HyperX ลดราคาครั้งใหญ่! หูฟัง คีย์บอร์ดเกมมิ่ง รุ่นไหนน่าโดน

โย่วๆ เหล่าเกมเมอร์และเพื่อนๆ ที่กำลังมองหาอุปกรณ์เทพๆ มาเสริมทัพความมันส์! วันนี้เรามีข่าวดี๊ดีมาบอกต่อกันอีกแล้วจ้า กับโปรโมชั่นลดราคาครั้งใหญ่จากแบรนด์เกมมิ่งเกียร์ตัวตึงอย่าง HyperX! ใครที่เล็งหูฟังเสียงเทพ หรือคีย์บอร์ดกดมันส์ๆ อยู่ บอกเลยว่านาทีทองต้องรีบพุ่งตัวไปดูแล้วนะ! มาดูกันซิว่ามีรุ่นไหนน่าสอย น่าโดนบ้าง เม้าท์มอยกันแบบเข้าใจง่าย สไตล์เป็นกันเองเหมือนนั่งคุยกับเพื่อนซี้!

1. HyperX นี่มันยี่ห้ออะไรมาจากไหน? ทำไมเกมเมอร์เลิฟนักเลงจริง?

ก่อนอื่นเลยสำหรับใครที่ยังไม่รู้จัก HyperX เนี่ย ขอแนะนำตัวคร่าวๆ ก่อนจ้า แบรนด์นี้เค้ามาจากอเมริกาโน่นเลยนะ เป็นส่วนหนึ่งของบริษัทแม่อย่าง Kingston Technology ที่แต่เดิมเค้าดังเรื่องแรมเรื่องเมมโมรี่มาก่อน แต่ HyperX เนี่ยแยกตัวออกมาเจาะตลาดเกมมิ่งโดยเฉพาะ ตั้งแต่ปี 2002 โน่นแน่ะ เค้าเน้นทำอุปกรณ์ที่ตอบโจทย์ชาวเกมเมอร์โดยเฉพาะ ทั้งเรื่องประสิทธิภาพ ความทนทาน และดีไซน์ที่ต้องจี๊ดจ๊าดถูกใจ แรกๆ ก็ทำพวกแรมแรงๆ นั่นแหละ หลังๆ ก็ขยายไลน์มาทำหูฟังเกมมิ่ง คีย์บอร์ด เมาส์ และอื่นๆ อีกเพียบ จนตอนนี้ HyperX กลายเป็นแบรนด์เกมมิ่งเกียร์ที่เกมเมอร์ทั่วโลกให้การยอมรับ ไม่ใช่แค่เกมเมอร์ธรรมดานะ แต่โปรเพลเยอร์ หรือนักแข่งอีสปอร์ตระดับโลกหลายคนก็ใช้ของ HyperX ด้วย เรียกว่าไว้ใจได้ในคุณภาพเลยแหละ

สินค้า HyperX เค้าออกแบบมาให้ใช้ได้กับหลายแพลตฟอร์มนะ ทั้ง PC, PS5, Xbox, Nintendo Switch หรือแม้กระทั่งมือถือบางรุ่นก็ยังไหว กลุ่มเป้าหมายหลักๆ ก็คือเกมเมอร์ทุกระดับ ตั้งแต่สาย Casual เล่นขำๆ ยันสาย Competitive ที่ต้องการความเป๊ะทุกเสี้ยววิ ที่สำคัญคือ เค้าเน้นเรื่อง ความสบายในการสวมใส่ ของหูฟัง และ ความทนทาน ของคีย์บอร์ดมากๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่เกมเมอร์ให้ความสำคัญสุดๆ เวลาต้องนั่งเล่นเกมนานๆ นะจ๊ะ

2. ช่วงราคาในตลาดไทยตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?

มาถึงเรื่องที่ทุกคนตั้งตารอ! ราคา HyperX ในไทยเนี่ย บอกเลยว่ามีหลากหลายรุ่น หลากหลายราคามากๆ จ้า ตั้งแต่รุ่นเริ่มต้นที่เข้าถึงง่าย ไปจนถึงรุ่นท็อปฟอร์มที่จัดเต็มฟังก์ชัน ถ้าเป็นช่วงราคาปกติเนี่ย หูฟัง HyperX รุ่นยอดนิยมอย่าง Cloud Alpha ก็จะอยู่ประมาณ 2,000 - 3,000 บาทต้นๆ ส่วนรุ่น Cloud III หรือ Cloud Alpha Wireless ก็จะราคาสูงขึ้นมาหน่อย อยู่ประมาณ 3,000 - 6,000 บาท แล้วแต่โปรโมชั่น

สำหรับคีย์บอร์ดเกมมิ่งเนี่ย ถ้าเป็น Mechanical Keyboard รุ่น Alloy Origins ก็จะมีหลายแบบ ทั้งไซส์ Full Size หรือ TKL (ไม่มี Numpad) ราคาก็จะเริ่มตั้งแต่ประมาณ 2,000 กว่าบาท ไปจนถึง 4,000 กว่าบาท ขึ้นอยู่กับรุ่น สวิตช์ และฟังก์ชันพิเศษ ส่วนรุ่นใหม่ๆ อย่าง Alloy Rise ก็อาจจะราคาสูงขึ้นไปอีกหน่อย

แหล่งช้อปยอดฮิตในไทยที่เราสามารถเจอ HyperX ได้บ่อยๆ ก็หนีไม่พ้นแพลตฟอร์มออนไลน์ใหญ่อย่าง Lazada กับ Shopee นี่แหละ มีร้าน Official Store ของ HyperX เอง และร้านตัวแทนจำหน่ายเยอะแยะไปหมด นอกจากนี้ตามร้านค้าไอทีชั้นนำในไทยก็มีขายนะ ทั้ง JIB, Banana IT, Advice หรือแม้กระทั่ง Power Buy บางสาขาก็มีเหมือนกัน แต่ตัวเลือกอาจจะไม่เยอะเท่าร้านไอทีเฉพาะทาง ส่วนห้างสรรพสินค้าอย่าง Central หรือ The Mall อาจจะต้องเช็คเป็นจุดๆ ไปว่าร้านโซน IT หรือร้านเกมมีนำเข้ามาขายรุ่นไหนบ้าง

เรื่องส่วนต่างอัตราแลกเปลี่ยนกับราคานานาชาติเนี่ย ส่วนใหญ่สินค้าไอทีในไทยราคาก็จะไม่ได้ต่างจากราคาในต่างประเทศมากนัก อาจจะมีบวกภาษีหรือค่าขนส่งเข้ามาบ้าง แต่ก็ถือว่าสมเหตุสมผลอยู่จ้า

3. เปรียบเทียบราคากับยี่ห้ออื่น คุ้มค่าน่าโดนมั้ย?

ถ้าให้เทียบกับแบรนด์เกมมิ่งเกียร์คู่แข่งในตลาด อย่าง Razer, SteelSeries, Logitech หรือ Corsair เนี่ย HyperX ถือเป็นแบรนด์ที่ทำราคาออกมาได้ค่อนข้างดีเลยนะ โดยเฉพาะในเรื่องของคุณภาพและความทนทานเมื่อเทียบกับราคาที่จ่ายไป อย่างหูฟัง Cloud Series หลายๆ รุ่นเนี่ย ถูกยกให้เป็นหูฟังเกมมิ่งที่คุ้มค่ามากๆ คุณภาพเสียงดี ใส่สบาย แถมยังทนทานในราคาที่ไม่แรงเท่าคู่แข่งบางยี่ห้อ

ส่วนคีย์บอร์ด Alloy Origins ก็เช่นกัน ให้ความรู้สึกในการพิมพ์ที่ดี มีสวิตช์ HyperX ของตัวเองที่คุณภาพไม่แพ้ Cherry MX เลย วัสดุดี แข็งแรง (บางรุ่นเป็นอลูมิเนียมเกรดเดียวกับเครื่องบินเลยนะ!) แต่ราคาเข้าถึงง่ายกว่า Mechanical Keyboard ของแบรนด์ยุโรปบางเจ้าพอสมควรเลยแหละ

สรุปคือ ถ้ามองหาเกมมิ่งเกียร์ที่เน้น ประสิทธิภาพ คุณภาพ และความทนทาน ในราคาที่สมเหตุสมผล ไม่ได้เน้นความหรูหรา ฟังก์ชันหวือหวาจัดเต็มแบบรุ่นท็อปของบางแบรนด์ HyperX ถือเป็นตัวเลือกที่ โคตรคุ้ม เลยจ้า!

4. ซื้อแล้วได้อะไรบ้าง? การรับประกันเป็นไง?

เวลาซื้อ HyperX ในไทยเนี่ย สิ่งที่มักจะได้รับมาด้วยก็ตามมาตรฐานเลยจ้า ตัวสินค้าหลักๆ ก็ หูฟัง หรือ คีย์บอร์ด นั่นแหละ แล้วก็จะมีอุปกรณ์เสริมเล็กๆ น้อยๆ แถมมาให้ด้วย เช่น สายเชื่อมต่อ (บางรุ่นถอดสายได้), ไมโครโฟนแบบถอดได้ (สำหรับหูฟัง), ที่รองข้อมือ (สำหรับคีย์บอร์ดบางรุ่น), หรือ Keycap Puller (สำหรับคีย์บอร์ด Mechanical)

เรื่องสำคัญที่คนไทยให้ความสนใจมากๆ คือ การรับประกัน ใช่ไหมล่ะ! HyperX ในไทยส่วนใหญ่จะมีการรับประกันศูนย์นะ รุ่นยอดนิยมส่วนมากจะรับประกัน 2 ปี อันนี้ถือว่าดีมากๆ เลยนะ เพราะอุปกรณ์เกมมิ่งเนี่ยเราใช้งานหนัก ซื้อที่มีประกันไว้สบายใจกว่าเยอะ ถ้ามีปัญหาก็ส่งเคลมกับศูนย์ในไทยได้เลย ไม่ต้องวุ่นวาย ส่วนรายละเอียดการรับประกัน ลองเช็คกับร้านค้าที่ซื้ออีกทีเพื่อความชัวร์นะจ๊ะ

ส่วนเรื่อง ค่าจัดส่ง ถ้าซื้อออนไลน์ส่วนใหญ่จะมีตัวเลือกให้เลือกนะ บางร้านมีโปรโมชั่นส่งฟรีเมื่อซื้อครบยอด หรือบางทีแพลตฟอร์มเองก็มีโค้ดส่งฟรีให้ใช้ แต่ถ้าไปซื้อหน้าร้านก็ไม่ต้องเสียค่าส่งอยู่แล้วจ้า

ของแถมหรือโปรโมชั่นอื่นๆ เนี่ย ก็แล้วแต่ช่วงแล้วแต่ร้านเลย บางทีอาจจะมีแถมแผ่นรองเมาส์ HyperX, กระเป๋าใส่อุปกรณ์, หรือลดราคาพิเศษเมื่อซื้อพร้อมสินค้าอื่น ก็ต้องหมั่นส่องโปรโมชั่นดีๆ นะ!

5. ช่วงไหนเหมาะแก่การช้อปที่สุด? มีโปรโมชั่นเด็ดๆ มั้ย?

ถ้าอยากได้ HyperX ในราคาดีๆ เนี่ย ช่วง เทศกาลลดราคา นี่แหละคือโอกาสทอง! ไม่ว่าจะเป็นโปรโมชั่นใหญ่ๆ ของแพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง Lazada หรือ Shopee ในช่วงเลขเบิ้ลทั้งหลาย เช่น 9.9, 10.10, 11.11, 12.12 หรือช่วง Pay Day กลางเดือน ปลายเดือน ก็มีโอกาสเจอส่วนลดเยอะมากๆ นอกจากนี้ช่วงเทศกาลสำคัญของไทยอย่าง สงกรานต์ หรือ ปีใหม่ หลายๆ ร้านค้าก็มักจะจัดโปรโมชั่นพิเศษเช่นกัน

ร้านค้าที่เป็น Flagship Store หรือ Official Store ของ HyperX บน Lazada/Shopee เนี่ย เค้ามักจะมีส่วนลด มีโค้ดให้เก็บ หรือมี Flash Sale บ่อยมากๆ นะ ถ้าไม่ได้รีบใช้จนตัวสั่น แนะนำให้ อดใจรอช่วงโปรโมชั่นใหญ่ๆ หน่อยนะจ๊ะ มีโอกาสได้ของในราคาที่ถูกลงกว่าเดิมเยอะเลยแหละ! หรือถ้าเจอโค้ดส่วนลดของแพลตฟอร์มเองที่ใช้กับร้าน HyperX ได้อีก ก็ยิ่งคุ้มเข้าไปใหญ่!

เคล็ดลับอีกอย่างคือ ลองกดติดตามร้านค้า Official Store ไว้เลย เค้ามักจะแจ้งเตือนโปรโมชั่นใหม่ๆ ก่อนใคร จะได้ไม่พลาดดีลเด็ดๆ นะจ๊ะ

6. ผู้ใช้ชาวไทยเค้าว่ายังไงกันบ้าง?

จากที่ส่องๆ ดูรีวิวจากผู้ใช้ HyperX ในไทยตามแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ เนี่ย เสียงตอบรับส่วนใหญ่คือ ดีงามพระรามแปด! เลยแหละ จุดที่ผู้บริโภคไทยชอบมากๆ เลยก็คือ

• ความทนทาน: อันนี้ได้ยินบ่อยมาก! หลายคนบอกว่าใช้ HyperX มาหลายปีแล้วยังไม่พัง ยังใช้งานได้ดีอยู่เลย ซึ่งเป็นสิ่งที่คนไทยให้ความสำคัญมากๆ เพราะอยากได้ของที่ใช้ได้นานๆ คุ้มกับเงินที่จ่ายไป
• คุณภาพเสียง (สำหรับหูฟัง): ผู้ใช้ส่วนใหญ่พอใจกับคุณภาพเสียงนะ บอกว่าฟังเพลงเพราะ เล่นเกมได้ยินเสียงชัด แยกทิศทางได้ดี
• ความสบายในการสวมใส่ (สำหรับหูฟัง): ใส่แล้วไม่บีบหู ไม่เจ็บหัว ใส่นานๆ ได้สบาย อันนี้คือจุดเด่นของ HyperX Cloud Series เลย
• ฟิลลิ่งการกด (สำหรับคีย์บอร์ด Mechanical): ผู้ใช้ชอบฟิลลิ่งการกดสวิตช์ของ HyperX นะ บอกว่ากดสนุก ตอบสนองไว
• ความคุ้มค่า: เมื่อเทียบกับราคาและคุณภาพที่ได้ ผู้ใช้ส่วนใหญ่รู้สึกว่า HyperX เป็นแบรนด์ที่คุ้มค่ามากๆ
• ดีไซน์: หลายคนชอบดีไซน์ที่เรียบง่าย แต่ดูดี ไม่ได้หวือหวาเกินไป

ส่วนเรื่องที่อาจจะมีคอมเมนต์บ้างก็เป็นเรื่องซอฟต์แวร์ NGENUITY ที่บางคนบอกว่ายังไม่เสถียรเท่าที่ควร แต่โดยรวมแล้วถือว่าเสียงตอบรับในไทยดีมากๆ เลยจ้า

7. จะไปหาซื้อได้ที่ไหนบ้างนะ?

แหล่งซื้อ HyperX ในไทยที่น่าเชื่อถือก็มีหลายช่องทางเลยจ้า

• ร้านค้า Official หรือ Flagship Store บน Lazada/Shopee: อันนี้สะดวกสุดๆ มีสินค้าให้เลือกเยอะ มีโปรโมชั่นบ่อยๆ แถมมั่นใจได้ว่าเป็นของแท้แน่นอน มีระบบการจ่ายเงินที่ปลอดภัย และมีนโยบายคืนสินค้าตามแพลตฟอร์ม
• ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายออนไลน์: ร้านค้าไอทีออนไลน์ใหญ่ๆ ในไทยหลายร้านก็เป็นตัวแทนจำหน่าย HyperX นะ เช่น Advice, JIB, Banana IT, Compute And More, Gaming Gears Thailand พวกนี้ก็เชื่อถือได้ มีสินค้าหลากหลาย และมักจะมีโปรโมชั่นของร้านเองด้วย
• ร้านค้าไอทีชั้นนำแบบมีหน้าร้าน: สำหรับคนที่อยากไปลองจับ ลองเทสสินค้าก่อนซื้อ ก็ไปดูได้ตามร้าน JIB, Banana IT, Advice, Power Buy, หรือ IT City ตามสาขาใหญ่ๆ ได้เลย แต่อาจจะต้องเช็คสินค้าล่วงหน้าก่อนไปหน่อยนะ บางทีรุ่นที่เราอยากได้อาจจะไม่มีที่สาขาใกล้บ้าน
• Official Website ของ HP/HyperX Thailand: บางครั้งในเว็บไซต์ทางการของ HP หรือ HyperX ประเทศไทยเองก็มีขายสินค้าและมีโปรโมชั่นพิเศษสำหรับลูกค้าที่ซื้อผ่านเว็บโดยตรงนะ

เลือกช่องทางที่สะดวกและน่าเชื่อถือได้เลยนะจ๊ะ แต่ถ้าเน้นเรื่องโปรโมชั่นเยอะๆ ช้อปออนไลน์ช่วงเทศกาลน่าจะคุ้มสุด!

8. สรุปแล้วน่าซื้อไหม? รุ่นไหนเหมาะกับใคร?

ถ้าถามว่า HyperX น่าซื้อไหมในเวลานี้ บอกเลยว่า น่าซื้อมากๆ โดยเฉพาะถ้ามีโปรโมชั่นลดราคาครั้งใหญ่นะ! เป็นแบรนด์เกมมิ่งเกียร์ที่ให้ ความคุ้มค่า สูงมาก คุณภาพดี ทนทาน และราคาเข้าถึงง่ายกว่าแบรนด์อื่นๆ ในระดับเดียวกันหลายๆ รุ่น เหมาะสำหรับ:

• เกมเมอร์ทุกระดับ: ตั้งแต่คนที่เพิ่งเริ่มเล่นเกมจริงจัง ไปจนถึงเกมเมอร์สายแข่งที่ต้องการอุปกรณ์ประสิทธิภาพดี
• คนที่มองหาความคุ้มค่า: อยากได้อุปกรณ์ดีๆ ในงบประมาณที่ไม่บานปลาย
• คนที่เน้นความทนทานและใช้งานได้นาน: ไม่อยากเปลี่ยนอุปกรณ์บ่อยๆ
• คนที่ให้ความสำคัญกับความสบายในการใช้งานระยะยาว: โดยเฉพาะหูฟังที่ต้องใส่นานๆ

ส่วนจะเลือกรุ่นไหนดีเนี่ย ก็ขึ้นอยู่กับงบและการใช้งานเลยจ้า

• ถ้าเน้นหูฟังแบบมีสาย งบไม่สูงมาก Cloud Alpha หรือ Cloud III คือตัวเลือกยอดฮิต คุ้มค่า เสียงดี ใส่สบาย
• ถ้าอยากได้หูฟังไร้สาย แบตอึดๆ จัดไปที่ Cloud Alpha Wireless เลยจ้า แบตอยู่นานสะใจมาก หรือ Cloud III Wireless รุ่นใหม่ฟังก์ชันครบ
• ถ้าอยากได้คีย์บอร์ด Mechanical แข็งแรงทนทาน ฟิลลิ่งการกดดีๆ มีสวิตช์ให้เลือกตามชอบ Alloy Origins Series มีหลายไซส์ หลายสวิตช์ ตอบโจทย์แน่นอน
• ถ้าอยากลองคีย์บอร์ด Mechanical แต่มีงบจำกัด ลองดูรุ่นเริ่มต้นอย่าง Alloy Core RGB ที่เป็น Membrane แต่ฟิลลิ่งคล้าย Mechanical ในราคาสบายกระเป๋า

ช่วงลดราคาเนี่ย บางทีรุ่นท็อปๆ ก็มีลดเยอะเหมือนกันนะ ถ้าเล็งรุ่นสูงๆ ไว้ ลองดูช่วงนี้อาจจะได้ราคาดีจนน่าตกใจเลยแหละ! ขอให้ทุกคนได้อุปกรณ์ HyperX ที่ถูกใจในราคาโดนๆ นะจ๊ะ แล้วไปสนุกกับการเล่นเกมกันให้เต็มที่เลยยย!

วิดีโอที่เกี่ยวข้อง

• รีวิว logitech g333 เทียบกับ HyperX Cloud earbud ii ตัวไหนน่าใช้ ...
• หูฟังคอเกม FPS นุ่ม เบาสบาย ไมค์ชัดแจ๋ว! | HyperX Cloud III
• รีวิวเทียบรวมหูฟัง Gaming gear Hyper X ทุกรุ่นที่มี ตัวไหนดีตัวไหน ...
• รีวิว HyperX Cloud lll สานต่อตำนานหูฟัง รุ่นใหม่ไฉไลกว่าเดิม
• รีวิว HyperX Cloud JET หูฟังเทพสำหรับเกมแนว FPS