logo

รีวิว Mad Hippie Vitamin A เซรั่มลดริ้วรอย ผิวใส

user avatar
สิริกร จิรพัฒน์·07/04/2025 15:49
点赞
รีวิว Mad Hippie Vitamin A เซรั่มลดริ้วรอย ผิวใส

โอ้โหหห! เรื่องริ้วรอย ผิวไม่ใสเนี่ย บอกเลยว่าเป็นปัญหาโลกแตกของสาวๆ หลายคนจริงๆ ยิ่งอายุเลขสามนำหน้า (แอบกระซิบว่าเลยมาไกลแล้วด้วย!) ก็ยิ่งรู้สึกว่าผิวไม่เด้ง ไม่ปังเหมือนก่อน จะยิ้มทีก็กลัวตีนกาถามหา จะแต่งหน้าก็รู้สึกว่ารองพื้นตกร่อง งานผิวดูไม่ค่อยสู้ดีเลยค่ะ

ได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของ Vitamin A หรือที่คุ้นหูกันว่า Retinol มานานว่าเป็นพระเอกกู้ชีพเรื่องริ้วรอย ผิวไม่เรียบ แต่ก็แอบกลัวเรื่องการระคายเคือง หน้าแหก หน้าแดง ลอกเป็นขุยๆ เหมือนกัน จนมาเจอเซรั่มตัวนี้ที่เขาเคลมว่า "อ่อนโยนแต่ทรงพลัง" นั่นก็คือ Mad Hippie Vitamin A Serum ค่ะ! วันนี้เลยขอมาลองของจริง รีวิวแบบจัดเต็มสไตล์สาวไทย บ้านๆ ใช้จริง เจ็บจริง (ถ้ามีนะ) ให้ดูกันไปเลยว่าจะปังหรือจะพัง ตามมาดูกัน!


1. ภาพรวมของสินค้า: รู้จัก Mad Hippie Vitamin A Serum กันหน่อยซิ

ยี่ห้อ: Mad Hippie (แมด ฮิปปี้)

ชื่อสินค้า: Vitamin A Serum

ขนาด: 30 ml

ช่วงราคาในไทย: ประมาณ 1,500 - 1,700 บาท (แล้วแต่โปรโมชั่นและแหล่งที่ซื้อ)

ตำแหน่งสินค้า: เซรั่มเน้นลดเลือนริ้วรอย ผิวใส และปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน ด้วยส่วนผสมของ Vitamin A หลายรูปแบบ และสารสกัดธรรมชาติอื่นๆ เหมาะกับคนที่เริ่มใช้ Vitamin A หรือผิวแพ้ง่าย

สรุปจุดเด่นหลักๆ ที่น่าสนใจ:

  • มีส่วนผสมของ Vitamin A หลายชนิด รวมถึง HPR ที่ว่ากันว่าอ่อนโยนแต่ประสิทธิภาพดี
  • ช่วยลดเลือนริ้วรอย จุดด่างดำ และปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ
  • มีส่วนผสมช่วยปลอบประโลมและเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ลดโอกาสการระคายเคือง
  • แบรนด์เน้นส่วนผสมจากธรรมชาติ เป็น Vegan และ ไม่ทดลองกับสัตว์
  • เนื้อสัมผัสบางเบา ซึมง่าย ไม่เหนอะหนะ (ส่วนใหญ่รีวิวว่างั้น)

2. ดีไซน์ & รูปลักษณ์ภายนอก: ขวดจิ๋วแต่แจ๋ว?

แพ็กเกจจิ้งของ Mad Hippie จะมาในกล่องกระดาษที่มีลวดลายดอกไม้ สีสันสดใส ดูเป็นธรรมชาติสไตล์ฮิปปี้ๆ ส่วนขวดเซรั่มเป็นขวดแก้วสีชา ช่วยรักษาคุณภาพของวิตามินเอที่ไวต่อแสง มาพร้อมหัวดรอปเปอร์ ใช้งานง่ายดีค่ะ ขวดขนาด 30ml ก็กำลังดี ไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไป พกพาสะดวกถ้าต้องเดินทาง หรือจะวางไว้บนโต๊ะเครื่องแป้งก็ดูน่ารักมินิมอลเข้ากับทุกมุม

ในกล่องก็จะมีตัวขวดเซรั่มนี่แหละค่ะ ส่วนใหญ่จะไม่มีอุปกรณ์เสริมพิเศษอะไรมากมาย เน้นที่ตัวผลิตภัณฑ์เป็นหลัก


3. ประสบการณ์ในการใช้งานฟังก์ชันหลัก: ลดริ้วรอย ผิวใสจริงไหม?

ตามคำแนะนำคือให้ใช้ตอนกลางคืนค่ะ เริ่มแรกเราจะลองใช้วันเว้นวันก่อน เพราะกลัวการระคายเคือง หยดมาประมาณ 2-3 หยด ทาให้ทั่วหน้า เนื้อเซรั่มเค้าจะเป็นสีออกขาวขุ่นๆ หน่อยๆ กลิ่นไม่ฉุนมาก บางคนบอกกลิ่นเหมือนว่านหางจระเข้ บางคนบอกกลิ่นซิตรัส/ดอกไม้จางๆ ส่วนตัวว่ากลิ่นอ่อนๆ แทบไม่มีกลิ่นเลยค่ะ ฟีลดี ทาแล้วซึมค่อนข้างไว ไม่ทิ้งความเหนอะหนะไว้บนผิวเลย อันนี้ชอบมาก!

หลังจากใช้ไปได้สักพัก (ประมาณ 2-4 สัปดาห์ตามที่เคลมว่าเริ่มเห็นผล) สิ่งที่รู้สึกได้ชัดเลยคือ ผิวดูเรียบเนียนขึ้น ลื่นขึ้น เหมือนได้ผลัดเซลล์ผิวแบบอ่อนโยน รูขุมขนดูกระชับขึ้นเล็กน้อย ส่วนเรื่องความกระจ่างใสก็พอรู้สึกได้ว่าผิวดูใสขึ้น สดใสขึ้น แต่ไม่ได้ขาวเว่อร์วังอะไรนะคะ เรื่องริ้วรอยร่องลึก อาจจะต้องใช้เวลานานกว่านี้ถึงจะเห็นผลชัดเจน (เคลมว่า 8 สัปดาห์ริ้วรอยดูลดลง) แต่พวกริ้วรอยเล็กๆ ตื้นๆ ที่เกิดจากผิวแห้งดูตื้นขึ้นจริงค่ะ

ที่สำคัญคือ ไม่รู้สึกแสบ แดง หรือลอก เหมือนที่เคยกลัวเลยค่ะ อาจเป็นเพราะส่วนผสมที่อ่อนโยนของ HPR และมีสารปลอบประโลมผิวเยอะด้วย


4. ประสบการณ์การใช้งาน & ความง่ายในการใช้: มือใหม่หัดใช้ Vitamin A ก็สบายบรื๋อ!

บอกเลยว่าใช้งานง่ายมากค่ะ ไม่ยุ่งยากอะไรเลย แค่หยดเซรั่มแล้วทา ไม่ต้องมีขั้นตอนซับซ้อนอะไร เนื้อเซรั่มเกลี่ยง่าย ซึมไว สามารถทาสกินแคร์ตัวอื่นตามได้เลยไม่เป็นคราบค่ะ

สำหรับมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มใช้ Vitamin A ตัวนี้ถือว่าเป็นมิตรสุดๆ ไม่ต้องกลัวว่าจะแรงเกินไป หรือต้องปรับตัวเยอะ แค่ช่วงแรกอาจจะเริ่มใช้วันเว้นวันก่อน แล้วค่อยๆ เพิ่มความถี่เป็นทุกคืนเมื่อผิวปรับตัวได้

เรื่องเสียง? ไม่มีค่ะ เป็นเซรั่ม 🤣 เรื่องความร้อน? ไม่มีค่ะ เย็นสบายผิวดีค่ะ เรื่องความสบายเวลาใช้? สบายมากค่ะ ไม่เหนอะหนะ ไม่หนักหน้าเลย


5. ความคุ้มค่าในระยะยาว: จ่ายเท่านี้ ได้อะไรบ้าง?

ราคาประมาณพันห้าถึงพันเจ็ดสำหรับเซรั่ม 30ml บางคนอาจจะมองว่าสูง แต่ถ้าเทียบกับเซรั่ม Vitamin A แบรนด์เคาน์เตอร์แบรนด์ ตัวนี้ถือว่าราคาดีเลยค่ะ

ปริมาณ 30ml ใช้แค่ 2-3 หยดต่อคืน ก็ใช้ได้นานพอสมควรค่ะ ประมาณ 2-3 เดือนเลย ถ้าใช้ทุกคืน

ถ้ามองเรื่องผลลัพธ์ที่ได้กับราคาที่จ่ายไป โดยเฉพาะกับคนที่ผิวแพ้ง่าย หรือเพิ่งเริ่มใช้ Vitamin A แล้วอยากได้ผลลัพธ์เรื่องผิวเรียบเนียน กระจ่างใส และลดริ้วรอยเล็กๆ น้อยๆ โดยไม่ต้องเสี่ยงหน้าพัง ถือว่าคุ้มค่าที่จะลงทุนค่ะ


6. ข้อดี-ข้อเสีย: ชั่งน้ำหนักกันหน่อย

ข้อดี๊ดีที่คนไทยน่าจะเลิฟ:

  • อ่อนโยน ใช้ได้แม้ผิวแพ้ง่าย หรือเพิ่งเริ่มใช้ Vitamin A
  • ช่วยให้ผิวเรียบเนียน ใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
  • เนื้อบางเบา ซึมไว ไม่เหนอะหนะ เหมาะกับอากาศเมืองไทย
  • มีสารสกัดจากธรรมชาติ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Vegan, Cruelty-free)
  • ช่วยเรื่องริ้วรอยเล็กๆ และจุดด่างดำได้ดีในระดับหนึ่ง

ข้อที่อาจทำให้ลังเลใจ:

  • ราคาอาจจะสูงกว่าเซรั่มทั่วไปในตลาด
  • สำหรับบางคน (ที่ผิวทนทาน หรือเคยใช้ Retinoid แรงๆ มาก่อน) อาจจะรู้สึกว่าอ่อนโยนเกินไป จนไม่เห็นผลเรื่องริ้วรอยร่องลึกเท่าที่คาดหวัง
  • ผลลัพธ์เรื่องริ้วรอยร่องลึกและจุดด่างดำที่ชัดเจนอาจต้องใช้เวลานานกว่า 1-2 เดือน
  • มีส่วนผสมของ Coconut Oil ซึ่งบางคนอาจกังวลเรื่องการอุดตัน (แต่รีวิวส่วนใหญ่ไม่เจอปัญหานี้)

7. เหมาะกับใคร & คำแนะนำในการซื้อ: ซื้อเลยดีไหม?

เหมาะกับ:

  • คนที่เพิ่งเริ่มใช้ Vitamin A/Retinoid และกังวลเรื่องการระคายเคือง
  • คนที่มีผิวแพ้ง่าย แต่ก็อยากใช้ Vitamin A ช่วยเรื่องริ้วรอยและผิวใส
  • คนที่มีปัญหาผิวไม่เรียบเนียน มีจุดด่างดำเล็กๆ น้อยๆ และริ้วรอยตื้นๆ
  • คนที่มองหาสกินแคร์จากธรรมชาติ เป็น Vegan และ Cruelty-free

ควรซื้อเลยไหม?

ถ้าคุณเป็นคนกลุ่มข้างบนที่กล่าวมา และพร้อมจะลงทุนกับสกินแคร์ที่เห็นผลในระยะยาวโดยไม่ทำให้ผิวระคายเคือง ซื้อเลยค่ะ! คุ้มแน่นอน

แต่ถ้าคุณมีงบจำกัดมากๆ หรือผิวค่อนข้างแข็งแรง และต้องการ Retinoid ที่เห็นผลเรื่องริ้วรอยร่องลึกแบบจัดเต็ม อาจจะต้องพิจารณาตัวอื่นที่ความเข้มข้นสูงกว่านี้ (แต่ก็ต้องแลกมากับความเสี่ยงในการระคายเคืองที่สูงขึ้นด้วยนะคะ)

คำแนะนำ: รอช่วงโปรโมชั่นตามแอปส้ม แอปน้ำเงิน หรือร้านค้าออนไลน์ต่างๆ จะได้ราคาดีงาม ลดเยอะ แถมบางทีมีของแถมอีกด้วย!


8. เปรียบเทียบกับสินค้าคล้ายๆ กัน: ตัวไหนดีกว่ากันนะ?

เทียบกับ Vitamin A/Retinol ตัวดังในตลาด อย่าง The Ordinary หรือ Paula's Choice:

  • Mad Hippie Vitamin A Serum: จะเด่นเรื่องความอ่อนโยน มีส่วนผสมจากธรรมชาติเยอะ เหมาะกับมือใหม่ ผิวแพ้ง่าย ใช้ HPR เป็นหลัก
  • The Ordinary Retinoids: มีให้เลือกหลายความเข้มข้น หลายรูปแบบ ราคาเป็นมิตรกับกระเป๋ามากๆ แต่อาจจะต้องศึกษาข้อมูลดีๆ ก่อนใช้ และบางคนอาจจะเจอปัญหาการระคายเคืองได้มากกว่า
  • Paula's Choice Retinol: มีหลายความเข้มข้นเช่นกัน เป็นที่ยอมรับเรื่องส่วนผสมที่ดี แต่ราคาก็จะสูงขึ้นมาอีก

สรุปคือ Mad Hippie เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากๆ สำหรับคนที่เน้นความอ่อนโยน ปลอดภัยจากส่วนผสมที่น่ากังวล และอยากเริ่มใช้ Vitamin A โดยไม่ต้องกลัวผิวพังค่ะ


9. บริการหลังการขายและช่องทางการซื้อ: ช้อปที่ไหนดี ได้ของแท้ไหม?

Mad Hippie Vitamin A Serum สามารถหาซื้อได้ง่ายในไทยแล้วค่ะ ไม่ต้องพรีออเดอร์ให้ยุ่งยาก

  • ร้านค้าออนไลน์อย่างเป็นทางการ: เช่น All About You อันนี้มั่นใจได้ว่าเป็นของแท้แน่นอนค่ะ
  • แพลตฟอร์มออนไลน์ยอดนิยม: Shopee, Lazada ก็มีร้านค้าที่น่าเชื่อถือหลายร้านค่ะ แนะนำให้เลือกร้านที่เป็น Official Store หรือร้านที่มีรีวิวดีๆ คะแนนสูงๆ เพื่อความสบายใจว่าได้ของแท้

เรื่องการรับประกันสินค้า ส่วนใหญ่จะเป็นไปตามนโยบายของร้านค้าหรือแพลตฟอร์มที่เราซื้อค่ะ ถ้าซื้อจากร้าน официальная หรือร้านใหญ่ๆ ก็มักจะมีนโยบายคืนสินค้าเปลี่ยนสินค้าหากสินค้ามีปัญหา

โปรโมชั่น: ช่วงเทศกาลลดราคาใหญ่ๆ เช่น 11.11, 12.12, Payday หรือแม้แต่ช่วงเทศกาลไทยอย่างสงกรานต์ ปีใหม่ มักจะมีส่วนลดเยอะมากค่ะ บางทีลดจนราคาดีต่อใจสุดๆ ลองจับตาดูดีๆ นะคะ

การผ่อนชำระ: ในแพลตฟอร์มออนไลน์ใหญ่ๆ มักจะมีตัวเลือกผ่อนชำระ 0% กับบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ สะดวกมากๆ ค่ะ

ค่าจัดส่ง: แล้วแต่ร้านและโปรโมชั่น บางร้านมีส่งฟรี บางร้านมีขั้นต่ำ หรือบางทีแพลตฟอร์มก็มีโค้ดส่งฟรีให้ค่ะ


10. บทสรุปและคำแนะนำในการซื้อ: ตกลงยังไงดีนะ?

จากที่ได้ลองใช้และหาข้อมูลมาสรุปเลยว่า Mad Hippie Vitamin A Serum ตัวนี้ "น่าลองมาก!" โดยเฉพาะสำหรับคนที่:

  • เป็นมือใหม่หัดใช้ Vitamin A หรือมีผิวแพ้ง่าย
  • ต้องการเซรั่มที่ช่วยให้ผิวเรียบเนียน ใสขึ้น และลดริ้วรอยตื้นๆ ได้จริง
  • มองหาสกินแคร์คลีนๆ ส่วนผสมจากธรรมชาติ ปลอดภัย

ถ้าคุณอยู่ในกลุ่มนี้ แนะนำให้ลองซื้อมาใช้เลยค่ะ เริ่มจากใช้วันเว้นวันก่อน แล้วค่อยๆ เพิ่มความถี่ อย่าลืมทาครีมกันแดดตอนเช้าด้วยนะคะ อันนี้สำคัญมาก!

สำหรับคนที่มีงบประมาณจำกัด หรือผิวแข็งแรงมากๆ และต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็วและเข้มข้น อาจจะต้องมองหาตัวเลือกอื่นที่ตอบโจทย์มากกว่า แต่ถ้าอยากได้เซรั่ม Vitamin A คุณภาพดี อ่อนโยน และเห็นผลในระยะยาว Mad Hippie Vitamin A Serum ตัวนี้ไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอนค่ะ!

ลองดูนะคะ แล้วมาบอกกันบ้างว่าเป็นยังไง! 😊

วิดีโอที่เกี่ยวข้อง

บทความที่เกี่ยวข้อง

สวัสดีครับเพื่อนๆ สายสกินแคร์และชาวผิวสวยทั้งหลาย! 👋 ในยุคที่ชีวิตมันเร่งรีบ งานก็เยอะ ปาร์ตี้ก็แน่น แถมยังต้องเจอแดดเจอฝุ่นเมืองไทยที่แสนจะเข้มข้น 🔥 บางทีการบำรุงผิวแบบปกติมันก็ไม่พอแล้วไหมครับ? อยากได้ผิวใสปิ๊งในพริบตา ดูอิ่มฟู เด้งดึ๋ง
10 อันดับ Booster Serum ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 บูสท์ผิวเร่งด่วน ผิวใส
โอ้โห! เรื่องริ้วรอยนี่เป็นปัญหาระดับชาติของสาวๆ อย่างเราจริงๆ นะคะคุณผู้อ่านขา! พอเลขสามนำหน้าปุ๊บ มองกระจกทีไรใจก็แป้วทุกทีสิคะ จะยิ้มทีก็กลัวตีนกาถามหา จะขมวดคิ้วทีก็หวั่นใจเรื่องรอยย่นบนหน้าผาก โอ๊ยยย สารพัดปัญหาชวนกลุ้ม! แล้วยิ่งสมัยนี
รีวิว La Roche-Posay Redermic R เซรั่มลดริ้วรอย ช่วยให้ผิวเรียบเนียน

บทความล่าสุดดูเพิ่มเติม

โอ๊ยยย... ปวดหลัง ปวดคอ ปวดไหล่! เป็นกันมั้ยจ๊ะชาวออฟฟิศ (หรือชาวฟรีแลนซ์ที่นั่งทำงานหน้าคอมนานๆ) อาการปวดเมื่อยมันเหมือนเพื่อนสนิทที่ตามติดไปทุกที่ บางทีก็คิดนะว่าร่างกายเรามันคงจะเบี้ยวๆ บูดๆ ไปแล้วแน่เลย ถึงได้ปวดได้เมื่อยขนาดนี้! แล้วไอ
จัดกระดูก คืออะไร? รีวิว ประสบการณ์ และข้อควรรู้
ลมหนาวเอื่อยๆ เริ่มพัดมา (หรืออาจจะแค่มโนไปเองในบางวัน 🤣) ท้องฟ้าเริ่มเป็นสีชมพูตอนเย็นๆ โอ๊ย...บรรยากาศมันชวนให้คิดถึงอะไรน้า... ใช่แล้ว! หมูจุ่มร้อนๆ น้ำซุปนัวๆ น้ำจิ้มรสเด็ด! ยิ่งถ้าได้มาอยู่เชียงใหม่ เมืองที่เต็มไปด้วยร้านอร่อย บรรยากา
รวมร้านหมูจุ่ม เชียงใหม่ อร่อยเด็ด บรรยากาศดี
โอ๊ยยย... เบื่อจริงจริ๊งงง! ปัญหาขนกวนใจเนี่ย ไม่ว่าจะขนรักแร้ ขนหน้าแข้ง ขนจิมิ สารพัดขนที่ทำให้เสียเซลฟ์ จะใส่บิกินี่ไปทะเลช่วงสงกรานต์ก็ไม่มั่นใจ จะยกแขนก็กลัวคนเห็นตอขน แถมบางทีโกน ถอน แว็กซ์ จนเป็นหนังไก่บ้าง ขนคุดบ้าง คันยุบยิบไปอีก!
รีวิว Beauty Plus Clinic กำจัดขน: เลเซอร์ขนที่นี่ดีไหม ราคาเป็นอย่างไร?