ราคา La Mer The Moisturizing Cream ครีมบำรุงผิวหน้า ลดริ้วรอย เติมความชุ่มชื้น


สวัสดีค่าทุกคนนน! วันนี้เราจะมาเม้าท์มอยสกินแคร์ในตำนานที่เรียกได้ว่าเป็น "ตัวแม่" ของวงการ นั่นก็คือ La Mer The Moisturizing Cream นั่นเอง! ใครที่กำลังมองหาครีมบำรุงผิวหน้าที่ไม่ใช่แค่บำรุง แต่เป็นการ "ลงทุน" ให้กับผิว มามุงทางนี้เลยจ้า เพราะเราจะมาเจาะลึกทุกซอกทุกมุม ทั้งเรื่องราคา การใช้งาน และความรู้สึกหลังใช้แบบหมดเปลือกตามสไตล์คนไทย!
1. ครีมกระปุกนี้มันคืออะไรกันนะ?
มาทำความรู้จักกับเจ้า La Mer The Moisturizing Cream กันก่อนเลยค่ะ พูดง่ายๆ มันก็คือ มอยส์เจอไรเซอร์ หรือครีมบำรุงผิวหน้าตัวท็อป จากแบรนด์หรูระดับโลกอย่าง La Mer (ลาแมร์) ซึ่งเป็นแบรนด์ที่ถือกำเนิดมาจากประเทศสหรัฐอเมริกา ไม่ใช่แบรนด์ไก่กานะจ๊ะ แต่มีเรื่องราวความเป็นมาที่ไม่ธรรมดาเลยล่ะ!
ย้อนกลับไปหลายสิบปีก่อนนู้นนน... มีนักฟิสิกส์ท่านหนึ่งชื่อ ดร. แมกซ์ ฮูเบอร์ เค้าประสบอุบัติเหตุในห้องทดลอง ทำให้ผิวหนังถูกทำร้ายอย่างรุนแรง แล้วทีนี้การแพทย์สมัยนั้นก็ไม่สามารถรักษาผิวเค้าให้กลับมาเหมือนเดิมได้ เค้าเลยตัดสินใจค้นคว้าวิจัยด้วยตัวเองเป็นเวลากว่า 12 ปี และทดลองเป็นพันๆ ครั้ง จนไปค้นพบความลับจากท้องทะเล นั่นก็คือ Miracle Broth™ (น้ำสกัดเข้มข้น มิราเคิล บรอธ) ซึ่งเป็นส่วนผสมหลักอันทรงพลังที่อยู่ในครีมกระปุกนี้ และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของ La Mer ด้วย
เจ้าครีมตัวนี้เค้าเคลมว่าช่วย มอบความชุ่มชื้นอย่างล้ำลึก ฟื้นบำรุงผิวแห้งกร้าน เสริมปราการปกป้องผิวตามธรรมชาติ และที่หลายคนยอมจ่ายก็เพราะเค้าบอกว่าช่วย ลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย ให้ผิวดูเรียบเนียน กระชับ และเปล่งประกายขึ้นด้วยนะ เหมาะกับใครน่ะเหรอ? หลักๆ เลยคือคนที่ ผิวแห้ง หรือผิวบอบบางที่ต้องการการฟื้นบำรุงเป็นพิเศษ แต่จริงๆ ไม่ว่าสภาพผิวแบบไหน ถ้าอยากได้การบำรุงแบบขั้นสุด หรืออยากลองสัมผัสความหรูหราในตำนาน ตัวนี้ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากๆ จ้า
2. ราคาในตลาดไทยเป็นยังไงบ้าง... เตรียมใจก่อนอ่านนะ!
มาถึงช่วงที่หลายคนอยากรู้ (และอาจจะตกใจเล็กน้อย) นั่นก็คือ "ราคา" ของเจ้า La Mer The Moisturizing Cream ในตลาดไทยนั่นเองจ้า ต้องบอกเลยว่าสมชื่อแบรนด์ Luxury ระดับโลกจริงๆ เพราะราคาน้องเค้าค่อนข้างสูงเลยล่ะ โดยราคาจะแตกต่างกันไปตามขนาดนะจ๊ะ ยิ่งกระปุกใหญ่ ราคาก็ยิ่งพุ่ง แต่ถ้าเฉลี่ยต่อ ml ก็จะถูกลง (นิดนึง) ค่ะ
จากที่ส่องๆ ดูตามช่องทาง Official หรือห้างสรรพสินค้าชั้นนำในไทย ราคาคร่าวๆ จะประมาณนี้จ้า:
- ขนาด 15 ml: ราคาเริ่มต้นประมาณ ฿4,900 - ฿5,300 บาท (ไซส์จิ๋ว เอาไว้ลองใช้ หรือพกพา)
- ขนาด 30 ml: ราคาเริ่มต้นประมาณ ฿9,400 - ฿11,000 บาท (ไซส์ยอดนิยม)
- ขนาด 60 ml: ราคาเริ่มต้นประมาณ ฿17,000 - ฿17,000 บาท (เจอราคา ฿17,000 หลายที่) (ไซส์คุ้มค่าสำหรับคนใช้ประจำ)
- ขนาด 100 ml และ 250 ml: สองขนาดนี้ราคาก็จะทะลุหลักสองหมื่นและสี่หมื่นบาทขึ้นไปเลยจ้า (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง)
สามารถหาซื้อได้ตามเคาน์เตอร์ La Mer ในห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ เช่น Central, Paragon, Emporium, EmQuartier หรือ The Mall บางสาขา นอกจากนี้ ช่องทางออนไลน์อย่าง Official Website ของ La Mer Thailand เอง หรือร้านค้า Official บนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซดังๆ อย่าง Central Online, Lazada หรือ Shopee (ที่เป็นร้าน Official ของแบรนด์จริงๆ) ก็มีวางขายเช่นกันจ้า
ถ้าเทียบกับราคาในต่างประเทศ บางช่วงอาจมีส่วนต่างอัตราแลกเปลี่ยนบ้าง แต่โดยรวมแล้ว ราคาในไทยก็อยู่ในเรทของแบรนด์ Luxury เลยล่ะจ้า ไม่ได้หนีกันมากนัก (ยกเว้นไปเจอโปรโมชั่นดีๆ ที่นู่นหรือที่นี่นะ!)
3. แล้วถ้าเทียบกับครีมตัวอื่นล่ะ แพงไปไหม?
ถามว่าแพงไหม? ถ้าเทียบกับครีมบำรุงผิวทั่วไปในท้องตลาด ก็ต้องบอกว่า แพงกว่ามากๆ เลยค่ะ! แต่ถ้าให้เทียบกับครีมในหมวด Luxury Skincare หรือแบรนด์เคาน์เตอร์แบรนด์ตัวท็อปอื่นๆ ที่เน้นเรื่องลดริ้วรอย เติมความชุ่มชื้นแบบเข้มข้น เจ้า La Mer กระปุกนี้ก็ถือว่าอยู่ใน กลุ่มราคาสูงสุด เลยก็ว่าได้จ้า แบรนด์อื่นๆ ในกลุ่มเดียวกัน เช่น SK-II, Chanel, Dior, Sisley ก็มีครีมราคาสูงหลายตัว แต่ La Mer ก็ยังเป็นที่พูดถึงในเรื่องของราคาที่ค่อนข้างสูงเป็นพิเศษ
คือมันไม่ใช่แค่ครีม แต่เค้าขาย เรื่องราว ประสบการณ์ และความรู้สึกของการได้ใช้ผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียม ด้วยล่ะ สำหรับบางคน เค้ามองว่ามันคือการลงทุนเพื่อผิวที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด หรือบางคนก็ซื้อเพื่อเป็นรางวัลให้กับตัวเอง ดังนั้น ถ้ามองในแง่ของราคากับผลลัพธ์ที่คาดหวังในระดับ Luxury La Mer ก็มีจุดยืนที่แข็งแกร่งมากๆ ในตลาดนี้ค่ะ (แต่กระเป๋าตังค์ก็ต้องแข็งแรงตามไปด้วยนะ!)
4. ซื้อแล้วได้อะไรมาบ้างนะ?
เวลาซื้อ La Mer The Moisturizing Cream จากช่องทาง Official ไม่ว่าจะเป็นที่เคาน์เตอร์หรือร้านค้าทางการออนไลน์ สิ่งที่คุณจะได้รับหลักๆ แน่นอนคือ:
- ตัวผลิตภัณฑ์ (ครีม) ในขนาดที่คุณเลือก (15ml, 30ml, 60ml หรือใหญ่กว่า)
- ไม้พายตักครีม: อันนี้สำคัญมากๆ! เพราะเนื้อครีม Crème de la Mer สูตร Original จะค่อนข้างเข้มข้น ต้องใช้ไม้พายตักออกมาแล้ววอร์มบนปลายนิ้วก่อนทา
- กล่องผลิตภัณฑ์ที่ดูหรูหรา: ตามสไตล์แบรนด์ Luxury
ส่วนเรื่องบริการเสริมอื่นๆ ก็จะมีตามมาตรฐานเคาน์เตอร์แบรนด์ค่ะ:
- ค่าจัดส่ง: ถ้าซื้อออนไลน์จาก Official Website หรือร้านค้า Official ในแพลตฟอร์มต่างๆ มักจะมีบริการจัดส่งฟรีเมื่อซื้อครบยอดที่กำหนด ซึ่งส่วนใหญ่ยอดของ La Mer ก็เกินขั้นต่ำสบายๆ อยู่แล้วจ้า
- การรับประกัน/เปลี่ยนคืนสินค้า: ส่วนใหญ่ถ้าซื้อจากช่องทางทางการ จะมีการรับประกันว่าเป็นของแท้แน่นอน และสามารถเปลี่ยนคืนได้ตามเงื่อนไขของห้างสรรพสินค้าหรือแพลตฟอร์มนั้นๆ หากสินค้ามีปัญหา หรือบางทีอาจจะมีนโยบายเรื่องการแพ้ (อันนี้ต้องสอบถามกับทางแบรนด์โดยตรง)
- ของแถม/ขนาดทดลอง (Sample): อันนี้เป็นอีกอย่างที่หลายคนเลิฟ! เวลาซื้อ La Mer มักจะมีของแถมเป็นผลิตภัณฑ์ขนาดทดลองตัวอื่นๆ ของแบรนด์มาให้ลองใช้ด้วย บางทีซื้อจากเคาน์เตอร์พี่ BA ใจดีก็อาจจะให้เยอะหน่อย หรือบางช่วงมีโปรโมชั่น Gift With Purchase (GWP) ที่น่าสนใจมากๆ ซึ่งของแถมพวกนี้แหละที่ทำให้รู้สึกคุ้มค่ากับราคาที่จ่ายไปมากขึ้น
- บริการห่อของขวัญ: ถ้าซื้อที่เคาน์เตอร์ สามารถแจ้งให้พนักงานห่อของขวัญสวยๆ ให้ได้ด้วยนะ
5. มีโปรโมชั่นช่วงไหนน่าสอยเป็นพิเศษมั้ย?
สำหรับแบรนด์ Luxury อย่าง La Mer เนี่ย เค้าอาจจะไม่ได้ลดราคาแบบโหดๆ หรือจัดโปรโมชั่นบ่อยเท่าแบรนด์ทั่วๆ ไป แต่ก็มีช่วงเวลาที่น่าจับตามองเหมือนกันนะจ๊ะ!
- ช่วงเทศกาลใหญ่ๆ: อย่างที่รู้กันว่าคนไทยชอบช้อปช่วงเทศกาล La Mer เองก็อาจจะมีโปรโมชั่นพิเศษ หรือเซ็ตผลิตภัณฑ์ที่คุ้มค่ากว่าเดิมออกมาในช่วง ปีใหม่ไทย (สงกรานต์), ปีใหม่สากล, หรือช่วงแคมเปญ Double Digit Sale บนแพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง 11.11 หรือ 12.12 นะจ๊ะ ถึงจะไม่ได้ลดตรงๆ แต่อาจจะมาในรูปแบบของการแถมเพิ่ม ได้แต้มสะสมเยอะขึ้น หรือมีเซ็ตลิมิเต็ดเอดิชั่นที่คุ้มกว่าเดิม
- โปรโมชั่นของห้างสรรพสินค้า/แพลตฟอร์มออนไลน์: บางทีห้างสรรพสินค้าเอง หรือแพลตฟอร์มอย่าง Central Online, Lazada, Shopee ก็มีโปรโมชั่นของตัวเอง เช่น ลดเพิ่มเมื่อใช้ร่วมกับบัตรเครดิต หรือมีโค้ดส่วนลดเฉพาะของแพลตฟอร์มนั้นๆ ถ้าเราซื้อผ่านช่องทางเหล่านี้ ก็อาจจะได้ส่วนลดหรือความคุ้มค่าเพิ่มขึ้นไปอีก
- โปรโมชั่นเฉพาะของ La Mer: ติดตาม Official Website หรือ Line Official ของ La Mer Thailand ไว้ให้ดี บางทีเค้าก็มีโปรโมชั่นพิเศษ หรือเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในช่วงนั้นๆ ที่มักจะมีของแถมหรือข้อเสนอที่น่าสนใจค่ะ
สรุปคือ ถ้าไม่รีบมาก และอยากได้ความคุ้มค่าสูงสุด การ รอช้อปช่วงโปรโมชั่นใหญ่ๆ ไม่ว่าจะเป็นของแบรนด์เอง หรือของแพลตฟอร์มที่วางขาย ก็เป็นกลยุทธ์ที่น่าสนใจมากๆ เลยจ้า!
6. คนไทยใช้แล้วรู้สึกยังไงกันบ้างนะ?
ไปส่องรีวิวจากผู้ใช้ชาวไทยมาเนี่ย เสียงตอบรับส่วนใหญ่เกี่ยวกับ La Mer The Moisturizing Cream ค่อนข้างไปในทิศทางที่ดีเลยล่ะค่ะ แต่ก็มีหลากหลายมุมมองตามสภาพผิวและความคาดหวังนะ
จุดที่คนไทยส่วนใหญ่ชอบและรีวิวในแง่ดี:
- เรื่องความชุ่มชื้น: อันนี้คือยืนหนึ่งเลย! หลายคนบอกว่าครีมตัวนี้ช่วย แก้ปัญหาผิวแห้ง ผิวขาดน้ำ ได้ดีมากๆ ผิวดูอิ่มฟูขึ้นทันทีหลังใช้
- ผิวดูสุขภาพดีขึ้น: หลายคนรู้สึกว่าผิวโดยรวมดูแข็งแรงขึ้น ไม่แพ้ง่ายเหมือนเดิม ผิวดูเรียบเนียน นุ่มขึ้น
- เรื่องริ้วรอย: แม้ราคาจะแรง แต่หลายคนที่ใช้แล้วก็เห็นผลเรื่อง ริ้วรอยเล็กๆ ดูจางลง โดยเฉพาะริ้วรอยที่เกิดจากผิวแห้ง
- ความรู้สึกหรูหราตอนใช้: เนื้อครีม กลิ่นหอมอ่อนๆ และแพ็คเกจจิ้ง ทำให้รู้สึกเหมือนได้ปรนนิบัติผิวแบบพรีเมียม เป็นโมเมนต์ความสุขเล็กๆ ในแต่ละวัน
- ใช้ได้นาน: แม้กระปุกจะดูเล็ก แต่เวลาใช้จริงๆ ใช้แค่ปริมาณน้อยๆ วอร์มจนใส แล้วค่อยๆ กดแตะเบาๆ ทำให้หนึ่งกระปุกใช้ได้นานกว่าที่คิด (ปลอบใจเรื่องราคาได้นิดนึง 😅)
แต่ก็มีบางมุมที่ต้องพิจารณา (ตามสไตล์รีวิวตรงไปตรงมา):
- เนื้อค่อนข้างเข้มข้น: โดยเฉพาะสูตร Crème de la Mer Original อาจจะไม่เหมาะกับคนผิวมันมากๆ หรือใช้ตอนอากาศร้อนมากๆ อาจจะรู้สึกหนักผิวได้ (แต่ปัจจุบันเค้าก็มีสูตรเนื้อบางเบาให้เลือกแล้วนะ เช่น Soft Cream หรือ Fresh Cream)
- เรื่องราคา: อันนี้เป็นประเด็นหลักเลยจ้า หลายคนบอกว่าดีจริง แต่ก็แพงจริง! ต้องคิดหนักก่อนซื้อ
โดยรวมแล้ว คนไทยที่ใช้แล้วเห็นผลมักจะบอกว่ามัน คุ้มค่ากับการลงทุน สำหรับผิวเค้าจริงๆ จ้า
7. จะไปหาซื้อได้ที่ไหนชัวร์ๆ ไม่โดนหลอก?
ด้วยความที่ราคาแรงและเป็นแบรนด์ดัง เรื่องของปลอมก็ต้องระวังกันหน่อยนะจ๊ะ เพื่อความชัวร์ว่าได้ของแท้ 100% และได้รับการบริการหลังการขายที่ดี แนะนำให้ซื้อจากช่องทางเหล่านี้เลยค่ะ:
- เคาน์เตอร์ La Mer ในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ: อันนี้ชัวร์สุด! ทั้ง Central, Paragon, Emporium, EmQuartier, The Mall สามารถไปลองเนื้อสัมผัส สอบถามข้อมูลกับพี่ BA ได้โดยตรง และมั่นใจว่าเป็นของแท้แน่นอน
- Official Website La Mer Thailand: ซื้อตรงจากเว็บแบรนด์ มั่นใจได้แน่นอนว่าเป็นของแท้ มีโปรโมชั่นพิเศษ และบริการจัดส่งถึงบ้าน
- ร้านค้า Official (Flagship Store) บนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซใหญ่ๆ: เช่น Central Online, LazMall ใน Lazada, Shopee Mall ใน Shopee เลือกร้านที่เป็นชื่อ Official ของแบรนด์เลยนะจ๊ะ พวกนี้เป็นร้านค้าทางการของแบรนด์ที่มาเปิดบนแพลตฟอร์ม รับประกันของแท้ มีระบบการจ่ายเงินและการจัดส่งที่ปลอดภัย มีการสะสมแต้ม หรือใช้โค้ดส่วนลดของแพลตฟอร์มได้ด้วย
ส่วนแหล่งอื่นๆ เช่น ร้านหิ้ว หรือร้านพรีออเดอร์ตามโซเชียลมีเดีย อันนี้ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษมากๆ ค่ะ หากไม่มั่นใจในแหล่งที่มาจริงๆ แนะนำให้เลี่ยงไปก่อน เพื่อป้องกันการได้ของปลอม หรือสินค้าที่ไม่ได้คุณภาพนะจ๊ะ
8. สรุปแล้วน่าซื้อไหม? เหมาะกับใครกันแน่?
มาถึงบทสรุปสุดท้ายแล้ว ถามว่า La Mer The Moisturizing Cream น่าซื้อไหม? ถ้าคุณกำลังมองหาครีมบำรุงผิวที่ ให้ความชุ่มชื้นขั้นสุด ช่วยให้ผิวดู สุขภาพดีขึ้น ลดเลือนริ้วรอย และพร้อมที่จะ ลงทุนกับสกินแคร์ระดับพรีเมียม คำตอบคือ น่าซื้อมากๆ เลยจ้า!
เหมาะกับใคร?
- คนที่ ผิวแห้ง แห้งมาก หรือมีปัญหาผิวขาดน้ำรุนแรง
- คนที่กังวลเรื่อง ริ้วรอยแห่งวัย และต้องการครีมที่ช่วยฟื้นบำรุงอย่างเห็นผล
- คนที่อยาก ปรนนิบัติผิวแบบ Luxury และรู้สึกดีกับการใช้ผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง
- คนที่ มีกำลังซื้อ และพร้อมที่จะจ่ายเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับผิวตัวเอง
ไม่เหมาะกับใคร?
- คนที่มี งบประมาณจำกัดมากๆ เพราะราคาค่อนข้างสูง
- คนที่มี ผิวมันมากๆ และไม่ชอบเนื้อครีมที่หนักผิว (แม้จะมีสูตรบางเบาให้เลือก แต่สูตร Original ก็ยังเข้มข้นอยู่ดี)
- คนที่ คาดหวังผลลัพธ์แบบมหัศจรรย์ชั่วข้ามคืน สกินแคร์ทุกตัวต้องใช้เวลาและความสม่ำเสมอนะจ๊ะ
สำหรับคำแนะนำเรื่องขนาด ถ้าเพิ่งเริ่มต้น หรืออยากลองดูก่อนว่าเข้ากับผิวไหม แนะนำให้ซื้อ ขนาด 15 ml หรือ 30 ml ก่อนจ้า แต่ถ้าใช้แล้วชอบ ผิวเข้ากับครีมตัวนี้ได้ดี และอยากใช้ต่อเนื่อง การซื้อ ขนาด 60 ml ขึ้นไปมักจะคุ้มค่ากว่าในระยะยาว (หารต่อ ml แล้วถูกกว่า)
สรุปคือ La Mer The Moisturizing Cream เป็นครีมในตำนานที่มาพร้อมราคาในตำนานเช่นกัน แต่ถ้าคุณสมบัติตรงกับความต้องการและงบประมาณถึง มันก็เป็นการลงทุนที่น่าพิจารณามากๆ ค่ะ ขอให้ทุกคนได้ผิวสวยสุขภาพดีตามที่ตั้งใจไว้นะคะ! บ๊ายบายยย!
วิดีโอที่เกี่ยวข้อง
แนะนำสำหรับคุณ
ราคา เตาอบ Champ: รุ่นยอดนิยมสำหรับมือใหม่หัดทำเบเกอรี่
ราคา iPad Gen 8 Wi-Fi + Cellular 128GB มือสอง คุ้มไหมปี 2024?
ราคาเพาเวอร์แอมป์ S1200: รุ่นเก๋า ยังน่าใช้ไหม?
ราคา Canon EOS RP ล่าสุด: กล้อง Mirrorless Full Frame ที่น่าจับตามอง
แปรงล้างหน้า Foreo ราคาล่าสุด รุ่นไหนดีที่สุด?
ราคาเตาอบ Rational Combi Steamer: อุปกรณ์ครัวมืออาชีพ ประหยัดเวลา ทำอาหารได้หลากหลาย