Fenty Beauty Primer รีวิว: ไพรเมอร์คุมมัน เบลอรูขุมขน ได้ผลจริงหรือ?

สวัสดีค่าทุกคน! วันนี้จะมารีวิวไอเท็มเด็ดที่สาวๆ ผิวมัน รูขุมขนกว้างแบบเราๆ ต้องตาลุกวาว นั่นก็คือ ไพรเมอร์ Fenty Beauty Pro Filt'r Instant Retouch Primer นั่นเอง! บอกเลยว่าชีวิตในเมืองไทยที่อากาศร้อนตับแตก หน้าเยิ้มเหมือนโดนสาปเนี่ย การหาไพรเมอร์ดีๆ สักตัวมายืนหนึ่งเรื่องคุมมัน เบลอรูขุมขนให้ผิวดูเนียนกริบก่อนลงรองพื้นมันคือภารกิจที่ยิ่งใหญ่มาก!

หลายคนคงเคยได้ยินกิตติศัพท์ความปังของแบรนด์แม่ริริ (Rihanna) อย่าง Fenty Beauty กันมาบ้างแล้วเนอะ ที่เขาดังเรื่องทำเฉดสีรองพื้นออกมาเยอะสะใจคนทุกสีผิวสุดๆ แต่ที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือไลน์งานผิวอื่นๆ ซึ่งรวมถึงไพรเมอร์ตัวนี้ ที่เคลมมาแรงว่าช่วยให้หน้าแมตต์ เบลอรูขุมขน แถมเมคอัพติดทนทั้งวัน

คำถามคือ...มันจึ้งจริงมั้ย? คุ้มค่าตัวกับเงินในกระเป๋าที่ต้องเสียไปหรือเปล่า? ใช้แล้วจะรอดหรือจะร่วงในสภาพอากาศแบบบ้านเรา? วันนี้จะมาแกะกล่อง ลองใช้ให้ดูแบบหมดเปลือก พร้อมแชร์ประสบการณ์จริงในสไตล์บ้านๆ เข้าถึงง่าย ไม่มีอวยแน่นอนจ้า ตามมาดูกันเล้ย!

1. ภาพรวมผลิตภัณฑ์: ทำความรู้จัก Fenty Primer ตัวดัง

เอาล่ะ ก่อนจะไปเจาะลึก เรามาดูข้อมูลเบื้องต้นของน้องไพรเมอร์ตัวนี้กันก่อนค่ะ

แบรนด์: Fenty Beauty by Rihanna
ชื่อรุ่น: Pro Filt'r Instant Retouch Primer (มีรุ่น Mattifying Primer ด้วยนะ แต่ตัวที่จะรีวิวคือตัว Instant Retouch Primer ที่ออกมาก่อนและก็ช่วยเรื่องคุมมันเบลอรูขุมขนเหมือนกัน)
ประเภท: ไพรเมอร์สำหรับเตรียมผิวก่อนแต่งหน้า
ช่วงราคา: ประมาณ 900 - 1,600 บาท ขึ้นอยู่กับขนาด (มี 15ml และ 32ml) และโปรโมชั่น

ตำแหน่งในตลาด: จัดอยู่ในกลุ่มเครื่องสำอาง High-End เหมาะกับคนที่มองหาไพรเมอร์ที่ช่วยเรื่องคุมมันและเบลอรูขุมขนโดยเฉพาะ และต้องการให้เมคอัพติดทนยาวนาน

จุดเด่นหลักที่เค้าเคลมไว้:

• ช่วยคุมความมันบนใบหน้า
• เบลอรูขุมขนให้ดูตื้นขึ้น ผิวดูเรียบเนียน
• ช่วยให้รองพื้นเกลี่ยง่ายและติดทนยาวนานขึ้น
• เนื้อบางเบา ไม่เหนอะหนะ
• เหมาะกับทุกสีผิว

2. ดีไซน์ & รูปลักษณ์ภายนอก: ขวดสวย พกพาง่าย?

แพ็คเกจของ Fenty Beauty นี่ต้องยอมรับว่าเขาทำออกมาได้ดูดี มินิมอล แต่ก็มีดีเทล ขวดไพรเมอร์เป็นขวดแก้วทรงสวย ขนาดกำลังดีเลยค่ะ มีหัวปั๊มที่ใช้งานง่าย ควบคุมปริมาณได้ดี ตัวขวดดูแข็งแรง แต่ข้อเสียของขวดแก้วก็คือ...ตกแตกได้นะแม่! ใครซุ่มซ่ามต้องระวังหน่อย

ขนาด 32ml อาจจะไม่ได้เล็กจิ๋วสำหรับใส่กระเป๋าเครื่องสำอางใบเล็กๆ ไปเติมระหว่างวันเท่าไหร่ แต่ขนาด 15ml ที่ออกมาทีหลังคือตอบโจทย์สายเดินทาง หรืออยากลองใช้ก่อนซื้อไซส์ใหญ่

ส่วนสีของเนื้อไพรเมอร์ในขวดจะออกสีชมพูอ่อนๆ ดูน่ารัก แต่พอทาแล้วก็โปร่งใสกลืนไปกับผิว ไม่ต้องกลัวหน้าวอกหน้าลอยเลยค่ะ

อุปกรณ์ในกล่องก็ไม่มีอะไรซับซ้อน มีแค่ตัวไพรเมอร์นี่แหละจ้า

3. ประสบการณ์ในการใช้งานฟังก์ชันหลัก: คุมมัน เบลอรูขุมขน ได้จริงดิ?

มาถึงการทดสอบของจริง! หัวใจหลักของไพรเมอร์ตัวนี้คือการคุมมันและเบลอรูขุมขน ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของคนไทยในสภาพอากาศร้อนชื้นแบบบ้านเรา

เนื้อสัมผัส: เนื้อไพรเมอร์เป็นเจลกึ่งครีมที่บางเบามากๆ ตอนบีบออกมาจะรู้สึกถึงความลื่นๆ เกลี่ยง่าย ไม่เป็นซิลิโคนจ๋าแบบที่ทาแล้วรู้สึกเหมือนมีอะไรมาเคลือบหนาๆ พอเกลี่ยบนผิวแล้วจะรู้สึกได้ทันทีว่าผิวดูเนียนลื่นขึ้นแบบ Velvet Matte

การเบลอรูขุมขน: หลังจากทาแล้ว สังเกตได้เลยว่ารูขุมขนที่เคยมองเห็นชัดๆ ดูตื้นขึ้น เบลอขึ้นแบบ Soft Focus Effect ไม่ได้หายไปเลยแบบเสกได้นะ แต่มันดูดีขึ้นมากจริงๆ เสมือนใส่ฟิลเตอร์ให้ผิวก่อนลงรองพื้น อันนี้คือปลื้ม!

การคุมความมัน: เอาล่ะ เรื่องสำคัญที่สุด! ทดลองใช้ในวันที่อากาศร้อนอบอ้าว ออกไปข้างนอกเจอแดด เจอเหงื่อ (ฟีลสงกรานต์เบาๆ) พบว่าน้องทำหน้าที่คุมมันได้ดีในระดับหนึ่งเลยค่ะ หน้าไม่ได้แมตต์กริบแบบกระดาษซับมันเป๊ะทั้งวันนะ แต่ความมันจะมาแบบช้าลงกว่าปกติมาก โดยเฉพาะช่วง T-zone ที่ปกติจะเยิ้มสุดๆ ก็คือเอาอยู่ได้นานขึ้น แต่ถ้าต้องเจออากาศร้อนจัดๆ ทั้งวัน อาจจะต้องมีซับมันบ้างช่วงบ่ายคล้อย แต่โดยรวมคือถือว่าทำได้ดีสำหรับไพรเมอร์เนื้อบางเบาแบบนี้

การทำให้รองพื้นติดทน: อันนี้ต้องยกให้! หลังจากลงไพรเมอร์ตัวนี้แล้วตามด้วยรองพื้น รู้สึกได้ว่ารองพื้นเกลี่ยง่ายขึ้นจริงๆ ไม่เป็นคราบ ไม่เป็นปื้น และที่สำคัญคือรองพื้นติดทนขึ้นมากๆ เมคอัพโดยรวมดูสวยเป๊ะ อยู่ทนทั้งวัน โดยเฉพาะเวลาใช้คู่กับรองพื้นสูตรแมตต์ของ Fenty เองคือปังไม่ไหว

4. ประสบการณ์การใช้งาน & ความง่ายในการใช้: มือใหม่หัดแต่งก็ใช้ได้!

เรื่องความง่ายในการใช้งาน บอกเลยว่าให้ 10 เต็ม 10!

ใช้ง่ายมั้ย? ง่ายมากค่ะ! บีบออกมา 1-2 ปั๊ม (ตามขนาดพื้นที่ที่ต้องการลง) วอร์มที่ปลายนิ้วเล็กน้อย แล้วค่อยๆ ทาเกลี่ยให้ทั่วใบหน้า หรือเน้นเฉพาะจุดที่ต้องการคุมมันหรือเบลอรูขุมขน (เช่น T-zone, หน้าแก้ม) เนื้อไพรเมอร์ลื่น เกลี่ยง่ายมากๆ ใช้เวลาไม่นานก็ซึมเข้าผิว พร้อมลงขั้นตอนต่อไปได้เลย

ต้องเรียนรู้อะไรเยอะมั้ย? ไม่ต้องเรียนรู้อะไรเลยค่ะ! ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หัดแต่งหน้า หรือสายโปร ก็ใช้ได้สบายๆ ไม่มีเทคนิคซับซ้อน

ระบบซอฟต์แวร์ลื่นมั้ย? อันนี้ใช้กับผิวหน้าค่ะ ไม่มีซอฟต์แวร์ให้พูดถึง (ฮ่าๆ)

มีกลิ่นมั้ย? มีกลิ่นหอมอ่อนๆ สไตล์ Fenty ไม่ฉุน ไม่เคมีจ๋า ไม่รบกวนใจ และกลิ่นก็จางไปหลังทาค่ะ

ใช้แล้วสบายผิว? สบายผิวมากๆ ค่ะ เนื้อบางเบา ไม่หนักหน้า ไม่รู้สึกเหมือนมีอะไรมาอุดตัน ใช้แล้วผิวดูเรียบเนียน แต่ไม่รู้สึกแห้งตึง ไม่ทำให้รองพื้นเป็นคราบหรือเป็นขุย

อุดตันหรือเปล่า? ส่วนตัวใช้แล้วไม่พบปัญหาการอุดตัน หรือทำให้เกิดสิวเพิ่มนะคะ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการทำความสะอาดผิวของแต่ละบุคคลด้วย

5. แบตเตอรี่ / พลังงาน / ความคุ้มค่าในระยะยาว: หมดไวไหม? ใช้ได้นานแค่ไหน?

มาถึงเรื่องความคุ้มค่าในระยะยาว ซึ่งสำหรับไพรเมอร์ก็คือ ปริมาณที่ใช้ต่อครั้ง และระยะเวลาที่ใช้ได้ทั้งขวด

ระยะเวลาการใช้งานต่อการใช้ 1 ครั้ง: ใช้แค่ 1-2 ปั๊ม ก็ทั่วหน้า หรือเน้นเฉพาะจุดที่ต้องการได้แล้ว ซึ่งถือว่าใช้ปริมาณน้อยมากๆ ต่อครั้ง

หนึ่งขวดใช้ได้นานแค่ไหน? ด้วยความที่ใช้ปริมาณน้อยในแต่ละครั้ง ไพรเมอร์หนึ่งขวด (32ml) ก็สามารถใช้ได้นานหลายเดือนเลยค่ะ คุ้มค่ากับราคาอยู่นะ

ค่าใช้จ่ายระยะยาว: ไม่มีค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนอะไหล่เหมือนเครื่องใช้ไฟฟ้าค่ะ หมดแล้วก็ซื้อใหม่อย่างเดียว

วิเคราะห์ความคุ้มค่า: แม้ราคาจะค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับไพรเมอร์แบรนด์ drugstore ทั่วไป แต่ด้วยประสิทธิภาพที่ช่วยคุมมัน เบลอรูขุมขน และทำให้เมคอัพติดทนได้ดีในสภาพอากาศร้อนๆ แบบบ้านเรา ถือว่า คุ้มค่ากับการลงทุน ค่ะ โดยเฉพาะถ้าคุณเป็นคนผิวมันหรือผิวผสมที่มีปัญหาเมคอัพเยิ้มระหว่างวันบ่อยๆ

6. สรุปข้อดีข้อเสีย

เพื่อให้ตัดสินใจง่ายขึ้น มาสรุปข้อดีข้อเสียแบบชัดๆ ไปเลยค่ะ

ข้อดี:

• คุมความมันได้ดี ช่วยให้หน้ามันช้าลงในสภาพอากาศร้อน
• เบลอรูขุมขนได้จริง ทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
• ช่วยให้รองพื้นเกลี่ยง่ายและติดทนมากๆ
• เนื้อบางเบา สบายผิว ไม่หนักหน้า ไม่อุดตัน
• ใช้ได้กับทุกสีผิว
• แพ็คเกจสวยงาม ดูดี

ข้อเสีย:

• ราคาสูง เมื่อเทียบกับไพรเมอร์ทั่วไปในท้องตลาด
• ขวดเป็นแก้ว อาจแตกได้ ถ้าทำตก
• สำหรับคนผิวมันมากๆ อาจจะต้องมีซับมันช่วงบ่ายบ้างในวันที่อากาศร้อนจัด
• สำหรับคนผิวแห้ง อาจจะไม่ใช่ไพรเมอร์ที่ตอบโจทย์เรื่องความชุ่มชื้นเท่าไหร่นัก

7. เหมาะกับใคร & คำแนะนำในการซื้อ: ควรมีไว้ในกรุไหม?

จากที่ลองใช้มาทั้งหมด ไพรเมอร์ Fenty Beauty Pro Filt'r Instant Retouch Primer เหมาะมากๆ กับ:

• คนผิวมันและผิวผสม ที่มีปัญหาหน้าเยิ้มระหว่างวัน
• คนที่ต้องการ เบลอรูขุมขน ให้ผิวดูเรียบเนียนก่อนลงรองพื้น
• คนที่อยากให้ เมคอัพติดทนยาวนาน โดยเฉพาะในสภาพอากาศร้อนชื้นแบบไทย
• คนที่กำลังมองหาไพรเมอร์เนื้อบางเบา ไม่หนักหน้า

เหมาะกับการใช้งาน: ในชีวิตประจำวัน, ออกงานที่ต้องการความเป๊ะนานๆ, หรือวันที่ต้องเผชิญอากาศร้อน เหงื่อเยอะ

ควรซื้อเลยไหม? ถ้าคุณมีปัญหาตามด้านบน และงบประมาณถึง แนะนำให้ลองค่ะ! โดยเฉพาะช่วงที่มีโปรโมชั่นลดราคา หรือมีขนาดเล็ก (15ml) ให้ลองซื้อมาใช้ก่อนตัดสินใจซื้อไซส์ใหญ่

8. เปรียบเทียบกับสินค้าคล้ายๆ กัน (อันนี้แถมให้!)

ถ้าเทียบกับไพรเมอร์ที่เคลมเรื่องคุมมัน เบลอรูขุมขนในตลาด Fenty Primer ตัวนี้ถือว่าทำได้ดีในแง่ของประสิทธิภาพการคุมมันและเบลอรูขุมขนที่ชัดเจน และเนื้อสัมผัสที่บางเบาสบายผิว

อาจจะมีบางแบรนด์ที่ราคาเข้าถึงง่ายกว่า หรือเคลมเรื่องคุมมันได้ดีมากๆ เช่นกัน แต่ Fenty ก็มีจุดเด่นเรื่องเนื้อสัมผัสที่ทำให้ผิวดูเนียนลื่น และช่วยให้รองพื้นสวยขึ้นจริงๆ ซึ่งอันนี้ต้องลองพิจารณาจากความชอบส่วนบุคคลค่ะ

9. บริการหลังการขายและช่องทางการซื้อ: หาซื้อได้ที่ไหน?

สำหรับ Fenty Beauty สามารถหาซื้อได้ง่ายในประเทศไทยค่ะ

• ร้าน Sephora ทั้งหน้าร้านและออนไลน์ เป็นช่องทางหลัก
• ช่องทางออนไลน์อื่นๆ: อาจมีร้านค้าในแพลตฟอร์มอย่าง Lazada หรือ Shopee ที่นำเข้ามาขาย
• เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ Fenty Beauty: สามารถสั่งซื้อได้โดยตรง

มักจะมีโปรโมชั่นร่วมกับ Sephora หรือแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ เช่น ลดราคา, ของแถม, ส่งฟรี, หรือผ่อนชำระ 0% แนะนำให้ติดตามข่าวสารโปรโมชั่นก่อนตัดสินใจซื้อค่ะ

การรับประกันสินค้าและการคืนสินค้าก็เป็นไปตามนโยบายของร้านค้าผู้จำหน่ายเป็นหลัก โดยทั่วไปถ้าซื้อจาก Sephora ก็ค่อนข้างมั่นใจเรื่องการรับประกันและการคืนสินค้าได้

10. บทสรุปและคำแนะนำในการซื้อ: ซื้อไม่ซื้อ?

สรุปเลยนะ ถ้าคุณเป็นคน ผิวมันหรือผิวผสม ที่เบื่อปัญหาหน้าเยิ้ม รูขุมขนกว้าง และอยากให้เมคอัพติดทนนานตลอดวันในสภาพอากาศร้อนๆ แบบบ้านเรา ไพรเมอร์ Fenty Beauty Pro Filt'r Instant Retouch Primer ตัวนี้คือ ควรมีอย่างยิ่ง!

ประสิทธิภาพเรื่องการคุมมันและเบลอรูขุมขนทำได้ดีจริงตามที่เคลมไว้ เนื้อสัมผัสดีมากๆ เกลี่ยง่าย สบายผิว ไม่หนักหน้า และที่สำคัญคือช่วยให้รองพื้นสวยและติดทนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

แม้ราคาจะสูงกว่าไพรเมอร์ทั่วไป แต่ถ้าเทียบกับผลลัพธ์ที่ได้ โดยเฉพาะสำหรับคนที่มีปัญหาผิวมันมากๆ ในไทย ถือว่าคุ้มค่ากับการลงทุนค่ะ

แต่ถ้าคุณเป็นคนผิวแห้ง หรือไม่ได้มีปัญหาเรื่องความมันและรูขุมขนมากนัก อาจจะมีไพรเมอร์ตัวอื่นที่ตอบโจทย์และราคาย่อมเยากว่านี้

คำแนะนำสุดท้าย: ถ้าลังเล ลองดูขนาดเล็ก 15ml ก่อน หรือรอช่วงโปรโมชั่นลดราคาตาม Sephora หรือช่องทางออนไลน์ต่างๆ รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอนจ้า!

วิดีโอที่เกี่ยวข้อง

• รีวิวไพร์เมอร์ in2it ไม่อุดตันจริงหรือ?
• รีวิวไพร์เมอร์ คุมมัน เบลอรูขุมขน
• รีวิวไพรเมอร์แบรนด์ไทย คุมมันและพรางรูขุมขน
• รีวิว Primer คุมมัน เบลอรูขุมขน
• รีวิวไพรเมอร์อินน์บิวตี้เบลอรูขุมขน