ราคา ทองคำรูปพรรณ 90% (ทองเค) อัปเดตตามราคาสมาคมค้าทองคำ

สวัสดีค่าสายมู สายออมเงิน หรือสายที่ชอบอะไรวิบวับเป็นประกายทุกคนนน! วันนี้เราจะมาเม้าท์มอยเรื่องใกล้ตัวคนไทยอย่างเราๆ ที่เห็นแล้วต้องตาลุกวาว นั่นก็คือ ทองคำรูปพรรณ 90% (ทองเค) นั่นเองจ้า! หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับทอง 96.5% ที่เอาไว้ใส่หรือซื้อเก็บเป็นแท่งๆ กันใช่ไหมคะ แต่ทอง 90% เนี่ยก็มีเสน่ห์และบทบาทในชีวิตเราไม่แพ้กันเลยนะ ถ้าพร้อมแล้ว มาดูกันเลยว่าทอง 90% นี่มันมีเรื่องอะไรน่ารู้บ้าง โดยเฉพาะเรื่องราคาที่อัปเดตตามสมาคมค้าทองคำ!

1. ทอง 90% มันคืออะไรกันแน่?

เอาล่ะ! มาทำความรู้จักกับเจ้าทอง 90% หรือที่บางทีก็เรียกกันติดปากว่า "ทองเค" (ซึ่งจริงๆ แล้วทอง 90% ถ้าคิดเป็นกะรัตจะประมาณ 21.6K นะ ไม่ใช่ทอง 18K ที่เป็น 75%) พูดง่ายๆ มันก็คือทองคำแท้นี่แหละ แต่มีความบริสุทธิ์อยู่ที่ 90% ส่วนอีก 10% ที่เหลือจะเป็นโลหะอื่นๆ ผสมเข้าไป เช่น เงิน ทองแดง สังกะสี อ้าว! แล้วผสมไปทำไม? ก็เพราะว่าทองคำบริสุทธิ์ 100% มันอ่อนนิ่มมากๆ ขนาดที่ว่าใช้มืองอยังได้เลยนะ ไม่เหมาะเอามาทำเครื่องประดับที่ต้องแข็งแรงทนทาน ใส่แล้วไม่บุบง่าย หรือเอาไว้ยึดเพชรพลอย ช่างทองเค้าก็เลยต้องผสมโลหะอื่นเข้าไปเพื่อให้เนื้อทองแข็งขึ้น เหมาะแก่การนำมาขึ้นรูป แกะสลัก ทำเป็นลวดลายสวยงามต่างๆ ได้อย่างอิสระ

กลุ่มผู้ใช้ที่เหมาะสมเหรอ? ก็แทบจะทุกคนเลยนะ! ตั้งแต่คนที่ชอบใส่เครื่องประดับทองที่ แข็งแรงทนทาน มีดีไซน์หลากหลาย เพราะทอง 90% เนี่ยนิยมเอามาทำพวกแหวนที่ฝังเพชรพลอย กรอบพระ หรือเครื่องประดับที่มีลวดลายละเอียดๆ ไปจนถึงคนที่มองหาทองคำเพื่อ เก็บออมหรือลงทุนในอีกรูปแบบหนึ่ง แต่ก็ยังได้ความสวยงามเอาไว้ใส่ติดตัวด้วย

ประวัติแบรนด์ทองคำในไทยนี่ก็ยาวนานมากๆ หลายร้านเป็นธุรกิจครอบครัวที่สืบทอดกันมารุ่นสู่รุ่น มีความเชี่ยวชาญในการทำทองรูปพรรณเป็นพิเศษ ส่วนแบรนด์ต่างประเทศที่ดังๆ ส่วนใหญ่เค้าจะนิยมทำทองเคที่เปอร์เซ็นต์ต่ำกว่านี้ เช่น 18K (75%) มากกว่า เพราะเป็นมาตรฐานสากล แต่ในไทยเรา ทอง 96.5% คือมาตรฐานหลักสำหรับทองรูปพรรณทั่วไปและทองคำแท่ง ส่วนทอง 90% ก็เป็นที่ยอมรับและนิยมใช้สำหรับเครื่องประดับเฉพาะทางนั่นเองจ้า

2. ราคาในตลาดไทยเป็นยังไงบ้าง?

มาถึงเรื่องราคาที่หลายคนรอคอย! ราคา ทองคำรูปพรรณ 90% ในตลาดไทยเนี่ย ไม่ได้คงที่เหมือนรูปถ่ายนะจ๊ะ มัน เปลี่ยนแปลงทุกวัน เลย! ราคาทองคำทุกชนิดในไทย รวมถึงทอง 90% จะอัปเดตตามประกาศของ สมาคมค้าทองคำ เป็นหลักในแต่ละวัน โดยการคำนวณราคาจะซับซ้อนนิดนึง แต่หลักๆ ก็คืออิงจากราคาตลาดโลก (Gold Spot Price) แปลงเป็นเงินบาทไทย แล้วก็คิดตามน้ำหนักทอง

สำหรับทอง 90% ราคาที่ประกาศโดยสมาคมค้าทองคำส่วนใหญ่จะเป็นราคา "รับซื้อ" เป็นบาทต่อบาท (บาททองคำ) หรือต่อกรัม ส่วนราคา "ขายออก" ของทองรูปพรรณ 90% เนี่ย จะ บวกเพิ่ม "ค่ากำเหน็จ" เข้าไปด้วยจ้า! ค่ากำเหน็จนี่แหละคือค่าแรง ค่าฝีมือช่าง ค่าออกแบบ ค่าการจัดการต่างๆ ของร้านทอง ซึ่งแต่ละร้านก็คิดไม่เท่ากันนะจ๊ะ! ขึ้นอยู่กับความยากง่ายของลาย น้ำหนักทอง และนโยบายของร้านด้วย เพราะฉะนั้น เวลาไปซื้อทอง 90% อย่าดูแค่ราคาที่ประกาศอย่างเดียว ต้องถามราคาพร้อมค่ากำเหน็จด้วยนะ!

ราคาประกาศของสมาคมค้าทองคำสำหรับทองรูปพรรณ 90% ณ วันที่ 9 กรกฎาคม 2568 เวลา 09:48 น. (ครั้งที่ 2) อยู่ที่ ราคาฐานภาษี (รับซื้อ) 44,847.83 บาทต่อบาททองคำ อันนี้คือราคาทองคำเปล่าๆ นะคะ ถ้าเป็นราคาขายจริงที่ร้าน ก็ต้องบวกค่ากำเหน็จเพิ่มเข้าไปอีกจ้า ซึ่งค่ากำเหน็จอาจจะเริ่มตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักพันปลายๆ หรือหมื่นต้นๆ เลยก็ได้ ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของชิ้นงาน

3. แล้วเทียบกับทองประเภทอื่นล่ะ ราคาโอเคมั้ย?

ทีนี้มาลองเทียบกับทองประเภทอื่นในตลาดไทยดูบ้าง หลักๆ ที่เราเห็นกันบ่อยๆ คือ ทองคำแท่งและทองรูปพรรณ 96.5% ใช่ไหมคะ ถ้าเทียบกันแล้วเนี่ย ราคาต่อบาทของทอง 96.5% จะสูงกว่าราคาฐานของทอง 90% เล็กน้อย (อิงจากราคาประกาศสมาคมฯ วันที่ 9 ก.ค. 68 ทองแท่ง 96.5% ขายออก 50,950 บาท รูปพรรณ 96.5% ขายออก 51,750 บาท ขณะที่ทอง 90% ฐานภาษี 44,847.83 บาท)

แต่! จุดที่ทำให้ราคาขายของทองรูปพรรณ 90% อาจจะใกล้เคียงหรือสูงกว่าทองรูปพรรณ 96.5% บางลาย ก็คือ "ค่ากำเหน็จ" นี่แหละค่ะ! อย่างที่บอกว่าทอง 90% นิยมนำมาทำเครื่องประดับที่มีดีไซน์ซับซ้อนกว่า ทำให้ค่ากำเหน็จสูงกว่าทองรูปพรรณ 96.5% ที่ลายมาตรฐานทั่วไป ดังนั้น ถ้าเน้นลงทุนเป็นหลัก คนส่วนใหญ่จึงนิยมซื้อทองคำแท่ง 96.5% หรือทองคำรูปพรรณ 96.5% ลายที่ไม่ซับซ้อนมาก เพราะค่ากำเหน็จต่ำกว่า ทำให้ราคาขายคืนไม่ถูกหักเยอะเท่าทอง 90% ที่ค่ากำเหน็จสูง

สรุปง่ายๆ คือ ทอง 90% เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเครื่องประดับที่มีดีไซน์สวยงามและแข็งแรง ถึงแม้ราคาขายอาจจะดูสูงกว่าทอง 96.5% เมื่อรวมค่ากำเหน็จ แต่ก็ได้ความพิเศษและคงทนกว่า ส่วนทอง 96.5% เหมาะกับการซื้อเพื่อเก็งกำไรหรือเก็บออมที่เน้นมูลค่าเนื้อทองเป็นหลักจ้า

4. ซื้อแล้วได้อะไรมาบ้างนะ?

เวลาซื้อทองรูปพรรณ 90% จากร้านทอง สิ่งที่คุณจะได้หลักๆ เลยก็คือ ตัวเครื่องประดับทองคำ ที่คุณเลือกนั่นเอง! นอกจากนี้ สิ่งที่สำคัญมากๆ ที่คุณต้องได้และควรเก็บรักษาไว้ให้ดีคือ ใบเสร็จรับเงิน หรือ ใบรับประกัน จ้า ใบนี้แหละคือหลักฐานว่าคุณได้ซื้อทองคำจากร้านนี้จริง มีรายละเอียดน้ำหนัก ลาย และวันที่ซื้อ ซึ่งจำเป็นมากๆ ถ้าคุณต้องการนำทองชิ้นนี้ไปขายคืน จำนำ หรือแลกเปลี่ยนในอนาคต

ส่วนเรื่องค่าใช้จ่าย อย่างที่บอกไปว่าราคาที่คุณจ่ายตอนซื้อคือ ราคาทองคำตามน้ำหนัก (อิงตามราคาสมาคมฯ) บวกด้วยค่ากำเหน็จ นะคะ ค่ากำเหน็จนี้จะคิดแยกต่างหากและไม่ได้คืนเต็มจำนวนตอนขายคืนนะจ๊ะ ทำใจไว้เลยว่าค่ากำเหน็จคือค่าบริการที่จ่ายไปแล้ว

บริการอื่นๆ ที่มักจะมาพร้อมกับการซื้อทองก็เช่น บริการทำความสะอาดทอง บริการซ่อมแซมเล็กน้อย (อันนี้ขึ้นอยู่กับร้าน) และที่สำคัญคือ นโยบายรับซื้อคืนหรือรับจำนำ ซึ่งร้านทองส่วนใหญ่จะรับซื้อคืนหรือรับจำนำทองที่ซื้อจากร้านตัวเองในราคาที่อิงตามราคาทองประจำวันของสมาคมฯ และหักค่าเสื่อมสภาพเล็กน้อย แต่ถ้าเอาไปขายร้านอื่นที่ไม่ใช่ร้านเดิม อาจจะโดนกดราคาลงอีกหน่อยนะจ๊ะ

เรื่อง ค่าจัดส่ง เนี่ย ถ้าซื้อหน้าร้านก็ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้ แต่ถ้ามีร้านทองที่ขายออนไลน์และมีบริการจัดส่ง ก็ต้องเช็คค่าจัดส่งและประกันภัยให้ดีนะจ๊ะ เพราะทองคำเป็นของมีค่า!

5. มีช่วงไหนน่าซื้อเป็นพิเศษมั้ย?

ถ้าถามว่าช่วงไหนที่คนไทยนิยมซื้อทองกันเป็นพิเศษเนี่ย หลักๆ เลยก็คือช่วง เทศกาลสำคัญๆ จ้า! เช่น ตรุษจีน ที่คนไทยเชื้อสายจีนนิยมซื้อทองเพื่อเสริมความมั่งคั่ง ช่วง ปีใหม่ไทย (สงกรานต์) ที่ซื้อเป็นของขวัญ หรือซื้อเก็บออม ช่วง วันแม่ วันพ่อ ที่ซื้อให้คุณพ่อคุณแม่ หรือแม้แต่ช่วง แต่งงาน ที่ทองคำเป็นสินสอดทองหมั้น นอกจากนี้ บางคนก็เลือกซื้อทองช่วงที่ ราคาทองคำในตลาดโลกปรับตัวลดลง เพื่อหวังทำกำไรในอนาคต

ส่วนเรื่องโปรโมชั่นลดราคาเนี่ย สำหรับร้านทอง ส่วนใหญ่แล้วมักจะไม่ได้ลดที่ "ราคาทองคำ" โดยตรง เพราะราคาอิงตามสมาคมค้าทองคำ แต่ร้านทองอาจจะมีโปรโมชั่นลด "ค่ากำเหน็จ" แทนนะจ๊ะ! บางร้านอาจจะมีโปรโมชั่นลดค่ากำเหน็จ 50% หรือคิดค่ากำเหน็จเหมาสำหรับสินค้าบางชิ้น หรือมีของแถมเล็กๆ น้อยๆ ในช่วงเทศกาลต่างๆ ก็ต้องคอยติดตามข่าวสารจากร้านทองที่คุณสนใจดูนะจ๊ะ!

การซื้อทองในช่วง "ราคาลง" ตามประกาศสมาคมฯ ก็เป็นอีกจังหวะที่น่าสนใจสำหรับคนที่เน้นลงทุนหรือเก็บออม แต่อย่าลืมว่าราคาขึ้นลงทุกวันนะจ๊ะ ต้องเกาะติดสถานการณ์ดีๆ

6. คนไทยใช้แล้วรู้สึกยังไงกันบ้างนะ?

สำหรับทองรูปพรรณ 90% ในไทย คนที่ใช้หรือครอบครองส่วนใหญ่มักจะรู้สึกว่ามันเป็นเครื่องประดับที่ มีคุณค่าทางจิตใจ และ เป็นทรัพย์สินที่จับต้องได้ หลายคนชอบที่มันมีความ แข็งแรงทนทาน มากกว่าทอง 96.5% ทำให้ใส่ในชีวิตประจำวันได้สบายใจขึ้น ไม่ต้องกลัวบุบง่าย ยิ่งถ้าเป็นแหวนเพชรหรือกรอบพระที่ต้องใช้เนื้อทองที่แข็งหน่อย ทอง 90% นี่แหละตอบโจทย์เลย

นอกจากนี้ การที่มันเป็นทองคำแท้ 90% ก็ยังให้ความรู้สึก มั่นคง เพราะถึงแม้จะไม่บริสุทธิ์เท่า 96.5% แต่มันก็ยังเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าและสามารถนำไปขายคืนหรือจำนำได้ ถึงแม้ราคาขายคืนอาจจะโดนหักค่ากำเหน็จและส่วนต่างจากเปอร์เซ็นต์ทองที่ต่ำกว่าทองแท่ง 96.5% บ้าง แต่ก็ยังดีกว่าถือเงินสดอย่างเดียวในยามที่เศรษฐกิจไม่แน่นอน

สรุปคือ คนไทยที่เลือกใช้ทอง 90% มักจะมองว่ามันคือการผสมผสานระหว่าง "ความสวยงาม" ของเครื่องประดับ กับ "ความมั่นคง" ของการมีทรัพย์สินเป็นทองคำอยู่ในมือจ้า

7. แล้วจะไปหาซื้อได้ที่ไหนล่ะทีนี้?

ช่องทางหลักและน่าเชื่อถือที่สุดในการซื้อทองรูปพรรณ 90% ในไทยก็คือ ร้านทอง ทั่วไปเลยจ้า โดยเฉพาะร้านทองที่เป็นสมาชิกของ สมาคมค้าทองคำ จะยิ่งมั่นใจในเรื่องมาตรฐานและราคาที่อิงตามประกาศของสมาคมฯ นะจ๊ะ

คุณสามารถเดินเข้าไปเลือกซื้อได้ที่ร้านทองตามย่านต่างๆ ทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเยาวราช (แหล่งใหญ่เลย!) หรือตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำต่างๆ ข้อดีของการซื้อหน้าร้านคือ คุณสามารถ เลือกดูลาย ลองสวมใส่ และตรวจสอบความเรียบร้อยของชิ้นงานได้ด้วยตัวเอง แถมยังได้พูดคุยสอบถามรายละเอียดกับพนักงานได้โดยตรงด้วยนะ

ส่วนช่องทางออนไลน์เนี่ย ถึงแม้จะมีร้านทองบางร้านที่เปิดขายออนไลน์บนเว็บไซต์ของตัวเอง แต่การซื้อทองรูปพรรณที่เป็นชิ้นๆ ผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซทั่วไปอย่าง Lazada หรือ Shopee อาจจะต้องพิจารณาให้รอบคอบมากๆ นะจ๊ะ! เพราะการตรวจสอบความแท้และน้ำหนักทองผ่านช่องทางออนไลน์ทำได้ยากกว่ามาก แนะนำว่าถ้าจะซื้อออนไลน์ ควรซื้อจากเว็บไซต์ของร้านทองที่คุณรู้จักและไว้ใจ หรือเป็นร้านที่มีหน้าร้านจริงและมีชื่อเสียงจะปลอดภัยกว่าจ้า

จำไว้ว่าเรื่องทองคำ ความน่าเชื่อถือของแหล่งซื้อสำคัญมากๆ นะคะ เพื่อให้มั่นใจว่าได้ทองแท้และได้ราคาที่เป็นธรรม!

8. สรุปแล้วน่าซื้อไหม? เหมาะกับใคร?

มาถึงบทสรุปกันแล้ว! ถามว่า ทองคำรูปพรรณ 90% น่าซื้อไหม? คำตอบคือ น่าซื้อ เลยจ้า ถ้าคุณกำลังมองหาเครื่องประดับทองที่ สวยงาม มีดีไซน์ และมีความแข็งแรงทนทาน เหมาะสำหรับใส่ในชีวิตประจำวัน หรือเป็นเครื่องประดับที่ต้องฝังเพชรพลอย หรือทำเป็นกรอบพระ

มันเหมาะมากๆ กับคนที่:

• ชอบใส่เครื่องประดับทองที่มี ลวดลายละเอียดหรือดีไซน์พิเศษ
• ต้องการแหวนทองที่ แข็งแรงพอที่จะฝังเพชรหรือพลอยได้ โดยไม่ต้องกลัวเพชรหลุดง่าย
• มองหา กรอบพระทองคำ ที่มีความทนทาน
• อยากได้เครื่องประดับทองที่ยังคงเป็น ทรัพย์สินที่มีมูลค่า สามารถขายคืนหรือจำนำได้

ส่วนจะคุ้มค่าไหมเนี่ย ต้องบอกว่าถ้าเน้นลงทุนเป็นหลักจริงๆ อาจจะต้องพิจารณา ทองคำแท่ง 96.5% ที่ค่ากำเหน็จต่ำกว่า ทำให้ราคาขายคืนไม่ถูกหักเยอะเท่า แต่ถ้าคุณต้องการทั้งความสวยงามของเครื่องประดับและคุณค่าของการเป็นทองคำในชิ้นเดียว ทอง 90% นี่แหละคือคำตอบ!

คำแนะนำสุดท้ายคือ ไม่ว่าจะซื้อทอง 90% หรือทองแบบไหนก็ตาม สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เช็คราคาประกาศของสมาคมค้าทองคำทุกวัน ก่อนตัดสินใจซื้อหรือขาย และ ซื้อจากร้านทองที่น่าเชื่อถือ มีใบรับประกันชัดเจน เพื่อความสบายใจและให้ได้ทองคุณภาพดีในราคาที่เป็นธรรมจ้า!

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์และช่วยให้ทุกคนเข้าใจเรื่องทองคำรูปพรรณ 90% มากขึ้นนะจ๊ะ ใครมีแพลนจะไปสอยทองช่วงไหน เล็งลายไหนไว้ มาแชร์กันได้เลยน้าาา! ขอให้ทุกคนมีทองเต็มไม้เต็มมือ รวยๆ เฮงๆ ปังๆ จ้า! บ๊ายบายยย!

วิดีโอที่เกี่ยวข้อง

• แนวโน้มราคาทองคำประจำวันที่ 7 กรกฏาคม 2568
• สมาคมค้าทองคำ เผยราคาทองพุ่ง ทุบสถิติ วันเดียว 1700 บาท คาด ...
• คำนวนราคาทองคำแต่ละ% กรัมละเท่าไร เครื่องเช็คราคายี่ห้ออะไร
• ฟันธงตลาดทอง! นายกสมาคมค้าทองคำ ไขข้อสงสัยนักลงทุน | ติดลม ...
• สมาคมค้าทองคำ ล็อคเป้าทองปลายปี 58000 บาท ! I TNN รู้ทัน ...