รีวิว i Genius Kid สถาบันพัฒนาสมองเด็ก เสริมสร้างอัจฉริยะ?


เห็นโฆษณาตามป้ายรถเมล์ ตามโซเชียลกันเยอะแยะไปหมด กับสถาบันพัฒนาสมองเด็กเนี่ยะ... ที่บอกว่าไปเรียนแล้วลูกจะกลายเป็น "อัจฉริยะ" ได้! ฟังแล้วตาลุกวาวใช่ไหมล่ะคะคุณพ่อคุณแม่? โดยเฉพาะยุคที่การแข่งขันสูงปรี๊ด ยิ่งช่วงใกล้เปิดเทอม หรืออยากหาที่เรียนพิเศษปิดเทอมให้ลูกนี่คิดหนักเลย แล้วไอ้เจ้า i Genius Kid เนี่ย มันคืออะไร? ช่วยให้ลูกฉลาดขึ้นได้จริงเหรอ? เสียเงินไปแล้วจะคุ้มมั้ย? วันนี้เราจะมาลองแกะรอย ดูรีวิวแบบจัดเต็ม สไตล์บ้านๆ เข้าใจง่าย มีทั้งข้อดี ข้อที่อาจจะต้องคิดดูดีๆ พร้อมแล้วไปดูกันเล้ย!
1. ภาพรวม: i Genius Kid เขาคือใคร?
ประเภทสถาบัน: สถาบันพัฒนาศักยภาพสมองเด็กเล็ก
กลุ่มเป้าหมาย: หลักๆ คือเด็กวัยก่อนเข้าเรียน - ประถมต้น (ประมาณ 3-8 ปี แล้วแต่หลักสูตรแต่ละสาขา)
ช่วงราคา: คอร์สเรียนมีหลายแบบ ราคาแตกต่างกันไป แต่ตีซะว่ามีตั้งแต่หลักพันกลางๆ ต่อคอร์ส ไปจนถึงหมื่นต้นๆ ต่อคอร์ส/โปรแกรม (อันนี้ต้องสอบถามโดยตรง เพราะมีโปรโมชั่นตลอด)
ตำแหน่งทางการตลาด: เน้นการเสริมสร้างพื้นฐานที่สำคัญต่อการเรียนรู้ในอนาคต ไม่ใช่ติววิชาการ แต่เน้นกระบวนการคิด
จุดเด่นที่เขาเคลม (สรุปให้แบบเร็วๆ):
- พัฒนาสมองซีกซ้าย-ขวาให้สมดุล
- เสริมสร้างสมาธิและสติปัญญา
- กระตุ้นความจำและทักษะการคิดวิเคราะห์
- ปูพื้นฐานที่ดีก่อนเข้าสู่ระบบการศึกษาจริงจัง
- สอนผ่านกิจกรรมสนุกๆ ไม่น่าเบื่อ
2. หลักสูตร & กิจกรรม: เรียนยังไง? มีอะไรให้เล่นบ้าง?
อันนี้ต้องบอกก่อนว่าแต่ละสาขา แต่ละช่วงวัยอาจมีรายละเอียดต่างกันไป แต่โดยรวมๆ ที่ i Genius Kid เขามักจะเน้นคือการเรียนรู้ผ่านประสาทสัมผัสต่างๆ ค่ะ ไม่ได้ให้นั่งท่องจำ หรือทำแบบฝึกหัดเครียดๆ
การออกแบบหลักสูตร: ส่วนใหญ่จะแบ่งเป็น Level ตามช่วงอายุและความสามารถ เน้นกิจกรรมที่ต้องใช้สมองสองซีกควบคู่กัน เช่น
- กิจกรรมที่ใช้มือสองข้างพร้อมกัน
- การจดจำภาพ เสียง ตัวเลข
- การคิดเชื่อมโยง แก้ปัญหาแบบง่ายๆ
อุปกรณ์และสื่อการสอน: มักจะเป็นสื่อการสอนที่น่าสนใจ ดึงดูดเด็กๆ เช่น บัตรภาพ, ลูกคิด (บางหลักสูตร), เกมส์เสริมทักษะต่างๆ บรรยากาศในห้องเรียนจะพยายามทำให้ดูสดใส ไม่เหมือนห้องเรียนปกติ
3. ประสบการณ์การเรียนรู้: ลูกชอบมั้ย? พ่อแม่สบายใจหรือเปล่า?
เท่าที่ฟังจากคุณพ่อคุณแม่ที่เคยพาลูกไป (หรือเคยอ่านรีวิวอื่นๆ มาบ้าง) ฟีดแบ็กค่อนข้างหลากหลายค่ะ
สำหรับเด็กๆ:
- เด็กส่วนใหญ่ดูจะ สนุกกับกิจกรรม นะคะ เพราะเป็นการเล่นซะเยอะ ไม่ได้กดดันเหมือนเรียนวิชาการ
- บางคนอาจจะใช้เวลาปรับตัวเล็กน้อย ถ้าไม่เคยเรียนเสริมที่ไหนมาก่อน
- การที่เรียนเป็นกลุ่ม ทำให้ได้ฝึกเข้าสังคมกับเพื่อนๆ วัยเดียวกันด้วย
สำหรับผู้ปกครอง:
- สบายใจตรงที่ลูกได้ไปทำกิจกรรมที่มีประโยชน์ ไม่ได้อยู่บ้านเฉยๆ
- คุณครูมักจะแจ้งพัฒนาการของน้องๆ ให้ทราบเป็นระยะ (อันนี้แล้วแต่สาขา)
- แต่บางทีก็แอบลุ้น ว่าเรียนแล้วจะเห็นผลจริงจังแค่ไหน?
การใช้งาน/การเข้าถึง:
- หาง่ายมั้ย?: i Genius Kid มีหลายสาขาอยู่ตามโซนต่างๆ ในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ลองเช็กสาขาใกล้บ้านดูค่ะ
- เดินทางสะดวกมั้ย?: ส่วนใหญ่อยู่ในทำเลที่เดินทางง่าย มีที่จอดรถ (หรือใกล้ระบบขนส่งสาธารณะ) แต่ก็ขึ้นอยู่กับสาขาอีกนั่นแหละ
- ต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง?: ส่วนใหญ่ก็แต่งกายสบายๆ พร้อมเรียนรู้ ไม่ต้องเตรียมอุปกรณ์อะไรเป็นพิเศษ
4. เห็นผลจริงมั้ย? คุ้มค่ากับเงินที่เสียไปหรือเปล่า?
นี่คือคำถามยอดฮิต! การพัฒนาสมองเด็กเนี่ย มันไม่ใช่ยาวิเศษที่กินปุ๊บแล้วฉลาดปั๊บ นะคะคุณแม่!
ผลลัพธ์ที่คาดหวัง:
- ผู้ปกครองหลายคนสังเกตว่าลูกมี สมาธิดีขึ้น เล็กน้อย [ระบุไม่ได้ว่ากี่% เพราะไม่ได้มีข้อมูล] - บางคนบอกว่าลูกดู จดจำอะไรได้เร็วขึ้น หรือมีความกล้าแสดงออกมากขึ้น [ระบุไม่ได้] - แต่ผลลัพธ์เหล่านี้ ขึ้นอยู่กับตัวเด็กแต่ละคนอย่างมาก และต้องใช้เวลาต่อเนื่องค่ะ เรียนแค่คอร์สเดียวอาจจะยังไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงชัดเจน
ความคุ้มค่า:
- ถ้ามองว่าเป็นการลงทุนเพื่อเสริมสร้างพื้นฐานให้ลูก ได้ทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ ได้ใช้เวลาว่างให้คุ้มค่า ก็ถือว่าคุ้มค่าในแง่นี้ - แต่ถ้าคาดหวังว่าเรียนจบคอร์สแล้วลูกจะกลายเป็นอัจฉริยะ คิดเลขเร็วจี๋แบบในโฆษณา อาจจะต้องทำความเข้าใจใหม่ เพราะมันเป็นการพัฒนาองค์รวม ไม่ใช่การฝึกทักษะเดียวแบบเข้มข้น
ค่าใช้จ่ายระยะยาว: ถ้าจะเรียนให้เห็นผล อาจจะต้องลงเรียนต่อเนื่องหลายคอร์ส ซึ่งก็จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อันนี้ต้องวางแผนงบประมาณดีๆ ค่ะ
5. ข้อดี - ข้อที่อาจต้องคิดนิดนึง
มาสรุปให้ฟังแบบฟันธง!
ข้อดีที่น่าสนใจ:
- หลักสูตรเน้นพัฒนาสมององค์รวม ต่างจากการเรียนพิเศษแบบติว
- กิจกรรมสนุก ดึงดูดเด็กๆ ได้ดี ทำให้เด็กไม่เบื่อกับการเรียนรู้
- ช่วย เสริมสร้างสมาธิ ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของการเรียน
- อาจช่วยเรื่อง ความจำและการคิดวิเคราะห์ ในเด็กเล็ก
- มีหลายสาขา เดินทางสะดวก ในหลายพื้นที่
ข้อที่ต้องพิจารณา:
- ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ถ้าเรียนต่อเนื่องหลายคอร์ส
- ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับตัวเด็กแต่ละคนมาก และต้องใช้เวลา
- ไม่ใช่การเรียนแบบ "ติดอาวุธ" ทางวิชาการโดยตรง
- ผู้ปกครองต้อง มีส่วนร่วมและสังเกตพัฒนาการ ของลูกด้วย
- ความคาดหวังที่สูงเกินไป อาจทำให้ผิดหวังได้
6. เหมาะกับใคร? ซื้อคอร์สดีไหม?
จากที่ดูๆ มา i Genius Kid น่าจะ เหมาะกับ:
- ผู้ปกครองที่มองหาคอร์สเสริมพัฒนาการเด็กเล็ก นอกเหนือจากการเรียนวิชาการ
- น้องๆ ที่ดูเหมือนจะมีปัญหาเรื่องสมาธิ หรือดูวอกแวกง่าย
- ผู้ปกครองที่ต้องการปูพื้นฐานการเรียนรู้ ที่แข็งแรงให้ลูกก่อนเข้าสู่ระบบโรงเรียน
- ผู้ปกครองที่มีงบประมาณพอสมควร และพร้อมลงทุนกับการพัฒนาลูกในระยะยาว
ควรซื้อคอร์สเลยไหม?
- ถ้าสนใจจริงๆ แนะนำให้ ลองติดต่อขอทดลองเรียนฟรีก่อน ค่ะ [ระบุไม่ได้ว่ามีทุกสาขาหรือไม่ ต้องสอบถาม] จะได้เห็นบรรยากาศและกิจกรรมจริง
- ลองคุยกับคุณครูผู้สอน สอบถามรายละเอียดหลักสูตรและค่าใช้จ่ายให้ชัดเจน
- ถ้าทดลองแล้วน้องชอบ ดูมีแววที่จะเข้ากับกิจกรรมได้ดี และผู้ปกครองรับได้กับค่าใช้จ่าย ก็ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ
- แต่ถ้าไม่แน่ใจ หรืองบประมาณจำกัด อาจจะลองหากิจกรรมอื่นๆ ที่ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการได้เช่นกัน (เช่น เล่นบอร์ดเกมส์, อ่านนิทาน, ทำกิจกรรมศิลปะ)
7. ช่องทางการซื้อ & บริการหลังการขาย (ในมุมของสถาบัน)
การ "ซื้อ" คอร์สของสถาบันพัฒนาสมองเด็กจะต่างจากการซื้อของออนไลน์นิดหน่อยค่ะ
ช่องทางการสมัคร:
- หลักๆ คือ Walk-in เข้าไปที่สาขา ที่สนใจ เพื่อสอบถามข้อมูล สมัคร และชำระเงิน
- อาจจะมีช่องทางออนไลน์ให้ลงทะเบียน หรือขอข้อมูลเบื้องต้นผ่านเว็บไซต์ หรือ Facebook Page
- บางทีก็มีบูธไปจัดตามห้างสรรพสินค้าช่วงที่มีงานเกี่ยวกับเด็กๆ
โปรโมชั่น:
- มักจะมีโปรโมชั่น ลดราคาคอร์ส หรือ แถมชั่วโมงเรียนฟรี ช่วงเทศกาล หรือช่วงเปิดเทอม/ปิดเทอม
- บางทีมีโปรฯ สำหรับการสมัครเรียนต่อเนื่องหลายคอร์ส หรือสมัครพร้อมเพื่อน
- อาจมีตัวเลือก ผ่อนชำระ กับบัตรเครดิตบางธนาคาร (อันนี้ต้องสอบถามสาขาโดยตรง)
บริการหลังการขาย (ในที่นี้คือการดูแลผู้เรียน):
- คุณครูจะดูแลน้องๆ ระหว่างเรียน
- อาจมีการแจ้งพัฒนาการให้ผู้ปกครองทราบ (แล้วแต่นโยบายแต่ละสาขา)
- หากน้องหยุดเรียน อาจมีนโยบายการเรียนชดเชย (ต้องสอบถาม)
8. บทสรุป & คำแนะนำสุดท้าย
สรุปแล้ว i Genius Kid ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ปกครองที่อยากเสริมพัฒนาการให้ลูกน้อยวัยกำลังเรียนรู้ค่ะ เน้นการพัฒนาสมองแบบองค์รวม ผ่านกิจกรรมที่สนุกสนาน ไม่เครียดเหมือนการเรียนวิชาการหนักๆ
คำแนะนำสุดท้าย:
- ถ้ากำลังมองหาที่ช่วยเสริมสร้าง สมาธิและพื้นฐานการเรียนรู้ ให้ลูกน้อยวัยก่อนเข้าเรียน - ประถมต้น และ มีงบประมาณพอสมควร i Genius Kid ถือเป็นตัวเลือกที่ น่าลอง ค่ะ
- สำคัญที่สุดคือ "การทดลองเรียน" เพื่อให้แน่ใจว่าน้องชอบ และเข้ากับรูปแบบการเรียนได้
- อย่าคาดหวังผลลัพธ์แบบปาฏิหาริย์ค่ะ การพัฒนาสมองต้องใช้เวลา ความสม่ำเสมอ และปัจจัยอื่นๆ ควบคู่ไปด้วย (เช่น การเลี้ยงดูที่บ้าน กิจกรรมอื่นๆ ที่ทำ)
- สำหรับผู้ปกครองที่ งบจำกัด หรือ อยากเห็นผลแบบวัดได้ชัดเจนเร็วๆ (เช่น การอ่าน การคำนวณ) สถาบันแนวนี้อาจจะยังไม่ตอบโจทย์ทั้งหมดค่ะ อาจจะต้องมองหากิจกรรมเสริมอื่นๆ หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการเด็กโดยตรง
สุดท้ายแล้ว การเลือกว่าจะส่งลูกเรียนที่ไหน หรือจะเสริมพัฒนาการแบบไหน ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละครอบครัว งบประมาณ และที่สำคัญที่สุดคือ ความสุขและความเหมาะสมกับตัวเด็กเอง ค่ะ!
วิดีโอที่เกี่ยวข้อง
- Review Big Smart Flash Cards for Genius Kids | #FlashCard ...
- อยากให้คุณลูกเก่งภาษาลองดูรีวิวนี้ครับ I-Genius & I-Genius Kids ...
- มารู้จัก I-GENIUS KIDS กันค่ะ ^^ #เรียนภาษาอังกฤษแบบบุฟเฟ่ต์ ...
- คุณพ่อแชร์ประสบการณ์ที่พาน้องมาเรียนที่เฮกุรุ #heguru #thailand ...
- 1y3m พัฒนาการไวมากก หลังจากมาเรียนที่ @Babies Genius ...
แนะนำสำหรับคุณ
จัดกระดูก คืออะไร? รีวิว ประสบการณ์ และข้อควรรู้
รวมร้านหมูจุ่ม เชียงใหม่ อร่อยเด็ด บรรยากาศดี
รีวิว Beauty Plus Clinic กำจัดขน: เลเซอร์ขนที่นี่ดีไหม ราคาเป็นอย่างไร?
รีวิวหนัง "ฮาวทูทิ้ง..ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ" ประทับใจแค่ไหน?
รีวิว Adidas Edge Lux Clima: รองเท้าวิ่ง Adidas ระบายอากาศดี น่าใส่ไหม?
รีวิว Hisense 55B7700UW ทีวี 55 นิ้ว ภาพสวย คุ้มราคาไหม?