วิเคราะห์แนวโน้มราคาทองคำสหรัฐ (XAU/USD) ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อนักลงทุน

สวัสดีจ้า เหล่านักลงทุนสายซิ่ง และสายออมทั้งหลาย! วันนี้เราจะมาเม้าท์มอยเรื่องของ "ทองคำ" หรือที่ในวงการเรียกว่า XAU/USD สินทรัพย์สุดคลาสสิกตลอดกาล ที่ไม่ว่าจะผ่านมากี่ยุคกี่สมัย ก็ยังคงเป็นที่สนใจของชาวไทยอย่างเราๆ ท่านๆ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อเก็บ ออมไว้ให้ลูกหลาน หรือจะเข้าสู่สนามเทรดออนไลน์เก็งกำไรระยะสั้น มาดูกันซิว่า เจ้าทองคำนี้มันมีดีอะไร ทำไมราคาถึงวิ่งขึ้นวิ่งลง และปัจจัยอะไรบ้างที่เราต้องเกาะติดให้แน่นกว่าหนี้ กยศ. ถ้าพร้อมแล้ว ก็ไปลุยกันเลย!

1. ทองคำ (XAU/USD) มันคืออะไรกันนะ?

เอาล่ะ มาทำความรู้จัก ทองคำ (XAU/USD) กันก่อน ชื่อเต็มๆ คือ สัญลักษณ์ในการซื้อขายทองคำในตลาดโลก เทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ (USD). พูดง่ายๆ ก็คือ "ราคาของทองคำ 1 ทรอยออนซ์ ในหน่วยเงินดอลลาร์สหรัฐฯ" นั่นเองจ้า ซึ่งราคา XAU/USD เนี่ย เป็นราคาอ้างอิงหลักของราคาทองคำทั่วโลก.

ทำไมต้องสนใจ? เพราะทองคำถือเป็น "สินทรัพย์ปลอดภัย" (Safe Haven Asset) ระดับโลกเลยนะ. ในช่วงที่เศรษฐกิจโลกปั่นป่วน บ้านเมืองไม่สงบ หรือมีวิกฤตต่างๆ นักลงทุนมักจะแห่กันมาพักเงินไว้ที่ทองคำ เพราะเชื่อว่ามันสามารถรักษามูลค่าได้ดีกว่าสินทรัพย์เสี่ยงอื่นๆ เช่น หุ้น. ส่วนในตลาดไทย ทองคำก็ไม่ใช่แค่เครื่องประดับสวยๆ เท่านั้นนะ แต่ยังเป็นเครื่องมือในการสะสมความมั่งคั่งและการลงทุนที่นิยมกันมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายายเลยทีเดียว. เหมาะกับใคร? ก็เหมาะกับทุกคนนั่นแหละ ตั้งแต่สายออมที่อยากเก็บเล็กผสมน้อย ไปจนถึงสายเก็งกำไรที่ชอบความหวือหวาของราคา.

2. ราคาในตลาดไทยเป็นยังไงบ้าง?

เรื่องราคาเนี่ย ต้องบอกว่า ราคาทองคำในไทย จะอ้างอิงจากราคาตลาดโลก (XAU/USD) บวกกับอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาท (USD/THB) ด้วยนะ. แล้วก็จะมีค่าพรีเมียมต่างๆ อีกนิดหน่อย ทำให้ราคาในไทยมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวจ้า โดยทองคำที่นิยมซื้อขายกันในไทยจะเป็นทองคำความบริสุทธิ์ 96.5% ซึ่งเป็นมาตรฐานตามที่สมาคมค้าทองคำแห่งประเทศไทยกำหนด.

ส่วน ราคาต่อบาท เนี่ย ตอนนี้ (อัปเดต ณ วันที่ 15 กรกฎาคม 2568) ราคาทองคำแท่ง 96.5% รับซื้ออยู่ที่ประมาณ 51,500 บาท และขายออกอยู่ที่ประมาณ 51,600 บาทต่อบาททองคำ ส่วนทองรูปพรรณก็จะบวกค่ากำเหน็จเข้าไปอีกนะ. ราคานี้มีการปรับเปลี่ยนตลอดทั้งวันเลยนะ ต้องคอยเช็คดีๆ.

ถ้าเทียบกับราคา XAU/USD ล่ะ? ก็ต้องเอามาคำนวณแปลงค่ากันจ้า โดย 1 ออนซ์ เท่ากับประมาณ 31.1 กรัม และทองไทย 1 บาท เท่ากับ 15.16 กรัมสำหรับทองรูปพรรณ หรือ 15.244 กรัมสำหรับทองคำแท่ง. ส่วนอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท ตอนนี้ก็ราวๆ 32 บาทต่อดอลลาร์โดยประมาณนะ. ลองคิดคร่าวๆ ดู ถ้า XAU/USD อยู่ที่ประมาณ 3,350 ดอลลาร์ต่อออนซ์ พอแปลงเป็นเงินบาทต่อบาททองคำแล้ว ราคาก็จะใกล้เคียงกับราคาประกาศของสมาคมค้าทองคำแหละ แต่จะมีส่วนต่างนิดหน่อยตามกลไกตลาดในประเทศจ้า

3. แล้วเทียบกับสินทรัพย์อื่นล่ะ คุ้มค่าน่าลงทุนมั้ย?

ถ้าถามว่าทองคำน่าลงทุนแค่ไหนเมื่อเทียบกับสินทรัพย์อื่นๆ? บอกเลยว่าทองคำมีเสน่ห์ในแบบของตัวเองจ้า. ข้อดีหลักๆ เลยคือเป็น สินทรัพย์ปลอดภัย อย่างที่บอกไป. ในช่วงที่ตลาดหุ้นผันผวน หรือค่าเงินไม่แน่นอน ทองคำมักจะปรับตัวสวนทาง ทำให้ช่วย กระจายความเสี่ยง ในพอร์ตลงทุนได้ดี.

ถ้าเทียบกับหุ้น? หุ้นมีโอกาสให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าในระยะยาว แต่ก็มีความเสี่ยงสูงกว่าเช่นกัน. ถ้าเทียบกับเงินฝาก? เงินฝากปลอดภัยสุดๆ แต่ผลตอบแทนก็น้อยนิดมากๆ เมื่อเทียบกับเงินเฟ้อที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้มูลค่าเงินเราลดลงไปเรื่อยๆ. แต่ทองคำเนี่ย หลายคนมองว่าเป็น เครื่องมือป้องกันเงินเฟ้อ ที่ดี เพราะเมื่อเงินเฟ้อสูง ราคาทองก็มักจะปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย.

สถิติในอดีตก็บอกว่า ในช่วงที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ ราคาทองคำมักจะให้ผลตอบแทนเป็นบวกนะ. อย่างช่วงที่ผ่านมา ราคาทองก็ทำจุดสูงสุดใหม่ไปแล้วด้วย. ดังนั้น ถ้ามองหาที่พักเงินยามตลาดผันผวน หรืออยากกระจายความเสี่ยง ทองคำก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากๆ เลยจ้า.

4. ลงทุนทองคำ มีอะไรแถมมาด้วยมั้ย?

ถ้าเป็นการซื้อทองคำจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นทองคำแท่งหรือทองรูปพรรณ สิ่งที่เราได้แน่ๆ คือ ตัวทองคำ นั่นแหละจ้า!. แต่ต้องบอกว่า การลงทุนทองคำมันไม่ใช่สินค้าที่มีอุปกรณ์เสริมแบบกล้อง หรือมือถือนะจ๊ะ สิ่งที่จะได้ "เพิ่มมา" เนี่ย จะเป็นเรื่องของ บริการและเงื่อนไขการลงทุน มากกว่า.

• ค่าจัดส่ง/ค่าขนส่ง: ถ้าซื้อทองคำแท่งแล้วต้องการให้ร้านส่งให้ ส่วนใหญ่ก็จะมีค่าจัดส่งนะจ๊ะ แต่ถ้าซื้อออนไลน์กับบางโบรกเกอร์ อาจจะมีโปรโมชั่นฟรีค่าจัดส่งเมื่อซื้อถึงยอดที่กำหนด หรือไม่ต้องรับทองจริงเลยก็มี.
• การรับประกัน: ทองคำแท่งจากร้านทองที่น่าเชื่อถือมักจะมีการรับประกันความบริสุทธิ์และน้ำหนักนะ. แต่ถ้าเป็นการลงทุนผ่านกองทุนรวมทองคำ หรือ Gold Online Futures เนี่ย เราไม่ได้เป็นเจ้าของทองคำโดยตรง ดังนั้นจึงไม่มีการรับประกันตัวทองคำ แต่จะเป็นการรับประกันเรื่องความน่าเชื่อถือของโบรกเกอร์หรือกองทุนมากกว่า.
• ของแถม/คูปอง/โปรโมชั่น: อันนี้แล้วแต่โบรกเกอร์หรือร้านทองออนไลน์เลยจ้า บางทีก็จะมีโปรโมชั่นสำหรับลูกค้าใหม่ เช่น ได้เครดิตเงินคืนเมื่อเปิดบัญชีและเทรดตามเงื่อนไข, หรือโปรโมชั่นออมทองสะสมยอดครบตามกำหนดแล้วได้ E-Voucher หรือบางทีก็มีโปรโมชั่นฟรีค่าธรรมเนียมการซื้อขายในช่วงเวลาโปรโมชั่น.
• บริการเสริม: โบรกเกอร์หรือแอปพลิเคชันลงทุนทองคำมักจะมีบริการเสริม เช่น ระบบแจ้งเตือนราคาที่เราต้องการซื้อขาย, เครื่องมือวิเคราะห์กราฟ, หรือบทวิเคราะห์แนวโน้มราคาทองคำจากผู้เชี่ยวชาญ.

ดังนั้น เวลาจะลงทุนทองคำ ลองเช็คเรื่องค่าธรรมเนียมการซื้อขาย ค่าธรรมเนียมการเก็บรักษา (ถ้ามี) และบริการเสริมต่างๆ ที่โบรกเกอร์หรือร้านทองนั้นๆ มีให้ด้วยนะจ๊ะ

5. โปรโมชั่นและคำแนะนำการซื้อช่วงไหนดี?

เรื่องโปรโมชั่นลงทุนทองคำเนี่ย อาจจะไม่หวือหวาเท่าสินค้าอุปโภคบริโภคใน 12.12 หรือช่วงสงกรานต์นะจ๊ะ. แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเลย! บางโบรกเกอร์หรือร้านทองออนไลน์ก็มักจะมี โปรโมชั่นสำหรับลูกค้าใหม่ หรือ โปรโมชั่นช่วงเทศกาลต่างๆ บ้างเล็กน้อย เช่น โปรโมชั่นแนะนำเพื่อนมาเปิดบัญชี, โปรโมชั่นฟรีค่าธรรมเนียมการซื้อขายในช่วงเวลาที่กำหนด, หรือโปรโมชั่นออมทองสะสมยอดแล้วได้ของแถม.

แล้วควรซื้อทองคำช่วงไหนดีล่ะ? อันนี้แหละคือหัวใจสำคัญของการลงทุนทองคำเลยจ้า! หลายคนเชื่อว่า ช่วงที่ราคาทองคำย่อตัวลงมา เป็นจังหวะที่ดีในการเข้าซื้อสะสม. แต่ก็ต้องดูปัจจัยอื่นๆ ประกอบด้วยนะ ไม่ใช่เห็นลงก็รีบเข้าใส่หมดหน้าตัก!

คำแนะนำก็คือ ให้ติดตาม ข่าวสารและปัจจัยที่มีผลกระทบต่อราคาทองคำ อย่างใกล้ชิด. ช่วงที่เศรษฐกิจโลกมีความไม่แน่นอน หรือค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่า มักจะเป็นช่วงที่ราคาทองคำมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น. การประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญๆ ของสหรัฐฯ เช่น อัตราเงินเฟ้อ (CPI), ตัวเลขการจ้างงาน, หรือการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ล้วนมีผลต่อการเคลื่อนไหวของราคาทองคำทั้งนั้น.

ดังนั้น แทนที่จะรอโปรโมชั่นลดราคาแบบสินค้าทั่วไป การลงทุนทองคำต้องเน้นเรื่อง "จังหวะ" มากกว่าจ้า! ศึกษาปัจจัยให้ดี แล้วหาจังหวะเข้าซื้อในราคาที่เหมาะสม จะคุ้มค่ากว่าเยอะเลย!

6. รีวิวและฟีดแบ็กจากนักลงทุนในไทยเป็นยังไงบ้าง?

ถ้าลองไปส่องๆ ดูตามเว็บบอร์ด หรือกลุ่มนักลงทุนต่างๆ ในไทย จะเห็นว่ามีฟีดแบ็กเกี่ยวกับ การลงทุนทองคำ เยอะมากๆ เลยนะ. ส่วนใหญ่ก็จะพูดถึงประสบการณ์การลงทุนในรูปแบบต่างๆ ทั้งการซื้อทองคำแท่งเก็บเอง การออมทอง หรือการเทรดทองคำออนไลน์.

จุดที่นักลงทุนไทยให้ความสำคัญมากๆ เลยก็คือเรื่องของ ความน่าเชื่อถือ ของร้านทองหรือโบรกเกอร์ที่เราจะลงทุนด้วยนะ. เพราะเป็นเรื่องเงินๆ ทองๆ ต้องเลือกที่ที่ไว้ใจได้ ระบบดี ซื้อขายคล่องตัว. หลายคนก็รีวิวว่า การลงทุนทองคำช่วยให้รู้สึก ปลอดภัย ในยามที่ตลาดอื่นๆ ผันผวน. บ้างก็บอกว่าเป็นการลงทุนที่ เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อนเท่าการเล่นหุ้น หรือคริปโต.

ส่วนข้อกังวล? ก็หนีไม่พ้นเรื่อง ความผันผวนของราคา นั่นแหละจ้า. บางช่วงราคาก็ขึ้นแรง บางช่วงก็ลงแรง ทำเอาใจหายใจคว่ำได้เหมือนกัน. แล้วก็เรื่อง ค่าธรรมเนียม ต่างๆ ในการซื้อขาย หรือการเก็บรักษา (ถ้ามี) ก็เป็นอีกจุดที่นักลงทุนเอามาเปรียบเทียบกัน.

โดยรวมแล้ว นักลงทุนไทยส่วนใหญ่ที่ลงทุนทองคำ มักจะมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของการ กระจายความเสี่ยง ในพอร์ตลงทุน และเป็นสินทรัพย์ที่ช่วย รักษามูลค่า ในระยะยาวได้เป็นอย่างดีจ้า.

7. ช่องทางการลงทุนที่แนะนำ มีที่ไหนบ้าง?

การลงทุนทองคำในยุคนี้มีหลากหลายช่องทางมากๆ เลยนะ ไม่ได้มีแค่เดินเข้าร้านทองอย่างเดียวแล้วจ้า!

• ร้านทอง: อันนี้คือช่องทางคลาสสิกเลย. สะดวก ตรงไปตรงมา ได้ทองคำจริงๆ มาถือในมือ แต่ก็ต้องมีที่เก็บที่ปลอดภัยนะ. มีทั้งร้านทองตามห้างสรรพสินค้า หรือร้านทองเก่าแก่ตามย่านเยาวราช.
• ร้านทองออนไลน์ / แพลตฟอร์มออมทอง: ช่องทางนี้กำลังเป็นที่นิยมมากๆ เลยจ้า. สะดวก ซื้อขายง่าย ทำรายการได้ตลอด 24 ชั่วโมงผ่านแอปพลิเคชัน. สามารถเริ่มต้นลงทุนด้วยเงินไม่มาก บางที่เริ่มต้นแค่หลักร้อยบาทก็มีนะ. ที่นิยมๆ ก็มีเช่น MTS Gold (แม่ทองสุก), Hua Seng Heng (ฮั่วเซ่งเฮง), YLG (วายแอลจี), Aurora. ข้อดีคือไม่ต้องกังวลเรื่องการเก็บรักษาทองคำเอง.
• โบรกเกอร์ / บริษัทหลักทรัพย์: สำหรับนักลงทุนที่อยากเทรดทองคำในตลาดโลก หรือลงทุนใน Gold Online Futures ก็ต้องเปิดบัญชีกับโบรกเกอร์เหล่านี้จ้า. สามารถเก็งกำไรได้ทั้งช่วงที่ราคาขึ้นและราคาลง. มีหลายโบรกเกอร์ในไทยที่ให้บริการเทรดทองคำออนไลน์.
• กองทุนรวมทองคำ (Gold Fund): เป็นอีกช่องทางที่สะดวกสำหรับมือใหม่ หรือคนที่ไม่มีเวลาติดตามตลาดตลอดเวลา. เป็นการลงทุนผ่านผู้จัดการกองทุน ทำให้เราไม่ต้องคิดเองเยอะ. สามารถซื้อขายผ่านแอปพลิเคชันของธนาคารหรือบริษัทจัดการกองทุนได้เลย.

แต่ละช่องทางก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไปนะจ๊ะ เลือกที่ที่เหมาะกับสไตล์การลงทุนและความสะดวกของเราได้เลย

8. สรุปหรือคำแนะนำเรื่องราคา เหมาะกับใครและน่าซื้อไหม?

มาถึงบทสรุปแล้วจ้า! ทองคำ (XAU/USD) เนี่ย ยังคงเป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจมากๆ ในการลงทุนนะ. ความคุ้มค่ามันไม่ได้อยู่ที่ราคาถูกหรือแพง แต่เป็นการที่เราได้สินทรัพย์ที่ช่วย รักษามูลค่า และ กระจายความเสี่ยง ให้กับพอร์ตลงทุนของเรา.

ถามว่าน่าซื้อไหม? ถ้ามองในระยะยาวและต้องการสินทรัพย์ที่ช่วยป้องกันความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ หรือเงินเฟ้อ ทองคำก็เป็นตัวเลือกที่น่าพิจารณามากๆ.

แล้วเหมาะกับใครล่ะ?

• เหมาะกับคนที่ต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย: ในช่วงที่ตลาดหุ้นหรือสินทรัพย์อื่นๆ มีความเสี่ยงสูง ทองคำมักจะให้ผลตอบแทนที่ดี.
• เหมาะกับคนที่ต้องการกระจายความเสี่ยง: การมีทองคำในพอร์ตช่วยลดความผันผวนโดยรวมของพอร์ตได้.
• เหมาะกับคนที่มองหาการลงทุนระยะยาว: ในระยะยาว ราคาทองคำมีแนวโน้มที่จะปรับตัวสูงขึ้นตามภาวะเงินเฟ้อและความต้องการที่เพิ่มขึ้น.
• เหมาะกับคนที่เพิ่งเริ่มต้นลงทุน: การออมทอง หรือลงทุนผ่านกองทุนรวมทองคำ เป็นวิธีที่เริ่มต้นได้ง่าย ไม่ต้องใช้เงินเยอะ.

ส่วนจะเลือกลงทุนแบบไหน? ถ้าชอบถือของจริง จับต้องได้ ก็ซื้อทองคำแท่งหรือทองรูปพรรณ. ถ้าเน้นสะดวก ซื้อขายง่าย เริ่มต้นน้อย ก็ร้านทองออนไลน์ หรือแอปออมทอง. ถ้าชอบเก็งกำไรระยะสั้น เน้นความคล่องตัว ก็เทรด Gold Online Futures. ถ้าอยากให้มืออาชีพดูแลให้ ก็ลงทุนในกองทุนรวมทองคำ.

สุดท้ายนี้ การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุนนะจ๊ะ! ขอให้ทุกคนโชคดีกับการลงทุนทองคำ รวยๆ เฮงๆ ปังๆ จ้า!

วิดีโอที่เกี่ยวข้อง

• หน้า 37 | ทองคำ / ดอลลาร์สหรัฐ แนวคิดการเทรด—OANDA ...
• เปิดปัจจัยราคาทองพุ่งแรง ทองรูปพรรณใกล้ 50000 | TNN ข่าวค่ำ ...
• หน้า 40 | ทองคำ / ดอลลาร์สหรัฐ แนวคิดการเทรด—OANDA ...
• หน้า 3 | ทองคำ / ดอลลาร์สหรัฐ แนวคิดการเทรด—OANDA ...
• สงครามการค้าคลี่คลาย ดอลลาร์แข็ง ทองร่วง