ราคาลำโพง JBL PartyBox 300 รุ่นยอดนิยม เสียงดัง เบสแน่น


สวัสดีจ้าชาวแก๊งค์สายตื๊ด สายปาร์ตี้ทั้งหลาย! วันนี้เราจะมาเม้าท์มอยถึงลำโพงในตำนานที่เคยฮิตระเบิดระเบ้ออย่าง JBL PartyBox 300 กัน ใครที่กำลังมองหาลำโพงคู่ใจไปเปิดเพลงแดนซ์กระจายให้บ้านสะเทือน หรือจะเอาไปตั้งวงคาราโอเกะกับเพื่อนฝูง บอกเลยว่าเจ้าตัวนี้แหละคือเพื่อนแท้! เสียงดังสะใจ เบสแน่นตึ้บสมชื่อ PartyBox เลยจ้า ถ้าพร้อมแล้วก็ไปดูกันเลยว่าทำไมเจ้าตัวนี้ถึงยังน่าสนใจอยู่!
1. เจ้าลำโพงนี้มันคืออะไรกันนะ?
เอาล่ะ มาทำความรู้จักกับ JBL PartyBox 300 กันก่อน มันคือลำโพงบลูทูธแบบพกพาที่เกิดมาเพื่องานปาร์ตี้โดยเฉพาะ! จากแบรนด์ดังระดับโลกอย่าง JBL นี่แหละ ซึ่งแบรนด์นี้เค้ามาจากอเมริกา (แต่ตอนนี้เป็นส่วนหนึ่งของ Harman International ที่เป็นบริษัทลูกของ Samsung แล้วนะจ๊ะ) ขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพเสียงระดับโปรอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นหูฟัง ลำโพงในบ้าน หรือลำโพงในรถยนต์ก็ทำได้ดีหมด
เจ้า PartyBox 300 เนี่ย ถูกปล่อยออกมาตั้งแต่ช่วงปลายปี 2018 โน่นแน่ะ แต่ฟังก์ชันมันยังล้ำอยู่ถึงทุกวันนี้นะ! มันไม่ได้เป็นแค่ลำโพงธรรมดาๆ แต่มันคือศูนย์รวมความบันเทิงเคลื่อนที่เลยก็ว่าได้ เหมาะกับคนที่ชอบจัดปาร์ตี้เล็กๆ ไปจนถึงขนาดกลาง จะในบ้าน นอกบ้าน ริมสระ หรือพกไปตั้งแคมป์ก็ยังได้ กลุ่มผู้ใช้ที่เหมาะก็คือสายตื๊ดที่ต้องการเสียงเบสแน่นๆ สายร้องคาราโอเกะที่อยากเสียบไมค์ หรือสายเล่นดนตรีที่อยากเสียบกีตาร์เข้ากับลำโพงได้เลย แถมยังมีไฟ Lightshow วิบวับตามจังหวะเพลง ยิ่งเพิ่มบรรยากาศให้ปาร์ตี้สนุกขึ้นไปอีก
2. ราคาในตลาดไทย ณ ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?
มาถึงเรื่องสำคัญที่ทำให้หลายคนตาลุกวาว นั่นก็คือเรื่องราคา! สำหรับ JBL PartyBox 300 เนี่ย เนื่องจากเป็นรุ่นที่ออกมานานแล้ว ตอนนี้สถานะในตลาดไทยส่วนใหญ่จะเป็นแบบ สินค้าเลิกผลิต หรือมีแต่ สินค้าค้างสต็อก หรือต้องหาตามร้านที่ยังพอมีของอยู่นะจ๊ะ ทำให้ราคาอาจจะไม่ได้ฟิกซ์เหมือนตอนเปิดตัวเป๊ะๆ
ตอนเปิดตัวราคาจะอยู่ที่ประมาณ 19,900 - 19,990 บาท (฿) ซึ่งตอนนี้ก็ยังเห็นบางร้านตั้งราคาไว้ประมาณนี้อยู่ แต่หลายที่ของก็หมดแล้ว หรือแนะนำให้ไปดูรุ่นใหม่กว่าแทน ถ้าลองไปส่องตามแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซหลักอย่าง Lazada หรือ Shopee ก็อาจจะเจอร้านที่ยังมีของอยู่ หรือเจอเป็นสินค้ามือสอง ซึ่งราคาจะแปรผันไปตามสภาพ
ส่วนร้านค้า Gadget หรือร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าใหญ่ๆ อย่าง Central, Big C, The Mall อาจจะไม่ได้มีรุ่นนี้วางขายแล้วนะ เพราะเค้าจะเน้นรุ่นใหม่ๆ มากกว่า แต่ถ้าเป็นร้านอุปกรณ์เครื่องเสียงโดยเฉพาะอย่าง Music Arms หรือ AT Prosound หรือร้านตัวแทนจำหน่ายของ Mahajak อาจจะยังมีค้างสต็อกอยู่บ้าง หรือลองเช็คตามร้าน JIB หรือ Banana IT ดูก็ได้ แต่ส่วนใหญ่เค้าจะเน้นสินค้าคอมพิวเตอร์กับมือถือมากกว่า อาจจะต้องเช็คสินค้าหมวดลำโพงเป็นพิเศษ ซึ่งจากที่เห็นบางที JIB ก็เคยมีขายในราคา 19,900 บาท แต่ตอนนี้ก็ขึ้นว่าสินค้าหมดชั่วคราวแล้ว
เรื่องส่วนต่างอัตราแลกเปลี่ยนกับราคาต่างประเทศ อันนี้สำหรับรุ่นเก๋าแบบนี้อาจจะไม่ต้องคิดมากแล้วจ้า เพราะราคามันนิ่งมาพักใหญ่แล้ว ขึ้นอยู่กับร้านว่ายังมีของไหมมากกว่านะ
3. เทียบราคากับรุ่นอื่นในตระกูล PartyBox เป็นไง?
ถ้าเทียบกับรุ่นพี่รุ่นน้องในตระกูลเดียวกันอย่าง JBL PartyBox 100, PartyBox 1000 หรือ PartyBox 310 ที่เป็นรุ่นใหม่กว่า เจ้า PartyBox 300 เนี่ยจะอยู่ตรงกลางๆ จ้า
- รุ่น PartyBox 100 จะเล็กกว่า พกพาง่ายกว่า กำลังขับน้อยกว่า (160W vs 240W) และแบตเตอรี่อยู่ได้สั้นกว่า (12 ชม. vs 18 ชม.) ราคาตอนเปิดตัวก็จะถูกกว่า PartyBox 300 นะ
- รุ่น PartyBox 1000 อันนี้พี่ใหญ่สุด กำลังขับมหาศาลถึง 1000W เบสแน่นตึ้บกว่ามาก มี Dj Pad ให้เล่น แต่ตัวใหญ่มากและ ต้องเสียบปลั๊กไฟตลอดเวลา ไม่มีแบตในตัว ราคาก็จะโดดไปอีกเรื่องเลยจ้า
- รุ่น PartyBox 310 เป็นรุ่นที่มาแทน PartyBox 300 ฟังก์ชันโดยรวมคล้ายกัน แต่มีการอัปเกรดบางอย่าง เช่น มีล้อลากให้ขนย้ายง่ายขึ้น [search for PartyBox 310 features], มีแอปพลิเคชันควบคุมไฟและฟังก์ชันต่างๆ, และอาจจะมีการปรับปรุงคุณภาพเสียงเล็กน้อย ราคาเปิดตัวก็จะสูงกว่า PartyBox 300 อยู่พอสมควร
สรุปคือ PartyBox 300 เนี่ย เหมือนเป็นรุ่นกลางๆ ที่ได้ทั้งความดัง กำลังขับ 240W, เบสที่แน่นสะใจ, และยังพกพาไปไหนมาไหนได้ด้วยแบตเตอรี่ในตัวที่อึดใช้ได้ถึง 18 ชั่วโมง ซึ่งรุ่นใหญ่สุดอย่าง 1000 ไม่มีแบตนะจ๊ะ ถือว่า PartyBox 300 มีความคุ้มค่าในแง่ของฟังก์ชันและความสามารถในการพกพาเมื่อเทียบกับราคาในช่วงที่ยังหาซื้อได้อยู่
4. ซื้อแล้วได้อะไรมาบ้างนะ?
เวลาซื้อ JBL PartyBox 300 หลักๆ แล้วในกล่องควรจะมี:
- ตัวลำโพง JBL PartyBox 300
- สายไฟ AC สำหรับเสียบชาร์จและใช้งาน
- สายชาร์จสำหรับเสียบกับช่องจุดบุหรี่ในรถยนต์ 12V DC อันนี้เจ๋งมาก เผื่อเอาไปปาร์ตี้นอกสถานที่ที่ไม่มีปลั๊กไฟ
- คู่มือความปลอดภัยและใบรับประกัน (ถ้าซื้อจากร้านตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ)
ส่วนเรื่อง ค่าขนส่ง ถ้าซื้อออนไลน์ส่วนใหญ่ก็จะมีบริการจัดส่งให้ บางร้านอาจจะมีโปรโมชั่นส่งฟรี ขึ้นอยู่กับยอดซื้อหรือช่วงโปรโมชั่นนะจ๊ะ
ที่สำคัญมากๆ สำหรับคนไทยคือเรื่อง การรับประกัน! ถ้าซื้อจากตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการในไทย (เช่น Mahajak Development) ปกติจะมีประกันศูนย์ให้ 1 ปีนะ ซึ่งคนไทยเราเน้นเรื่องนี้มาก เพราะถ้ามีปัญหาอะไรจะได้เคลมได้สบายใจหน่อย แต่ถ้าซื้อแบบหิ้วมาเอง หรือซื้อมือสอง อาจจะต้องเช็คเงื่อนไขประกันให้ดี บางทีไม่มีประกันเลย หรือมีประกันร้านสั้นๆ จ้า
เรื่องของแถมหรือโปรโมชั่นเสริมอื่นๆ อันนี้แล้วแต่ร้านเลย บางร้านอาจจะมีแถมสาย AUX หรือสายไมค์โครโฟนให้ด้วย ก็ต้องลองสอบถามหรือดูรายละเอียดดีๆ ก่อนตัดสินใจซื้อนะ
5. ช่วงไหนน่าสอยเจ้า PartyBox 300 ที่สุด?
ถึงแม้จะเป็นรุ่นที่ออกมานานแล้ว แต่ถ้ายังมีร้านที่ขาย JBL PartyBox 300 อยู่ และเราอยากได้ราคาดีๆ ช่วงเวลาที่ควรจับตาเป็นพิเศษก็คือช่วง เทศกาลลดราคา ต่างๆ ของไทยนี่แหละ!
ช่วง Double Digit Sale ยอดฮิตอย่าง 11.11 หรือ 12.12 บน Lazada กับ Shopee เนี่ย ถึงแม้รุ่นนี้จะไม่ใช่รุ่นใหม่ แต่ร้านค้าต่างๆ อาจจะเอารุ่นเก่ามาโละสต็อก ลดราคาแบบจัดหนักจัดเต็มก็ได้นะ หรือช่วงเทศกาลไทยอื่นๆ เช่น สงกรานต์, ปีใหม่ ที่คนนิยมจัดปาร์ตี้ ร้านค้าก็อาจจะมีโปรโมชั่นเกี่ยวกับลำโพงปาร์ตี้ออกมาล่อตาล่อใจได้เหมือนกัน
ร้านค้าที่เป็น Official Store ของ JBL เองใน Lazada หรือ Shopee (ถ้ายังมี PartyBox 300 ขายอยู่) ก็มักจะมีส่วนลดหรือโค้ดพิเศษสำหรับผู้ติดตาม หรือจัดโปรโมชั่นตามแคมเปญใหญ่ๆ อยู่เรื่อยๆ นะจ๊ะ
คำแนะนำคือ ถ้าไม่รีบใช้ อดใจรอช่วงโปรโมชั่น จะมีโอกาสได้ราคาที่คุ้มค่ามากๆ หรือได้ของแถมพิเศษเพิ่มเข้ามาก็ได้นะ แต่ก็ต้องทำใจว่ารุ่นนี้อาจจะหาของใหม่ได้ยากขึ้นเรื่อยๆ แล้วนะจ๊ะ
6. ผู้ใช้ในไทยเค้าว่ายังไงกันบ้างนะ?
จากที่ส่องๆ ดูรีวิวจากผู้ใช้ในไทยเกี่ยวกับ JBL PartyBox 300 ส่วนใหญ่เสียงไปในทางชื่นชมนะ โดยเฉพาะเรื่อง:
- พลังเสียงและความดัง: อันนี้เป็นจุดเด่นของ PartyBox เลย คนไทยชอบมากที่เสียงดังกระหึ่ม เปิดในงานปาร์ตี้ได้สบายๆ ไม่ต้องกลัวเสียงเบา
- เบสแน่นสะใจ: สายโจ๊ะ สายตื๊ดถูกใจสิ่งนี้ เบสลงลึก แน่นเป็นลูกๆ สามารถปรับ Bass Boost เพิ่มความสะใจได้อีก
- ไฟ Lightshow สวยงาม: เพิ่มสีสันให้ปาร์ตี้ได้ดีมากๆ มีหลายโหมดให้เลือกเล่น
- แบตเตอรี่อึด: ใช้งานได้ยาวนานถึง 18 ชั่วโมง พกไปปาร์ตี้นอกบ้านได้สบาย ไม่ต้องหาปลั๊กไฟตลอดเวลา
- มีช่องเสียบไมค์และกีตาร์: ถูกใจสายร้อง สายเล่นดนตรีสุดๆ
- คุ้มค่ากับราคา: เมื่อเทียบกับคุณภาพเสียง ฟังก์ชัน และความดังที่ได้ในราคาที่จ่ายไป (โดยเฉพาะถ้าเจอราคาดีๆ) หลายคนมองว่าคุ้มมากๆ
แต่ก็มีบางส่วนที่อาจจะคอมเมนต์เรื่อง น้ำหนัก ของตัวลำโพงที่ค่อนข้างเยอะ (ประมาณ 15.8 กก.) ถึงแม้จะมีหูหิ้วแต่ก็ยังถือว่าหนักอยู่ดีสำหรับบางคน และอีกเรื่องคือ ไม่กันน้ำ ต้องระวังอย่าให้โดนน้ำนะจ๊ะ
7. จะไปสอยเจ้า PartyBox 300 ได้ที่ไหนดี?
อย่างที่บอกไปว่ารุ่นนี้เริ่มหายากแล้ว ช่องทางหลักๆ ที่พอจะหาได้มีดังนี้:
- แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซใหญ่: อย่าง Shopee และ Lazada ยังคงเป็นแหล่งหลักในการตามหาสินค้าที่อาจจะค้างสต็อกอยู่ หรือเป็นสินค้ามือสอง ข้อดีคือมีตัวเลือกเยอะ เปรียบเทียบราคาได้ง่าย มีระบบการชำระเงินที่หลากหลาย และบางทีมีโค้ดส่วนลดหรือโปรโมชั่นส่งฟรี ข้อเสียคือไม่ได้เห็นของจริงก่อนซื้อ ต้องดูจากรูปและรายละเอียดที่ผู้ขายให้มา และต้องเช็คเครดิตร้านค้าดีๆ ก่อนโอนเงินนะจ๊ะ
- ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ: เช่น ร้านที่อยู่ภายใต้การดูแลของ Mahajak Development ลองเช็คกับร้านเหล่านี้โดยตรงว่ายังมีสินค้าค้างสต็อกอยู่หรือไม่ ข้อดีคือมั่นใจได้ว่าเป็นของแท้ มีประกันศูนย์ และบริการหลังการขายที่เชื่อถือได้
- ร้านเครื่องเสียงเฉพาะทาง: บางร้านที่เน้นขายอุปกรณ์เครื่องเสียง ลำโพง อาจจะมี PartyBox 300 ค้างสต็อกอยู่ ลองโทรสอบถามหรือเข้าไปดูที่ร้านโดยตรงได้เลย ข้อดีคือได้เห็นของจริง ลองฟังเสียงก่อนซื้อ
- ตลาดมือสอง: ตามกลุ่มซื้อขายเครื่องเสียงใน Facebook หรือเว็บไซต์ขายของมือสองต่างๆ ก็เป็นอีกแหล่งที่น่าสนใจนะ เพราะอาจจะเจอคนปล่อยของที่สภาพยังดีอยู่ ในราคาที่ถูกลงกว่าเดิมเยอะเลย ข้อควรระวังคือนัดเจอเพื่อเช็คสภาพสินค้าก่อนจ่ายเงินทุกครั้งนะจ๊ะ
สำหรับร้านค้าปลีกขนาดใหญ่อย่าง Central, Big C, The Mall, JIB, Banana IT ตอนนี้อาจจะเน้นขายรุ่นใหม่กว่าอย่าง PartyBox 310, 710, 1000 มากกว่าแล้วนะ
8. สรุปแล้วน่าซื้อไหม? เหมาะกับใคร?
ฟันธงเลยว่า JBL PartyBox 300 ยังคงเป็นลำโพงที่ น่าซื้อมากๆ ถ้าคุณเป็นคนที่:
- ชอบจัดปาร์ตี้ อยากได้ลำโพงที่เสียงดังกระหึ่ม เบสแน่นๆ เอาไว้สร้างบรรยากาศ
- ชอบร้องคาราโอเกะหรือเล่นดนตรี เพราะมีช่องเสียบไมค์และกีตาร์มาให้ในตัว
- ต้องการลำโพงที่พกพาไปนอกสถานที่ได้ ด้วยแบตเตอรี่ที่อึดใช้ได้นาน
- มีงบประมาณจำกัด และอยากได้ลำโพงคุณภาพดีในราคาที่คุ้มค่า (ถ้าเจอราคาดีๆ หรือมือสองสภาพดี)
เจ้าตัวนี้ตอบโจทย์แน่นอนจ้า! มันให้คุณภาพเสียงและฟังก์ชันที่ครบครันสำหรับการใช้งานปาร์ตี้
แต่ถ้าคุณเป็นคนที่เน้นพกพาง่ายสุดๆ ไม่ติดเรื่องความดังมาก หรือต้องการคุณสมบัติกันน้ำ อาจจะต้องมองหารุ่นอื่นที่เล็กกว่าหรือมีคุณสมบัติกันน้ำเพิ่มเข้ามา หรือถ้าต้องการความดังแบบสุดขีด มีงบเยอะๆ ไม่ติดเรื่องแบตในตัว ก็อาจจะต้องไปเล่นรุ่นใหญ่อย่าง PartyBox 1000 ไปเลย
อย่างไรก็ตาม สำหรับคนที่มองหาลำโพงที่รวมความดัง พลังเบส ไฟสวยๆ มีแบตในตัว และช่องเสียบครบครัน ในราคาที่เข้าถึงง่ายกว่ารุ่นใหม่ๆ JBL PartyBox 300 ถือเป็นตัวเลือกที่ยังเก๋าและน่าสอยอยู่นะจ๊ะ ขอให้ทุกคนได้ลำโพงที่ถูกใจ ไปจัดปาร์ตี้ให้สนุกสุดเหวี่ยงกันไปเลยจ้า!
วิดีโอที่เกี่ยวข้อง
แนะนำสำหรับคุณ
ราคา iPhone 8 Plus ล่าสุด โปรโมชั่น และเคล็ดลับการซื้อ ปี 2025
ราคา iPhone 15 Pro ล่าสุด โปรโมชั่น และเคล็ดลับการซื้อ ปี 2025
ราคา Johnnie Walker Platinum Label ล่าสุด (อัปเดตปี 2025)
Apple AirPort Time Capsule ราคาเท่าไหร่? คุ้มไหมที่จะซื้อปี 2024?
ราคาทองคำย้อนหลัง วันที่ 12 กรกฎาคม 2562
ราคา iPad Gen 8 Wi-Fi + Cellular 128GB มือสอง คุ้มไหมปี 2024?