เคส Defense ราคาดี รุ่นไหนกันกระแทกเทพสุด? ปกป้องมือถือได้จริงไหม?

สวัสดีค่าทุกคนนน! วันนี้เราจะมาเม้าท์มอยเรื่องสุดปวดใจของคนยุคนี้ นั่นก็คืออออ... การทำมือถือสุดที่รักตกพื้นนั่นเองงง! โอ้โห แค่คิดก็เจ็บแทนไตแล้วจริงไหมคะ? ยิ่งมือถือสมัยนี้ราคาดีดไปหลักครึ่งแสน บางรุ่นเกือบแสน! ทำตกทีหัวใจจะวาย ต้องวิ่งไปเช็คทันทีว่ารอดไหม? จอแตกหรือเปล่า? ค่าซ่อมเท่าไหร่? แงงงงง! ไม่เอาแล้วววว

ทางออกของปัญหานี้ก็คือ "เคสกันกระแทก" นั่นเองค่ะคุณขาาา! แต่ในตลาดมันก็มีเยอะแยะไปหมดเลยใช่ไหมคะ? ทั้งแบบถูกแบบแพง แบบบางแบบหนา วันนี้เราเลยจะมาเจาะลึกกันว่า 《เคส Defense ราคาดี รุ่นไหนกันกระแทกเทพสุด? ปกป้องมือถือได้จริงไหม?》 จะได้เลือกซื้อได้แบบคุ้มค่า ปลอดภัย สบายใจ ไม่ต้องมานั่งลุ้นระทึกเวลาทำมือถือหล่นอีกต่อไปค่ะ! ไปลุยกันเลย!

1. เคส Defense คืออะไร? สำคัญไฉนกับชีวิต?

เอาล่ะค่ะ มาทำความรู้จักกับเจ้า "เคส Defense" หรือ "เคสกันกระแทก" กันก่อนเลย ชื่อก็บอกอยู่แล้วเนอะว่ามันมีไว้เพื่อ "ป้องกัน" ค่ะ ป้องกันอะไร? ก็ป้องกันมือถือสุดแพงของเราจากแรงกระแทก การตกหล่น กระแทกกับพื้น หรือกระแทกกับขอบโต๊ะอะไรพวกนี้แหละค่ะคุณ! คิดดูสิคะ มือถือเครื่องบางๆ หน้าจอใหญ่เบ้อเริ่มเทิ่ม ถ้าไม่มีอะไรมาช่วยซับแรงกระแทก รับรองว่าโอกาสจอแตก ฝาหลังร้าว สูงมากกกกก

เคสพวกนี้เค้าไม่ได้ทำมาแค่สวยๆ นะคะ ส่วนใหญ่จะออกแบบมาเป็นพิเศษ มีการใช้วัสดุที่ช่วยดูดซับแรงกระแทก เช่น ยาง TPU คุณภาพสูง โพลีคาร์บอเนตแข็งๆ หรือบางรุ่นก็มีโครงสร้างแบบหลายชั้น (Multi-layer) เพื่อให้มั่นใจว่าถ้ามือถือตก มุม เคสจะช่วยกระจายแรงกระแทกออกไป ไม่ให้แรงปะทะไปลงที่ตัวเครื่องโดยตรงค่ะ เหมาะมากๆ เลยสำหรับ:

• คนซุ่มซ่าม: แบบว่าถืออะไรก็ร่วง โต๊ะเก้าอี้เดินชนตลอด อันนี้จำเป็นมากค่ะ!
• คนที่ทำกิจกรรมโลดโผน: ชอบเดินป่า ปีนเขา ปั่นจักรยาน หรือทำงานภาคสนาม มือถือมีโอกาสตกหล่นได้ง่ายกว่าปกติ
• คนรักมือถือ: รักมาก หวงมาก ไม่อยากให้เป็นรอย ไม่อยากให้มีอะไรเกิดขึ้นกับน้องเลย!
• คนที่ใช้มือถือราคาแพง: เพราะค่าซ่อมทีนี่น้ำตาไหลยิ่งกว่าทำเงินหายอีกค่ะ!

แบรนด์เคสกันกระแทกดังๆ ระดับโลกที่เค้าทำกันมานานและมีชื่อเสียงเรื่องความทนทานก็มีหลายแบรนด์เลยค่ะ บางแบรนด์มาจากอเมริกา บางแบรนด์จากเกาหลี เค้าก็จะมีเทคโนโลยีหรือดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง แต่เป้าหมายเดียวกันคือ ปกป้องมือถือของเราให้รอดปลอดภัยในยามคับขันนั่นเองจ้า

2. ราคาในตลาดไทยเป็นยังไงบ้าง?

มาถึงเรื่องสำคัญที่ทำให้หลายคนคิดหนัก นั่นคือ "ราคา" ของเคส Defense นี่แหละค่ะ! ต้องบอกเลยว่าเคสประเภทนี้ราคาเค้าจะสูงกว่าเคสแฟชั่นสวยๆ หรือเคสใสธรรมดาทั่วไปอย่างมีนัยสำคัญเลยค่ะ ราคามันก็ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยเลยนะ เช่น:

• แบรนด์: แบรนด์ดังระดับโลกที่มีเทคโนโลยีกันกระแทกเป็นของตัวเอง ราคาก็จะสูงตามชื่อเสียงและคุณภาพค่ะ
• รุ่นเคส: ในแบรนด์เดียวกันก็อาจจะมีหลายรุ่น บางรุ่นเน้นบางลงหน่อย กันกระแทกระดับนึง ราคาไม่สูงมาก แต่บางรุ่นคือจัดเต็มเรื่องกันกระแทกแบบสุดๆ หนาหน่อย แต่ปกป้องเทพ อันนี้ราคาก็จะพุ่งขึ้นไปอีกค่ะ
• รุ่นมือถือ: บางทีเคสสำหรับมือถือรุ่นยอดนิยมมากๆ อาจจะมีตัวเลือกเยอะ ราคาหลากหลายกว่าค่ะ

โดยทั่วไปแล้ว เคส Defense ในตลาดไทยจะมีราคาประมาณนี้ค่ะ (ราคาคร่าวๆ นะคะ อาจมีแตกต่างกันไป):

• กลุ่มราคาหลักร้อยปลายๆ - 1,xxx บาทต้นๆ: อันนี้จะเป็นเคสกันกระแทกจากแบรนด์ที่อาจจะไม่ได้ดังระดับโลกมากนัก หรือเป็นรุ่นเริ่มต้นของแบรนด์ที่เน้นราคาเข้าถึงง่าย ยังมีคุณสมบัติกันกระแทกที่ดีกว่าเคสทั่วไป แต่ความหนาและวัสดุอาจจะแตกต่างกันไป
• กลุ่มราคา 1,xxx - 2,xxx บาท: อันนี้เป็นกลุ่มยอดนิยมของแบรนด์ดังๆ ที่เน้นคุณภาพและการปกป้องที่ดีเยี่ยม ได้มาตรฐานกันกระแทกต่างๆ วัสดุดี ดีไซน์อาจจะมีให้เลือกหลากหลายขึ้น
• กลุ่มราคา 2,xxx บาทขึ้นไป: อันนี้คือตัวท็อป ตัวเทพของจริง! ส่วนใหญ่จะเป็นเคสที่มีดีไซน์และวัสดุพรีเมียมมากๆ เน้นการปกป้องขั้นสุด อาจจะมีฟังก์ชันเสริมอื่นๆ ด้วย ราคาก็จะสูงตามความเทพค่ะ

เราสามารถเจอเคส Defense เหล่านี้ได้ตามแหล่งช้อปปิ้งออนไลน์หลักๆ ในไทยเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็น Lazada หรือ Shopee ที่มีร้านค้า Official Store ของแบรนด์ดังๆ หรือร้านค้าตัวแทนจำหน่ายเยอะมากๆ หรือถ้าอยากไปลองจับของจริง ดูก่อนซื้อ ก็สามารถไปดูได้ที่ร้านค้าอุปกรณ์ไอทีและมือถืออย่าง Jaymart, TG FONE, Banana IT, Power Buy หรือแม้แต่โซนอุปกรณ์เสริมมือถือในห้างสรรพสินค้าอย่าง Central, Big C, The Mall ก็มักจะมีให้เลือกค่ะ ราคาตามร้านเหล่านี้อาจจะสูงกว่าซื้อออนไลน์เล็กน้อย แต่ได้ลองของจริงสบายใจกว่านะ!

เรื่องราคาเมื่อเทียบกับราคาต่างประเทศ บางทีก็มีส่วนต่างอยู่บ้างค่ะ เพราะต้องบวกภาษี ค่าขนส่ง หรือค่าการตลาดเข้าไปด้วย แต่ส่วนใหญ่ร้านค้า Official ในไทยก็จะพยายามตั้งราคาให้เหมาะสมกับตลาดบ้านเราค่ะ

3. แล้วเทียบกับเคสแบบอื่นล่ะ ราคาโอเคมั้ย?

ถ้าให้เทียบราคาเคส Defense กับเคสประเภทอื่นๆ ที่มีในตลาดเนี่ย มันก็จะเห็นความแตกต่างชัดเจนเลยค่ะ:

• เทียบกับเคสใส/เคสซิลิโคนธรรมดา: ราคาเคสใสหรือเคสซิลิโคนถูกมากๆ ค่ะ บางทีหลักสิบ หลักร้อยต้นๆ ก็หาซื้อได้แล้ว แต่การป้องกันก็อย่างที่รู้ๆ กันคือป้องกันรอยขีดข่วนเล็กๆ น้อยๆ ได้พอสมควร แต่ถ้าตกแรงๆ บอกเลยว่าตัวใครตัวมันค่ะ! เคส Defense ราคาอาจจะแพงกว่า 5-10 เท่า หรือมากกว่านั้น แต่ถ้าเทียบกับค่าซ่อมหน้าจอทีเป็นหลักพันหลักหมื่นแล้วเนี่ย การลงทุนกับเคส Defense ถือว่า คุ้มค่ากว่าเยอะมากๆ ค่ะ!
• เทียบกับเคสแฟชั่น/เคสดีไซน์สวยๆ: เคสแฟชั่นบางแบรนด์ราคาก็สูงพอๆ กับเคส Defense เลยค่ะ บางทีแพงกว่าด้วยซ้ำ เพราะเน้นที่ดีไซน์ ลวดลาย วัสดุพรีเมียม หรือการ Collaboration กับศิลปินต่างๆ แต่เคสพวกนี้บางทีก็ไม่ได้เน้นเรื่องการกันกระแทกเป็นหลักค่ะ อาจจะมีความแข็งแรงระดับนึง แต่ไม่ได้มีเทคโนโลยีดูดซับแรงกระแทกแบบเฉพาะเจาะจงเหมือนเคส Defense ค่ะ ดังนั้น ถ้าเน้นปกป้องเทพๆ ในราคาที่เหมาะสมกับฟังก์ชัน เคส Defense ชนะขาดค่ะ!

สรุปคือ ราคาเคส Defense อาจจะดูแรงกว่าเคสทั่วไป แต่ถ้ามองที่ฟังก์ชันหลักคือ "การปกป้อง" ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ สำหรับมือถือราคาแพงในยุคนี้ ถือว่าเป็นราคาที่ สมเหตุสมผลและคุ้มค่ากับการลงทุน ค่ะ!

4. ซื้อแล้วได้อะไรมาบ้างนะ?

ส่วนใหญ่แล้วเวลาซื้อเคส Defense สิ่งที่เราจะได้มาก็คือ... ตัวเคสนั่นแหละค่ะ! 555 แต่บางร้านค้าหรือบางแบรนด์ อาจจะมีอย่างอื่นแถมมาให้บ้างนิดหน่อย เช่น:

• ค่าขนส่ง: ส่วนใหญ่ถ้าซื้อออนไลน์ก็ต้องเช็คเงื่อนไขดีๆ ค่ะว่ามีโปรโมชั่นส่งฟรีไหม? ถ้าไม่มีก็ต้องเสียค่าส่งตามน้ำหนักและระยะทางไปนะจ๊ะ
• การรับประกัน: เคสส่วนใหญ่อาจจะไม่มีการรับประกันแบบยาวนานเหมือนตัวเครื่องมือถือนะคะ แต่บางแบรนด์พรีเมียมมากๆ อาจจะมีรับประกัน Defect จากการผลิต หรือรับประกันสินค้าเป็นระยะเวลาสั้นๆ เช่น 3-6 เดือน ก็ต้องลองสอบถามกับร้านค้าดูค่ะ ที่สำคัญคือเรื่องการเคลม ถ้าเคสมีปัญหา ต้องติดต่อที่ไหน ยังไง? อันนี้คนไทยค่อนข้างให้ความสำคัญกับบริการหลังการขายมากๆ ค่ะ
• ของแถม/โปรโมชั่น: อันนี้แล้วแต่ร้านเลยค่ะ บางทีอาจจะมีแถมฟิล์มกันรอยหน้าจอแบบธรรมดาๆ ให้มา หรือมีคูปองส่วนลดสำหรับซื้อครั้งต่อไป หรือบางทีซื้อพร้อมฟิล์มกันรอยของแบรนด์เคสเองจะได้ราคาพิเศษค่ะ
• คู่มือการติดตั้ง/ดูแลรักษา: เคสบางรุ่นอาจจะมีคู่มือมาให้ดูวิธีใส่เคสที่ถูกต้อง หรือวิธีทำความสะอาดเคสค่ะ

ดังนั้น ก่อนตัดสินใจซื้อ ต้องเช็ครายละเอียดของสินค้าและเงื่อนไขของร้านค้าให้ดีนะคะว่าได้อะไรมาบ้าง และบริการหลังการขายเป็นยังไงบ้างค่ะ

5. มีช่วงไหนน่าซื้อเป็นพิเศษมั้ย?

แน่นอนว่าถ้าอยากได้เคส Defense คุณภาพดีในราคาที่คุ้มค่า ช่วงเวลา โปรโมชั่น คือโอกาสทองของเราค่ะ! แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่อย่าง Lazada และ Shopee เค้าจัดโปรโมชั่นลดราคาแทบจะทุกเดือนเลยค่ะ ยิ่งช่วงเทศกาลใหญ่ๆ นี่จัดหนักจัดเต็มสุดๆ ไปเลยค่ะ เช่น:

• Double Digit Sale: 4.4, 5.5, 6.6, 7.7, 8.8, 9.9, 10.10, 11.11, 12.12 นี่คือช่วงเวลาที่ทุกคนรอคอยค่ะ! ลดแรงจริงอะไรจริง!
• เทศกาลสำคัญของไทย: สงกรานต์ (ปีใหม่ไทย), วันแม่, วันพ่อ, ปีใหม่สากล พวกนี้ก็มีโปรโมชั่นลดราคาค่ะ
• โปรโมชั่นกลางเดือน/ปลายเดือน: บางทีก็จะมีโปรโมชั่นย่อยๆ มาให้เราเสียเงินเล่นอยู่เรื่อยๆ ค่ะ

ร้านค้าที่เป็น Official Store หรือ LazMall/Shopee Mall ของแบรนด์เคสต่างๆ มักจะมีโปรโมชั่นลดราคาบ่อยๆ ค่ะ บางทีก็มีโค้ดส่วนลดพิเศษให้เก็บ คอยติดตามร้านค้าที่เราสนใจไว้ค่ะ เค้ามักจะมีการแจ้งเตือนโปรโมชั่นใหม่ๆ ค่ะ

ดังนั้น ถ้ายังไม่รีบมากๆ รอช่วงโปรโมชั่น เนี่ย มีโอกาสได้เคส Defense ดีๆ ในราคาที่ถูกลงเยอะเลยค่ะ อาจจะได้ราคาใกล้เคียงกับต่างประเทศเลยก็ได้นะ!

6. คนไทยใช้แล้วรู้สึกยังไงกันบ้างนะ?

จากที่ลองไปส่องๆ ดูตามรีวิวของคนไทยใน Lazada, Shopee หรือตามกลุ่มรีวิวต่างๆ เนี่ย เสียงตอบรับเกี่ยวกับเคส Defense ค่อนข้างหลากหลาย แต่โดยรวมแล้วคนไทยที่ยอมจ่ายเงินเพื่อเคสประเภทนี้มักจะรู้สึกว่า คุ้มค่า ค่ะ จุดที่คนไทยมักจะรีวิวถึงบ่อยๆ คือ:

• "กันกระแทกได้จริง!" นี่คือรีวิวที่เห็นบ่อยที่สุดค่ะ หลายคนบอกว่าทำมือถือตกพื้นแข็งๆ หลายรอบแล้ว เครื่องยังรอดปลอดภัย ไม่มีรอย ไม่มีอะไรแตก ถือว่าทำหน้าที่ได้ดีตามที่โฆษณาไว้
• "เคสแข็งแรง ทนทาน" รู้สึกได้ถึงความแน่นหนา วัสดุคุณภาพดี ไม่ก๊องแก๊ง ใช้ได้นาน
• "อาจจะหนาไปหน่อย แต่เพื่อความปลอดภัย ยอมได้!" อันนี้ก็เป็นคอมเมนต์ที่พบเจอค่ะ หลายคนยอมรับได้ว่าเคส Defense มันต้องมีความหนาและน้ำหนักเพิ่มขึ้นเพื่อการปกป้องที่ดีที่สุด
• "ราคาค่อนข้างสูง แต่คุ้มค่ากับเงินที่เสียไป" ถ้าเทียบกับค่าซ่อมมือถือ คนส่วนใหญ่รู้สึกว่าการลงทุนกับเคสดีๆ เป็นสิ่งที่ควรทำค่ะ
• "จับถนัดมือ" บางรุ่นเค้าออกแบบพื้นผิวมาให้จับแล้วไม่ลื่นหลุดง่าย อันนี้คนไทยก็ชอบค่ะ
• "ดีไซน์สวยกว่าที่คิด" สมัยก่อนเคส Defense อาจจะดูทึบๆ หนาๆ ไม่สวย แต่เดี๋ยวนี้หลายแบรนด์เค้าออกแบบมาให้ดูดีขึ้น มีสีสันและลวดลายให้เลือกมากขึ้นค่ะ

สรุปคือ คนไทยส่วนใหญ่ที่ใช้เคส Defense มักจะแฮปปี้กับ ประสิทธิภาพในการปกป้อง ที่ทำให้มั่นใจเวลาใช้งาน และรู้สึกว่าเป็นการลงทุนที่ คุ้มค่า แม้ราคาจะสูงกว่าเคสทั่วไปค่ะ

7. แล้วจะไปหาซื้อได้ที่ไหนล่ะทีนี้?

ช่องทางการซื้อเคส Defense ในไทยก็มีหลายทางเลยค่ะ สะดวกแบบไหนก็เลือกแบบนั้นเลย:

• แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซขนาดใหญ่: Shopee และ Lazada คือแหล่งรวมเคส Defense ที่ใหญ่ที่สุดค่ะ! มีร้านค้า Official Store ของแบรนด์ดังๆ และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายให้เลือกเยอะมากๆ ข้อดีคือมีตัวเลือกหลากหลาย ราคาแข่งขันสูง มีโปรโมชั่นส่วนลดเยอะ สะดวกสบาย ช้อปได้ 24 ชม. และมีรีวิวจากผู้ใช้จริงให้ดูประกอบการตัดสินใจค่ะ แต่ข้อเสียคือเราไม่ได้ลองจับของจริง อาจจะต้องดูจากรูปและรายละเอียดที่ผู้ขายให้มา
• ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ: บางแบรนด์อาจจะมีร้านค้าที่เป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการในไทย สามารถหาข้อมูลได้จากเว็บไซต์ของแบรนด์นั้นๆ การซื้อจากตัวแทนจำหน่ายโดยตรงมักจะได้ของแท้แน่นอน และบริการหลังการขายอาจจะดีกว่าค่ะ
• ร้านค้าอุปกรณ์ไอทีและมือถือ: ร้านใหญ่ๆ อย่าง Jaymart, TG FONE, Banana IT, Power Buy หรือร้าน iStudio / Dotlife (สำหรับเคส iPhone) มักจะมีเคส Defense จากแบรนด์ดังๆ วางขายค่ะ ข้อดีคือเราสามารถไป ลองสวมเคสกับมือถือของเราได้เลย เพื่อดูว่าฟิตพอดีไหม จับถนัดมือหรือเปล่า อันนี้สำคัญมากๆ ค่ะ! แต่ราคาอาจจะสูงกว่าซื้อออนไลน์เล็กน้อย
• โซนอุปกรณ์เสริมมือถือในห้างสรรพสินค้า: ตามห้างสรรพสินค้าทั่วไปก็มักจะมีร้านขายอุปกรณ์เสริมมือถือ ที่มีเคส Defense ให้เลือกบางส่วนค่ะ สะดวกสำหรับคนที่ไปเดินห้างอยู่แล้ว แต่อาจจะไม่ได้มีตัวเลือกเยอะเท่าช่องทางอื่นๆ ค่ะ

แนะนำว่าถ้าอยากได้ราคาดีและมีตัวเลือกเยอะ ลองส่องๆ ใน Shopee/Lazada ช่วงโปรโมชั่นดูค่ะ แต่ถ้าเน้นความชัวร์ อยากลองสวมกับเครื่องจริงๆ แนะนำให้ไปดูที่ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายหรือร้านอุปกรณ์ไอทีค่ะ

8. สรุปแล้วน่าซื้อไหม? เหมาะกับใคร?

มาถึงบทสรุปของเรื่องเคส Defense แล้วค่ะ ถามว่ามันน่าซื้อไหม? คำตอบคือ น่าซื้อมากๆ ค่ะ ถ้าคุณให้ความสำคัญกับการปกป้องมือถือเป็นอันดับต้นๆ!

เคส Defense เนี่ยเหมาะมากๆ เลยสำหรับ:

• คนที่มีงบประมาณสำหรับเคสโดยเฉพาะ: ไม่ใช่แค่เคสสวยๆ แต่เน้นที่ฟังก์ชันปกป้องขั้นสุด
• คนที่ใช้งานมือถือแบบสมบุกสมบัน: ทำกิจกรรมหลากหลาย มีโอกาสทำมือถือตกหล่นบ่อยๆ
• คนที่ใช้มือถือราคาแพง: ไม่อยากเสี่ยงกับค่าซ่อมที่อาจจะสูงกว่าราคาเคสหลายเท่า
• คนที่อยากได้ความสบายใจ: ไม่ต้องมานั่งลุ้นทุกครั้งที่มือถือเกือบจะหลุดมือ

การเลือกว่าจะเอาเคส Defense ราคาดี หรือเอาแบบกันกระแทกเทพสุด ก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานและงบประมาณของคุณเลยค่ะ:

• ถ้าคุณเน้น "ราคาดี" เป็นหลัก อาจจะเลือกเคส Defense ในกลุ่มราคาหลักร้อยปลายๆ - พันต้นๆ จากแบรนด์ที่มีรีวิวดีๆ ใน Lazada/Shopee ก็เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวันแล้วค่ะ ดีกว่าไม่มีเคสกันกระแทกเลยแน่นอน!
• ถ้าคุณเน้น "กันกระแทกเทพสุด" แบบว่าต้องรอดทุกสถานการณ์ พร้อมจ่ายเพื่อความปลอดภัยสูงสุด ก็เลือกเคสจากแบรนด์ดังระดับโลกในกลุ่มราคาสองพันบาทขึ้นไปได้เลยค่ะ เคสพวกนี้มักจะมีมาตรฐานการกันกระแทกที่ได้รับการทดสอบมาแล้ว ให้ความมั่นใจได้เต็มที่ค่ะ

สรุปแล้ว การลงทุนกับเคส Defense ถือว่าเป็นการลงทุนที่ คุ้มค่า ค่ะ เพราะมันช่วยปกป้องทรัพย์สินมีค่าของเราอย่างมือถือเอาไว้ ลองเลือกดูรุ่นที่เหมาะสมกับการใช้งาน งบประมาณ และความชอบของคุณนะคะ ขอให้ได้เคสที่ถูกใจ ปกป้องมือถือของคุณให้อยู่กับคุณไปนานๆ ค่ะ! บ๊ายบายยย!

วิดีโอที่เกี่ยวข้อง

• เคสกันกระแทกที่ดีที่สุด รุ่นไหน? | 425°
• รีวิวเคสกันกระแทกที่ดีที่สุดจาก 425 Degree
• เคสซัมซุงพรีเมียมกันกระแทกและระบายความร้อน
• เคสกูจะแตกมั้ย ❓ ทดสอบเคสกันกระแทก @Sungstarwin @Whale ...
• เคสใสคุณภาพดี ราคาถูก รีวิวแบบจริงจัง