แนะนำราคาเครื่องเสียงติดรถยนต์ ยี่ห้อไหนดี ฟังก์ชันครบในปีนี้

สวัสดีจ้าาา พ่อแม่พี่น้องชาวรถซิ่ง เอ้ย! ชาวรักเสียงดนตรีทุกท่านที่ใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่บนท้องถนน! วันนี้เราจะมาเม้าท์มอยเรื่องที่ทำให้การเดินทางของคุณไม่น่าเบื่ออีกต่อไป นั่นก็คือ การอัปเกรด เครื่องเสียงติดรถยนต์ นั่นเองงง! ใครที่กำลังประสบปัญหาฟังเพลงแล้วเสียงไม่อิน เบสไม่มา แหลมไม่ใส หรืออยากได้ฟังก์ชันล้ำๆ แบบดูหนังฟังเพลง ต่อมือถือขึ้นจอได้ มามุงตรงนี้ให้ไวเลยจ้า เพราะเราจะพาไปส่องว่าปีนี้มียี่ห้อไหนเด็ด ฟังก์ชันครบ แถมราคาโดนใจ ไม่ต้องขายไตมาซื้อ! เตรียมกระเป๋าตังค์ไว้ให้พร้อม แล้วไปดูกันเลย!

1. ผลิตภัณฑ์นี้มันคืออะไรกันนะ?

เอาล่ะ เริ่มต้นกันที่ว่าเจ้า เครื่องเสียงติดรถยนต์ เนี่ย มันคืออะไร? พูดง่ายๆ มันก็คือระบบความบันเทิงที่อยู่ในรถยนต์ของเรานั่นแหละจ้า ไม่ใช่แค่ไว้ฟังวิทยุอย่างเดียวนะ แต่สมัยนี้มันทำได้สารพัดสิ่งมากกก ตั้งแต่เล่นเพลงจากหลากหลายแหล่ง (CD, USB, Bluetooth, Streaming) ดูหนังฟังเพลง ต่อกล้องมองหลัง นำทาง GPS หรือแม้กระทั่งแปลงร่างหน้าจอให้กลายเป็น Android Tablet ย่อมๆ เลยก็มี! เหมาะมากๆ สำหรับคนที่ใช้เวลาในรถนานๆ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไปทำงาน รถติด หรือออกทริปต่างจังหวัดยาวๆ ถ้าได้ฟังเพลงโปรดในคุณภาพเสียงดีๆ หรือมีฟังก์ชันเจ๋งๆ ติดรถไว้ ชีวิตมันจะแฮปปี้ขึ้นเยอะเลยนะแกรรร!

ส่วนแบรนด์ดังๆ ที่เป็นที่รู้จักในวงการเครื่องเสียงรถยนต์ในไทย ก็มีมานานหลายเจ้าเลยนะ อย่าง Pioneer ที่มาจากญี่ปุ่น เป็นแบรนด์เก่าแก่ที่หลายคนคุ้นเคย คุณภาพดี ฟังก์ชันหลากหลาย หรือจะเป็น Kenwood, Sony, Alpine, JBL พวกนี้ก็เป็นแบรนด์ระดับโลกที่มีชื่อเสียงด้านเครื่องเสียงมายาวนาน ทั้งจากญี่ปุ่น ยุโรป หรืออเมริกา คุณภาพเสียงก็แตกต่างกันไปตามสไตล์ของแต่ละแบรนด์ แล้วแต่คนชอบเลยจ้า

2. ราคาในตลาดไทยเป็นยังไงบ้าง?

มาถึงเรื่องสำคัญที่ทำให้หลายคนกุมขมับ นั่นก็คือ "ราคา" นั่นเอง! ต้องบอกเลยว่าเรื่องเครื่องเสียงรถยนต์เนี่ย ราคาหลากหลายสุดๆ จ้า ตั้งแต่หลักพันปลายๆ ไปจนถึงหลักหมื่น หลักแสน หรือล้านต้นๆ เลยก็มี! มันขึ้นอยู่กับว่าเราอยากได้อะไรบ้างในระบบ เพราะเครื่องเสียงรถยนต์มันไม่ได้มีแค่ตัววิทยุหน้าจอ (Head Unit) อย่างเดียวนะ แต่มันมีทั้งลำโพง เพาเวอร์แอมป์ ซับวูฟเฟอร์ และอุปกรณ์อื่นๆ อีกเพียบ

ถ้าเอาแค่เปลี่ยนตัววิทยุหน้าจออย่างเดียว รุ่นเริ่มต้นแบบ 1DIN ที่เน้นฟังเพลง ต่อ Bluetooth ได้ ก็มีตั้งแต่ประมาณ 2,000 - 5,000 บาท (฿) ถ้าเป็นจอ 2DIN แบบ Touch Screen มีฟังก์ชันเยอะขึ้นมาหน่อย ราคาก็จะขยับไปที่ประมาณ 5,000 - 15,000 บาท (฿) ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและสเปก ส่วนถ้าอยากได้จอ Android Function ครบๆ ลื่นๆ อาจจะต้องมีงบตั้งแต่ 7,000 - 20,000 บาท (฿) ขึ้นไป

ถ้ามองหาลำโพงอย่างเดียว ลำโพงคู่หน้าหรือคู่หลังราคาเริ่มต้นก็มีตั้งแต่หลักพันต้นๆ นะจ๊ะ (ประมาณ 1,000 - 5,000 บาทต่อคู่) ถ้าขยับไปรุ่นที่ดีขึ้น คุณภาพเสียงดีขึ้น หรือแบรนด์ดังๆ หน่อยก็หลักหลายพันไปจนถึงหลักหมื่น

ลองไปส่องตามแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซหลักในไทยอย่าง Lazada หรือ Shopee ดูสิ จะมีร้านค้าทั้ง Official Store และร้านตัวแทนจำหน่ายเยอะมากๆ นอกจากนี้ ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าใหญ่ๆ อย่าง Power Buy ก็มีโซนเครื่องเสียงรถยนต์เหมือนกันนะ ส่วนร้านติดตั้งเครื่องเสียงรถยนต์โดยเฉพาะ ก็เป็นอีกแหล่งที่เราสามารถสอบถามราคาและเข้าไปดูสินค้าได้ แต่ราคาสินค้าอาจจะรวมค่าติดตั้งไปด้วยแล้ว

เรื่องส่วนต่างอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างราคาต่างประเทศกับไทยก็มีผลบ้าง แต่ส่วนใหญ่ราคาในไทยก็จะมีการบวกภาษีและค่าขนส่งเข้ามาด้วย ทำให้ราคาอาจจะสูงกว่าราคาที่เห็นในเว็บต่างประเทศเล็กน้อยจ้า

3. แล้วเทียบกับสินค้าประเภทเดียวกันล่ะ ราคาโอเคมั้ย?

ถ้าให้เทียบราคา เครื่องเสียงติดรถยนต์ กับการอัปเกรดส่วนอื่นๆ ของรถยนต์ หรือเทียบกับระบบเครื่องเสียงบ้าน ก็ต้องบอกว่ามีความแตกต่างกันอยู่จ้า เครื่องเสียงรถยนต์เนี่ย ราคาต่อชิ้นอาจจะดูไม่สูงเท่าเครื่องเสียงบ้าน Hi-End แต่ถ้าคิดทั้งระบบ ตั้งแต่หน้าจอ ลำโพง แอมป์ ซับวูฟเฟอร์ รวมถึงค่าติดตั้งและแดมป์ประตู (อันนี้สำคัญมาก ถ้าอยากให้เสียงดี) งบประมาณก็อาจจะบานปลายไปได้เหมือนกันนะ

เมื่อเทียบกับเครื่องเสียงรถยนต์ด้วยกันเอง ราคาจะขึ้นอยู่กับ คุณภาพเสียง, ฟังก์ชันที่ให้มา, และ ชื่อชั้นของแบรนด์ อย่าง Pioneer หรือ Kenwood รุ่นพื้นฐานอาจจะมีราคาไม่แรงมาก ฟังก์ชันครบครันสำหรับการใช้งานทั่วไป ในขณะที่แบรนด์อย่าง Alpine หรือ Focal รุ่นสูงๆ ราคาก็จะพุ่งขึ้นไปอีก เพราะเน้นคุณภาพเสียงที่ดีกว่า รายละเอียดเสียงที่สมจริงกว่า หรือมีเทคโนโลยีเฉพาะของแบรนด์ บางคนอาจจะมองว่าจ่ายแพงกว่าแต่ได้คุณภาพเสียงที่ถูกใจ อันนี้ก็แล้วแต่ความพอใจของแต่ละคนเลยจ้า

4. อุปกรณ์เสริมและบริการที่รวมมา

เวลาซื้อ เครื่องเสียงติดรถยนต์ โดยเฉพาะถ้าซื้อจากร้านติดตั้งโดยตรง หรือร้านค้าออนไลน์ที่ขายเป็นชุด สิ่งที่เราจะได้มานอกจากตัวเครื่องหลักแล้ว อาจจะมีอย่างอื่นแถมมาด้วยนะ ต้องเช็คดีๆ:

• ค่าจัดส่ง: ถ้าซื้อออนไลน์ ส่วนใหญ่จะมีค่าส่งนะ นอกจากจะมีโปรโมชั่น ฟรีค่าจัดส่ง ก็ต้องลองดูเงื่อนไขดีๆ
• ระยะเวลารับประกัน: อันนี้คนไทยให้ความสำคัญมากๆ! แบรนด์ดังๆ มักจะมีการรับประกันสินค้าให้ ปกติประมาณ 1 ปี หรือนานกว่านั้นก็มี ต้องสอบถามกับผู้ขายให้ชัดเจนว่ารับประกันอะไรบ้าง เคลมที่ไหน ถ้าเสียทำยังไง ถ้าซื้อจากร้านติดตั้ง เค้าอาจจะมีประกันงานติดตั้งให้ด้วยนะ
• ของแถม/โปรโมชั่น: อันนี้แล้วแต่ร้านเลยจ้า บางทีอาจจะมีแถมกล้องมองหลัง, แดมป์ประตูบางส่วน, สายสัญญาณคุณภาพดี, หรือคูปองส่วนลดอื่นๆ บางร้านอาจจะมีโปรโมชั่น แลกซื้อ อุปกรณ์อื่นในราคาพิเศษด้วย
• อุปกรณ์ติดตั้ง: บางทีถ้าซื้อเป็นชุดพร้อมติดตั้ง เค้าก็จะรวมอุปกรณ์ติดตั้งที่จำเป็นมาให้แล้ว แต่ถ้าซื้อแยกชิ้น อาจจะต้องซื้อสายไฟ สายสัญญาณ หรืออุปกรณ์อื่นๆ เพิ่มเติมด้วย

ดังนั้น ก่อนตัดสินใจซื้อ ควรสอบถามรายละเอียดให้ครบถ้วน โดยเฉพาะเรื่องการรับประกัน เพราะถ้าเครื่องมีปัญหา จะได้ไม่ปวดหัวทีหลังจ้า

5. โปรโมชั่นและคำแนะนำการซื้อ

ถ้าอยากได้ เครื่องเสียงติดรถยนต์ ในราคาที่คุ้มค่าสุดๆ ช่วงเวลา โปรโมชั่น นี่แหละคือโอกาสทองเลยจ้า! ร้านค้าออนไลน์ใหญ่ๆ อย่าง Lazada หรือ Shopee เค้าจะมีมหกรรมลดราคาแทบจะทุกเดือน โดยเฉพาะช่วง Double Digit Sale เช่น 11.11 (วันที่ 11 เดือน 11) หรือ 12.12 (วันที่ 12 เดือน 12) ซึ่งเป็นช่วงที่ร้านค้าต่างๆ รวมถึง Official Store ของแบรนด์เครื่องเสียงรถยนต์ดังๆ จะพร้อมใจกันลดราคา แจกโค้ดส่วนลดกันแบบจัดเต็ม!

นอกจากนี้ ช่วงเทศกาลใหญ่ๆ ของไทย เช่น ปีใหม่ไทย (สงกรานต์) หรือช่วงปลายปี ก็มักจะมีโปรโมชั่นพิเศษจากร้านค้าหรือแบรนด์ต่างๆ ด้วยเหมือนกัน ร้านค้าระดับแฟลกชิพบน Lazada/Shopee เนี่ย เค้ามีส่วนลด มีแคมเปญบ่อยมากๆ ต้องหมั่นเข้าไปส่อง เข้าไปกดติดตามร้านไว้ จะได้ไม่พลาดดีลเด็ดๆ

คำแนะนำคือ ถ้าไม่ได้รีบใช้งานมากๆ และอยากได้ของในราคาที่ถูกลง การ รอซื้อช่วงโปรโมชั่นใหญ่ๆ เป็นอะไรที่คุ้มค่ามากๆ จ้า แต่ก็ต้องระวังเรื่องของหมด หรือต้องรีบกดให้ไวหน่อยนะ!

6. รีวิวและฟีดแบ็กจากผู้ใช้ในไทย

จากการที่ได้ลองไปส่องๆ ดูตามรีวิวและความคิดเห็นของผู้ใช้ในไทย (ตามเว็บบอร์ด หรือรีวิวสินค้าในแอปส้ม แอปน้ำเงิน) เสียงตอบรับเกี่ยวกับ เครื่องเสียงติดรถยนต์ ที่ได้รับความนิยม ส่วนใหญ่จะพูดถึง:

• คุณภาพเสียงที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด: อันนี้เป็นจุดหลักเลยที่ทำให้อยากอัปเกรด ผู้ใช้หลายคนบอกว่าเสียงชัดขึ้น เบสแน่นขึ้น หรือได้รายละเอียดเสียงที่ไม่เคยได้ยินจากเครื่องเดิม
• ฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครัน: เช่น การเชื่อมต่อ Bluetooth ที่เสถียร, การใช้งาน Apple CarPlay หรือ Android Auto ที่ทำให้ต่อมือถือขึ้นจอได้สะดวกมากๆ, หน้าจอ Touch Screen ที่ใช้งานง่าย, หรือฟังก์ชันดูหนัง ฟังเพลงจาก USB
• ความคุ้มค่ากับราคา: ผู้ใช้หลายคนพอใจกับคุณภาพที่ได้เมื่อเทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยเฉพาะถ้าซื้อช่วงโปรโมชั่น
• ความทนทานและการรับประกัน: แม้บางคนจะกังวลเรื่องการติดตั้งหรือปัญหาจุกจิก แต่ถ้าเลือกแบรนด์ที่มีชื่อเสียงและมีประกัน ก็ช่วยให้สบายใจขึ้น

บางทีก็มีฟีดแบ็กเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่น เรื่องการติดตั้งที่ซับซ้อน หรือบางรุ่นอาจจะยังไม่รองรับฟังก์ชันบางอย่างที่ผู้ใช้ต้องการ แต่โดยรวมแล้ว ถ้าเลือกสินค้าที่ตรงกับความต้องการและงบประมาณ ผู้ใช้ส่วนใหญ่ก็แฮปปี้กับ เครื่องเสียงติดรถยนต์ ที่อัปเกรดมานะจ๊ะ

7. ช่องทางการซื้อที่แนะนำ

อยากได้ เครื่องเสียงติดรถยนต์ มาติดรถคู่ใจ จะไปหาซื้อได้ที่ไหนดี? ช่องทางหลักๆ ที่แนะนำก็มี:

• ร้านติดตั้งเครื่องเสียงรถยนต์โดยเฉพาะ: อันนี้คือแหล่งรวมผู้เชี่ยวชาญเลยจ้า ข้อดีคือเราสามารถเข้าไปดูสินค้าจริง ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อจัดชุดที่เหมาะสมกับรถและงบประมาณของเราได้ และที่สำคัญคือมีบริการ ติดตั้งอย่างมืออาชีพ ให้ด้วย เหมาะสำหรับคนที่ไม่มีความรู้เรื่องติดตั้งเอง หรืออยากได้งานติดตั้งที่เรียบร้อย ได้คุณภาพเสียงที่ดีที่สุด แต่ราคาสินค้าอาจจะรวมค่าบริการอื่นๆ เข้าไปด้วยนะ
• แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซใหญ่ในไทย: อย่าง Shopee และ Lazada นี่คือแหล่งช้อปออนไลน์ยอดฮิต มีสินค้าหลากหลายยี่ห้อ รุ่น ราคาให้เลือกเยอะมากๆ ข้อดีคือ สะดวก เปรียบเทียบราคาได้ง่าย มีโปรโมชั่นส่วนลดบ่อยๆ และมีระบบการจ่ายเงินที่ปลอดภัย เหมาะสำหรับคนที่พอมีความรู้เรื่องเครื่องเสียงอยู่บ้าง หรือต้องการซื้อไปให้ร้านอื่นติดตั้งให้ แต่ต้องดูดีๆ ว่าร้านที่เราซื้อเป็นร้านที่น่าเชื่อถือหรือไม่ และเช็คเรื่องการรับประกันให้ชัดเจน
• ร้านค้าปลีกเครื่องใช้ไฟฟ้า: บางร้านอย่าง Power Buy ก็มีแผนกเครื่องเสียงรถยนต์นะ ข้อดีคือได้เห็นสินค้าจริง ได้สอบถามพนักงาน แต่ตัวเลือกอาจจะไม่หลากหลายเท่าร้านเฉพาะทาง หรือแพลตฟอร์มออนไลน์
• Official Store ของแบรนด์บนออนไลน์: แบรนด์ดังๆ หลายเจ้ามีร้านค้า Official บน Lazada หรือ Shopee นะจ๊ะ ซื้อจากช่องทางนี้มั่นใจได้ว่าเป็น ของแท้ และมีการรับประกันจากผู้ผลิตโดยตรง แต่ก็ต้องดูว่ามีรุ่นที่เราต้องการหรือไม่

เลือกช่องทางที่สะดวกและตรงกับความต้องการของเราได้เลยจ้า แต่ถ้าไม่มั่นใจเรื่องติดตั้ง แนะนำให้หาร้านติดตั้งโดยเฉพาะนะ!

8. สรุปหรือคำแนะนำเรื่องราคา

มาถึงบทสรุปแล้วจ้า! ถามว่า เครื่องเสียงติดรถยนต์ คุ้มค่าที่จะลงทุนไหมในปีนี้? ถ้าคุณเป็นคนที่ใช้รถทุกวัน ชอบฟังเพลง หรืออยากเพิ่มความสะดวกสบายในการเดินทาง บอกเลยว่า คุ้มค่ามากๆ เลยจ้า การอัปเกรดเครื่องเสียงช่วยยกระดับประสบการณ์การเดินทางไปได้เยอะเลย

ส่วนจะลงทุนเท่าไหร่ดี หรือควรซื้อรุ่นไหน? อันนี้ขึ้นอยู่กับ งบประมาณ และ ความต้องการ ของคุณเลยจ้า:

• ถ้าเน้นแค่ฟังเพลงให้เสียงดีขึ้น ชัดขึ้น งบประมาณเริ่มต้นที่หลักพันปลายๆ ถึงหมื่นต้นๆ ก็สามารถเปลี่ยนวิทยุหรือลำโพงคู่หน้าคู่หลังได้แล้ว
• ถ้าอยากได้ฟังก์ชันเยอะๆ จอใหญ่ๆ ดูหนังฟังเพลง นำทาง ต่อมือถือได้ งบประมาณหมื่นต้นๆ ถึงสองหมื่นก็มีตัวเลือกดีๆ เยอะเลย
• ถ้าเป็นสายออดิโอไฟล์ อยากได้คุณภาพเสียงระดับเทพ เบสแน่นๆ เวทีเสียงเป๊ะๆ อันนี้งบอาจจะต้องขยับขึ้นไปอีกเยอะเลยนะ เพราะต้องรวมทั้งหน้าจอคุณภาพสูง เพาเวอร์แอมป์ดีๆ ซับวูฟเฟอร์ และค่าติดตั้งรวมถึงแดมป์ประตูแบบจัดเต็ม อาจจะต้องมีตั้งแต่สามหมื่น ปลายๆ ไปจนถึงหลักแสนเลย

คำแนะนำคือ กำหนดงบประมาณ ที่เราโอเคไว้ก่อน แล้วค่อยมองหาสินค้าและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญนะจ๊ะ ถ้าไม่แน่ใจ เริ่มจากอัปเกรดทีละส่วนก่อนก็ได้ เช่น เปลี่ยนแค่ลำโพงคู่หน้า หรือเปลี่ยนแค่วิทยุ แล้วค่อยๆ ต่อยอดไปเรื่อยๆ ก็ได้เหมือนกัน

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคนที่กำลังมองหา เครื่องเสียงติดรถยนต์ คู่ใจคันใหม่นะจ๊ะ ขอให้ได้ระบบเสียงที่ถูกใจ ฟังเพลงเพราะๆ เดินทางอย่างมีความสุขกันทุกคนจ้า! บ๊ายบายยย!

วิดีโอที่เกี่ยวข้อง

• จอ Android บ้าพลัง‼️ CPU 2.7Ghz , Ram 12GB, Rom 512GB
• เครื่องเสียงรถยนต์งบ 30000 บาท ได้อะไรบ้าง
• KENWOOD 2025 เปรียบเทียบ 3 รุ่นใหม่ล่าสุด! รถอะไร ใช้แบบไหนดี?
• 10 อันดับ ลำโพงรถยนต์ ยี่ห้อไหนดี 2023
• เปิดศึก จอAndroid VS จอแบรนด์ แบบไหนดีกว่ากัน#จอandroid ...