10 เครื่องชงกาแฟ ราคาไม่เกิน 20000 บาท ปี 2025 คุ้มค่า ชงง่าย


สวัสดีครับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ คอกาแฟทั้งหลาย! ☕️ ยุคนี้อะไรๆ ก็ดูจะเร่งรีบไปหมด บางทีอยากจะจิบกาแฟหอมๆ สักแก้วก่อนไปลุยงาน หรือพักเบรกช่วงบ่ายคลายง่วง ก็ไม่อยากออกไปเบียดเสียดผู้คน หรือรอคิวยาวๆ ที่ร้านกาแฟใช่ไหมครับ?
เครื่องชงกาแฟนี่แหละคือฮีโร่ขวัญใจมหาชน! เหมือนยกคาเฟ่มาไว้ที่บ้าน อยากดื่มตอนไหน ชงได้ทันที แถมยังปรับรสชาติ ความเข้มได้ตามใจชอบอีกด้วย ช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าได้เยอะในระยะยาวด้วยนะ
แต่พอคิดจะซื้อเครื่องชงกาแฟเท่านั้นแหละ โอ้โห! ในตลาดมีเป็นร้อยเป็นพันรุ่น หลายยี่ห้อ หลายแบบจนงงไปหมด จะเลือกยังไงให้ได้เครื่องที่ "ใช่" ในงบที่ไม่เกินสองหมื่นบาท แถมยังคุ้มค่า ใช้งานง่าย?
ไม่ต้องเครียดครับ! ผมในฐานะคนที่หลงใหลในกาแฟและการเลือกซื้อของที่คุ้มค่า วันนี้จะมาเป็นไกด์พิเศษ พาไปส่อง 10 เครื่องชงกาแฟเด็ดๆ ในงบไม่เกิน 20,000 บาท ที่น่าจับตามองในปี 2025 นี้ บอกเลยว่าอ่านจบแล้ว จะได้ไอเดียปิ๊งๆ ไปสอยเครื่องที่โดนใจมาไว้คู่บ้านแน่นอน!
ตลาดเครื่องชงกาแฟในไทย ฮอตแค่ไหน และคนไทยชอบแบบไหนกันนะ?
บอกเลยว่าตลาดเครื่องชงกาแฟในบ้านเราตอนนี้กำลัง เติบโตสุดๆ! คนไทยหันมาใส่ใจคุณภาพชีวิตและ Work From Home กันมากขึ้น การมีเครื่องชงกาแฟดีๆ สักเครื่องไว้ที่บ้านกลายเป็นเทรนด์ที่มาแรงแซงโค้งจริงๆ ครับ
แบรนด์ที่ครองตลาดส่วนใหญ่ก็หนีไม่พ้นแบรนด์ต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็น De'Longhi, Nespresso, Duchess, Minimex, Smeg, Otto, Electrolux, Xiaomi, หรือแบรนด์จากฝั่งเอเชียอื่นๆ ที่เข้ามาทำตลาดอย่างคึกคัก. มีทั้งเครื่องชงกาแฟสด (Espresso Machine), เครื่องชงแบบแคปซูล (Capsule Machine), และเครื่องชงแบบดริป (Drip Coffee Maker) ให้เลือกเพียบ
พฤติกรรมผู้บริโภคไทยส่วนใหญ่เวลาเลือกซื้อเครื่องชงกาแฟที่บ้าน มักจะมองหาเครื่องที่ ใช้งานง่าย สะดวก รวดเร็ว ทำความสะอาดไม่ยุ่งยาก และมีฟังก์ชันทำฟองนมได้ เพราะหลายคนชอบดื่มกาแฟนมอย่างลาเต้ คาปูชิโน่. แหล่งช้อปปิ้งยอดฮิตก็แน่นอนว่าคือแพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง Lazada และ Shopee ที่มีโปรโมชั่นและดีลดีๆ ตลอดปี โดยเฉพาะช่วงเทศกาลต่างๆ. นอกจากนี้ ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าและห้างสรรพสินค้าชั้นนำก็ยังเป็นตัวเลือกสำหรับคนที่อยากไปดูของจริงและรับคำแนะนำจากพนักงานด้วย.
เลือกเครื่องชงกาแฟยังไงให้ได้แก้วโปรดที่บ้าน?
ก่อนจะตัดสินใจซื้อเครื่องไหน เรามาดูปัจจัยสำคัญที่เราต้องพิจารณา เพื่อให้ได้เครื่องที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การดื่มกาแฟของเราที่สุดครับ ลองใช้ตารางนี้เป็นแนวทางได้เลย:
ปัจจัย | สิ่งที่ควรพิจารณา |
---|---|
ประเภทของเครื่อง | ชอบกาแฟแบบไหน? Espresso เข้มๆ, แคปซูลสะดวกๆ, หรือดริปละมุนๆ? (มีทั้งเครื่องชงสด, แคปซูล, ดริป) |
งบประมาณ | ตั้งงบไว้เท่าไหร่? เครื่องงบไม่เกิน 20,000 บาทมีตัวเลือกหลากหลาย |
ความง่ายในการใช้งาน | อยากได้แบบกดปุ่มเดียวจบ หรือชอบแบบได้ลงมือทำเองบ้าง? |
ฟังก์ชันเสริม | ต้องมีที่ตีฟองนมไหม? มีเครื่องบดในตัวด้วยหรือเปล่า? ปรับอุณหภูมิ/ความเข้มได้ไหม? |
ขนาดเครื่อง | มีพื้นที่วางเยอะแค่ไหน? บางรุ่นกระทัดรัดเหมาะกับคอนโด |
แรงดันน้ำ (Bar) | สำหรับเครื่องชงสด ถ้าอยากได้ Espresso ครีม่าสวยๆ ควรมีแรงดันอย่างน้อย 15 บาร์ |
การทำความสะอาด | ถอดล้างง่ายไหม? มีระบบทำความสะอาดอัตโนมัติหรือเปล่า? |
ชื่อเสียงแบรนด์/รีวิว | แบรนด์น่าเชื่อถือไหม? คนใช้จริงในไทยรีวิวว่ายังไงบ้าง? |
บริการหลังการขาย/อะไหล่ | มีศูนย์บริการในไทยไหม? หาอะไหล่/แคปซูล/อุปกรณ์เสริมง่ายหรือเปล่า? |
จัดไป! 10 เครื่องชงกาแฟ ราคาไม่เกิน 20,000 บาท น่าสอย ปี 2025!
มาถึงช่วงที่ทุกคนรอคอย! ผมคัดมาให้แล้ว 10 รุ่นเด็ดจากหลากหลายแบรนด์ที่ได้รับความนิยมและอยู่ในงบประมาณที่เราตั้งไว้ (ข้อมูลอัปเดตถึงต้นปี 2025) ลองพิจารณาตามความชอบและงบประมาณของตัวเองได้เลยครับ!
1. De'Longhi (Pump Espresso / Stilosa Series)
- เกี่ยวกับแบรนด์: แบรนด์ดังจากอิตาลี ขึ้นชื่อเรื่องเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวและเครื่องชงกาแฟ
- สินค้ารุ่นเด่น: De'Longhi Pump Espresso EC685BK/EC820.B, Stilosa EC230.BK
- วิเคราะห์ข้อดีข้อเสีย: * ข้อดี: ดีไซน์สวยงาม มินิมอล แรงดันมาตรฐาน 15 บาร์ ทำฟองนมได้ดี ขนาดกระทัดรัดเหมาะกับบ้าน/คอนโด ใช้งานง่าย มีรุ่นให้เลือกหลายราคาในงบ * ข้อเสีย: บางรุ่นอาจจะไม่มีที่บดในตัว ต้องซื้อแยก
- เหมาะกับใคร: คนที่ชอบดื่มกาแฟ Espresso และเมนูนมที่ทำจาก Espresso ต้องการเครื่องดีไซน์สวย คุณภาพดีในงบประมาณที่จับต้องได้
- แนะนำช่องทางการซื้อ: Lazada, Shopee, Central Online, ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ
- ช่วงราคา: ประมาณ 6,000 - 15,000 บาท ขึ้นอยู่กับรุ่นและโปรโมชั่น
- รีวิวผู้ใช้งาน: "เครื่องสวยมาก วางมุมไหนก็ดูดี ชงง่าย ฟองนมเนียนนุ่มโอเคเลยค่ะ" - ผู้ใช้ใน Pantip. "รุ่น EC685 ใช้มาหลายปีแล้ว ทนทานดี คุ้มค่ากับราคา" - ลูกค้า Lazada.
2. Nespresso (Essenza Mini / Atelier / Genio S Series)
- เกี่ยวกับแบรนด์: แบรนด์ดังระดับโลกจากสวิตเซอร์แลนด์ โดดเด่นเรื่องเครื่องชงกาแฟระบบแคปซูล
- สินค้ารุ่นเด่น: Essenza Mini, Atelier, Genio S Basic/Plus
- วิเคราะห์ข้อดีข้อเสีย: * ข้อดี: สะดวก รวดเร็ว แค่ใส่แคปซูลกดปุ่มก็ได้กาแฟอร่อยพร้อมดื่ม ทำความสะอาดง่าย มีแคปซูลกาแฟให้เลือกหลากหลายรสชาติ บางรุ่นทำเมนูนมได้ * ข้อเสีย: มีค่าใช้จ่ายต่อเนื่องกับแคปซูลกาแฟ ไม่สามารถใช้กาแฟคั่วบดทั่วไปได้ (ยกเว้นมี Adapter บางรุ่น)
- เหมาะกับใคร: คนที่เน้นความสะดวก รวดเร็ว ไม่มีเวลาชงกาแฟแบบซับซ้อน หรือชอบลองกาแฟหลากหลายรสชาติ
- แนะนำช่องทางการซื้อ: Nespresso Boutique, Lazada, Shopee, Central Online, ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ
- ช่วงราคา: ประมาณ 3,000 - 15,000 บาท ขึ้นอยู่กับรุ่นและโปรโมชั่น (รุ่น Atelier ราคาสูงกว่ารุ่นอื่นๆ ในงบนี้)
- รีวิวผู้ใช้งาน: "เช้าๆ รีบๆ แค่กด Nespresso ก็ได้กาแฟอร่อยๆ แล้ว ชีวิตง่ายขึ้นเยอะ!" - พนักงานออฟฟิศ. "ชอบรุ่น Genio S Plus ทำฟองนมได้ด้วย คุ้มค่าดี" - ผู้ใช้ Shopee.
3. Duchess (หลาย Series ในงบ)
- เกี่ยวกับแบรนด์: แบรนด์คนไทย ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่ม Home-use ด้วยราคาที่เป็นมิตรและฟังก์ชันที่หลากหลาย
- สินค้ารุ่นเด่น: CM3000B, CM4200, CM7400S, CM5350B (และรุ่นอื่นๆ ในงบ)
- วิเคราะห์ข้อดีข้อเสีย: * ข้อดี: ราคาเป็นมิตรสุดๆ มีรุ่นให้เลือกเยอะมาก ครอบคลุมทั้งเครื่องชงสดและแคปซูล บางรุ่นมีฟังก์ชันทำฟองนมหรือหน้าจอบอกอุณหภูมิ ใช้งานง่าย * ข้อเสีย: วัสดุอาจจะไม่พรีเมียมเท่าแบรนด์ยุโรปบางยี่ห้อ ความทนทานในระยะยาวอาจต้องพิจารณาเป็นรุ่นๆ ไป
- เหมาะกับใคร: มือใหม่หัดชง คนที่มองหาเครื่องชงกาแฟในงบประมาณจำกัด หรือต้องการเครื่องสำรอง
- แนะนำช่องทางการซื้อ: Lazada, Shopee, Central Online, ห้างสรรพสินค้า, ซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ
- ช่วงราคา: ประมาณ 2,000 - 8,000 บาท (มีบางรุ่นที่ราคาเกินหมื่นเล็กน้อย)
- รีวิวผู้ใช้งาน: "Duchess CM3000B ซื้อมาลองชงที่บ้าน ราคาไม่แพง ใช้ได้โอเคเลยค่ะ" - นักศึกษา. "รุ่น CM4200 ทำฟองนมได้ด้วย คุ้มค่าคุ้มราคามาก" - ผู้ใช้ Lazada.
4. Minimex (Series ต่างๆ ในงบ)
- เกี่ยวกับแบรนด์: แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวที่ได้รับความนิยมในไทย มีเครื่องชงกาแฟให้เลือกหลากหลาย
- สินค้ารุ่นเด่น: Minimex Barista X, Bella MBL1 (และรุ่นอื่นๆ ในงบ)
- วิเคราะห์ข้อดีข้อเสีย: * ข้อดี: มีรุ่นดีไซน์สวยงาม ราคาอยู่ในงบ มีฟังก์ชันหลากหลาย บางรุ่นเน้นขนาดกระทัดรัด เหมาะกับพื้นที่จำกัด มีรุ่นที่แสดงอุณหภูมิแบบเรียลไทม์ * ข้อเสีย: ตัวเลือกอาจจะไม่เยอะเท่าบางแบรนด์ใหญ่ๆ
- เหมาะกับใคร: คนที่มองหาเครื่องชงกาแฟ Home-use ขนาดไม่ใหญ่มาก ฟังก์ชันครบครันในงบที่สมเหตุสมผล
- แนะนำช่องทางการซื้อ: Lazada, Shopee, ห้างสรรพสินค้า
- ช่วงราคา: ประมาณ 5,000 - 15,000 บาท
- รีวิวผู้ใช้งาน: "ใช้ Minimex Bella MBL1 อยู่ที่คอนโด ขนาดกำลังดีเลย ชงง่าย กาแฟร้อนเร็ว" - ผู้ใช้ Pantip. "ดีไซน์สวย ชอบรุ่น Barista X ดูโปรดี" - ลูกค้า Shopee.
5. Otto (CM-025A / CM-041A และอื่นๆ)
- เกี่ยวกับแบรนด์: แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน ราคาเข้าถึงง่าย มีเครื่องชงกาแฟแบบ Drip และ Espresso รุ่นเล็ก
- สินค้ารุ่นเด่น: CM-025A (Drip), CM-041A (Espresso)
- วิเคราะห์ข้อดีข้อเสีย: * ข้อดี: ราคาถูกมากๆ เหมาะกับคนงบน้อย หรือใช้ชงกาแฟปริมาณไม่มากในแต่ละครั้ง รุ่นดริปใช้งานง่าย * ข้อเสีย: ฟังก์ชันพื้นฐานมากๆ คุณภาพกาแฟอาจจะไม่เข้มข้นเท่าเครื่องแรงดันสูง วัสดุอาจจะไม่แข็งแรงทนทานมากนัก รุ่น Espresso แรงดันต่ำกว่า 15 บาร์ในบางรุ่น
- เหมาะกับใคร: คนที่ต้องการเครื่องชงกาแฟราคาประหยัดที่สุด เน้นชงกาแฟดำ หรือใช้ชงในปริมาณน้อยๆ ต่อวัน
- แนะนำช่องทางการซื้อ: Lazada, Shopee, ร้านค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไป
- ช่วงราคา: ประมาณ 500 - 3,000 บาท
- รีวิวผู้ใช้งาน: "ซื้อ Otto CM-025A มาชงกาแฟดำตอนเช้าๆ ใช้งานง่ายดี ราคาถูกด้วย" - ผู้ใช้ Lazada. "เครื่องเล็กๆ พกพาสะดวกดีค่ะ" - ลูกค้า Shopee.
6. Electrolux (Series ต่างๆ ในงบ)
- เกี่ยวกับแบรนด์: แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าชื่อดังจากสวีเดน มีเครื่องชงกาแฟหลายประเภท
- สินค้ารุ่นเด่น: Electrolux E5CM1-80ST (Drip) (และรุ่นอื่นๆ ในงบ)
- วิเคราะห์ข้อดีข้อเสีย: * ข้อดี: แบรนด์น่าเชื่อถือ คุณภาพมาตรฐาน มีเครื่องชงแบบ Drip ที่ทำได้ครั้งละหลายแก้ว ดีไซน์สวยงาม * ข้อเสีย: ตัวเลือกเครื่อง Espresso ในงบอาจจะมีจำกัดกว่าบางแบรนด์
- เหมาะกับใคร: คนที่ชอบดื่มกาแฟดำเป็นหลัก หรือต้องการเครื่องชงแบบ Drip คุณภาพดีจากแบรนด์ที่ไว้ใจได้
- แนะนำช่องทางการซื้อ: Lazada, Shopee, Central Online, Power Buy, ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ
- ช่วงราคา: ประมาณ 3,000 - 10,000 บาท
- รีวิวผู้ใช้งาน: "เครื่องชง Drip Electrolux ใช้งานง่ายดีค่ะ ชงได้เยอะในครั้งเดียว" - ผู้ใช้ Shopee. "แบรนด์นี้ไว้ใจได้ ใช้มาหลายอย่างแล้ว" - ลูกค้า Power Buy.
7. Xiaomi (Mijia Capsule Coffee Machine)
- เกี่ยวกับแบรนด์: แบรนด์เทคโนโลยีชื่อดังจากจีน ที่หันมาทำเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านหลากหลาย รวมถึงเครื่องชงกาแฟแคปซูล
- สินค้ารุ่นเด่น: Xiaomi Mijia Capsule Coffee Machine (รุ่นต่างๆ)
- วิเคราะห์ข้อดีข้อเสีย: * ข้อดี: ดีไซน์มินิมอล สวยงาม เข้ากับบ้านสไตล์โมเดิร์น ราคาไม่แพงมาก ใช้งานง่ายด้วยปุ่มเดียว รองรับแคปซูล Nespresso ได้ แรงดันสูงถึง 20 บาร์ * ข้อเสีย: เป็นเครื่องแคปซูล มีค่าใช้จ่ายกับแคปซูลต่อเนื่อง ไม่มีฟังก์ชันทำฟองนมในตัว
- เหมาะกับใคร: คนที่ชอบดีไซน์สวยงาม มินิมอล ต้องการเครื่องชงแคปซูลที่ใช้งานง่ายในราคาเข้าถึงได้
- แนะนำช่องทางการซื้อ: Xiaomi Official Store (Online/Offline), Lazada, Shopee
- ช่วงราคา: ประมาณ 2,000 - 5,000 บาท
- รีวิวผู้ใช้งาน: "เครื่อง Xiaomi สวยมาก! วางแล้วดูดี แถมชงกาแฟแคปซูลง่ายมากๆ" - ผู้ใช้ Lemon8. "ราคาดีมาก เทียบกับฟังก์ชันแล้วคุ้ม" - ลูกค้า Lazada.
8. Gaggia (Series ในงบ เช่น Viva Deluxe)
- เกี่ยวกับแบรนด์: แบรนด์เก่าแก่จากอิตาลี มีชื่อเสียงด้านเครื่องชงกาแฟ Espresso
- สินค้ารุ่นเด่น: Gaggia Viva Deluxe
- วิเคราะห์ข้อดีข้อเสีย: * ข้อดี: เป็นแบรนด์ที่มีประสบการณ์ด้าน Espresso โดยเฉพาะ รุ่น Viva Deluxe มีแรงดัน 15 บาร์ ทำฟองนมได้ ใช้ได้ทั้งกาแฟผงและแบบพอต มีระบบ Crema Perfertta ช่วยให้ได้ครีม่าสวย * ข้อเสีย: ขนาดอาจจะไม่เล็กเท่าบางยี่ห้อในงบเดียวกัน
- เหมาะกับใคร: คนที่จริงจังกับการชง Espresso ระดับ Home-use ที่ต้องการคุณภาพกาแฟที่ดีในราคาที่จับต้องได้
- แนะนำช่องทางการซื้อ: Lazada, Shopee, ห้างสรรพสินค้าบางแห่ง
- ช่วงราคา: ประมาณ 6,000 - 10,000 บาท
- รีวิวผู้ใช้งาน: "Gaggia Viva Deluxe ชงกาแฟออกมาครีม่าสวยมาก กลิ่นหอมดีค่ะ" - ผู้ใช้ Pantip. "แรงดันดี ทำฟองนมง่ายกว่าที่คิด" - ลูกค้า Shopee.
9. Airbot (CM7000)
- เกี่ยวกับแบรนด์: แบรนด์ที่ได้รับความนิยมในตลาดออนไลน์ ด้วยสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก
- สินค้ารุ่นเด่น: Airbot CM7000
- วิเคราะห์ข้อดีข้อเสีย: * ข้อดี: ราคาไม่แพงมาก ดีไซน์ดูโปรคล้ายเครื่องร้านกาแฟ แรงดันสูงถึง 20 บาร์ มีระบบตีฟองนม ขนาดกระทัดรัด * ข้อเสีย: แบรนด์อาจจะยังไม่เป็นที่รู้จักเท่าแบรนด์ใหญ่ๆ ในไทย การรับประกันและการบริการหลังการขายอาจต้องตรวจสอบกับผู้ขายแต่ละราย
- เหมาะกับใคร: คนที่อยากได้เครื่องชง Espresso แรงดันสูง ราคาดี ดีไซน์สวย แต่ไม่ได้ยึดติดกับแบรนด์ดัง
- แนะนำช่องทางการซื้อ: Lazada, Shopee
- ช่วงราคา: ประมาณ 3,000 - 5,000 บาท
- รีวิวผู้ใช้งาน: "Airbot CM7000 เครื่องสวย แรงดันดี คุ้มเกินราคาค่ะ" - ลูกค้า Lazada. "ใช้ดีไซน์คล้ายเครื่องแพงๆ เลย" - ผู้ใช้ Shopee.
10. Alectric (Aatte One)
- เกี่ยวกับแบรนด์: แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าในไทย เน้นดีไซน์และฟังก์ชันที่ทันสมัย
- สินค้ารุ่นเด่น: Alectric Aatte One
- วิเคราะห์ข้อดีข้อเสีย: * ข้อดี: เป็นเครื่อง 2-in-1 ใช้ได้ทั้งกาแฟผงและแคปซูล ดีไซน์สไตล์วินเทจสวยงาม แรงดันสูง 20 บาร์ มีระบบควบคุมอุณหภูมิ รับประกันนาน 3 ปี * ข้อเสีย: ขนาดเครื่องค่อนข้างใหญ่กว่ารุ่นอื่นๆ ในงบเดียวกันเล็กน้อย
- เหมาะกับใคร: คนที่ชอบความหลากหลาย ชงได้ทั้งกาแฟผงและแคปซูล ชอบดีไซน์วินเทจ และต้องการเครื่องที่มีการรับประกันยาวๆ
- แนะนำช่องทางการซื้อ: Lazada, Alectric Official Website, Power Buy
- ช่วงราคา: ประมาณ 8,000 - 12,000 บาท
- รีวิวผู้ใช้งาน: "ชอบดีไซน์ Alectric Aatte One มากค่ะ เข้ากับครัวที่บ้านเลย ใช้ได้ทั้งกาแฟผงและแคปซูล สะดวกดี" - ผู้ใช้ Power Buy. "รับประกัน 3 ปี หายห่วงเลย" - ลูกค้า Lazada.
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) สไตล์คนรักกาแฟที่บ้าน!
Q: ระหว่างเครื่องชงกาแฟสด (Espresso) กับเครื่องชงแคปซูล (Capsule) อันไหนดีกว่ากันสำหรับใช้ที่บ้าน?
A: แล้วแต่ความชอบและความสะดวกเลยครับ! เครื่องชงสด จะให้ความยืดหยุ่นในการเลือกเมล็ดกาแฟ ปรับความละเอียดการบด และสกัดรสชาติกาแฟได้เต็มที่กว่า เหมาะกับคนที่ชอบทดลองและอยากได้รสชาติใกล้เคียงร้านกาแฟ. ส่วน เครื่องชงแคปซูล เน้นความสะดวก รวดเร็ว สะอาด ใช้งานง่าย แค่ใส่แคปซูลกดปุ่มก็ได้ดื่มเลย เหมาะกับคนที่ไม่ต้องการความยุ่งยาก หรือเร่งรีบในตอนเช้า.
Q: เครื่องชงกาแฟแรงดัน 15 บาร์ กับ 20 บาร์ แตกต่างกันยังไง?
A: แรงดันน้ำมีผลต่อการสกัดกาแฟ โดยเฉพาะเครื่องชง Espresso ครับ. โดยทั่วไปแล้ว แรงดัน 15 บาร์ก็เพียงพอที่จะสกัดกาแฟให้ได้ Espresso ที่มีคุณภาพและมีครีม่าสวยงามแล้วครับ. ส่วนแรงดัน 20 บาร์อาจจะช่วยให้สกัดได้ดีขึ้นในบางกรณี แต่ปัจจัยอื่นๆ เช่น คุณภาพเมล็ดกาแฟ ความละเอียดการบด และการแทมป์ (Tamp) ก็สำคัญไม่แพ้กันครับ.
Q: เครื่องชงกาแฟแบบที่มีเครื่องบดในตัว ดีไหม?
A: เครื่องที่มีเครื่องบดในตัวจะสะดวกมากครับ เพราะจบในเครื่องเดียว ไม่ต้องมีอุปกรณ์หลายชิ้น. อย่างไรก็ตาม ในงบไม่เกิน 20,000 บาท ส่วนใหญ่เครื่องบดที่มากับเครื่องชงอาจจะเป็นแบบพื้นฐาน คุณภาพการบดอาจจะไม่ละเอียดหรือสม่ำเสมอเท่าเครื่องบดแยกโดยเฉพาะ. ถ้าเน้นคุณภาพการบดมากๆ อาจจะต้องพิจารณาซื้อเครื่องบดแยกต่างหากครับ.
Q: การทำความสะอาดเครื่องชงกาแฟยุ่งยากไหม?
A: การทำความสะอาดสำคัญมากๆ เพื่อให้เครื่องทำงานได้ดีและกาแฟรสชาติอร่อยสม่ำเสมอครับ. เครื่องชงส่วนใหญ่จะออกแบบมาให้ถอดล้างชิ้นส่วนต่างๆ เช่น แทงค์น้ำ ถาดรองน้ำหยด ได้ง่าย. ส่วนหัวกรุ๊ปและก้านชงสำหรับเครื่อง Espresso ควรทำความสะอาดหลังใช้งานทุกครั้งเพื่อไม่ให้มีคราบกาแฟสะสม. บางรุ่นอาจมีโปรแกรมทำความสะอาดอัตโนมัติ ซึ่งช่วยให้สะดวกขึ้นครับ.
Q: ซื้อเครื่องชงกาแฟออนไลน์ใน Lazada/Shopee ปลอดภัยไหม? ควรเช็คอะไรบ้าง?
A: ส่วนใหญ่ปลอดภัยครับ ถ้าซื้อจากร้านค้า Official Store หรือร้านที่มีเรตติ้งดี มีรีวิวจากผู้ซื้อคนอื่นเยอะๆ. ควรเช็ค รายละเอียดสินค้า ให้ตรงกับที่เราต้องการ, การรับประกัน ว่าเป็นของประเทศไทยหรือไม่, และอ่าน รีวิวจากผู้ใช้งานจริง ในไทยเพื่อดูประสบการณ์การใช้งานและบริการของร้านค้านั้นๆ ครับ หากราคาถูกกว่าปกติมากๆ ให้ระวังของปลอมนะครับ.
สรุปและคำแนะนำ: เลือกเครื่องชงกาแฟที่ใช่ ในสไตล์คุณ!
เป็นยังไงบ้างครับกับ 10 ตัวเลือกเครื่องชงกาแฟในงบไม่เกิน 20,000 บาท ที่นำมาฝากกันวันนี้! จะเห็นว่ามีหลากหลายประเภท หลายฟังก์ชัน ให้เลือกตามความต้องการและงบประมาณของเราเลยครับ.
- ถ้า งบประหยัดสุดๆ อยากได้เครื่องชง Espresso หรือ Drip พื้นฐานไว้ลองชงเองที่บ้าน ลองดูแบรนด์ Otto หรือ Duchess รุ่นเริ่มต้นครับ.
- ถ้าเน้น ความสะดวก รวดเร็ว ใช้งานง่าย และชอบลองกาแฟหลากหลายรสชาติ เครื่องชงแคปซูลอย่าง Nespresso หรือ Xiaomi คือคำตอบ.
- ถ้าอยากได้ เครื่องชง Espresso คุณภาพดี ในงบที่จับต้องได้ มีฟังก์ชันทำฟองนม ลองดู De'Longhi, Minimex, Gaggia หรือ Duchess รุ่นที่ฟังก์ชันครบขึ้นมาหน่อยครับ.
- ถ้าชอบ ดีไซน์สวยงาม และฟังก์ชันที่หลากหลาย Alectric Aatte One (ถ้าชอบวินเทจ/2-in-1) หรือ De'Longhi ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ.
- ถ้าไม่ติดแบรนด์ ขอแค่ แรงดันดี ฟังก์ชันครบ ราคาไม่แพง ลองดู Airbot ครับ.
สิ่งสำคัญคืออย่าลืมพิจารณาถึง การใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน ของเรานะครับ ชอบดื่มกาแฟประเภทไหนบ่อยที่สุด? มีเวลาดูแลทำความสะอาดเครื่องมากน้อยแค่ไหน? และที่สำคัญ เช็คเรื่องการรับประกันและบริการหลังการขายในไทย ให้ดีก่อนตัดสินใจซื้อด้วยนะครับ!. ปัญหาที่พบบ่อยก็มีเรื่องน้ำไม่ร้อน กาแฟไหลช้า หรือฟองนมไม่ขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการใช้งาน การบดกาแฟ หรือการทำความสะอาดที่ไม่ถูกต้อง ลองศึกษาวิธีแก้ปัญหาเบื้องต้นจากคู่มือหรือแหล่งข้อมูลต่างๆ ได้ครับ.
มาแชร์ประสบการณ์คอกาแฟที่บ้านกันหน่อย! 👇
เพื่อนๆ คนไหนใช้เครื่องชงกาแฟรุ่นไหนอยู่บ้าง? มีรุ่นไหนอยากป้ายยา หรือมีเคล็ดลับการชงกาแฟให้ฟินกว่าเดิม มาคอมเมนต์แชร์กันได้เลยนะครับ!
ถ้าบทความนี้เป็นประโยชน์ อย่าลืมกดไลค์ กดแชร์เป็นกำลังใจให้ด้วยนะคร้าบ! หรือถ้าใครอยากได้ลิงก์ร้านค้า หรือแหล่งเปรียบเทียบราคาเครื่องชงกาแฟรุ่นต่างๆ เพิ่มเติม พิมพ์คำว่า "อยากได้พิกัด!" มาได้เลย เดี๋ยวจัดให้ครับ! แล้วเจอกันใหม่ในบทความหน้านะครับ สวัสดีครับ! 👋
วิดีโอที่เกี่ยวข้อง
- 10 เครื่องชงกาแฟ ยี่ห้อไหนดี ขายดีที่สุด SHOPEE ล่าสุด 2025 ...
- เลือกแบบไหนดี! รวมเครื่องชงกาแฟสดทุกแบบที่เคยใช้มาราคาตั้งแต่ ...
- ไขข้อสงสัย เครื่องชงกาแฟมีกี่ระดับและเลือกซื้ออย่างไรดี? | Coffee ...
- 10 อันดับ เครื่องชงกาแฟราคาถูก ยี่ห้อไหนดี 2023
- รีวิว เครื่องชงกาแฟสด OTTO Coffee Maker ราคาถูก 279 บาท ใช้ชง ...
แนะนำสำหรับคุณ
10 ไมโครเวฟ Electrolux รุ่นไหนดี ปี 2025 ทำอาหารง่าย ฟังก์ชันครบ
10 เตาแก๊สปิคนิค ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 พกพาสะดวก ใช้งานง่าย
ราคา Mercedes-AMG GT ในไทย: สปอร์ตคูเป้สุดแรงจากแดนเยอรมัน
10 อันดับ คีย์บอร์ด Nubwo รุ่นไหนดี ปี 2025 ตอบสนองไว ใช้งานทนทาน
Apple AirPort Time Capsule ราคาเท่าไหร่? คุ้มไหมที่จะซื้อปี 2024?
แหล่งรวม เช่ารถขับเอง กรุงเทพ ราคาถูก: เที่ยวสะดวก ประหยัดงบ