Fenty Beauty Primer รีวิว: ไพรเมอร์คุมมัน เบลอรูขุมขน ได้ผลจริงหรือ?

สวัสดีค่าสาวๆ! วันนี้ขอเม้าท์มอยถึงไอเทมเด็ดที่กำลังเป็นที่ร่ำลือในวงการเมคอัพไทยแลนด์ กับ Fenty Beauty Primer หรือชื่อเต็มๆ ที่หลายคนคุ้นหูคือ Pro Filt'r Instant Retouch Primer ที่เขาเคลมหนักมากว่าเป็นไพรเมอร์คุมมัน เบลอรูขุมขนให้ผิวเป๊ะเหมือนรีทัช! แต่คำถามคือ...มันได้ผลจริงดิ? หรือแค่จ้อจี้? วันนี้จะมาเล่าให้ฟังแบบหมดเปลือก สไตล์สาวไทยใจเกินร้อย! ใครกำลังเล็งตัวนี้อยู่ ห้ามพลาด!

1. ภาพรวมผลิตภัณฑ์: Fenty Primer คืออะไรในจักรวาลเมคอัพ?

แบรนด์: Fenty Beauty by Rihanna
รุ่น: Pro Filt'r Instant Retouch Primer
เปิดตัว: เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ไลน์ Pro Filt'r ที่เปิดตัวมาสักพักแล้ว
ช่วงราคา: ไซส์จริง 32ml อยู่ที่ประมาณ 1,600 บาท แต่เห็นมีโปรโมชั่นลดราคาบ่อยๆ เหลือประมาณ 960 บาท ส่วนไซส์มินิ 15ml ก็มีนะ ราคาประมาณ 890 บาท ลดแล้วเหลือ 534 บาท

ตำแหน่งในตลาด: เป็นไพรเมอร์ตัวท็อปของแบรนด์ ที่เน้นเรื่องการเตรียมผิวให้พร้อมก่อนลงรองพื้น เหมาะกับคนที่ต้องการผิวเรียบเนียน คุมมัน และเบลอรูขุมขนเป็นพิเศษ

จุดเด่นแบบสรุปย่อ (ที่เขาเคลมมานะ!):

• คุมความมัน & ลดความเงา: เคลมว่าช่วยให้หน้าไม่เยิ้มระหว่างวัน
• เบลอรูขุมขน: อำพรางรูขุมขนกว้าง ให้ผิวดูเนียนกริบเหมือนใส่ฟิลเตอร์
• ทำให้รองพื้นติดทน: ช่วยให้เครื่องสำอางบนหน้าเกาะแน่น ไม่ไหล ไม่เป็นคราบ
• เนื้อบางเบา สบายผิว: ไม่รู้สึกหนักหน้า ไม่อุดตัน
• เข้าได้กับทุกสีผิว: ไม่ทิ้งคราบสีชมพูหรือสีขาว

2. ดีไซน์ & รูปลักษณ์ภายนอก: เรียบหรู ดูแพง สไตล์แม่ Riri

แพ็คเกจของ Fenty Beauty เขาเน้นความเรียบหรู มินิมอล ขวดไพรเมอร์มาในขวดแก้วฝ้าๆ ทรงสวยงาม มีหัวปั๊มใช้งานง่าย ควบคุมปริมาณผลิตภัณฑ์ได้ดี ขนาด 32ml ก็กำลังดี ไม่ใหญ่เทอะทะ พกใส่กระเป๋าเครื่องสำอางได้อยู่ แต่ถ้าจะพกไปเติมระหว่างวันจริงๆ ไซส์มินิ 15ml น่าจะสะดวกกว่า

ส่วนใหญ่วางไว้บนโต๊ะเครื่องแป้งก็ดูดี ไม่เกะกะตา วัสดุขวดดูแข็งแรง ไม่ก๊องแก๊ง สมราคา อุปกรณ์ในกล่องก็มีแค่ตัวไพรเมอร์นี่แหละจ้า ไม่มีอะไรซับซ้อน

3. ประสบการณ์ในการใช้งานฟังก์ชันหลัก: คุมมัน เบลอรูขุมขน ได้แค่ไหนกันเชียว?

มาถึงหัวข้อที่ทุกคนรอคอย! ทดสอบจริงกับอากาศเมืองไทยที่ร้อนยิ่งกว่าซ้อมตกนรก!

เนื้อสัมผัส: เนื้อไพรเมอร์เป็นแบบลิควิด (Liquid) สีออกชมพูอ่อนๆ แต่พอเกลี่ยแล้วจะกลืนไปกับผิว ไม่ทิ้งสี เนื้อบางเบามากกกก เกลี่ยง่ายสุดๆ ทาแล้วรู้สึกได้เลยว่าผิวดูเรียบลื่นขึ้นทันที

ทดสอบเบลอรูขุมขน: อันนี้ต้องยอม! คือทาปุ๊บ ผิวตรงที่มีรูขุมขนกว้างๆ ดูเบลอขึ้นจริงๆ ฟีลเหมือนใส่ฟิลเตอร์เบาๆ ให้ผิวเลย ไม่ได้หายไปเลยนะ แต่ดูตื้นขึ้น เนียนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ลงรองพื้นได้ง่ายขึ้นเยอะ

ทดสอบคุมมัน: จุดนี้แหละที่หลายคนคาใจ จากที่ลองใช้ในชีวิตประจำวัน (ช่วงบ่ายที่แดดเปรี้ยงๆ หรือตอนไปเดินตลาดนัดช่วงเย็นๆ) คือมันช่วยชะลอความมันได้ในระดับหนึ่งนะ โดยเฉพาะช่วง T-zone ที่ปกติจะเยิ้มเป็นพิเศษ แต่ไม่ได้ทำให้แมตต์สนิท 100% ตลอดวันขนาดนั้น ถ้าผิวมันมากๆ อาจจะต้องซับหน้าระหว่างวันบ้าง แต่โดยรวมถือว่าทำได้ดีกว่าไม่ทาเลยเยอะ!

การใช้คู่กับรองพื้น: เขาเคลมว่าใช้คู่กับรองพื้น Pro Filt'r ของเขาจะยิ่งปัง ซึ่งก็จริง! มันช่วยให้รองพื้นเกลี่ยง่ายขึ้น ไม่เป็นคราบ และติดทนขึ้นจริงๆ รองพื้นดูเนียนไปกับผิว ไม่ดูหนาโบ๊ะ

4. ประสบการณ์การใช้งาน & ความง่ายในการใช้: มือใหม่หัดแต่งก็ใช้ได้

ใช้ง่ายมากกกก ไม่มีอะไรซับซ้อนเลยจ้า แค่บีบออกมา 1 ปั๊ม (หรือตามความเหมาะสม) แล้วทาลงบนผิวหน้าหลังลงสกินแคร์ แต่ก่อนลงรองพื้น เน้นบริเวณที่รูขุมขนกว้างหรือบริเวณที่ผิวมันง่าย เช่น ทีโซน

เนื้อไพรเมอร์เกลี่ยง่าย ไม่ต้องรีบเกลี่ยเท่าพวกไพรเมอร์ซิลิโคนบางตัว รอให้เซ็ตตัวนิดหน่อยก็ลงรองพื้นต่อได้เลย ไม่ต้องเรียนรู้อะไรเยอะ มือใหม่เพิ่งหัดแต่งหน้าก็ใช้ได้สบายๆ

เนื้อสัมผัสบางเบา สบายผิวจริงตามที่เขาว่า ไม่รู้สึกหนักหน้า ไม่เหนียวเหนอะหนะ กลิ่นหอมอ่อนๆ แทบไม่ได้กลิ่นเลย

5. แบตเตอรี่ / พลังงาน / ความคุ้มค่าในระยะยาว: ใช้ได้นานอยู่นะ

สำหรับไพรเมอร์ ไม่ได้มีเรื่องแบตเตอรี่พลังงานนะจ๊ะ (อันนั้นมันของ Gadget!) แต่ถ้าพูดถึงความคุ้มค่าในระยะยาว ขวดนึงใช้ได้นานแค่ไหน? ด้วยความที่ใช้แค่ครั้งละ 1-2 ปั๊ม ถ้าแต่งหน้าทุกวัน ขวดไซส์จริง 32ml ก็น่าจะใช้ได้ประมาณ 4-6 เดือน (แล้วแต่ปริมาณที่ใช้นะ) ถือว่าค่อนข้างคุ้ม

เมื่อเทียบกับราคาและคุณภาพที่ได้ ทั้งเรื่องเบลอรูขุมขนและช่วยให้รองพื้นติดทน ถือว่าคุ้มค่ากับการลงทุน ยิ่งถ้าซื้อช่วงโปรโมชั่นราคาดีๆ ก็ยิ่งน่าสอย

6. สรุปข้อดีข้อเสีย: มีทั้งรักทั้งเซ็ง!

ข้อดีที่คนไทยต้องเลิฟ:

• เบลอรูขุมขนได้จริง! อันนี้คือจุดเด่นเลย ผิวดูเนียนขึ้นทันตา
• ช่วยให้รองพื้นติดทนขึ้น: แต่งหน้าเช้า อยู่ได้ถึงเย็น (ถ้าไม่ได้ไปผจญภัยกลางแดดเปรี้ยงๆ นะ)
• เนื้อบางเบา สบายผิว: ไม่เหนอะหนะ ไม่หนักหน้า เหมาะกับอากาศร้อนๆ บ้านเรา
• เกลี่ยง่าย ใช้ไม่ยาก: มือใหม่ก็ใช้ได้
• แพ็คเกจสวยงาม: ตั้งไว้บนโต๊ะเครื่องแป้งแล้วดูดี

ข้อเสียที่อาจทำให้คิดหนัก:

• คุมมันได้ระดับหนึ่ง: ไม่ได้แมตต์เป๊ะตลอดวัน ถ้าผิวมันมากๆ อาจต้องซับหน้าระหว่างวัน
• ราคาสูงถ้าซื้อเต็มราคา: ถ้าไม่มีโปรโมชั่น อาจจะต้องกำเงินแน่นหน่อย
• ไม่มีคุณสมบัติอื่นๆ เพิ่มเติม: เช่น ไม่ได้ช่วยปรับสีผิว หรือมีสารบำรุงอะไรเป็นพิเศษ (เน้นเรื่องคุมมัน เบลอรูขุมขนอย่างเดียว)

7. เหมาะกับใคร & คำแนะนำในการซื้อ: ใครควรรีบสอย ใครควรรอก่อน?

เหมาะกับใคร:

• คนที่มีปัญหารูขุมขนกว้าง และอยากให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น
• คนที่ผิวมันถึงผิวผสม และอยากได้ไพรเมอร์ที่ช่วยคุมมันได้บ้าง
• คนที่อยากให้รองพื้นติดทน ไม่เป็นคราบระหว่างวัน
• คนที่ชอบไพรเมอร์เนื้อบางเบา ไม่หนักหน้า

สถานการณ์แนะนำให้ซื้อ:

• ช่วงที่ต้องแต่งหน้าไปงานสำคัญๆ หรือไปเที่ยวที่ต้องเจออากาศร้อนๆ แล้วอยากให้หน้าเป๊ะนานๆ
• ถ้ากำลังมองหาไพรเมอร์ที่เน้นเรื่องเบลอรูขุมขนเป็นหลัก

ควรซื้อเลยไหม? หรือรอช่วงโปรโมชั่นจะดีกว่า?

ถ้าไม่ได้รีบมาก และอยากได้ราคาดีๆ แนะนำให้รอช่วงโปรโมชั่น! Fenty Beauty ใน Sephora ชอบจัดโปรลดราคาบ่อยๆ ซื้อช่วงนั้นคือคุ้มสุดๆ ไปเลยจ้า

8. เปรียบเทียบกับสินค้าคล้ายๆ กัน (อันนี้แถมให้!):

ในตลาดก็มีไพรเมอร์คุมมันเบลอรูขุมขนอีกหลายตัว เช่น Hourglass Veil Mineral Primer, Benefit The POREfessional หรือ Maybelline Fit Me Matte + Poreless Primer

• ถ้าเน้นเบลอรูขุมขนแบบกริบๆ: Fenty Beauty ทำได้ดีในจุดนี้
• ถ้าเน้นคุมมันขั้นสุด: บางตัวอาจจะคุมมันได้ดีกว่านิดหน่อย แต่เนื้ออาจจะหนักกว่าหรือทำให้ผิวดูแมตต์เกินไป
• ถ้าเน้นราคาเป็นมิตร: ตัวเลือกจาก Drugstore ก็มีเยอะ แต่ประสิทธิภาพอาจจะไม่เท่าตัวแพงๆ

ถ้าเทียบกับรุ่น Hydrating Primer ของ Fenty Beauty เอง ตัว Pro Filt'r Instant Retouch Primer จะเน้นคุมมันและแมตต์กว่า เหมาะกับคนผิวมันมากกว่า ส่วน Hydrating จะเน้นให้ความชุ่มชื้น เหมาะกับผิวแห้งถึงผิวธรรมดา

9. บริการหลังการขายและช่องทางการซื้อ: ซื้อที่ไหน มั่นใจของแท้!

Fenty Beauty มีจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยที่ Sephora ทั้งออนไลน์และหน้าร้าน ซื้อจาก Sephora มั่นใจได้ว่าเป็นของแท้แน่นอน

ช่องทางซื้อออนไลน์:

• เว็บไซต์ Sephora Thailand
• แอปพลิเคชัน Sephora

ที่ Sephora เขามีระบบการรับประกันสินค้า (ตามเงื่อนไข) และการคืนสินค้าเปลี่ยนสินค้าด้วย ส่วนใหญ่จัดส่งไว มีโปรโมชั่นร่วมกับบัตรเครดิต หรือผ่อนชำระได้ แถมบางทีมีโค้ดส่วนลด หรือได้ของแถมตอนซื้อด้วยนะ!

ส่วนช่องทางอื่นๆ อย่าง Lazada หรือ Shopee ก็มีร้านค้าที่เป็น Official Store หรือร้านที่น่าเชื่อถืออยู่บ้าง ต้องเช็คดีๆ ก่อนสั่งซื้อนะจ๊ะ

10. บทสรุปและคำแนะนำในการซื้อ: สรุปแล้ว...สอยดีไหม?

จากที่ลองใช้และได้ข้อมูลมา สรุปว่า Fenty Beauty Pro Filt'r Instant Retouch Primer เป็นไพรเมอร์ที่ น่าสนใจมาก! โดยเฉพาะถ้าคุณมีปัญหารูขุมขนกว้างและอยากให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น ตัวนี้ทำได้ดีจริง ส่วนเรื่องคุมมัน ก็ช่วยได้ในระดับหนึ่ง เหมาะกับอากาศร้อนๆ บ้านเรา เนื้อสัมผัสดี บางเบา สบายผิว และช่วยให้รองพื้นติดทนขึ้นด้วย

คำแนะนำ:

• ถ้าเป็นคนผิวมันถึงผิวผสม และเน้นเรื่องเบลอรูขุมขนกับให้รองพื้นติดทน ตัวนี้คือตอบโจทย์ แนะนำให้ลอง!
• ถ้าผิวมันมากขั้นสุด อาจจะต้องยอมรับว่ามันไม่ได้คุมมันให้แมตต์กริบตลอดวัน 100% แต่อย่างน้อยก็ช่วยยืดระยะเวลาหน้ามันออกไปได้
• ถ้างบจำกัด หรือไม่ได้มีปัญหารูขุมขนกว้างมาก อาจจะลองมองหาตัวเลือกอื่นๆ ที่ราคาเป็นมิตรลงมาหน่อย
• ถ้าอยากได้ความคุ้มค่าสูงสุด รอซื้อช่วงโปรโมชั่นที่ Sephora เถอะค่ะ! ได้ของแท้ราคาดีแน่นอน

โดยรวมแล้ว Fenty Beauty Pro Filt'r Instant Retouch Primer ถือเป็นไพรเมอร์คุณภาพดีตัวนึง ที่ทำตามคำเคลมเรื่องเบลอรูขุมขนและช่วยให้รองพื้นติดทนได้ค่อนข้างดีเลยค่ะ ใครที่กำลังมองหาไพรเมอร์สายนี้ ควรค่าแก่การไปตำ!

หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจนะคะ ใครเคยใช้แล้วเป็นยังไง มาเม้นท์บอกกันบ้างน้าาา!

วิดีโอที่เกี่ยวข้อง

• รีวิวไพร์เมอร์ in2it ไม่อุดตันจริงหรือ?
• รีวิวไพร์เมอร์ คุมมัน เบลอรูขุมขน
• รีวิวไพรเมอร์แบรนด์ไทย คุมมันและพรางรูขุมขน
• รีวิว Primer คุมมัน เบลอรูขุมขน
• รีวิวไพรเมอร์อินน์บิวตี้เบลอรูขุมขน