logo

อัปเดตราคาซ่อมจอทีวีทุกอาการ จอแตก จอเป็นเส้น ราคาเท่าไหร่?

user avatar
วีรภัทร มูลทรัพย์·07/18/2025T07:37Z
点赞
อัปเดตราคาซ่อมจอทีวีทุกอาการ จอแตก จอเป็นเส้น ราคาเท่าไหร่?

โทรทัศน์ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งที่ขาดไม่ได้ในชีวิตประจำวันของเรา ไม่ว่าจะเป็นการรับชมข่าวสาร ภาพยนตร์ หรือซีรีส์เรื่องโปรด แต่สิ่งที่เลี่ยงไม่ได้คือปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับหน้าจอ ไม่ว่าจะเป็น จอแตก จอเป็นเส้น หรือภาพไม่ขึ้น ซึ่งมักจะสร้างความกังวลใจให้กับเจ้าของเครื่องว่าควรจะซ่อมดีไหม แล้วราคาซ่อมจะแพงเท่าไหร่ วันนี้เราจะมาเจาะลึกทุกเรื่องเกี่ยวกับการซ่อมจอทีวี เพื่อให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ!

1. บริการซ่อมจอทีวีคืออะไร และทำไมคุณถึงต้องการ?

บริการซ่อมจอทีวี คือการแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับแผงหน้าจอของโทรทัศน์ เพื่อให้กลับมาแสดงผลได้ตามปกติ ปัญหาหน้าจอเป็นสิ่งที่พบได้บ่อยและสร้างความหงุดหงิดให้กับผู้ใช้งานเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นจอแตกจากการกระแทก จอเป็นเส้นแนวตั้งหรือแนวนอนที่บดบังการรับชม หรือแม้แต่จอมืด ภาพไม่ขึ้นแต่ยังมีเสียง ซึ่งบ่งบอกถึงความผิดปกติของระบบแสดงผล การซ่อมจอทีวีจึงเป็นทางเลือกสำคัญสำหรับเจ้าของโทรทัศน์ที่ต้องการยืดอายุการใช้งานเครื่องโปรด แทนที่จะต้องซื้อเครื่องใหม่ทันที ผู้ใช้งานที่เหมาะสมกับบริการนี้คือ ผู้ที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย รักและผูกพันกับโทรทัศน์เครื่องเดิม หรือมีโทรทัศน์ขนาดใหญ่หรือฟังก์ชันพิเศษที่ยังไม่อยากเปลี่ยนใหม่นั่นเอง.

2. ช่วงราคาค่าซ่อมจอทีวีในตลาดไทยเป็นอย่างไร?

ราคาค่าซ่อมจอทีวีในตลาดไทยมีความหลากหลายอย่างมาก โดยขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นขนาดของจอทีวี ยี่ห้อ รุ่น อาการเสีย และประเภทของศูนย์บริการหรือร้านซ่อม สำหรับอาการยอดนิยมอย่างจอเป็นเส้น หากเป็นปัญหาที่เมนบอร์ดหรือหน้าจอโดยตรง ค่าซ่อมอาจอยู่ระหว่าง หลักพันไปจนถึงหลักหมื่นบาท แต่ถ้าเป็นชิ้นส่วนเล็กๆ เช่น ตัวเก็บประจุ อาจอยู่ที่หลักร้อยบาทเท่านั้น

สำหรับค่าแรงบริการจากศูนย์ซ่อมบางแห่ง เช่น Sony มีค่าแรงเริ่มต้นสำหรับทีวี LCD ต่ำกว่า 30 นิ้วที่ 700 บาท และสูงสุดที่ 1,800 บาทสำหรับทีวี 60-80 นิ้วขึ้นไป โดยราคานี้ยังไม่รวมค่าอะไหล่ ในขณะที่ร้านซ่อมอิสระบางแห่งอาจเสนอราคาค่าแรงเริ่มต้นตั้งแต่ 350-600 บาท และมีค่าบริการรับ-ส่งเครื่องเพิ่มเติมขึ้นอยู่กับขนาดของทีวีและพื้นที่ให้บริการ เช่น 500 บาทสำหรับทีวีขนาด 32-58 นิ้วในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล,

ในส่วนของค่าซ่อมจอแตกหรือเปลี่ยนจอภาพ ซึ่งมักจะเป็นส่วนที่แพงที่สุด ราคาอาจแตกต่างกันอย่างมาก บางรายอาจพบว่าค่าซ่อมอยู่ที่ประมาณ 2,800 - 5,000 บาท ซึ่งอาจใกล้เคียงกับการซื้อทีวีเครื่องใหม่เลยทีเดียว, สำหรับทีวีขนาด 49 นิ้ว การเปลี่ยนจอภาพที่ศูนย์บริการอาจมีราคาสูงถึงประมาณ 15,000 บาท อย่างไรก็ตาม ร้านซ่อมนอกศูนย์บางแห่งอาจเสนอราคาอะไหล่หลอด Backlight สำหรับจอ 50 นิ้วที่ 4,000 กว่าบาท ซึ่งถูกกว่าการเปลี่ยนจอทั้งชุด

จากข้อมูลของร้านค้าอะไหล่ในแพลตฟอร์มออนไลน์ ราคาอะไหล่จอทีวี (สำหรับชิ้นส่วนอื่นๆ เช่น หลอด Backlight) ก็มีราคาแตกต่างกันไปตามขนาดและประเภท โดยเริ่มต้นที่หลักร้อยบาทสำหรับอะไหล่ชิ้นเล็กๆ และหลายพันบาทสำหรับชุดหลอดไฟ Backlight, ซึ่งราคานี้ยังไม่รวมค่าแรงช่าง


3. ซ่อมจอทีวี คุ้มค่ากว่าซื้อเครื่องใหม่จริงหรือ?

คำถามยอดฮิตที่หลายคนสงสัยคือ "ควรซ่อมหรือซื้อใหม่ดี?" โดยทั่วไปแล้ว หากค่าซ่อมจอใกล้เคียงหรือเกินกว่าครึ่งหนึ่งของราคาทีวีใหม่ การซ่อมอาจจะไม่คุ้มค่า, ซึ่งเป็นเหตุผลที่หลายคนเลือกซื้อเครื่องใหม่แทน, ปัญหาจอแตกเป็นกรณีที่ค่าใช้จ่ายในการซ่อมมักจะสูงมากจนอาจไม่คุ้มค่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นการเปลี่ยนพาเนลจอใหม่ทั้งชุด,

อย่างไรก็ตาม การซ่อมจะคุ้มค่ากว่าเมื่อ:

  • ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้อยู่ที่ตัวพาเนลจอโดยตรง เช่น ปัญหาจากเมนบอร์ด หรือหลอดไฟ Backlight เสียบางจุด,, ซึ่งค่าซ่อมจะถูกกว่ามาก
  • ทีวีของคุณเป็นรุ่น High-End หรือมีขนาดใหญ่มากๆ ซึ่งมีราคาเครื่องใหม่สูงลิ่ว การซ่อมอาจช่วยประหยัดเงินได้มากกว่า
  • ทีวีเพิ่งหมดประกันไปไม่นาน และยังอยู่ในสภาพดี การซ่อมจะช่วยยืดอายุการใช้งานได้อีกระยะ

ดังนั้น การตัดสินใจควรขึ้นอยู่กับการประเมินราคาค่าซ่อมที่ได้รับเทียบกับราคาทีวีใหม่ในสเปกที่ใกล้เคียงกัน และพิจารณาอายุการใช้งานที่เหลือของทีวีด้วย,

4. สิ่งที่คุณจะได้รับจากบริการซ่อมและสิ่งที่ควรรู้

เมื่อคุณตัดสินใจส่งทีวีเข้ารับการซ่อม สิ่งที่คุณควรคาดหวังและสอบถามจากผู้ให้บริการมีดังนี้:

  • ค่าบริการตรวจเช็ค/ประเมินอาการ: ศูนย์ซ่อมบางแห่งอาจมีค่าบริการตรวจเช็คเบื้องต้น แต่บางแห่งก็อาจเสนอการประเมินราคาฟรีโดยไม่มีค่าเปิดเครื่อง หากลูกค้าไม่ต้องการซ่อม,
  • บริการรับ-ส่งเครื่อง: ผู้ให้บริการหลายรายมีบริการรับ-ส่งทีวีถึงบ้าน โดยมีค่าบริการเพิ่มเติมตามขนาดของทีวีและระยะทาง,
  • การรับประกันงานซ่อม: จุดนี้เป็นสิ่งสำคัญที่คนไทยให้ความสำคัญอย่างมาก ศูนย์บริการและร้านซ่อมส่วนใหญ่มักให้การรับประกันงานซ่อม 3-6 เดือน สำหรับอาการเดิมที่ซ่อมไป โดยจะครอบคลุมค่าอะไหล่และค่าบริการในกรณีที่อาการเดิมกลับมาเป็นซ้ำ,,,
  • อะไหล่ที่ใช้: ควรสอบถามว่าเป็นอะไหล่แท้จากศูนย์บริการ (เบิกศูนย์) หรืออะไหล่เทียบเท่าจากโรงงานผู้ผลิตชิ้นส่วน (OEM) บางศูนย์รับประกันว่าใช้อะไหล่แท้ 100%,
  • บริการอื่นๆ: บางแห่งอาจมีบริการเสริม เช่น การทำความสะอาดภายในเครื่อง หรือการให้คำแนะนำในการดูแลรักษาเบื้องต้น

ข้อควรระวังคือ หากทีวีเสียหายจากการใช้งานผิดวิธี อุบัติเหตุ หรือการซ่อมโดยช่างที่ไม่ได้รับการแต่งตั้งจากแบรนด์ อาจทำให้อยู่นอกเงื่อนไขการรับประกัน และลูกค้าจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด,

5. มีโปรโมชั่นหรือช่วงเวลาที่น่าซ่อมเป็นพิเศษหรือไม่?

โดยทั่วไปแล้ว บริการซ่อมจอทีวีอาจไม่ได้มีโปรโมชั่นลดราคาตามเทศกาลใหญ่ๆ เหมือนกับการซื้อสินค้าใหม่ อย่างไรก็ตาม:

  • โปรโมชั่นจากศูนย์บริการ: แบรนด์ทีวีบางค่ายหรือร้านค้าปลีกอิเล็กทรอนิกส์ขนาดใหญ่อาจมีโปรโมชั่นพิเศษสำหรับการตรวจเช็คหรือค่าแรงซ่อมในช่วงเวลาจำกัด หรือสำหรับลูกค้าสมาชิก
  • โปรโมชั่นจากร้านซ่อมอิสระ: ร้านซ่อมอิสระบางแห่งอาจมีส่วนลดสำหรับลูกค้าใหม่ หรือเสนอราคาพิเศษสำหรับอาการเสียที่พบบ่อย ลองสอบถามกับหลายๆ ร้านเพื่อเปรียบเทียบข้อเสนอ

คำแนะนำคือ หากทีวีมีปัญหา ควรปรึกษาช่างหรือศูนย์บริการทันที เพื่อประเมินอาการและราคา เพราะการปล่อยทิ้งไว้อาจทำให้อาการแย่ลงและค่าซ่อมแพงขึ้นได้ในอนาคต การรอโปรโมชั่นอาจไม่คุ้มค่ากับความไม่สะดวกในการใช้งานที่ต้องอดทนรอ.

6. รีวิวและฟีดแบ็กจากผู้ใช้ในไทย

จากประสบการณ์ของผู้ใช้ในไทยเกี่ยวกับบริการซ่อมจอทีวี พบว่ามีหลากหลายความคิดเห็น:

  • ค่าใช้จ่าย: หลายคนมองว่าค่าซ่อมจอ โดยเฉพาะอาการจอแตกนั้นค่อนข้างสูงมาก บางครั้งรู้สึกว่า "เพิ่มเงินอีกนิดซื้อเครื่องใหม่ได้เลย", ทำให้บางรายตัดสินใจไม่ซ่อมและซื้อใหม่
  • ความคุ้มค่า: ผู้ที่ซ่อมแล้วคุ้มค่ามักจะเป็นกรณีที่ปัญหาไม่ได้อยู่ที่จอภาพโดยตรง เช่น เมนบอร์ดเสีย หรือหลอดไฟ Backlight เสีย ซึ่งค่าซ่อมจะถูกกว่า
  • ความรวดเร็วและบริการ: ผู้ใช้บางรายชื่นชมบริการของช่างจากศูนย์บริการแบรนด์ที่รวดเร็วและให้บริการถึงบ้านพร้อมประเมินราคาซ่อมทันที
  • การรับประกันงานซ่อม: การรับประกัน 3-6 เดือนหลังการซ่อมเป็นสิ่งที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ใช้,,,
  • ปัญหาซ้ำซ้อน: มีบางกรณีที่ซ่อมแล้วอาการเดิมกลับมาเป็นซ้ำ ทำให้ผู้ใช้รู้สึกไม่คุ้มค่ากับการลงทุนซ่อม

โดยรวมแล้ว คนไทยมักจะเน้นที่ความคุ้มค่า และคุณภาพของงานซ่อม หากราคาซ่อมไม่สูงเกินไปและมีรับประกัน ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ.

7. ช่องทางแนะนำในการซ่อมทีวี

เมื่อทีวีของคุณมีปัญหาจอภาพ การเลือกช่องทางซ่อมที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ มีหลายช่องทางให้เลือกพิจารณา:

  • ศูนย์บริการของแบรนด์ (Official Service Center):
    • ข้อดี: ใช้อะไหล่แท้ มีความเชี่ยวชาญเฉพาะรุ่นและยี่ห้อ รับประกันงานซ่อมได้มาตรฐาน มีบริการรับเครื่องถึงบ้านสำหรับทีวีขนาดใหญ่,,,
    • ข้อเสีย: ค่าบริการและค่าอะไหล่มักจะสูงกว่าร้านซ่อมทั่วไป โดยเฉพาะกรณีเปลี่ยนจอ
    • ตัวอย่าง: ศูนย์บริการ Samsung, LG, Sony (มีบริการซ่อมถึงบ้านสำหรับทีวี 32 นิ้วขึ้นไป),
  • ร้านซ่อมทีวีอิสระ/ร้านซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไป:
    • ข้อดี: ค่าบริการมักจะถูกกว่าศูนย์บริการ มีความยืดหยุ่นในการต่อรองราคา บางร้านอาจมีความเชี่ยวชาญในการซ่อมเฉพาะจุดโดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนอะไหล่แพงๆ,
    • ข้อเสีย: คุณภาพอะไหล่และมาตรฐานการซ่อมอาจแตกต่างกันไป ควรเลือกร้านที่มีชื่อเสียงและรีวิวดีๆ
    • ตัวอย่าง: ร้านซ่อมอิสระที่โฆษณาบริการรับซ่อมทีวี LCD LED Plasma ทุกยี่ห้อ,,
  • ร้านค้าปลีกอิเล็กทรอนิกส์ขนาดใหญ่ที่ให้บริการซ่อม:
    • ข้อดี: สะดวกในการนำเครื่องไปส่งซ่อมที่สาขา มีมาตรฐานการบริการในระดับหนึ่ง,
    • ข้อเสีย: ราคาอาจไม่ถูกเท่าร้านซ่อมอิสระ และบางอาการอาจต้องส่งต่อไปยังศูนย์ของแบรนด์อยู่ดี
    • ตัวอย่าง: Power Buy มีบริการตรวจเช็คและซ่อมทีวีถึงบ้าน (ครอบคลุมเฉพาะค่าแรง ไม่รวมค่าอะไหล่)

คำแนะนำคือ ควรเปรียบเทียบราคาและเงื่อนไขการรับประกันจากอย่างน้อย 2-3 แหล่ง ก่อนตัดสินใจ เพื่อให้ได้บริการที่คุ้มค่าและน่าเชื่อถือที่สุด.

8. สรุปความคุ้มค่าและคำแนะนำในการตัดสินใจ

โดยสรุปแล้ว การซ่อมจอทีวีถือเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการประหยัดงบประมาณ และไม่ได้ต้องการเปลี่ยนทีวีเครื่องใหม่บ่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากอาการเสียไม่ได้อยู่ที่ตัวพาเนลจอโดยตรง เช่น จอเป็นเส้นจากบอร์ดเสีย หรือจอมืดจากหลอด Backlight เสีย,, เพราะค่าซ่อมในกรณีเหล่านี้มักจะถูกกว่าการซื้อทีวีใหม่มาก และช่วยยืดอายุการใช้งานเครื่องโปรดของคุณไปได้อีกหลายปี

ใครที่ควรซ่อม:

  • ผู้ที่มีทีวีขนาดใหญ่หรือทีวี High-End ที่มีราคาสูงลิ่ว เพราะค่าเปลี่ยนจอใหม่ทั้งชุดจะแพงมาก การซ่อมจึงอาจเป็นทางเลือกที่คุ้มกว่า
  • ผู้ที่มีงบประมาณจำกัด และไม่ต้องการลงทุนซื้อทีวีใหม่
  • ผู้ที่รักและผูกพันกับทีวีเครื่องเดิม และต้องการใช้งานต่อ

ใครที่ควรซื้อใหม่:

  • ผู้ที่ทีวีมีอาการจอแตกโดยตรง หรือปัญหาที่พาเนลจอไม่สามารถซ่อมได้ และค่าซ่อมใกล้เคียงกับราคาทีวีเครื่องใหม่,,
  • ผู้ที่ทีวีมีอายุการใช้งานมานานหลายปี และคาดว่าจะเกิดปัญหาอื่นๆ ตามมาอีกในไม่ช้า
  • ผู้ที่ต้องการอัปเกรดเทคโนโลยีทีวีให้ทันสมัยขึ้น เช่น จาก Full HD เป็น 4K หรือ Smart TV รุ่นใหม่ๆ,

ไม่ว่าคุณจะตัดสินใจซ่อมหรือซื้อใหม่ สิ่งสำคัญคือการปรึกษาช่างผู้เชี่ยวชาญ และสอบถามราคาประเมินอย่างละเอียด รวมถึงเงื่อนไขการรับประกันงานซ่อม เพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะได้รับสิ่งที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับเงินที่จ่ายไป ขอให้คุณได้ทีวีที่กลับมาใช้งานได้อย่างมีความสุขอีกครั้ง!

วิดีโอที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุดดูเพิ่มเติม

สวัสดีผู้อ่านทุกท่านครับ! สำหรับใครที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนมือสองคุณภาพดีในงบประมาณที่คุ้มค่า วันนี้เราจะมาเจาะลึกถึง Samsung Galaxy A9s หรือที่รู้จักกันในชื่อ Samsung Galaxy A9 (2018) กันครับ โทรศัพท์รุ่นนี้เคยสร้างความฮือฮาในตลาดมาแล้วด้วยฟ
โทรศัพท์ Samsung Galaxy A9s ราคามือสองล่าสุดตอนนี้เท่าไหร่
สวัสดีค่ะทุกคน! วันนี้เราจะมาคุยกันเรื่อง แหวนทอง 2 กรัม กันค่ะ ใครที่กำลังมองหาเครื่องประดับทองคำชิ้นเล็กๆ น่ารักๆ ที่สวมใส่ได้ทุกวัน หรืออยากจะเริ่มต้นเก็บออมทองคำในรูปแบบที่จับต้องได้ ห้ามพลาดเลยนะคะ เพราะแหวนทอง 2 กรัม ถือเป็นตัวเลือกที
แหวนทอง 2 กรัม ราคาเท่าไหร่? อัปเดตราคาล่าสุดและลายยอดนิยม
สวัสดีค่ะทุกคน วันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับเครื่องดนตรีไทยประเภทเครื่องตีที่มีเสน่ห์และเป็นเอกลักษณ์อย่าง "อังกะลุง" กันค่ะ ซึ่งหลายคนอาจจะคุ้นเคยกันดี เพราะเป็นเครื่องดนตรีที่มักใช้ในการเรียนการสอน หรือพบเห็นตามงานแสดงวัฒนธรรมต่างๆ
อังกะลุงราวและอังกะลุงเดี่ยว ราคาเท่าไหร่? ซื้อที่ไหนได้มาตรฐาน

บทความยอดนิยม

บทความที่แนะนำ