลอม)
การรับประกัน: น้ำหอมไม่มีการรับประกันการใช้งานหลังเปิดขวดค่ะ แต่ถ้ามีปัญหาเรื่องคุณภาพก่อนเปิด สามารถติดต่อทางร้านหรือเคาน์เตอร์ได้ค่ะ
โปรโมชั่น: น้ำหอม Chanel มักจะไม่ลดราคาค่ะ แต่บางช่วงอาจจะมีโปรโมชั่นแถม Gift Set เล็กๆ น้อยๆ หรือถ้าซื้อในห้างช่วงมีโปรโมชั่นของห้าง อาจจะได้คะแนนสะสม หรือ Cash Back ค่ะ
การจัดส่ง: ถ้าสั่งออนไลน์จาก Official Website หรือห้างสรรพสินค้า มักจะมีการแพ็คอย่างดี และจัดส่งรวดเร็วค่ะ
10. บทสรุปและคำแนะนำในการซื้อ: ควรตำหรือไม่ตำ?
หลังจากที่ลองใช้และทำความรู้จักกับ Chanel Les Eaux de Chanel – Venise มาพอสมควร ขอสรุปสั้นๆ ว่า:
ถ้าคุณกำลังมองหาน้ำหอมแบรนด์เนมกลิ่น สบายๆ หอมแบบไม่พยายาม เหมาะกับอากาศร้อนในไทย และพร้อมจะลงทุนกับน้ำหอมคุณภาพดี ที่ให้ความรู้สึก เป็นผู้ดีแบบสบายๆ Venise คือ ควรซื้อ เลยค่ะ!
เหมาะมากๆ สำหรับคนที่อยากได้น้ำหอม Signature Scent ที่ใช้ได้ทุกวัน ไม่ต้องคิดเยอะ
แต่ถ้าคุณชอบน้ำหอมที่กลิ่นแรง ติดทนนานข้ามวันข้ามคืน ฟุ้งกระจายแบบคนเหลียวหลัง หรือมีงบประมาณจำกัดมากๆ Venise อาจจะยังไม่ตอบโจทย์ค่ะ แนะนำให้ไปลองดมกลิ่นอื่นๆ ในท้องตลาดดูก่อน
คำแนะนำเพิ่มเติม: ไปลองดมที่เคาน์เตอร์ก่อนตัดสินใจซื้อจะดีที่สุดค่ะ เพราะน้ำหอมแต่ละกลิ่นจะให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันไปเมื่ออยู่บนผิวของแต่ละบุคคลค่ะ
วิดีโอที่เกี่ยวข้อง
แนะนำสำหรับคุณ
จัดกระดูก คืออะไร? รีวิว ประสบการณ์ และข้อควรรู้
รวมร้านหมูจุ่ม เชียงใหม่ อร่อยเด็ด บรรยากาศดี
รีวิว Beauty Plus Clinic กำจัดขน: เลเซอร์ขนที่นี่ดีไหม ราคาเป็นอย่างไร?
รีวิวหนัง "ฮาวทูทิ้ง..ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ" ประทับใจแค่ไหน?
รีวิว Adidas Edge Lux Clima: รองเท้าวิ่ง Adidas ระบายอากาศดี น่าใส่ไหม?
รีวิว Hisense 55B7700UW ทีวี 55 นิ้ว ภาพสวย คุ้มราคาไหม?