รีวิว Dr. Forhair: ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม ลดผมร่วง ดีจริงไหม?


โอ๊ยยย ผมร่วงเป็นไม้กวาดทุกวัน! หวีทีนึงใจจะขาด! ใครมีปัญหาเดียวกันบ้างคะ? ช่วงนี้เห็นรีวิว Dr. Forhair ตัวดังเกาหลีเต็มฟีดไปหมด เค้าบอกว่าช่วยลดผมร่วงได้จริง แถมบำรุงหนังศีรษะด้วย เอ๊ะ...แต่ของแบบนี้มันต้องลองเองค่ะซิส! วันนี้อิฉันเลยขอรับบทเป็นหนูลองยา ควักเงินในบัญชีไปสอยมาลองใช้ให้รู้แล้วรู้รอดกันไปเลย ว่าเจ้าตัวนี้มันจะ ดีจริงไหม? คุ้มกับที่เสียตังค์ไปรึเปล่า? มาค่ะ! ตามมาดูรีวิวแบบบ้านๆ สไตล์คนผมบางที่อยากผมหนาเหมือนไปต่อผมมาเลย!
1. ภาพรวมผลิตภัณฑ์: Dr. Forhair นี่มันคืออะไรกันนะ?
รู้จักน้อง Dr. Forhair กันคร่าวๆ ก่อนเนอะ เค้ามาจากประเทศเกาหลี ดินแดนโสมที่เรื่องความสวยความงามคือที่หนึ่ง! เค้ามีไลน์ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเส้นผมและหนังศีรษะเยอะมาก แต่ตัวที่เราจะรีวิววันนี้คือ แชมพูและทรีตเมนต์ลดผมร่วง ตัวดังที่หลายคนพูดถึงค่ะ
แบรนด์: Dr. Forhair (ด็อกเตอร์ ฟอร์แฮร์)
ไลน์ผลิตภัณฑ์: Folligen (มีหลายตัวย่อยๆ)
ช่วงราคา: กลางๆ ค่อนไปทางสูง (ประมาณ 500 - 1,000 บาท ต่อชิ้น แล้วแต่โปรโมชั่น)
ตำแหน่งในตลาด: เวชสำอางดูแลเส้นผมและหนังศีรษะ เน้นแก้ปัญหาผมร่วง ผมบางโดยเฉพาะ
จุดเด่นที่เค้าเคลมมา:
- ลดผมร่วง เห็นผลจริง
- เสริมสร้างรากผมให้แข็งแรง
- ทำความสะอาดหนังศีรษะอย่างล้ำลึก
- มีส่วนผสมที่จดสิทธิบัตร จากเกาหลี (ฟังดูน่าเชื่อถือเนอะ)
- อ่อนโยน ใช้ได้ทุกวัน
2. ดีไซน์ & รูปลักษณ์ภายนอก: เรียบหรูดูแพงสไตล์เกาหลี
แพ็กเกจเค้ามาในโทนสีขาวคลีนๆ ดูมินิมอลตามสไตล์เกาหลีเป๊ะ! ขวดเป็นพลาสติกแข็งแรง ทนทาน ไม่ก๊องแก๊ง ตัวแชมพูเป็นขวดปั๊ม ใช้งานง่าย ส่วนทรีตเมนต์เป็นหลอดบีบ
การออกแบบ: เรียบง่าย สะอาดตา ดูเป็นเวชสำอางจริงๆ
วัสดุ: ขวดพลาสติกคุณภาพดี
ขนาด: มีหลายขนาดให้เลือก ตั้งแต่ไซส์เล็กไว้พกพาไปต่างจังหวัดยันไซส์ใหญ่บึ้มตั้งในห้องน้ำได้เลย
สี: แพ็กเกจส่วนใหญ่เป็นสีขาว
อุปกรณ์เสริมในกล่อง: มักจะมาแค่ตัวผลิตภัณฑ์เลยค่ะ อาจมีซีลพลาสติกหุ้มไว้
3. ประสบการณ์ในการใช้งานฟังก์ชันหลัก: สระแล้วรู้สึกไง? ผมร่วงน้อยลงจริงดิ?
เอาล่ะ! มาถึงช่วงเวลาสำคัญ! อิฉันลองใช้ต่อเนื่องมาประมาณ 1 เดือน แล้วค่ะ สระผมวันเว้นวัน ใช้คู่กันทั้งแชมพูและทรีตเมนต์
แชมพู: เนื้อแชมพูเป็นเจลใสๆ ฟองไม่เยอะมาก (สไตล์แชมพูอ่อนโยน) กลิ่นหอมอ่อนๆ สดชื่นดีค่ะ ไม่ฉุน ล้างออกง่าย รู้สึกว่าทำความสะอาดหนังศีรษะได้ดี หลังสระจะรู้สึกเย็นๆ สบายหนังศีรษะ ฟีลเหมือนได้ดีท็อกซ์หนังศีรษะไปในตัว
ทรีตเมนต์: เนื้อทรีตเมนต์ไม่ข้นมาก เหมือนครีมนวดผมทั่วไปเลยค่ะ ใช้หลังสระแชมพู ชโลมเน้นที่หนังศีรษะและปลายผม นวดเบาๆ ทิ้งไว้ 2-3 นาทีแล้วล้างออก ตัวนี้ก็กลิ่นคล้ายๆ แชมพู แต่จะหอมหวานกว่านิดนึง ช่วยให้ผมนุ่มขึ้น ไม่พันกันหลังสระ
ผลลัพธ์เรื่องผมร่วง: อันนี้ต้องบอกตามตรงว่า เห็นผลจริงๆ ค่ะ! จากเมื่อก่อนสระผมทีนึง ผมร่วงติดมือมาเป็นกระจุก ตอนนี้เหลือน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด หวีผมก็ร่วงน้อยลงไปเยอะมากๆ
ความเปลี่ยนแปลงอื่นๆ: รู้สึกว่าหนังศีรษะมันช้าลง ปกติสระวันเว้นวัน วันที่สองหนังศีรษะจะเริ่มมันๆ คันๆ ละ แต่อันนี้ยังรู้สึกสะอาดสบายอยู่เลยค่ะ ส่วนเรื่องผมขึ้นใหม่ อันนี้ยังไม่เห็นชัดมาก อาจจะต้องใช้ระยะเวลานานกว่านี้
4. ประสบการณ์การใช้งาน & ความง่ายในการใช้: เหมือนสระผมทั่วไป ง่ายเวอร์!
ใช้ง่ายเหมือนสระผมปกติเลยค่ะ ไม่มีอะไรซับซ้อนเลย
ความง่ายในการใช้: ง่ายมาก! เหมือนใช้แชมพูครีมนวดทั่วไป
สิ่งที่ต้องเรียนรู้: ไม่มีเลยจ้า แค่บีบแล้วสระ! (แต่ถ้าจะให้ดี ควรสระสองรอบเพื่อให้สะอาดจริงๆ)
ความรู้สึกขณะใช้: สระแล้วเย็นๆ สบายหนังศีรษะดี ไม่แสบ ไม่คัน
กลิ่น: หอมอ่อนๆ สดชื่น ไม่ฉุน (คนแพ้น้ำหอมน่าจะใช้ได้)
5. ความคุ้มค่าในระยะยาว: ราคาแรงแต่ใช้แล้วชอบ!
ยอมรับว่าราคาต่อขวดแอบแรงอยู่นะคะ ถ้าเทียบกับแชมพูตามซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป แต่ถ้าเทียบกับผลลัพธ์ที่ได้ ถือว่าคุ้ม!
ระยะเวลาการใช้งาน: ขวดขนาดกลาง (ประมาณ 500ml) ใช้คนเดียวสระวันเว้นวันน่าจะอยู่ได้ประมาณ 1.5 - 2 เดือน
ค่าใช้จ่ายระยะยาว: ก็ต้องมีงบประมาณสำหรับซื้อซ้ำเรื่อยๆ ถ้าอยากให้ผมร่วงน้อยลงแบบนี้ไปตลอด
วิเคราะห์ความคุ้มค่า: ถ้าปัญหาผมร่วงกวนใจมากๆ ลองลงทุนกับตัวนี้ดูก็ไม่เสียหายค่ะ ดีกว่าไปเสียเงินซื้อแชมพูแก้ผมร่วงถูกๆ หลายๆ ยี่ห้อแล้วไม่เห็นผล
6. สรุปข้อดีข้อเสีย: มีทั้งที่ชอบและที่ยังลังเล
ข้อดี:
- ลดผมร่วงได้จริง! อันนี้คอนเฟิร์มจากที่ใช้เอง
- ทำความสะอาดหนังศีรษะได้ดี รู้สึกสะอาด สบาย
- กลิ่นหอมอ่อนๆ ไม่ฉุน
- แพ็กเกจดูดี ใช้งานง่าย
- รู้สึกว่าหนังศีรษะมันช้าลง
ข้อเสีย:
- ราคาสูง กว่าแชมพูทั่วไป
- ทรีตเมนต์อาจจะไม่ได้ช่วยให้ผมนุ่มลื่นเท่าครีมนวดทั่วไป (เน้นที่หนังศีรษะมากกว่า)
- ผลเรื่องผมขึ้นใหม่ยังไม่ชัดเจน (ต้องใช้เวลานานกว่านี้)
- ต้องซื้อต่อเนื่องถึงจะเห็นผลและคงสภาพ
7. เหมาะกับใคร & คำแนะนำในการซื้อ: ผมร่วงหนักๆ ลองดู!
เหมาะกับ:
- คนที่ผมร่วง ผมบาง มีปัญหาหนังศีรษะมัน หรือคัน
- คนที่อยากลองเวชสำอางดูแลผมจากเกาหลี
- คนที่ยอมลงทุนกับผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม
สถานการณ์แนะนำ:
- ใช้เป็นแชมพูและทรีตเมนต์หลักในการดูแลเส้นผมประจำวัน
ควรซื้อเลยไหม?: ถ้ามีปัญหาผมร่วงหนักๆ แล้วอยากลองอะไรที่เห็นผลจริงจัง น่าลงทุนค่ะ แต่ถ้าผมร่วงน้อยๆ หรือแค่อยากบำรุงเฉยๆ อาจจะมีตัวอื่นที่ราคาเป็นมิตรกว่านี้
รอช่วงโปรโมชั่นดีกว่าไหม?: ดีกว่าแน่นอนค่ะ! Dr. Forhair ชอบมีโปรโมชั่นลดราคาตามแอปส้ม แอปน้ำเงิน หรือร้านค้าออนไลน์ต่างๆ บ่อยๆ ซื้อช่วงโปรโมชั่นคือคุ้มสุดๆ!
8. เปรียบเทียบกับสินค้าคล้ายๆ กัน: ในตลาดมีอะไรอีก?
ในตลาดผลิตภัณฑ์ลดผมร่วงก็มีเยอะแยะมากมายเลยค่ะ ทั้งแบรนด์ไทย แบรนด์ต่างประเทศ บางตัวเน้นสมุนไพรไทยอย่างมะกรูด อัญชัน บางตัวก็เน้นส่วนผสมทางวิทยาศาสตร์เหมือน Dr. Forhair
ถ้าเทียบกับแบรนด์อื่นที่เคลมเรื่องลดผมร่วงเหมือนกัน Dr. Forhair จะอยู่ในกลุ่มที่ราคาสูงขึ้นมาหน่อย แต่ส่วนผสมเค้าก็จะดูพรีเมียมและเน้นผลลัพธ์ที่ชัดเจนกว่าค่ะ
9. บริการหลังการขายและช่องทางการซื้อ: ซื้อง่าย ขายคล่อง โปรเพียบ!
Dr. Forhair หาซื้อได้ง่ายมากๆ ค่ะ ตามช่องทางออนไลน์หลักๆ เลย
ช่องทางการซื้อ: Lazada, Shopee, JD Central (ช่วงนี้มีโปรโมชั่นลดเยอะมากกกก), ร้านค้าออนไลน์อย่างเป็นทางการของแบรนด์ หรือร้านวัตสัน, บู๊ทส์บางสาขาก็มีค่ะ
โปรโมชั่น: มีจัดโปรโมชั่นบ่อยมาก ทั้งลดราคา, ซื้อ 1 แถม 1, แจกโค้ดลดเพิ่ม, มีของแถมเล็กๆ น้อยๆ
การผ่อนชำระ: ช่องทางออนไลน์หลักๆ มีตัวเลือกผ่อนชำระ 0% ได้ค่ะ
การรับประกัน: ส่วนใหญ่จะไม่มีการรับประกันตัวผลิตภัณฑ์โดยตรง แต่ถ้าสินค้ามีปัญหาจากการผลิต สามารถติดต่อร้านค้าที่ซื้อเพื่อเปลี่ยนหรือคืนได้ค่ะ
การจัดส่ง: ถ้าซื้อออนไลน์ จัดส่งค่อนข้างไวค่ะ แล้วแต่ร้าน แต่ส่วนใหญ่ไม่เกิน 2-3 วันก็ได้รับแล้ว แถมมักจะมีโปรส่งฟรีด้วยนะ!
10. บทสรุปและคำแนะนำในการซื้อ: สรุปแล้วไง? ซื้อดีไหม?
หลังจากลองใช้มาสักพักใหญ่ๆ ขอสรุปตามตรงแบบไม่มีอวยนะคะว่า Dr. Forhair เป็นผลิตภัณฑ์ลดผมร่วงที่น่าลองค่ะ!
ถ้าคุณมีปัญหาผมร่วงมากพอสมควร กังวลใจกับเรื่องนี้จริงๆ และมีงบประมาณที่พอจะลงทุนกับผลิตภัณฑ์ที่เห็นผลได้ชัดเจน แนะนำให้ซื้อเลยค่ะ! โดยเฉพาะช่วงที่มีโปรโมชั่นยิ่งคุ้ม!
แต่ถ้าผมร่วงน้อยๆ ไม่ได้ซีเรียสมาก หรือมีงบจำกัด อาจจะลองดูตัวอื่นที่ราคาเบาลงมาก่อนก็ได้ค่ะ
สำหรับคนที่อยากลอง แนะนำให้เริ่มจาก แชมพู ก่อนก็ได้ค่ะ เพราะเป็นตัวหลักในการทำความสะอาดและบำรุงหนังศีรษะโดยตรง ถ้าใช้แล้วรู้สึกดี ค่อยจัดทรีตเมนต์มาใช้คู่กันเพื่อผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้นค่ะ
หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคนที่กำลังเล็ง Dr. Forhair อยู่นะคะ ใครเคยใช้แล้วเป็นยังไง มาเมนต์บอกกันหน่อยน้าาาา!
วิดีโอที่เกี่ยวข้อง
แนะนำสำหรับคุณ
จัดกระดูก คืออะไร? รีวิว ประสบการณ์ และข้อควรรู้
รวมร้านหมูจุ่ม เชียงใหม่ อร่อยเด็ด บรรยากาศดี
รีวิว Beauty Plus Clinic กำจัดขน: เลเซอร์ขนที่นี่ดีไหม ราคาเป็นอย่างไร?
รีวิวหนัง "ฮาวทูทิ้ง..ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ" ประทับใจแค่ไหน?
รีวิว Adidas Edge Lux Clima: รองเท้าวิ่ง Adidas ระบายอากาศดี น่าใส่ไหม?
รีวิว Hisense 55B7700UW ทีวี 55 นิ้ว ภาพสวย คุ้มราคาไหม?