รีวิว Burberry Blush: บลัชออนสีสวยละมุน แพ็คเกจหรู สีไหนเข้ากับผิวคนไทย?


สวัสดีค่ะทุกคน! วันนี้เมย์มีไอเทมสุดปัง สุดหรู ที่เห็นแล้วใจละลายมาป้ายยาให้ฟังกันอีกแล้วค่ะ เชื่อว่าสาวๆ หลายคนแค่ได้ยินชื่อแบรนด์ก็คงตาลุกวาวกันแล้ว นั่นก็คือ Burberry Blush นั่นเอง! บลัชออนในตำนานที่ร่ำลือกันว่าสีสวย แพ็คเกจหรูหรา แล้วมันจะเริ่ดจริงสมคำร่ำลือไหม สีไหนจะเหมาะกับผิวคนไทยแบบเราๆ วันนี้เมย์จะมารีวิวให้ดูแบบหมดเปลือก พร้อมเม้าท์มอยสไตล์กันเอง เตรียมตัวเสียเงิน เอ้ย! เตรียมตัวหาข้อมูลก่อนช้อปกันได้เลย!
1. ภาพรวมของสินค้า: รู้จัก Burberry Blush กันก่อน
ถ้าพูดถึง Burberry หลายคนคงนึกถึงลายสก็อตสุดคลาสสิกใช่ไหมคะ แต่ไลน์เครื่องสำอางของเค้าก็ปังไม่แพ้กัน โดยเฉพาะบลัชออน Burberry Light Glow Natural Blush (ชื่อเต็มยศเค้าล่ะ) เค้าเป็นบลัชออนเนื้อฝุ่นที่ให้ฟินิชแบบธรรมชาติ เปล่งปลั่งสุขภาพดี
แบรนด์: Burberry Beauty
รุ่น: Light Glow Natural Blush
ปีที่วางขาย: วางขายมานานแล้ว เป็นไลน์คลาสสิกของแบรนด์
ช่วงราคา: ประมาณ 2,050 - 2,450 บาท (ขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นและแหล่งที่ซื้อ)
การวางตำแหน่งสินค้า: อยู่ในกลุ่มเครื่องสำอางลักซ์ชัวรี ราคาสูง เหมาะกับคนที่ชอบแพ็คเกจสวย คุณภาพดี และเป็นแฟนแบรนด์ Burberry
จุดเด่นที่เค้าเคลมมา:
- เนื้อบลัชบางเบา เกลี่ยง่าย ไม่เป็นปื้น
- ให้สีแก้มดูเป็นธรรมชาติ เปล่งปลั่งเหมือนผิวดีแต่เกิด
- ติดทนนานพอสมควร
- มีเฉดสีให้เลือกหลากหลาย
- แพ็คเกจหรูหรา พกพาสะดวก มีกระจกและแปรงมาให้ในตลับ
2. ดีไซน์ & รูปลักษณ์ภายนอก: แค่ถือก็รู้สึกสวย!
ยอมรับเลยว่าสิ่งแรกที่ทำให้เสียเงินให้ Burberry ก็คือแพ็คเกจนี่แหละค่ะ! ตลับบลัชออนเค้าทำจากวัสดุแข็งแรง ทนทาน สีดำเงา มีลวดลาย Burberry ที่ฝาตลับ ดูเรียบหรู คลาสสิก ถือแล้วรู้สึกเป็นคุณนายขึ้นมาทันที
วัสดุ: ตลับพลาสติกแข็งแรง ด้านในเป็นโลหะ
ขนาดและน้ำหนัก: ขนาดกำลังดี พกพาสะดวก ใส่ในกระเป๋าเครื่องสำอางได้สบาย น้ำหนักกำลังพอดี ไม่เบาจนดูก๊องแก๊ง
สีที่มีให้เลือก: เค้ามีหลายเฉดสีมาก ตั้งแต่ชมพู พีช ส้ม ไปจนถึงโทนน้ำตาล ที่ Sephora ในไทยมีบางเฉดสีให้เลือก เช่น Cameo Pink (02), Rose Blush (03), Blossom Blush (05)
ความสะดวกในการพกพา: พกพาง่าย มีถุงกำมะหยี่มาให้ใส่ตลับด้วย! ช่วยป้องกันรอยขีดข่วนในกระเป๋า ดีงามมาก
อุปกรณ์เสริมในกล่อง: ในตลับมีกระจกบานใหญ่พอสมควร ส่องชัดเต็มหน้า และมีแปรงปัดมาให้ด้วย (ถึงแม้แปรงอาจจะไม่ได้นุ่มฟูเท่าแปรงจริงจัง แต่ก็พอใช้ได้ยามฉุกเฉิน)
3. ประสบการณ์ในการใช้งานฟังก์ชันหลัก: ปัดแล้วแก้มใสปิ๊ง!
มาถึงเรื่องเนื้อสัมผัสและสีกันบ้าง Burberry Light Glow เป็นบลัชออนเนื้อฝุ่นที่อัดมาแน่น แต่เวลาใช้แปรงปัดแล้วไม่ค่อยมีผงฟุ้งกระจายเท่าไหร่ เนื้อเค้าจะเนียนละเอียดมากกกกกก ปัดลงบนผิวแล้วกลืนไปเลย ไม่เป็นแป้งๆ ไม่เป็นคราบ
เมย์ลองใช้สี Rose Blush (03) ซึ่งเป็นสีชมพูกุหลาบแบบตุ่นๆ ไม่ชมพูจ๋าเกินไป สำหรับผิวคนไทยอย่างเมย์ (ผิวขาวเหลือง-ปานกลาง) สีนี้ปัดแล้วให้แก้มดูสุขภาพดี มีเลือดฝาดแบบธรรมชาติมากๆ ส่วนสี Cameo Pink (02) จะเป็นชมพูอ่อนๆ อาจจะเหมาะกับคนผิวขาวมากกว่า หรือถ้าผิวสองสีอาจจะต้องบิ้วด์หลายรอบหน่อย สี Blossom Blush (05) จะออกโทนส้มอมพีช สีนี้ก็สวย เข้ากับผิวคนไทยได้ดีเลย ปัดแล้วดูสดใส
พิกเมนต์: สีค่อนข้างชัด ปัดนิดเดียวก็ให้สีแล้ว แต่ที่ชอบคือมันบิ้วด์เพิ่มได้ ไม่เข้มพรวดเดียว มือใหม่ใช้ได้สบายๆ
ความติดทน: ในสภาพอากาศเมืองไทยที่ร้อนอบอ้าวแบบนี้ ถือว่าติดทนในระดับดีเลยค่ะ จากที่ลองแต่งตอนเช้า อยู่ได้ถึงบ่ายๆ เย็นๆ สีอาจจะมีเฟดไปบ้างตามสภาพอากาศ แต่ก็ยังดูมีสีอยู่ ไม่หายไปหมด ถ้าอยู่ในห้องแอร์ก็จะติดทนนานกว่านี้อีก
ตัวนี้เค้าเคลมว่ามีชิมเมอร์ละเอียดๆ ช่วยให้ผิวดูโกลว์ๆ ด้วย ซึ่งพอปัดจริงก็รู้สึกได้ว่าแก้มดูเปล่งปลั่ง แต่ไม่ใช่ชิมเมอร์เม็ดใหญ่ๆ ที่จะไปเน้นรูขุมขน เป็นความโกลว์แบบผู้ดี
4. ใช้งานง่ายไหม? มือใหม่ก็ปัดรอด!
ใช้ง่ายมากกกกกก! เนื้อเค้าละเอียด เกลี่ยง่าย แค่ใช้แปรงแตะเบาๆ แล้วปัดลงบนแก้มก็ให้สีที่สวยแล้ว ไม่ต้องมีเทคนิคอะไรซับซ้อน ไม่ต้องกลัวเป็นปื้น จะใช้แปรงในตลับหรือแปรงบลัชออนคู่ใจก็ได้หมด
ความง่ายในการเกลี่ย: ดีมาก เกลี่ยง่าย เบลนสีได้สวย
เหมาะกับมือใหม่: เหมาะเลยค่ะ เพราะสีไม่เข้มเกินไป สามารถค่อยๆ เพิ่มระดับความเข้มได้
5. ความคุ้มค่าในระยะยาว: แพงแต่ใช้นาน!
ราคาอาจจะแรงกว่าบลัชออน Drugstore ทั่วไป แต่ปริมาณบลัชออน 7 กรัม ถือว่าเยอะพอสมควรเลยค่ะ ด้วยความที่พิกเมนต์ค่อนข้างชัด ใช้แค่นิดเดียวแต่ละครั้ง ทำให้คิดว่าตลับนึงน่าจะใช้ได้นานเป็นปี หรือหลายปีเลยถ้าไม่ได้ใช้ทุกวัน
ค่าใช้จ่ายระยะยาว: ไม่มีค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนอะไหล่หรืออะไรเพิ่มเติม
วิเคราะห์ความคุ้มค่า: ถ้ามองที่ราคาต่อกรัมอาจจะดูแพง แต่ถ้าเทียบกับการใช้งานจริงที่ใช้นิดเดียวและคุณภาพที่ได้ ทั้งแพ็คเกจและเนื้อบลัช ถือว่าคุ้มค่ากับการลงทุนสำหรับคนที่ชอบบลัชออนดีๆ สักตลับ
6. สรุปข้อดี-ข้อเสีย: มีรักก็มีข้อที่ต้องทำใจ
ข้อดีที่โดนใจคนไทย:
- แพ็คเกจหรูหรา: ถือแล้วฟิน ดูแพง เหมาะกับการอวดลงโซเชียล
- สีสวยละมุน: หลายๆ สี โดยเฉพาะโทนชมพูกุหลาบหรือส้มพีช เข้ากับผิวคนไทยได้ดีมาก
- เนื้อดี เกลี่ยง่าย: ปัดแล้วเนียนไปกับผิว ไม่เป็นคราบ มือใหม่ใช้ได้สบาย
- ให้ลุคธรรมชาติ: ดูเหมือนแก้มสุขภาพดีแต่เกิด ไม่ใช่บลัชออนปั้กๆ
- ติดทนพอสมควร: เอาอยู่กับอากาศเมืองไทยได้ระดับนึง
ข้อเสียที่อาจทำให้ลังเล:
- ราคาสูง: เป็นบลัชออนที่ราคาสูงกว่าเคาน์เตอร์แบรนด์ทั่วไปบางยี่ห้อ
- เฉดสีที่มีในไทยอาจจะไม่ครบทุกสี: ต้องเช็คเฉดสีที่เข้าไทยอีกที
- แปรงที่ให้มาคุณภาพกลางๆ: ไม่ได้ดีเท่าแปรงบลัชออนแยก
7. เหมาะกับใคร & คำแนะนำในการซื้อ: ใครควรมีติดกรุ?
เหมาะกับ:
- คนที่ชอบเครื่องสำอางแพ็คเกจสวยหรู
- คนที่มองหาบลัชออนคุณภาพดี เนื้อเนียน เกลี่ยง่าย
- คนที่อยากได้บลัชออนที่ให้ลุคธรรมชาติ แก้มดูสุขภาพดี
- คนที่พอจะมีงบประมาณสำหรับลงทุนกับเครื่องสำอางดีๆ
เหมาะกับการใช้งานแบบไหน: ใช้ได้ทุกวัน ทุกโอกาส ไม่ว่าจะแต่งหน้าไปทำงาน ไปเรียน หรือออกงาน ก็ให้ลุคที่ดูดีได้
ควรซื้อเลยไหม?: ถ้ากำลังมองหาบลัชออนดีๆ สักตลับ และงบถึง แนะนำให้ลองไปเทสสีจริงที่เคาน์เตอร์ดูค่ะ ถ้าเจอสีที่ชอบและเข้ากับผิว ซื้อเลยคุ้ม! แต่ถ้าอยากได้ราคาดีๆ รอช่วงโปรโมชั่นตามร้านค้าออนไลน์หรือในห้างสรรพสินค้าจะคุ้มกว่าค่ะ
8. เปรียบเทียบกับสินค้าคล้ายๆ กัน (อันนี้แถมให้!)
ถ้าให้เทียบกับบลัชออนเคาน์เตอร์แบรนด์อื่นๆ ที่ราคาสูงพอๆ กัน หรือใกล้เคียงกันอย่าง NARS, Dior, Chanel, Hourglass เมย์ว่า Burberry มีความโดดเด่นที่แพ็คเกจและความเป็นผู้ดีอังกฤษ เนื้อบลัชเค้าก็ทำมาได้ดี เกลี่ยง่าย ให้สีธรรมชาติ อาจจะไม่ได้พิกเมนต์ชัดเปรี้ยงเท่า NARS บางรุ่น แต่ก็ได้ความละมุน ความเป็นธรรมชาติมาแทน
ถ้าเทียบกับบลัชออนโทนสีคล้ายๆ กัน Burberry Light Glow ในบางเฉดสี เช่น Rose Blush ก็อาจจะคล้ายกับบลัชออนสีชมพูกุหลาบของแบรนด์อื่น แต่ความเนียนละเอียดและการให้ฟินิชแบบธรรมชาติของ Burberry ก็ยังเป็นจุดแข็งค่ะ
9. บริการหลังการขายและช่องทางการซื้อ: จะหาซื้อได้ที่ไหน?
ช่องทางการซื้อ Burberry Beauty ในไทยมีหลายที่ค่ะ ที่หลักๆ เลยก็คือ:
- เคาน์เตอร์ Burberry Beauty: ตามห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ สามารถไปลองสีจริงได้เลย
- Sephora Thailand: ทั้งหน้าร้านและออนไลน์ สะดวกสบาย มีโปรโมชั่นบ่อย
- ร้านค้าออนไลน์อื่นๆ: เช่น King Power (สำหรับ Duty Free), Shopee, Lazada (ต้องเลือกร้านที่น่าเชื่อถือ)
การซื้อจากเคาน์เตอร์หรือ Sephora จะมั่นใจเรื่องของแท้และการรับประกันมากกว่าค่ะ ถ้าซื้อออนไลน์จากร้านอื่นๆ ให้ดูรีวิวและความน่าเชื่อถือของร้านให้ดีก่อนนะคะ
ช่วงเทศกาลต่างๆ หรือช่วงแคมเปญช้อปปิ้งใหญ่ๆ อย่าง 11.11, 12.12, Mid-Year Sale มักจะมีโปรโมชั่น ลดราคา หรือมีของแถม ทำให้ซื้อได้ในราคาที่คุ้มค่ามากๆ
ถ้าซื้อออนไลน์ ส่วนใหญ่จะมีบริการจัดส่งถึงบ้าน บางร้านอาจมีตัวเลือกเก็บเงินปลายทาง หรือผ่อนชำระได้ด้วย ระยะเวลาการจัดส่งก็แล้วแต่ร้านและบริษัทขนส่งค่ะ
10. บทสรุปและคำแนะนำในการซื้อ: ควรมีติดกรุไหม?
สรุปง่ายๆ เลยค่ะว่า Burberry Light Glow Natural Blush เป็นบลัชออนที่น่าตำมากๆ ถ้าคุณ:
- ชอบแพ็คเกจสวยหรู วางบนโต๊ะเครื่องแป้งแล้วฟิน
- อยากได้บลัชออนที่เนื้อดี เกลี่ยง่าย ไม่เป็นคราบ มือใหม่ก็ใช้รอด
- ชอบบลัชที่ให้สีธรรมชาติ แก้มดูสุขภาพดี ไม่เข้มจนเกินไป
สำหรับเมย์ ถ้ามีงบประมาณและกำลังมองหาบลัชออนคู่ใจที่ใช้ได้ทุกวัน Burberry Blush ถือเป็นตัวเลือกที่ควรลงทุนค่ะ
แต่ถ้าเพิ่งเริ่มแต่งหน้า ยังไม่แน่ใจว่าจะชอบโทนสีไหน หรือมีงบจำกัด อาจจะลองหาบลัชออน Drugstore ที่โทนสีใกล้เคียงกันลองใช้ดูก่อนก็ได้ค่ะ แต่ถ้าใจมันเรียกร้อง อยากมีบลัชออน Burberry มาครอบครองจริงๆ แนะนำให้รอช่วงโปรโมชั่นนะคะ จะได้สบายกระเป๋ามากขึ้น!
หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคนนะคะ ใครเคยใช้ Burberry Blush สีไหนแล้วชอบบ้าง มาเม้าท์มอยกันในคอมเมนต์ได้เลยค่ะ!
วิดีโอที่เกี่ยวข้อง
แนะนำสำหรับคุณ
รีวิว สวนคุณปู่ สถานที่ท่องเที่ยว/ร้านอาหาร บรรยากาศย้อนยุค
รีวิว Clickbait: ซีรีส์/ภาพยนตร์แนวสืบสวน หักมุม พลิกล็อก ชวนติดหนึบไหม?
รีวิว บ้านเรือ โฮมสเตย์: ที่พักบรรยากาศดีริมน้ำ สไตล์บ้านๆ [ใส่จังหวัด/ที่ตั้ง] น่าไปพักไหม?
รีวิว Dior Forever Perfect Cushion คุชชั่นผิวแมทท์ เนียนเป๊ะ ติดทน
รีวิว Samsung Galaxy Watch Active นาฬิกาอัจฉริยะเพื่อสุขภาพ ฟังก์ชันครบ
รีวิว Amazon Residence พัทยา คอนโดบรรยากาศรีสอร์ท พร้อมสระว่ายน้ำใหญ่