ราคา Shure PGX4 เครื่องรับไมโครโฟนไร้สาย ของแท้ เช็คก่อนซื้อ!

สวัสดีค่าเพื่อนๆ นักช้อปออนไลน์และสายเอนเตอร์เทนทั้งหลาย! วันนี้เราจะมาเจาะลึกเรื่องราวของเจ้า Shure PGX4 เครื่องรับไมโครโฟนไร้สาย ที่แม้จะเป็นรุ่นเก๋าไปหน่อย แต่ก็ยังมีคนตามหาในตลาดมือสองกันเพียบ! ใครที่กำลังเล็งจะสอยมาใช้งาน ไม่ว่าจะร้องคาราโอเกะ จัดงานเล็กๆ หรืออยากได้ไมค์ลอยคุณภาพดีในงบที่ไม่บานปลาย มาดูกันเลยว่าก่อนควักเงินซื้อต้องเช็กอะไรบ้าง รับรองว่าอ่านจบแล้วฉลาดช้อปขึ้นเยอะ!

1. เจ้ากล่องดำๆ นี้มันคืออะไรกันนะ?

อธิบายง่ายๆ เจ้า Shure PGX4 เนี่ย มันก็คือ "ตัวรับสัญญาณ" ของระบบไมโครโฟนไร้สาย Shure ตระกูล PGX เค้าล่ะค่ะ คือถ้ามีไมค์ลอย (ตัวส่งสัญญาณ) แล้ว จะใช้งานแบบไร้สายได้ก็ต้องมีเจ้าตัวรับนี้แหละ หน้าที่ของมันคือรับสัญญาณเสียงจากไมค์ที่เราถือ หรือติดอยู่กับตัว แล้วแปลงเป็นสัญญาณเสียงที่พร้อมส่งต่อไปเข้ามิกเซอร์หรือเครื่องเสียงได้เลย.

รุ่นนี้เหมาะกับใครน่ะเหรอ? เหมาะกับคนที่ต้องการอิสระในการเคลื่อนไหว ไม่ต้องกลัวสะดุดสายไมค์ ไม่ว่าจะนักร้องบนเวที (เล็กๆ นะ), พิธีกร, ดีเจ, คุณครู หรือใครที่ชอบร้องคาราโอเกะที่บ้าน แล้วอยากได้เสียงดีๆ แบบไม่ต้องเดินพันสายให้วุ่นวาย. แบรนด์ Shure เค้าเป็นแบรนด์ระดับโลกจากอเมริกา ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1925 โน่น! เค้าดังเรื่องคุณภาพเสียงและความทนทานอยู่แล้ว ไมค์ในตำนานอย่าง SM58 ก็ของ Shure นี่แหละ. แม้ PGX4 จะเป็นรุ่นที่ออกมานานแล้ว (จัดอยู่ในกลุ่มระบบอนาล็อกพื้นฐาน) แต่ด้วยชื่อชั้นของ Shure คุณภาพเสียงที่ได้ก็ยังถือว่าไว้ใจได้ในระดับหนึ่งเลยจ้า.

2. ราคาในตลาดไทยตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?

เนื่องจากเจ้า PGX4 เนี่ย มันเป็นรุ่นเก่าแล้วค่ะ ในร้านค้าตัวแทนจำหน่ายใหญ่ๆ อย่าง JIB, Banana IT, Power Buy, Central, Big C หรือ The Mall อาจจะหาซื้อ "ของใหม่" ได้ยากแล้วนะ ส่วนใหญ่ที่เราจะเจอกันคือเป็น "มือสอง" ซะมากกว่า.

ราคาในตลาดมือสองก็จะแตกต่างกันไปตามสภาพของสินค้า และอุปกรณ์ที่มาด้วยค่ะ จากที่ไปส่องๆ ดูในแพลตฟอร์มออนไลน์ยอดฮิตอย่าง Lazada และ Shopee รวมถึงเว็บไซต์ขายของมือสอง หรือกลุ่มซื้อขายอุปกรณ์ดนตรี/เครื่องเสียงต่างๆ เนี่ย ราคาเฉพาะตัวรับ PGX4 (ไม่รวมไมค์) อาจจะเจอตั้งแต่ประมาณ 2,000 - 5,000 บาท (฿) หรือถ้ามาเป็นชุดพร้อมไมค์ด้วยก็อาจจะเห็นราคาตั้งแต่ 5,000 - 10,000+ บาท (฿) เลยก็มีนะ.

เรื่องส่วนต่างอัตราแลกเปลี่ยนกับราคานานาชาติสำหรับรุ่นนี้อาจจะไม่ค่อยมีผลเท่าไหร่ เพราะส่วนใหญ่เป็นการซื้อขายมือสองในประเทศค่ะ แต่สิ่งที่ต้องทำใจคือ ราคาจะขึ้นอยู่กับความพอใจของผู้ขายและสภาพของอย่างแรง!.

3. แล้วถ้าเทียบกับรุ่นอื่นล่ะ คุ้มค่าน่าสอยไหม?

ถ้าเอาเจ้า PGX4 ไปเทียบกับรุ่นใหม่กว่าของ Shure อย่าง BLX หรือ GLX-D ที่ยังวางขายเป็นมือหนึ่งอยู่เนี่ย ราคาของ PGX4 มือสองถือว่าเป็นมิตรต่อกระเป๋าสตางค์กว่าเยอะมาก!. รุ่นใหม่ๆ ราคาตัวรับอย่างเดียวก็อาจจะเริ่มต้นที่หลายพันบาท หรือเป็นหมื่นบาทไปแล้ว.

แน่นอนว่ารุ่นใหม่กว่าย่อมมีเทคโนโลยีที่ดีกว่า เช่น ระบบดิจิทัลที่อาจจะให้เสียงเคลียร์กว่า หรือมีฟังก์ชันอัตโนมัติที่ฉลาดกว่า PGX4 ซึ่งเป็นระบบอนาล็อก. แต่ถ้าคุณแค่อยากได้ระบบไมค์ไร้สายจากแบรนด์ที่ไว้ใจได้ มีคุณภาพเสียงที่ดีพอสำหรับการใช้งานทั่วไป หรือมีงบจำกัด เจ้า PGX4 มือสองนี่แหละคือตัวเลือกที่ "คุ้มค่า" มากๆ. เหมือนได้รถเบนซ์รุ่นเก่าที่ยังวิ่งได้ดี ในราคาที่ถูกกว่ารถอีโคคาร์ป้ายแดงอะไรทำนองนั้น!

4. ซื้อแล้วจะได้อะไรมาบ้างนะ?

อันนี้แหละที่เป็นเรื่องสำคัญมากๆ เวลาซื้อของมือสอง! โดยทั่วไปแล้ว ชุด Shure PGX4 (ของใหม่ตอนเปิดตัว) จะประกอบด้วย ตัวรับ PGX4, ไมโครโฟน (อาจจะเป็นไมค์ถือ PGX2 หรือตัว Bodypack PGX1 พร้อมไมค์รูปแบบอื่น ขึ้นอยู่กับชุด), แบตเตอรี่ AA 2 ก้อน, ตัวแปลงไฟ (Adapter) และคู่มือการใช้งาน.

แต่พอมาเป็นมือสอง สิ่งที่คุณจะได้อาจจะไม่ครบแบบนี้เสมอไปจ้า สิ่งที่ควรเช็คและสอบถามผู้ขายให้ชัดเจนคือ:

• ตัวรับ PGX4: มีแน่นอนอยู่แล้ว แต่สภาพเป็นยังไง มีรอยขีดข่วนเยอะไหม?
• ตัวแปลงไฟ (Adapter): มีมาให้ด้วยไหม? เป็นของแท้ Shure หรือเปล่า? (สำคัญมาก เพราะถ้าไฟไม่ตรงรุ่น อาจมีปัญหาได้)
• เสาอากาศ: ส่วนใหญ่จะมีเสาอากาศมาให้ 2 ต้น เช็คด้วยว่าอยู่ในสภาพดีไหม
• ไมโครโฟน (ตัวส่งสัญญาณ): ถ้าซื้อเป็นชุดพร้อมไมค์ ก็ต้องเช็คสภาพไมค์ด้วยว่าเป็นยังไง รุ่นอะไร (PGX2, PGX1) มีตำหนิตรงไหนไหม.
• อุปกรณ์อื่นๆ: บางทีอาจจะมีแร็คสำหรับติดตั้ง (Rack Mount Kit - URT2), กระเป๋า, หรือคลิปจับไมค์แถมมาด้วย อันนี้แล้วแต่ผู้ขายเลย.
• ค่าขนส่ง: ซื้อออนไลน์ส่วนใหญ่อาจจะมีค่าส่งนะ ยกเว้นร้านไหนมีโปรส่งฟรี ก็ดีไป.
• การรับประกัน: อันนี้แหละที่คนไทยเป็นห่วง! ของมือสองส่วนใหญ่จะไม่มีประกันศูนย์ Shure แล้วนะ. บางร้านที่ขายอาจจะให้ "ประกันใจ" หรือ "ประกันร้าน" สั้นๆ เช่น 7 วัน หรือ 30 วัน ก็ต้องสอบถามให้แน่ใจค่ะ หรือถ้าซื้อจากผู้ใช้โดยตรง ก็คือไม่มีประกันเลยนะ ต้องทำใจและเช็คของให้ละเอียดที่สุดตอนรับของ.

5. มีช่วงไหนน่าซื้อ หรือมีโปรโมชั่นเด็ดๆ ไหม?

อย่างที่บอกไปว่ารุ่นนี้ส่วนใหญ่เป็นมือสอง โปรโมชั่นจากแบรนด์ Shure โดยตรงสำหรับ PGX4 อาจจะไม่มีแล้วค่ะ แต่! อย่าเพิ่งหมดหวังนะจ๊ะ เพราะช่วงเวลาที่น่าจับตามองคือช่วง เทศกาลลดราคาสุดยิ่งใหญ่บนแพลตฟอร์มออนไลน์ อย่าง 11.11, 12.12 หรือช่วง เลขเบิ้ล อื่นๆ รวมถึงช่วง เทศกาลสำคัญของไทย อย่าง สงกรานต์ หรือ ปีใหม่.

ในช่วงนี้ บรรดาร้านค้าใน Lazada หรือ Shopee ที่มี PGX4 มือสอง (หรืออาจจะมีของค้างสต็อก) อาจจะงัดโปรโมชั่นออกมาลดราคา หรือมีโค้ดส่วนลดพิเศษให้เก็บได้ค่ะ. นอกจากนี้ ลองติดตามตาม กลุ่มซื้อขายอุปกรณ์เครื่องเสียงมือสองใน Facebook ดูนะ บางทีผู้ใช้เค้าอยากปล่อยของเร็วๆ ก็อาจจะมีราคาดีๆ หลุดมาในช่วงที่คนกำลังช้อปปิ้งคึกคักนี่แหละ.

สรุปคือ ถ้าไม่รีบใช้มาก ลองอดใจรอช่วงโปรโมชั่นใหญ่ๆ แล้วหมั่นเข้าไปส่องดู มีโอกาสได้ราคาดีและอาจจะมีโปรโมชั่นแถมเล็กๆ น้อยๆ ติดมาด้วยนะเออ.

6. คนไทยที่เคยใช้ เค้าว่าไงกันบ้าง?

จากที่ลองไปอ่านๆ ดูรีวิว หรือความเห็นจากคนไทยที่เคยใช้ Shure PGX Series (ซึ่งรวมถึงตัวรับ PGX4) ก็พบว่าเสียงตอบรับส่วนใหญ่ค่อนข้างไปในทางที่ดีนะ จุดที่คนไทยชื่นชอบและพูดถึงบ่อยๆ คือ:

• คุณภาพเสียง: แม้จะเป็นระบบอนาล็อก แต่คุณภาพเสียงที่ได้จาก Shure ก็ยังถือว่าดีเยี่ยม คมชัด ไม่ค่อยมีสัญญาณรบกวนถ้าอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม.
• ความทนทาน: ตามสไตล์ Shure เลยจ้า หลายคนบอกว่าทนไม้ทนมือ ใช้งานได้นาน ไม่เสียง่ายๆ. (แต่ก็ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาของผู้ใช้เดิมด้วยนะ).
• ใช้งานง่าย: การตั้งค่าไม่ซับซ้อนมาก มีระบบ Auto Frequency Selection หรือ Automatic Transmitter Setup ที่ช่วยให้เชื่อมต่อตัวส่งกับตัวรับได้ง่าย.
• คุ้มค่ากับราคา (มือสอง): หลายคนมองว่าเมื่อเทียบกับราคาที่จ่ายไปในตลาดมือสอง คุณภาพที่ได้ถือว่าเกินคาด เหมาะสำหรับคนงบน้อยที่อยากได้ของดีมีแบรนด์.

ข้อสังเกตที่อาจจะเจอก็คือ เนื่องจากเป็นรุ่นเก่า อาจจะไม่มีฟังก์ชันสมัยใหม่บางอย่าง เช่น ไม่มีจอแสดงผลที่ตัวไมค์ หรือไม่มีแบตเตอรี่แบบชาร์จในตัวเหมือนรุ่นใหม่ๆ. และเรื่องสัญญาณรบกวนก็อาจจะ sensitive กว่าระบบดิจิทัลในบางสภาพแวดล้อมที่มีคลื่นเยอะๆ.

7. จะไปหาซื้อได้ที่ไหนถึงจะชัวร์?

อย่างที่เน้นย้ำไปว่าหลักๆ คือตลาด "มือสอง" นะจ๊ะ ช่องทางที่น่าไปส่องและเป็นที่นิยมในไทยก็มี:

• แพลตฟอร์ม E-commerce ใหญ่ๆ: Shopee และ Lazada เป็นแหล่งรวมร้านค้าทั้งที่เป็นร้านจริงๆ และผู้ใช้ทั่วไปนำมาขาย มีตัวเลือกเยอะ เปรียบเทียบราคาง่าย. ข้อดีคือมีระบบการันตีจากแพลตฟอร์มในระดับหนึ่งก่อนที่เงินจะถึงผู้ขาย แต่ข้อเสียคือต้องดูจากรูปและคำอธิบาย ควรเลือกร้านที่น่าเชื่อถือ มีรีวิวดีๆ และถ่ายรูปสินค้าจริงหลายๆ มุมให้ดูนะจ๊ะ.
• กลุ่มซื้อขายอุปกรณ์เครื่องเสียงมือสองใน Facebook: เป็นแหล่งที่ดีมากๆ เพราะมักจะเป็นผู้ใช้ด้วยกันเองนำมาขาย บางทีได้ราคาดีกว่าร้าน. ข้อดีคือพูดคุยสอบถามรายละเอียด ขอดูรูป/วิดีโอเพิ่มเติมได้โดยตรง แถมบางทีนัดเจอเพื่อทดสอบสินค้าก่อนจ่ายเงินได้ด้วย (อันนี้แนะนำมากๆ เพื่อความสบายใจ!).
• ร้านค้าอุปกรณ์เครื่องเสียงมือสองโดยเฉพาะ: ในกรุงเทพฯ หรือเมืองใหญ่ๆ อาจจะมีร้านที่รับซื้อขายอุปกรณ์เครื่องเสียงมือสองโดยเฉพาะ ข้อดีคือไป ดูของจริง ลองเทสจริง ได้ก่อนตัดสินใจ. ได้สอบถามข้อมูลจากผู้ขายโดยตรง แต่ราคาก็อาจจะสูงกว่าซื้อออนไลน์หรือกับผู้ใช้ด้วยกันเองนิดหน่อย.

ส่วนร้านค้าปลีกใหญ่ๆ ที่ขายของใหม่ ด้านไอทีอย่าง JIB, Banana IT หรือห้างสรรพสินค้าต่างๆ อย่าง Central, Big C, The Mall อาจจะไม่มีรุ่นนี้แล้วจ้า ต้องพึ่งพาตลาดมือสองเป็นหลักนะ.

8. สรุปแล้วเจ้า Shure PGX4 เนี่ย น่าซื้อไหม? เหมาะกับใคร?

มาถึงโค้งสุดท้ายแล้ว! ถามว่า Shure PGX4 (โดยเฉพาะตัวรับ) ยังน่าซื้ออยู่ไหมในปีนี้? ถ้าให้ฟันธงก็ต้องบอกว่า ยังน่าซื้ออยู่ค่ะ! โดยเฉพาะถ้าคุณเป็นคนที่มีงบประมาณจำกัด แต่อยากได้ระบบไมค์ไร้สายจากแบรนด์ที่ได้มาตรฐาน มีคุณภาพเสียงที่ดีพอใช้งานจริงจังได้ และเน้นความทนทาน.

รุ่นนี้เหมาะมากๆ กับ:

• นักร้อง/นักดนตรีที่เล่นตามร้าน หรือเวทีเล็กๆ: คุณภาพเสียงดี ใช้ซ้อม ใช้แสดงได้สบายๆ ในพื้นที่ที่ไม่กว้างมาก.
• พิธีกร/ผู้บรรยาย: ต้องการความคล่องตัว ไม่ต้องกังวลเรื่องสาย.
• คนชอบร้องคาราโอเกะที่บ้าน: อยากได้อารมณ์เหมือนอยู่บนเวที ได้เสียงร้องที่ดีขึ้นกว่าไมค์ถูกๆ ทั่วไป.
• เจ้าของระบบ PGX เดิม: ถ้ามีไมค์อยู่แล้ว แต่อยากได้ตัวรับเพิ่ม หรือตัวรับเดิมเสีย การหาซื้อ PGX4 มือสองก็เป็นทางเลือกที่ประหยัด.

ถามว่าคุ้มค่าที่จะซื้อไหม? ถ้าเจอในราคาที่ไม่แรง สภาพดี ก็ถือว่าคุ้มค่ามากเมื่อเทียบกับคุณภาพและชื่อแบรนด์ Shure ค่ะ.

ใครที่ควรขยับไปเล่นรุ่นที่สูงกว่านี้ (และแพงกว่า)? ก็คือคนที่ต้องการ:

• ฟังก์ชันที่ทันสมัยกว่า: เช่น ระบบดิจิทัลเพื่อการรบกวนที่น้อยลง หรือฟังก์ชันการตั้งค่าที่ง่ายและฉลาดกว่า.
• การใช้งานในพื้นที่ที่กว้างมากๆ: รุ่นใหม่ๆ อาจจะส่งสัญญาณได้ไกลกว่า.
• ต้องการใช้ไมค์หลายๆ ตัวพร้อมกันมากๆ: รุ่นที่สูงกว่าจะรองรับจำนวน Channel ที่ใช้พร้อมกันได้เยอะกว่า.
• สบายใจกับการรับประกันศูนย์เต็มรูปแบบ: ซื้อของใหม่สบายใจเรื่องบริการหลังการขายมากกว่า.

แต่สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มต้น งบน้อย หรือใช้งานในพื้นที่ไม่ใหญ่มาก เจ้า Shure PGX4 มือสองนี่แหละคือมวยรองที่น่าจับตามองมากๆ เลยจ้า! แค่ต้องใจเย็นๆ ค่อยๆ หา ค่อยๆ เช็กสภาพ และสอบถามผู้ขายให้ละเอียดก่อนตัดสินใจนะจ๊ะ ขอให้ทุกคนได้ PGX4 ในราคาที่ถูกใจ ได้คุณภาพที่ใช่ แล้วสนุกกับการใช้งานกันทุกคนค่า! บ๊ายบายยย!