รถยนต์ไฟฟ้า Mini EV ราคาล่าสุดในไทย มีรุ่นไหนบ้าง? สเปกน่าสนใจไหม?

สวัสดีจ้าพี่น้องชาวไทยหัวใจสีเขียว (หรือหัวใจที่อยากประหยัดค่าน้ำมัน!) วันนี้เราจะมาเม้าท์มอยเรื่องรถยนต์ไฟฟ้าคันจิ๋ว ที่กำลังมาแรงแซงทางโค้งในไทย นั่นก็คือบรรดาตระกูล Mini EV ทั้งหลายนี่เอง! ถ้าใครกำลังมองหารถไฟฟ้าไว้ขับในเมือง ไปจ่ายตลาด รับลูก ไปทำงานแบบไม่ไกลมาก แถมราคาน่ารักน่าคบ มาทางนี้เลยจ้า เราจะพาไปเจาะลึกว่าเจ้าพวกนี้มีรุ่นไหนบ้าง ราคาเท่าไหร่ แล้วสเปกน่าโดนแค่ไหน เตรียมจด เตรียมเล็ง แล้วไปดูกันเลย!

1. เจ้า Mini EV นี่มันคือรถอะไรกันแน่นะ?

พูดถึง Mini EV ในบริบทของตลาดรถไฟฟ้าบ้านเราช่วงนี้ มันไม่ใช่แค่รถ MINI แบรนด์ดังจากยุโรปที่กลายเป็นไฟฟ้าอย่างเดียวแล้วนะ แต่คำนี้มันเริ่มรวมไปถึงกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กจิ๋วราคาประหยัดที่ฮิตมากๆ ในจีน แล้วก็เริ่มเข้ามาบุกตลาดไทยเรานี่แหละ โดยเฉพาะแบรนด์ Wuling (วู่หลิง) จากประเทศจีน ที่เป็นผู้บุกเบิกรถแนวนี้จนโด่งดังเป็นพลุแตกในบ้านเขาเลย จุดเด่นคือ ขนาดเล็กกะทัดรัด เหมาะกับการขับขี่ในเมือง หาที่จอดง่ายสุดๆ แถมที่สำคัญคือ ราคาน่ารักน่าเป็นเจ้าของ ทำให้หลายคนเข้าถึงรถยนต์ไฟฟ้าได้ง่ายขึ้นมากๆ เลยจ้า

2. ราคาล่าสุดในไทยเป็นยังไงบ้าง?

มาถึงเรื่องเงินๆ ทองๆ ที่ทุกคนอยากรู้! สำหรับรถตระกูล Mini EV หรือรถไฟฟ้าคันเล็กๆ ราคาประหยัดเนี่ย ตอนนี้ในไทยมีหลายตัวเลือกที่น่าสนใจเลยนะ หลักๆ ที่เห็นเด่นๆ ก็จะมี:

• Wuling Hongguang Mini EV: ตัวนี้ถือเป็นรุ่นพี่ใหญ่ที่จุดกระแสเลย ราคาเริ่มต้นเห็นว่ามีตั้งแต่ประมาณ 3 แสนกว่าบาท (฿) ขึ้นไปนะ ซึ่งราคาจะขึ้นอยู่กับผู้จำหน่ายแต่ละราย เพราะส่วนใหญ่นำเข้ามาเอง
• Wuling Air EV: อีกรุ่นจาก Wuling ที่เข้ามาทำตลาดในไทยอย่างเป็นทางการมากขึ้น ราคาจะขยับขึ้นมาหน่อย อยู่ที่ประมาณ 4 แสนกว่าบาท (฿)
• Wuling Binguo EV: น้องใหม่มาแรงจาก Wuling เช่นกัน ตัวนี้ดีไซน์น่ารักเชียว ราคาเริ่มต้นก็ราวๆ 3 แสนปลายๆ ถึง 4 แสนต้นๆ (฿) จ้า
• Volt City EV: แบรนด์นี้ก็น่ารัก ราคาเริ่มต้นเบาๆ แค่ 3 แสนต้นๆ (฿) ก็มีนะ

ส่วนเจ้า MINI Cooper SE ที่เป็นแบรนด์พรีเมียม อันนั้นราคาจะโดดไปอีกเรื่องเลยนะ เริ่มต้นที่ 1.6 ล้านบาท (฿) ขึ้นไปนู่นเลย คนละกลุ่มเป้าหมายกันนะจ๊ะ ต้องแยกแยะเด้อ

สำหรับแหล่งซื้อขายเนี่ย นอกจากผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการของบางรุ่นแล้ว เราก็มักจะเจอตามโชว์รูมรถยนต์ไฟฟ้าอิสระ หรือตามแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซใหญ่ๆ อย่าง Lazada หรือ Shopee ก็อาจจะมีบางร้านนำเข้ามาขายเหมือนกันนะ แต่ซื้อกับผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการน่าจะอุ่นใจกว่าเรื่องบริการหลังการขายนะจ๊ะ

ส่วนเรื่องส่วนต่างอัตราแลกเปลี่ยนกับราคาต่างประเทศเนี่ย ด้วยความที่รถกลุ่มนี้ราคาน่ารักอยู่แล้ว พอนำเข้ามาบวกภาษี ค่าขนส่งต่างๆ ราคาก็จะเพิ่มขึ้นมาตามกลไกตลาดแหละจ้า ไม่ได้มีส่วนต่างจนน่าตกใจอะไรมากนัก ถ้าเทียบกับรถกลุ่มพรีเมียมนะ

3. เทียบราคากับคู่แข่งในตลาดเป็นยังไงบ้าง?

ถ้าให้เทียบกับรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นอื่นๆ ในตลาดไทยตอนนี้เนี่ย เจ้าพวกรถ Mini EV อย่าง Wuling หรือ Volt เนี่ย ถือว่ามีราคาที่ เข้าถึงง่ายที่สุด แล้วนะ! อย่างรถไฟฟ้ายอดฮิตอื่นๆ อย่าง NETA V ราคาเริ่มต้นก็ 5 แสนกว่าบาท ORA Good Cat ก็เริ่มต้น 6 แสนกว่าบาท BYD Dolphin ก็มีตั้งแต่ 6 แสนปลายๆ ถึง 8 แสนกว่าบาท จะเห็นว่ารถ Mini EV นี่ราคาถูกกว่าเยอะเลยจ้า

แต่แน่นอนว่าราคาน่ารักก็ต้องแลกมากับขนาดและสเปกที่เน้นใช้งานในเมืองเป็นหลักนะ เทียบกับรุ่นที่ราคาแพงกว่า สเปกก็จะดีกว่า วิ่งได้ไกลกว่า ฟังก์ชันเยอะกว่าเป็นธรรมดา แต่ถ้าโจทย์คือรถไฟฟ้าคันเล็ก ราคาเบาๆ ไว้ขับในเมือง Mini EV นี่แหละคือตัวเลือกที่ คุ้มค่าคุ้มราคา สุดๆ แล้วจ้า

4. ซื้อแล้วได้อะไรมาบ้างนะ?

เวลาซื้อรถ Mini EV สิ่งที่เราจะได้มาหลักๆ เลยก็คือตัวรถแน่นอน! สิ่งที่ควรเช็คเพิ่มเติมก็คือเรื่อง:

• การรับประกัน: อันนี้สำคัญมากๆ สำหรับคนไทย! ส่วนใหญ่รถพวกนี้จะมีการรับประกันตัวรถและที่สำคัญคือการรับประกันแบตเตอรี่นะ อย่าง Wuling Binguo EV เห็นว่ารับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี หรือ 120,000 กิโลเมตร และรับประกันตัวรถ 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร Volt City EV ก็รับประกันตัวรถพร้อมแบตเตอรี่ 3 ปี หรือ 80,000 กิโลเมตร รายละเอียดการรับประกันของแต่ละรุ่นแต่ละผู้จำหน่ายอาจแตกต่างกันไป ต้องสอบถามดีๆ นะจ๊ะ
• ค่าขนส่ง: ถ้าซื้อจากผู้จำหน่ายในพื้นที่อาจจะไม่มีค่าใช้จ่าย แต่ถ้าซื้อข้ามจังหวัด หรือซื้อออนไลน์ ต้องสอบถามเรื่องค่าจัดส่งให้ชัดเจนนะ
• อุปกรณ์ชาร์จ: โดยทั่วไปมักจะมาพร้อมกับที่ชาร์จแบบ AC (ชาร์จแบบธรรมดา) สำหรับชาร์จที่บ้าน ซึ่งต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงในการชาร์จเต็มนะ บางรุ่นอาจจะมีออปชันรองรับ DC Fast Charge ด้วย ซึ่งจะชาร์จได้เร็วกว่า
• ของแถม/โปรโมชั่น: อันนี้แล้วแต่ช่วงและผู้จำหน่ายเลยจ้า บางทีอาจจะมีโปรโมชั่นฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง หรือแถมอุปกรณ์อื่นๆ ก็ต้องลองสอบถามหรือติดตามข่าวสารโปรโมชั่นดูนะ

5. มีช่วงไหนน่าซื้อเป็นพิเศษมั้ย?

ถ้าอยากได้ข้อเสนอดีๆ ล่ะก็ ต้องบอกว่าช่วง Motor Show หรือช่วงเทศกาลใหญ่ๆ อย่าง ปีใหม่ไทย (สงกรานต์) หรือช่วง Double Digit Sale ยอดฮิตอย่าง 11.11 หรือ 12.12 เนี่ย เป็นโอกาสทองเลยนะ! ผู้จำหน่ายรถยนต์มักจะจัดโปรโมชั่นพิเศษในช่วงนี้เพื่อกระตุ้นยอดขาย อาจจะมีส่วนลดเงินสด ของแถมพิเศษ หรือแพ็กเกจประกันที่คุ้มค่ามากขึ้น

ร้านค้าที่เป็นผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการบางเจ้าก็อาจจะมีโปรโมชั่นของตัวเองออกมาเรื่อยๆ ด้วยนะ ก็ต้องคอยติดตามข่าวสารจากช่องทางโซเชียลมีเดีย หรือเว็บไซต์ของผู้จำหน่ายแต่ละแบรนด์ดูจ้า สรุปคือถ้าไม่รีบมาก รอช่วงโปรโมชั่นใหญ่ๆ มีโอกาสได้ดีลเด็ดๆ แน่นอน!

6. คนไทยใช้แล้วรู้สึกยังไงกันบ้างนะ?

จากกระแสและรีวิวที่เห็นตามโซเชียลมีเดียและช่องทางต่างๆ ในไทยเนี่ย ฟีดแบ็กเกี่ยวกับรถ Mini EV ส่วนใหญ่ไปในทางบวกสำหรับคนที่เข้าใจและยอมรับข้อจำกัดของรถนะ จุดที่คนไทยชอบมากๆ เลยก็คือ:

• ราคาถูกมาก: อันนี้คือเหตุผลอันดับต้นๆ ที่ทำให้คนตัดสินใจซื้อเลย เข้าถึงรถไฟฟ้าได้ง่ายสุดๆ
• ประหยัดค่าใช้จ่าย: ไม่ต้องเติมน้ำมัน ค่าไฟในการชาร์จก็ถูกกว่าเยอะ แถมค่าบำรุงรักษาก็น้อยกว่ารถยนต์เครื่องสันดาป
• ขับในเมืองสบาย: ตัวเล็ก เลี้ยวง่าย หาที่จอดสะดวก เหมาะกับสภาพการจราจรในเมืองใหญ่ของไทยมากๆ
• ดีไซน์น่ารัก: หลายคนชอบดีไซน์ที่ดูมินิมอล น่ารัก เป็นเอกลักษณ์

แต่ก็มีข้อที่ต้องพิจารณาด้วยเช่นกัน เช่น ระยะทางวิ่งที่อาจจะไม่ไกลมาก เหมาะกับการใช้งานในเมืองหรือระยะใกล้ๆ อาจจะต้องวางแผนการเดินทางหน่อยถ้าจะไปต่างจังหวัดไกลๆ และสเปก ฟังก์ชันต่างๆ ก็อาจจะไม่เทียบเท่ารถยนต์ไฟฟ้าที่มีราคาแพงกว่านะ

7. แล้วจะไปหาซื้อได้ที่ไหนล่ะทีนี้?

ช่องทางการซื้อรถ Mini EV ในไทยหลักๆ ตอนนี้จะมีตามนี้เลยจ้า:

• ผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการ: อย่าง Wuling Air EV และ Binguo EV ก็มีผู้จำหน่ายอย่าง EV Primus ที่เป็นตัวแทนในไทย การซื้อผ่านช่องทางนี้จะค่อนข้างมั่นใจเรื่องบริการหลังการขาย การรับประกัน และมาตรฐานต่างๆ นะ
• ผู้จำหน่ายอิสระ/โชว์รูมรถยนต์ไฟฟ้า: รถบางรุ่น โดยเฉพาะ Wuling Hongguang Mini EV ที่ช่วงแรกๆ ยังไม่เข้าไทยแบบเป็นทางการ ก็มีผู้จำหน่ายอิสระนำเข้ามาขายนะ อันนี้ต้องเลือกร้านที่น่าเชื่อถือ มีชื่อเสียงหน่อยนะจ๊ะ
• แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ: อย่างที่บอกไปว่าอาจจะมีบางร้านนำมาขายใน Lazada หรือ Shopee แต่ต้องเช็ครายละเอียด ผู้ขาย และเงื่อนไขต่างๆ ให้ดีมากๆ นะ
• งานอีเวนต์รถยนต์ต่างๆ: งาน Motor Show หรือ Motor Expo เป็นโอกาสที่ดีในการไปดูรถ Mini EV หลายๆ รุ่น เปรียบเทียบสเปก สอบถามข้อมูล และอาจจะได้โปรโมชั่นพิเศษในงานด้วย

แนะนำว่าถ้าเป็นไปได้ ควรไปดูรถคันจริง ลองนั่ง ลองสัมผัส ก่อนตัดสินใจซื้อนะจ๊ะ จะได้เห็นสภาพและขนาดจริงๆ

8. สรุปแล้วน่าซื้อไหม? เหมาะกับใคร?

สรุปเลยว่า รถยนต์ไฟฟ้า Mini EV ราคาประหยัด เนี่ย น่าซื้อมากๆ ถ้าคุณเป็นคนที่:

• มีงบประมาณจำกัด แต่อยากเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า
• เน้นใช้งานในเมืองเป็นหลัก ขับไปทำงานระยะใกล้ๆ ไปจ่ายตลาด หรือรับส่งลูก
• ต้องการรถคันเล็กๆ ขับง่าย หาที่จอดสะดวก
• อยากประหยัดค่าใช้จ่าย ทั้งค่าน้ำมันและค่าบำรุงรักษา
• ไม่ได้ต้องการรถที่วิ่งได้ระยะทางไกลมากๆ หรือมีฟังก์ชันไฮเทคสุดๆ

ถ้าคุณเข้าข่ายกลุ่มนี้ เจ้า Mini EV นี่แหละคือคำตอบที่คุ้มค่ามากๆ เลยจ้า! มันเป็นรถที่ตอบโจทย์การใช้งานในเมืองได้อย่างดีเยี่ยมในราคาที่ใครๆ ก็เอื้อมถึง

ส่วนจะเลือกรุ่นไหนระหว่าง Wuling Air EV, Binguo EV, Volt City EV หรือตัวอื่นๆ ก็ขึ้นอยู่กับดีไซน์ที่ชอบ สเปกที่ต้องการ (เช่น ระยะทางวิ่งที่เพียงพอต่อการใช้งานในแต่ละวัน) และงบประมาณที่มีเลยนะ ลองเปรียบเทียบดูสเปกและราคาของแต่ละรุ่นอีกที แล้วไปลองดูคันจริงที่โชว์รูม เพื่อประกอบการตัดสินใจที่ดีที่สุดนะจ๊ะ ขอให้ได้รถ Mini EV คันที่ถูกใจ แล้วมาเป็นครอบครัว EV ด้วยกันนะทุกคน! ขับขี่ปลอดภัย ประหยัดเงินในกระเป๋าด้วยจ้า! บ๊ายบายยย!

วิดีโอที่เกี่ยวข้อง

• ถูกมาก! ส่องรถ MINI EV ราคา 3 แสน วิ่งได้ไกลสุด 305 กม. เตรียม ...
• ลองใช้จริง MG IM6 (Performance) รถยนต์ไฟฟ้าในงบ 1.799 ล้าน ...
• รถไฟฟ้า 3.9แสน (ราคาล่าสุด) ดีเกินคาด กับ binguo EV รถไฟฟ้า ...
• ส่อง 6 รุ่นรถยนต์ EV เตรียมเปิดตัวในไทยปี 2025 คันไหนน่าสนใจสุด ...
• รีวิว MINI Aceman ราคา 1.999 ล้านบาท EV รุ่นใหม่ของมินิ | AUTO ...