รีวิวกล้องฟิล์ม Konica Autoreflex ACOM-1: ยังน่าใช้ถ่ายรูปอยู่ไหม?


สวัสดีค่าทุกคน! วันนี้จะมารีวิวกล้องฟิล์มตัวนึงที่ช่วงนี้เห็นคนพูดถึงกันหนาหูในกลุ่มคนเล่นกล้องฟิล์ม นั่นก็คือ Konica Autoreflex ACOM-1 หรือชื่อสากลคือ Autoreflex TC นั่นเองค่ะ! กล้องฟิล์มยุคเก๋ามันยังน่าใช้อยู่ไหมในยุคดิจิทัลที่อะไรๆ ก็ง่ายไปหมด? แล้วถ้าอยากได้ฟีลลิ่งแบบวันวาน เจ้า ACOM-1 ตัวนี้จะตอบโจทย์หรือเปล่า? ไปดูกันเลย!
1. ภาพรวมสินค้า: ทำความรู้จัก Konica ACOM-1 กันสักหน่อย
แบรนด์: Konica
รุ่น: Autoreflex ACOM-1 (ชื่อในญี่ปุ่น) หรือ Autoreflex TC (ชื่อนอกญี่ปุ่น)
ปีที่วางขาย: ผลิตช่วงปี 1976-1982
ช่วงราคาขาย (มือสอง): แล้วแต่สภาพและความสมบูรณ์ ส่วนใหญ่เจอช่วง 2,xxx - 5,xxx บาท
ตำแหน่งสินค้าในตลาด: เป็นกล้อง SLR ระดับเริ่มต้นถึงกลางในยุคนั้น เหมาะสำหรับคนที่อยากลองเล่นกล้องฟิล์ม SLR ที่มีโหมดอัตโนมัติช่วยอำนวยความสะดวก
จุดเด่นหลักๆ:
- เป็นกล้อง SLR เปลี่ยนเลนส์ได้ ใช้เมาท์ Konica AR
- มีโหมดวัดแสงอัตโนมัติแบบเน้นความไวชัตเตอร์ (Shutter Priority AE) (เราเลือกสปีดชัตเตอร์ กล้องเลือกรูรับแสงให้)
- ตัวเล็ก น้ำหนักเบา พกพาง่ายกว่า SLR รุ่นเก่าๆ ของ Konica
- เลนส์ Konica Hexanon คุณภาพดี ราคามือสองไม่แรง
- บอดี้เป็นสีดำ ดูเข้มๆ คลาสสิก
2. ดีไซน์ & รูปลักษณ์ภายนอก: เล็กกำลังดี สีดำคลาสสิก
ตอนเห็นครั้งแรกคือรู้สึกว่า เออ...มันดูดีนะ! ตัวบอดี้ส่วนใหญ่เป็นพลาสติกสีดำด้านๆ แต่ดูแข็งแรงทนทาน ไม่ได้ดูบอบบางแบบกล้องของเล่น ขนาดกำลังดี ไม่ใหญ่เทอะทะเท่า SLR รุ่นพี่อย่าง Autoreflex T3 หรือยี่ห้ออื่นในยุคเดียวกัน ถือแล้วไม่หนักมือเท่าไหร่ (น้ำหนักประมาณ 510 กรัม ไม่รวมเลนส์) พกไปไหนมาไหนสะดวกดี ใส่กระเป๋ากล้องใบเล็กๆ ได้สบาย
สีที่เจอส่วนใหญ่ก็คือ สีดำล้วน ไม่ค่อยเห็นสีอื่นเลย อุปกรณ์ในกล่องถ้าซื้อมือสองก็มักจะมีแค่ตัวกล้องกับเลนส์ติดมาแค่นั้นแหละจ้า คู่มือหรือสายคล้องกล้องอาจจะต้องหาเพิ่มเอาเองนะ
3. ประสบการณ์ในการใช้งานฟังก์ชันหลัก: วัดแสงออโต้ก็มีนะ แต่ต้องเข้าใจเขาหน่อย
กล้องฟิล์ม SLR มันก็มีเสน่ห์ตรงที่เราได้ปรับ ได้เรียนรู้การทำงานของกล้องจริงๆ นี่แหละค่ะ ACOM-1 ตัวนี้ใช้งานง่ายสำหรับมือใหม่ที่อยากลอง SLR เพราะมีโหมดอัตโนมัติแบบ Shutter Priority AE คือเราหมุนเลือกความไวชัตเตอร์ที่ต้องการ (เช่น 1/125 วินาที สำหรับภาพทั่วไป หรือ 1/500 วินาที ถ้าจะถ่ายอะไรที่เคลื่อนไหวเร็วๆ) แล้วกล้องจะคำนวณรูรับแสงที่เหมาะสมให้เองอัตโนมัติ สะดวกมากๆ เวลาเจอแสงเปลี่ยนไปมา แค่เล็งแล้วกดถ่ายได้เลย ไม่ต้องกลัววัดแสงพลาด
ในช่องมองภาพจะมีเข็มวัดแสงบอกค่ารูรับแสงที่เราได้ ถ้าเข็มชี้อยู่ในโซนสีขาวคือแสงโอเค ถ่ายได้เลย ถ้าชี้ไปที่โซนสีแดงด้านบนหรือด้านล่าง แสดงว่าแสงโอเวอร์หรืออันเดอร์ไป ต้องปรับความไวชัตเตอร์ใหม่ เราก็ดูค่ารูรับแสงในช่องมองภาพนี่แหละว่ากล้องมันเลือกให้เท่าไหร่
ส่วนการโฟกัส ต้องหมุนที่กระบอกเลนส์เองแบบ Manual Focus ในช่องมองภาพจะมี Split Image Rangefinder หรือ Microprism ช่วยในการโฟกัส ทำให้ภาพชัดเจนขึ้น
สำหรับสปีดชัตเตอร์ มีให้เลือกตั้งแต่ B (เปิดชัตเตอร์ค้าง), 1 วินาที ไปจนถึง 1/1000 วินาที รองรับฟิล์ม ISO ตั้งแต่ 25 ถึง 1600 แฟลชก็ต่อได้ มีทั้ง Hot Shoe และ PC Sync ถ้าใช้แฟลชอิเล็กทรอนิกส์ Sync ได้ที่ความไว 1/125 วินาที
ข้อควรรู้คือโหมดวัดแสงอัตโนมัติจะทำงานเมื่อเลนส์ถูกตั้งค่าไว้ที่ AE หรือ EE ถ้าหมุนออกจากโหมดนี้ จะเป็นการใช้งานแบบ Manual Full Stop Metering คือวัดแสงเพื่อหาค่าเองแล้วไปปรับรูรับแสงที่เลนส์เอง
4. ประสบการณ์การใช้งาน & ความง่ายในการใช้: ไม่ยากเกินไปสำหรับมือใหม่
ถามว่าใช้ง่ายมั้ย? ถ้าเทียบกับกล้องดิจิทัลยุคนี้ก็ต้องบอกว่าคนละเรื่องเลยค่ะ แต่มันคือเสน่ห์ของกล้องฟิล์ม! ACOM-1 ถูกออกแบบมาให้ใช้งานง่ายกว่า SLR รุ่นก่อนๆ ของ Konica การควบคุมต่างๆ อยู่ในตำแหน่งที่คุ้นเคยเหมือนกล้อง SLR ทั่วไป การขึ้นฟิล์มและกรอฟิล์มเป็นแบบ Manual หมุนเองทุกช็อต ได้ฟีลลิ่งคลาสสิกสุดๆ
สิ่งที่อาจจะต้องเรียนรู้เพิ่มคือนอกจากโหมดอัตโนมัติแล้ว เราก็สามารถใช้โหมด Manual เพื่อควบคุมค่าต่างๆ ได้เองทั้งหมด ซึ่ง ACOM-1 ก็รองรับ แต่ในช่องมองภาพตอนใช้ Manual Metering อาจจะไม่แสดงค่ารูรับแสงที่เราเลือกไว้ที่เลนส์ ทำให้ต้องดูที่เลนส์โดยตรง
กลไกต่างๆ ทำงานค่อนข้างนุ่มนวล เสียงชัตเตอร์มีเอกลักษณ์ ได้ยินแล้วรู้เลยว่าถ่ายด้วยกล้องฟิล์ม ตัวกล้องไม่ร้อนอะไรเพราะเป็นกลไกล้วนๆ ไม่มีระบบซอฟต์แวร์ซับซ้อนเหมือนกล้องดิจิทัลจ้า
5. แบตเตอรี่ / พลังงาน / ความคุ้มค่าในระยะยาว: แบตหายาก แต่มีทางแก้!
กล้องรุ่นนี้ใช้แบตเตอรี่สำหรับระบบวัดแสง ซึ่งเดิมทีใช้แบตเตอรี่แบบ Mercury PX13 หรือ PX625 ขนาด 1.35V จำนวน 2 ก้อน แบตเตอรี่พวกนี้เลิกผลิตไปแล้วเพราะมีสารปรอท แต่โชคดีที่ ACOM-1 มีวงจรภายในที่รองรับการใช้แบตเตอรี่สมัยใหม่อย่าง Alkaline หรือ Silver Oxide PX625A หรือ LR44 (โดยใช้ Adapter) ขนาด 1.5V ได้เลยโดยที่ค่าที่วัดได้ยังค่อนข้างแม่นยำ หรือบางคนก็ใช้แบตเตอรี่ Zinc-Air ก็ได้ (แต่หมดไว) ส่วนใหญ่คนนิยมใช้ LR44 สองก้อน หรือ PX625A สองก้อน
ในระยะยาว ค่าใช้จ่ายหลักๆ ของกล้องฟิล์มไม่ได้อยู่ที่ตัวกล้อง แต่อยู่ที่ ค่าฟิล์มและค่าล้าง-สแกน ราคาฟิล์มตอนนี้ก็มีหลากหลาย ตั้งแต่ม้วนละร้อยกว่าบาทไปจนถึงหลายร้อยบาท ส่วนค่าล้างและสแกนก็มีหลายราคาแล้วแต่ร้านและความละเอียดในการสแกน เริ่มต้นที่ประมาณ 100-200 บาทต่อม้วนสำหรับฟิล์มสี 35mm ถ้าถ่ายเยอะๆ ก็ต้องมีงบสำหรับตรงนี้พอสมควรเลย
ส่วนตัวกล้อง ถ้าดูแลดีๆ ไม่ตก ไม่หล่น กลไกต่างๆ ค่อนข้างทนทาน อาจจะมีเรื่องวัดแสงที่ไม่ทำงานบ้างตามอายุ ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติของกล้องเก่า ถ้าวัดแสงไม่ทำงาน ก็ยังใช้งานแบบ Manual ได้ แค่ต้องพึ่ง Light Meter แยกหรือใช้ Sunny 16 Rule เอา
ความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับกล้องดิจิทัล? คนละแบบเลยค่ะ กล้องฟิล์มให้โทนสีและ Grain ที่เป็นเอกลักษณ์ เป็นกระบวนการถ่ายภาพที่ต้องใช้ความตั้งใจมากกว่า ไม่เหมาะกับคนที่ต้องการความรวดเร็ว โฟกัสออโต้ หรือถ่ายรูปเป็นพันๆ รูปในทริปเดียว
6. สรุปข้อดีข้อเสีย
ข้อดี:
- ราคาไม่แพง ซื้อหาง่ายในตลาดมือสอง
- มีโหมดวัดแสงอัตโนมัติ Shutter Priority AE ใช้งานง่าย
- ขนาดเล็กกะทัดรัด น้ำหนักเบา พกพาสะดวก
- ใช้เลนส์ Konica AR ที่มีคุณภาพดีและราคาเข้าถึงง่าย
- บอดี้แข็งแรงทนทานสไตล์กล้องยุคเก่า
ข้อเสีย:
- ใช้แบตเตอรี่ที่หาซื้อยากในสมัยก่อน (แต่มีแบตฯ ปัจจุบันใช้แทนได้)
- ไม่มีโหมดวัดแสงแบบอื่น เช่น Aperture Priority หรือ Program AE เหมือนกล้องที่ใหม่กว่า
- ไม่มีระบบ Depth-of-Field Preview
- เป็นกล้อง Manual Focus ทั้งหมด
- ค่าฟิล์มและค่าล้าง-สแกนมีค่าใช้จ่ายต่อเนื่อง
7. เหมาะกับใคร & คำแนะนำในการซื้อ: ใครอยากลอง SLR ตัวแรกจัดเลย!
Konica ACOM-1 เหมาะมากๆ กับผู้เริ่มต้นที่อยากลองเล่นกล้องฟิล์มแบบ SLR ที่สามารถเปลี่ยนเลนส์ได้ เพราะมีโหมดอัตโนมัติ Shutter Priority AE ที่ช่วยให้ถ่ายง่ายขึ้น ไม่ต้องกังวลเรื่องการคำนวณรูรับแสงเองทั้งหมด
เหมาะกับการใช้งานทั่วไป ถ่ายภาพแนวสตรีท Portrait หรือวิวทิวทัศน์ที่ไม่ได้ต้องการความรวดเร็วสูง ไม่เหมาะกับสายกีฬา หรือถ่ายสัตว์ป่าที่เคลื่อนไหวเร็วมากๆ
สำหรับคำแนะนำในการซื้อ? ถ้าเจอในสภาพดี ราคาไม่แรง ถือว่า น่าซื้อมาลองเลยค่ะ โดยเฉพาะถ้าชอบบอดี้สีดำคลาสสิกและอยากได้กล้อง SLR ที่มีระบบอัตโนมัติช่วยบ้าง แนะนำให้หาช่วงที่ร้านกล้องฟิล์มมือสองมีโปรโมชั่น หรือลองดูตามกลุ่มซื้อขายกล้องฟิล์มออนไลน์ อาจจะได้ราคาดีๆ ก็ได้นะ!
8. เปรียบเทียบกับสินค้าคล้ายๆ กัน (คู่แข่งในยุคเดียวกัน)
ถ้าเทียบกับคู่แข่งตัวดังในยุคใกล้เคียงกันอย่าง Canon AE-1 ซึ่งเป็นกล้อง Shutter Priority AE เหมือนกัน Canon AE-1 จะใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์มากกว่า ในขณะที่ ACOM-1 เป็นกลไกเยอะกว่า เลนส์ Canon FD หาง่ายกว่าเลนส์ Konica AR นิดหน่อย แต่เลนส์ Hexanon ของ Konica ก็ขึ้นชื่อว่าคุณภาพดีเช่นกัน
ถ้าเทียบกับ Pentax K1000 ซึ่งเป็นกล้อง Manual ล้วน ไม่มีโหมดอัตโนมัติเลย ACOM-1 จะใช้ง่ายกว่าสำหรับมือใหม่เพราะมีโหมด AE แต่ K1000 ก็ได้ความคลาสสิกและทนทานแบบ Pure Mechanical
ถ้าเทียบกับรุ่นพี่อย่าง Konica Autoreflex T4 T4 จะมีฟังก์ชันที่มากกว่า เช่น Slow Shutter Speed ที่นานกว่า, DOF Preview แต่ ACOM-1 ก็เด่นเรื่องขนาดที่กะทัดรัดกว่า
9. บริการหลังการขายและช่องทางการซื้อ: ต้องเช็กสภาพให้ดี!
เนื่องจากเป็นกล้องเก่ามือสองอายุเกือบ 50 ปี เรื่องบริการหลังการขายแบบมีประกันศูนย์อะไรแบบนี้ ไม่มีแล้วจ้า การซื้อกล้องฟิล์มมือสองต้องทำใจเรื่องความเสี่ยงและต้องตรวจเช็กสภาพให้ดีก่อนซื้อนะคะ
ช่องทางการซื้อ:
- ร้านกล้องฟิล์มมือสองโดยเฉพาะ: มีทั้งหน้าร้านและร้านค้าออนไลน์ ส่วนใหญ่ร้านพวกนี้จะมีการตรวจเช็กสภาพกล้องเบื้องต้นให้แล้ว และมักจะมีรูปรายละเอียดสินค้าบอกค่อนข้างครบถ้วน ลองหาร้านใน Shopee, Lazada หรือร้านที่มีเว็บไซต์ของตัวเอง
- กลุ่มซื้อขายกล้องฟิล์มใน Facebook: เป็นแหล่งรวมคนเล่นกล้องฟิล์ม มีทั้งพ่อค้าและผู้ใช้งานทั่วไปมาปล่อยของ ต้องดูเครดิตผู้ขายให้ดี
เวลาซื้อกล้องฟิล์มมือสอง สิ่งที่ต้องเช็กคือ: สภาพภายนอก, ม่านชัตเตอร์ (เรียบตึงดีไหม?), การทำงานของกลไกขึ้นฟิล์ม-กรอฟิล์ม, ระบบวัดแสง (สำคัญมาก!), ช่องมองภาพ (ฝุ่น รา ฝ้า?), สภาพเลนส์ (รา ฝ้า ฝุ่น?), ตัวนับเฟรม, Self-timer
โปรโมชั่นล่าสุด หรือส่วนลดต่างๆ ก็ขึ้นอยู่กับร้านค้าแต่ละร้าน บางทีมีโค้ดลดราคา หรือจัดส่งฟรี
10. บทสรุปและคำแนะนำในการซื้อ: น่าลองไหม?
สรุปแล้ว Konica Autoreflex ACOM-1 / Autoreflex TC เป็นกล้องฟิล์ม SLR ที่ น่าสนใจมากๆ สำหรับผู้เริ่มต้น ที่อยากก้าวเข้าสู่โลกของกล้องฟิล์มแบบเปลี่ยนเลนส์ได้ ด้วยราคาที่ไม่แรงมากนัก ขนาดกะทัดรัด และมีระบบวัดแสงอัตโนมัติช่วยให้ใช้งานง่ายขึ้น
ถ้าคุณเป็นคนที่มีงบประมาณจำกัด แต่อยากได้กล้องฟิล์ม SLR คุณภาพดีๆ ไว้หัดถ่าย หรืออยากได้กล้องสำรองไว้ลุยๆ ตัวนี้คือตัวเลือกที่ แนะนำให้ลอง! มันอาจจะไม่ได้มีฟังก์ชันหวือหวาเท่ากล้องรุ่นใหม่ๆ แต่เสน่ห์ของกล้องกลไกยุคเก่า บวกกับโทนภาพจากเลนส์ Konica Hexanon จะทำให้คุณหลงรักการถ่ายภาพฟิล์มอย่างแน่นอนค่ะ
แต่ถ้าคุณเป็นคนที่ต้องการความสะดวกสบายสูงสุด โฟกัสออโต้ หรือไม่พร้อมที่จะเรียนรู้เรื่องการวัดแสงด้วยตัวเองบ้าง อาจจะต้องพิจารณากล้องฟิล์ม Compact ตัวอื่นที่มีระบบออโต้ครบวงจรมากกว่าค่ะ
วิดีโอที่เกี่ยวข้อง
แนะนำสำหรับคุณ
จัดกระดูก คืออะไร? รีวิว ประสบการณ์ และข้อควรรู้
รวมร้านหมูจุ่ม เชียงใหม่ อร่อยเด็ด บรรยากาศดี
รีวิว Beauty Plus Clinic กำจัดขน: เลเซอร์ขนที่นี่ดีไหม ราคาเป็นอย่างไร?
รีวิวหนัง "ฮาวทูทิ้ง..ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ" ประทับใจแค่ไหน?
รีวิว Adidas Edge Lux Clima: รองเท้าวิ่ง Adidas ระบายอากาศดี น่าใส่ไหม?
รีวิว Hisense 55B7700UW ทีวี 55 นิ้ว ภาพสวย คุ้มราคาไหม?