ราคา จัด งาน แต่งงาน ที่ โรงแรม งบเท่าไหร่? แพ็กเกจมีอะไรบ้าง


สวัสดีค่าชาวว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวทุกคนนน! วันนี้เราจะมาเม้าท์มอยเรื่องใหญ่ที่ทำเอาหลายคู่นอนไม่หลับ กินไม่ได้ นั่นก็คือ "งบจัดงานแต่งงานที่โรงแรม" นั่นเองค่ะ! โอยยย แค่คิดก็ปวดหัวตึบแล้วใช่ไหมล่ะ? แต่ไม่ต้องห่วงจ้า เพราะเราจะมาตีแผ่ เจาะลึกให้เห็นกันไปเลยว่าถ้าคิดจะจัดงานวิวาห์ในฝันที่โรงแรมเนี่ย ต้องเตรียมงบไว้ประมาณเท่าไหร่ แล้วในแพ็กเกจเค้ามีอะไรให้เราบ้าง คุ้มไม่คุ้ม มาดูกันแบบหมดเปลือก! เตรียมจด เตรียมเล็งดีๆ แล้วไปดูกันเลย!
1. งานแต่งงานที่โรงแรมคืออะไร ทำไมใครๆ ก็เลือกที่นี่?
เอาล่ะ เริ่มต้นกันที่ว่าทำไม โรงแรม ถึงเป็นตัวเลือกยอดฮิตตลอดกาลสำหรับการจัดงานแต่งงานในเมืองไทยนะ? พูดง่ายๆ เลยคือ โรงแรมเค้าคือผู้เชี่ยวชาญด้านงานบริการและจัดเลี้ยงนี่แหละจ้า! การจัดงานแต่งงานที่โรงแรมเนี่ย เค้าจะมี "แพ็กเกจ" สำเร็จรูปมาให้เราเลือกสรร ซึ่งในแพ็กเกจเนี่ยจะรวบรวมบริการต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับงานแต่งไว้เกือบทั้งหมดเลย ทั้งสถานที่ อาหาร เครื่องดื่ม การตกแต่งเบื้องต้น และทีมงานคอยดูแล ทำให้ว่าที่บ่าวสาวอย่างเราๆ สะดวกสบาย ขึ้นเยอะมากๆ ไม่ต้องวิ่งวุ่นหาทุกอย่างเองให้ปวดหัว
เหมาะมากๆ เลยสำหรับคู่รักที่อาจจะ ไม่มีเวลา เตรียมงานมากนัก อยากได้ความเป๊ะ ความเป็นมืออาชีพ และอยากให้แขกเหรื่อที่มาร่วมงานได้รับความสะดวกสบาย ได้รับการบริการที่ดีเยี่ยม โรงแรมดังๆ หลายแห่งในไทยเค้ามีประวัติยาวนานในการจัดงานแต่งนะ บางทีแทบจะหลับตาจัดได้เลย เพราะเค้ามีทีมงานที่มีประสบการณ์สูง รู้ว่าต้องเตรียมอะไรบ้าง ต้องดูแลยังไง ที่สำคัญคือ ความหรูหรา และภาพลักษณ์ที่ดี ที่มาพร้อมกับการจัดงานในโรงแรมชื่อดัง ก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้หลายคู่อยากจัดที่นี่ค่ะ
2. ราคาจัดงานแต่งที่โรงแรมในไทย งบประมาณเท่าไหร่ดี?
มาถึงคำถามยอดฮิตที่ทำเอาหลายคนกุมขมับ! "ราคาจัดงานแต่งที่โรงแรมเนี่ย ต้องใช้งบเท่าไหร่?" โอยยย คำถามนี้ตอบยากพอๆ กับถามว่า "เมื่อไหร่จะมีแฟน?" เลยค่ะ! เพราะราคาเนี่ยมัน ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยมากๆ เลยค่ะ ทั้ง ชื่อเสียงของโรงแรม (ระดับ 3 ดาว, 5 ดาว, โรงแรมหรู), ทำเลที่ตั้ง, ขนาดของงาน, จำนวนแขก, และ ช่วงเวลาที่จัดงาน ค่ะ
แต่ถ้าให้ลองประมาณการแบบคร่าวๆ สุดๆ เพื่อให้เห็นภาพเนี่ย ลองแบ่งตามระดับโรงแรมดูนะ:
- โรงแรมระดับ 3-4 ดาว หรือโรงแรมขนาดกลาง: ถ้าจัดงานขนาดไม่ใหญ่มาก จำนวนแขกประมาณ 100-200 คน งบประมาณอาจจะเริ่มต้นที่ประมาณ 200,000 - 500,000 บาท (฿) อันนี้คือแบบพื้นฐานมากๆ นะคะ อาจจะรวมค่าสถานที่ ค่าอาหารแบบบุฟเฟต์หรืองานค็อกเทล และการตกแต่งแบบมาตรฐานค่ะ
- โรงแรมระดับ 5 ดาว หรือโรงแรมชื่อดังในเมือง: สำหรับงานที่ต้องการความหรูหรา จัดเต็ม แขกเยอะหน่อย 200-400 คนขึ้นไป งบประมาณจะพุ่งสูงขึ้นมาอีกสเต็ปเลยจ้า อาจจะต้องเตรียมไว้ตั้งแต่ 500,000 บาท ไปจนถึงหลักล้านบาท หรือหลายล้านบาท ก็มีค่ะ! ยิ่งโรงแรมหรู ทำเลดี ชื่อเสียงดัง ราคาก็ยิ่งสูงตามไปด้วยค่ะ ค่าอาหารแบบคอร์ส (โต๊ะจีน/ตะวันตก) ก็จะราคาสูงกว่าแบบบุฟเฟต์หรือค็อกเทลพอสมควรเลย
- โรงแรมหรูมากๆ หรือแบรนด์อินเตอร์: อันนี้คือตัวท็อป ตัวแพงเลยจ้า! ถ้าอยากได้งานที่อลังการ หรูหรา แขกระดับ VVIP งบประมาณนี่ไม่มีเพดานเลยค่ะ เตรียมไว้หลักหลายล้านบาทได้เลย แพ็กเกจเค้าก็จะรวมบริการที่พรีเมียมมากๆ การตกแต่งที่อลังการ อาหารและเครื่องดื่มระดับเวิลด์คลาส
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ทำให้งบเพิ่มขึ้นอีกเพียบ เช่น ถ้าอยากได้ซุ้มดอกไม้สวยๆ, ฉากถ่ายรูปปังๆ, วงดนตรีเจ๋งๆ, ระบบแสงสีเสียงพิเศษ, ของชำร่วยเก๋ๆ, หรือชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาวสุดอลังการ พวกนี้คือ ค่าใช้จ่ายส่วนเพิ่ม ที่มักจะไม่ได้รวมอยู่ในแพ็กเกจพื้นฐานนะจ๊ะ ต้องเตรียมงบแยกต่างหากอีกก้อนใหญ่เลยล่ะ
3. เทียบกับตัวเลือกอื่นแล้ว การจัดที่โรงแรมคุ้มไหม?
ถ้าให้เปรียบเทียบกับสถานที่จัดงานแบบอื่นๆ เช่น สโมสร, หอประชุม, บ้าน, หรือสถานที่เอาท์ดอร์ต่างๆ การจัดงานที่โรงแรมอาจจะดูเหมือนใช้งบสูงกว่าในตอนแรก แต่ถ้าลองพิจารณาดีๆ แล้ว การจัดที่โรงแรมก็มีข้อดีที่ทำให้รู้สึกว่า "คุ้มค่า" อยู่หลายอย่างเลยนะ
ข้อแรกเลยคือ ความสะดวกครบวงจร ค่ะ อย่างที่บอกว่าโรงแรมเค้ามีทีมงานและบริการพร้อมเกือบทุกอย่าง ทั้งสถานที่สวยงามพร้อมใช้ (ไม่ต้องมานั่งปรับปรุงเองเยอะ), อาหารและเครื่องดื่มที่ได้มาตรฐาน (ไม่ต้องปวดหัวเรื่อง Caterer), อุปกรณ์ต่างๆ เช่น โต๊ะ เก้าอี้ จาน ชาม ผ้าปูโต๊ะ (ไม่ต้องไปเช่าให้ยุ่งยาก), และทีมงานคอยดูแลตลอดงาน (ช่วยแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี) ลองคิดดูสิว่าถ้าเราไปจัดที่อื่นที่ไม่มีบริการพวกนี้ เราจะต้องเสียเวลาและแรงไปกับการประสานงาน หาผู้ให้บริการแต่ละอย่างเอง ซึ่งบางทีค่าใช้จ่ายจุกจิกพวกนี้รวมๆ กันแล้วก็อาจจะพอๆ กับหรือแพงกว่าจัดที่โรงแรมก็ได้นะ
นอกจากนี้ โรงแรมยังมีเรื่องของ ที่จอดรถ ที่เพียงพอ (ส่วนใหญ่) และ ห้องพักสำหรับแขก ที่เดินทางมาจากต่างจังหวัดหรือต่างประเทศ ซึ่งเป็นความสะดวกที่สำคัญมากๆ ค่ะ แถมบางโรงแรมยังมีห้องสำหรับให้คู่บ่าวสาวเตรียมตัว หรือห้องพักสำหรับคืนวันแต่งงานให้ด้วยนะ
ดังนั้น ถ้ามองในแง่ของ ความสะดวกสบาย ความเป็นมืออาชีพ และบริการที่ครบวงจร การเลือกจัดงานที่โรงแรมถือเป็นตัวเลือกที่ค่อนข้างคุ้มค่าเลยค่ะ แลกมาด้วยงบที่สูงกว่าการจัดเองที่บ้าน แต่ก็ลดความเครียดและความเหนื่อยไปได้เยอะมากๆ เลย
4. แพ็กเกจโรงแรมมีอะไรให้บ้างนะ? (ที่เค้าว่ารวมแล้วเนี่ย)
อันนี้แหละคือจุดที่ว่าที่บ่าวสาวทุกคนต้อง อ่านละเอียดมากๆ เลยจ้า! เพราะแต่ละโรงแรม แต่ละแพ็กเกจ เค้าจะรวมบริการที่แตกต่างกันออกไปเป็น "ไส้ใน" ของแพ็กเกจที่ไม่เหมือนกันเลย สิ่งที่มักจะรวมอยู่ในแพ็กเกจพื้นฐานของโรงแรมส่วนใหญ่ก็จะมีประมาณนี้ค่ะ:
- ค่าเช่าสถานที่จัดงาน: อันนี้คือค่าใช้ห้องบอลรูม หรือห้องจัดเลี้ยงนั่นแหละค่ะ
- ค่าอาหารและเครื่องดื่ม: ส่วนใหญ่จะคิดเป็นหัว หรือเป็นโต๊ะ แล้วแต่ประเภทอาหารที่เราเลือกค่ะ น้ำเปล่า น้ำอัดลม มักจะรวมอยู่ในแพ็กเกจ แต่ถ้าเป็นแอลกอฮอล์อาจจะต้องซื้อเพิ่ม หรือมีแพ็กเกจเครื่องดื่มเฉพาะ
- การตกแต่งพื้นฐาน: เช่น ฉากเวที แบ็คดรอปสำหรับถ่ายรูป (แบบเรียบๆ), ทางเดินเข้างาน, ดอกไม้ประดับบนโต๊ะอาหาร (จำนวนจำกัด), ป้ายชื่อบ่าวสาว (แบบมาตรฐาน)
- ระบบแสงสีเสียงพื้นฐาน: สำหรับเปิดเพลง แสงไฟทั่วไป
- เค้กแต่งงาน (แบบโมเดล): ส่วนใหญ่จะเป็นเค้กปลอม มีส่วนด้านบนให้ตัดจริงเล็กน้อย
- มาลัยบ่าวสาว: สำหรับใช้ในพิธี
- นายพิธี (บางแพ็กเกจ): พิธีกรสำหรับดำเนินงานบนเวที
- ห้องพักสำหรับคู่บ่าวสาว: สำหรับคืนวันแต่งงาน มักจะเป็นห้องสวีท
- ที่จอดรถ: สำหรับแขกที่มาร่วมงาน
- ทีมงานโรงแรม: คอยดูแลและประสานงานในวันงาน
สิ่งที่มักจะไม่รวมอยู่ในแพ็กเกจพื้นฐาน (และต้องเตรียมเงินเพิ่ม) ก็เช่น:
- ดอกไม้ตกแต่งเพิ่มเติม: ซุ้มดอกไม้, ดอกไม้ตามทางเดิน, ดอกไม้บนเวที ที่จัดเต็มแบบอลังการ
- วงดนตรี หรือดีเจ: ถ้าอยากได้การแสดงพิเศษ
- ช่างภาพ/วิดีโอ: สำหรับบันทึกภาพบรรยากาศงาน
- ช่างแต่งหน้า/ทำผม: สำหรับเจ้าบ่าวเจ้าสาว
- ชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาว: ต้องเช่าหรือซื้อเอง
- ของชำร่วย: ต้องจัดหาเอง
- การ์ดเชิญ: ต้องออกแบบและพิมพ์เอง
- การตกแต่งพิเศษอื่นๆ: เช่น โฟโต้บูธ, ลูกโป่ง, ซุ้มอาหารพิเศษ
และที่สำคัญมากๆ คือเรื่อง สัญญาและเงื่อนไข ค่ะ คนไทยเราอาจจะไม่ถนัดอ่านอะไรที่มันยาวๆ เป็นทางการ แต่เรื่องสัญญาจัดงานแต่งกับโรงแรมเนี่ย ต้องอ่านให้ละเอียดที่สุดเท่าที่จะทำได้ เลยนะคะ! เช็คเรื่อง การยกเลิก การเลื่อนวัน การคืนเงิน เงื่อนไขการใช้สถานที่ ข้อจำกัดต่างๆ ให้ชัดเจนก่อนเซ็นสัญญาค่ะ เพราะถ้ามีปัญหาอะไรขึ้นมา สัญญาคือหลักฐานเดียวที่จะช่วยเราได้!
ส่วนเรื่องของแถม หรือโปรโมชั่นพิเศษ อันนี้แล้วแต่ช่วงเวลาและนโยบายของโรงแรมเลยค่ะ บางทีไปดูงาน Wedding Fair อาจจะได้ข้อเสนอที่ดีกว่า เช่น ได้ห้องพักเพิ่ม ได้อัพเกรดอาหาร ได้ส่วนลดพิเศษ หรือได้ของแถมอื่นๆ ลองสอบถามกับเซลล์โรงแรมดูนะคะ
5. มีช่วงไหนน่าจองแพ็กเกจโรงแรมเป็นพิเศษมั้ย?
ถ้าอยากได้ดีลดีๆ หรือโปรโมชั่นโดนๆ เนี่ย การจอง ล่วงหน้านานๆ มักจะได้ราคาที่ดีกว่าค่ะ เพราะโรงแรมเค้าจะได้ล็อคคิวเราไว้ก่อน และบางทีถ้าจองเร็วมากๆ อาจจะได้ราคาแพ็กเกจของปีเก่าที่ยังไม่ได้ปรับขึ้นราคาก็ได้นะ
อีกช่วงเวลาที่น่าจับตาคือ ช่วงงาน Wedding Fair ที่โรงแรมต่างๆ หรือออแกไนเซอร์จัดขึ้นค่ะ ตามงานแฟร์พวกนี้ โรงแรมมักจะขนแพ็กเกจพิเศษ หรือโปรโมชั่นลดราคามานำเสนอเพียบเลย เป็นโอกาสที่ดีในการเดินเปรียบเทียบราคา สอบถามรายละเอียด และอาจจะได้ข้อเสนอที่ถูกใจค่ะ ลองเช็คตารางงาน Wedding Fair ตามศูนย์ประชุมต่างๆ หรือติดตามข่าวสารจากโรงแรมที่สนใจดูนะคะ
นอกจากนี้ ช่วงโลว์ซีซั่น ของการจัดงานแต่ง (ซึ่งมักจะเป็นช่วงหน้าฝน หรือช่วงที่คนนิยมจัดงานน้อย) โรงแรมอาจจะมีโปรโมชั่นพิเศษเพื่อกระตุ้นยอดขายก็ได้ค่ะ ลองสอบถามกับเซลล์โรงแรมดูว่ามีช่วงไหนที่มีโปรโมชั่นดีๆ บ้าง
แต่ถ้าเป็นช่วง ฤกษ์ดี ฤกษ์ยอดนิยม หรือ ช่วงปลายปี ที่คนนิยมจัดงานแต่งกันเยอะๆ เนี่ย ราคาแพ็กเกจอาจจะสูงกว่าปกติ และคิวก็จะเต็มเร็วมากๆ ค่ะ ถ้าจะจัดช่วงนี้ต้องรีบจองล่วงหน้ากันเป็นปีเลยนะ!
ส่วนโปรโมชั่นแบบ 11.11 หรือ 12.12 แบบใน Shopee Lazada เนี่ย สำหรับแพ็กเกจงานแต่งโดยตรงอาจจะไม่ค่อยมีนะคะ แต่บางทีโรงแรมอาจจะมีโปรโมชั่นสำหรับห้องพัก หรือบริการอื่นๆ ที่อาจจะนำมาใช้ประโยชน์กับงานแต่งได้ ลองติดตามข่าวสารของโรงแรมโดยตรงจะดีที่สุดค่ะ
6. คนไทยจัดงานที่โรงแรมแล้วฟีดแบ็กเป็นยังไงบ้าง?
จากประสบการณ์ของหลายๆ คู่ที่จัดงานแต่งที่โรงแรมในไทยเนี่ย ฟีดแบ็กส่วนใหญ่ค่อนข้างไปในทางที่ดีนะคะ จุดที่คนไทยมักจะชื่นชมก็คือ:
- ความสะดวกสบาย: อันนี้คือจุดเด่นเลยจ้า บ่าวสาวและครอบครัวเหนื่อยน้อยลงเยอะ เพราะโรงแรมเค้าจัดการให้เกือบหมด
- ความเป็นมืออาชีพของทีมงาน: โรงแรมที่มีประสบการณ์มักจะมีทีมงานที่เก่ง แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี ทำให้งานราบรื่น
- สถานที่สวยงาม: ห้องจัดเลี้ยงในโรงแรมมักจะตกแต่งสวยงาม มีแชนเดอเลียร์อลังการ ถ่ายรูปออกมาสวยงาม
- อาหารอร่อย ได้มาตรฐาน: โรงแรมมีชื่อเสียงเรื่องอาหารอยู่แล้ว มั่นใจได้ในคุณภาพและรสชาติ
- บริการดีเยี่ยม: แขกเหรื่อที่มาร่วมงานได้รับการดูแลอย่างดี ประทับใจในการบริการ
แต่ก็มีบางจุดที่อาจจะต้องระวัง หรือมีฟีดแบ็กในเชิงที่ต้องพิจารณาเหมือนกันค่ะ เช่น:
- ความยืดหยุ่นน้อย: แพ็กเกจโรงแรมค่อนข้างตายตัว ถ้าอยากปรับเปลี่ยนอะไรนอกเหนือจากแพ็กเกจ อาจจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่ค่อนข้างสูง
- ค่าใช้จ่ายส่วนเพิ่มสูง: อย่างที่บอกไปว่าอะไรที่อยู่นอกเหนือจากแพ็กเกจพื้นฐาน มักจะมีราคาสูงกว่าการไปหาเองข้างนอกพอสมควร
- การแข่งขันสูง: โรงแรมดังๆ คิวเต็มเร็วมากๆ ถ้าไม่ได้จองล่วงหน้าอาจจะอดได้โรงแรมที่ต้องการ
โดยรวมแล้ว ถ้ามองในแง่ของ ความสะดวก ความสบายใจ และการบริการที่เป็นมืออาชีพ การจัดงานที่โรงแรมถือว่าตอบโจทย์คนไทยหลายๆ คู่ได้เป็นอย่างดีค่ะ
7. จะหาข้อมูลและจองแพ็กเกจโรงแรมได้ที่ไหนบ้างนะ?
ช่องทางหลักๆ ในการหาข้อมูลและจองแพ็กเกจงานแต่งที่โรงแรมก็มีหลายทางเลยค่ะ:
- ติดต่อโรงแรมโดยตรง: เข้าไปที่เว็บไซต์ของโรงแรมที่สนใจ หรือโทรสอบถามฝ่ายจัดเลี้ยงของโรงแรมโดยตรงเลยจ้า วิธีนี้จะได้ข้อมูลที่อัปเดตที่สุด และสามารถสอบถามรายละเอียดต่างๆ ได้ครบถ้วน
- เดินดูงาน Wedding Fair: อย่างที่บอกไปว่างานแฟร์เป็นแหล่งรวมโรงแรมและผู้ให้บริการด้านงานแต่งงานมากมาย ไปเดินดูงานเดียวอาจจะได้ข้อมูลและข้อเสนอจากหลายๆ ที่เลยค่ะ
- เว็บไซต์รวบรวมข้อมูลงานแต่งงาน: มีเว็บไซต์ในไทยหลายแห่งที่รวบรวมข้อมูลแพ็กเกจงานแต่งงานของโรงแรมต่างๆ ไว้ให้เปรียบเทียบ เช่น Weddinglist, SabuyWedding ลองเข้าไปดูเป็นไอเดียก่อนก็ได้ค่ะ
- สอบถามจากเพื่อนหรือคนรู้จัก: ลองถามจากเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่เคยจัดงานแต่งที่โรงแรมดูค่ะ เค้าอาจจะมีประสบการณ์ตรง หรือแนะนำเซลล์โรงแรมดีๆ ให้เราได้
ข้อดีของการติดต่อโรงแรมโดยตรงคือเราได้คุยกับผู้ให้บริการโดยตรง รู้ข้อมูลเชิงลึก แต่ข้อเสียคือเราอาจจะต้องไล่ติดต่อทีละโรงแรมเพื่อเปรียบเทียบ ส่วนการไปงานแฟร์ หรือดูจากเว็บไซต์รวบรวมข้อมูล จะช่วยให้เราเปรียบเทียบได้ง่ายขึ้นในเบื้องต้นค่ะ
8. สรุปแล้วควรจัดงานที่โรงแรมดีไหม? เหมาะกับใคร?
มาถึงบทสรุปแล้ว! ถามว่า ควรจัดงานแต่งงานที่โรงแรมไหม? คำตอบคือ ควรพิจารณามากๆ เลยจ้า ถ้าคุณเป็นคู่รักที่:
- ต้องการความสะดวกสบาย ไม่อยากวุ่นวายกับการเตรียมงานเองเยอะ
- อยากได้งานที่มีความเป็นทางการ หรูหรา ได้มาตรฐาน
- มีงบประมาณที่พร้อมจ่าย เพื่อแลกกับบริการที่ครบวงจรและความสบายใจ
- ให้ความสำคัญกับความสะดวกของแขกที่มาร่วมงาน (ที่จอดรถ, ห้องพัก)
- ไม่มีเวลามากนักในการเตรียมงาน
การจัดงานที่โรงแรมคือคำตอบที่ใช่เลยค่ะ มันช่วยลดความเครียด และทำให้คุณมีเวลาไปโฟกัสกับเรื่องสำคัญอื่นๆ ของงานแต่งได้มากขึ้น
ส่วนเรื่อง งบประมาณ ก็อย่างที่บอกว่ามันหลากหลายมากๆ ค่ะ ถ้ามีงบจำกัด อาจจะลองมองหาโรงแรมระดับกลางๆ หรือดูแพ็กเกจที่รวมบริการพื้นฐานที่จำเป็นจริงๆ แล้วค่อยไปหาผู้ให้บริการข้างนอกสำหรับส่วนอื่นๆ ที่อยากได้เพิ่มเติมก็ได้ค่ะ แต่ถ้ามีงบเยอะหน่อย หรืออยากได้ความเป๊ะแบบครบวงจร โรงแรมระดับ 5 ดาวก็ตอบโจทย์ได้ดีเลย
สิ่งสำคัญที่สุดคือ ต้องศึกษาข้อมูล เปรียบเทียบแพ็กเกจ อ่านสัญญาให้ละเอียด และ พูดคุยกับเซลล์โรงแรมให้ชัดเจน เกี่ยวกับความต้องการและงบประมาณของเราค่ะ จะได้ไม่มีปัญหาตามมาทีหลังนะ!
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับว่าที่บ่าวสาวทุกคนที่กำลังเตรียมตัวเข้าสู่ประตูวิวาห์นะคะ ขอให้ได้โรงแรมที่ถูกใจ ได้งานแต่งงานในฝันที่สวยงามและมีความสุขกันทุกคนจ้า! ยินดีด้วยนะคะ!
วิดีโอที่เกี่ยวข้อง
แนะนำสำหรับคุณ
ราคา iPhone 11 ติดโปร AIS อัปเดตล่าสุด ผ่อนได้ไหม?
รวมพิกัด ร้านกระเบื้อง ราคาถูก คุณภาพดี สำหรับรีโนเวทบ้าน
แปรงล้างหน้า Foreo ราคาล่าสุด รุ่นไหนดีที่สุด?
ราคาห้องคาราโอเกะ Good View Village: คุ้มไหม? จองยังไง?
ราคา Mercedes-Benz GLC 200 มือสอง: SUV หรู น่าขับ น่าครอบครอง
ราคาบ้านในขอนแก่น อัปเดตล่าสุด ทำเลไหนน่าลงทุน?