logo

ราคา E-book Reader (เครื่องอ่านอีบุ๊ก) ปี ๒๕๖๘ ยี่ห้อไหนดี คุ้มค่าสุด?

user avatar
ญาดา วัฒนธร·07/10/2025T06:33Z
点赞
ราคา E-book Reader (เครื่องอ่านอีบุ๊ก) ปี ๒๕๖๘ ยี่ห้อไหนดี คุ้มค่าสุด?

สวัสดีจ้าทุกคนนน! วันนี้เราจะมาเม้าท์มอยเรื่อง gadget สุดคูลสำหรับหนอนหนังสืออย่าง E-book Reader (เครื่องอ่านอีบุ๊ก) กัน ใครที่อ่านหนังสือเยอะๆ แล้วเริ่มปวดตาเพราะจ้องจอมือถือหรือแท็บเล็ตนานๆ หรืออยากได้อุปกรณ์ที่พกพาห้องสมุดส่วนตัวไปได้ทุกที่แบบเบาๆ มามุงทางนี้เลยจ้า เพราะปี ๒๕๖๘ เนี้ย ตลาด E-book Reader ก็ยังคึกคักไม่เบา เราจะมาเจาะลึก รีวิวให้ฟังแบบหมดเปลือก ว่ายี่ห้อไหนดี รุ่นไหนคุ้มค่าสุดในตลาดไทย พร้อมเคล็ดลับช้อปยังไงให้ได้ราคาโดนใจ เตรียมตัวให้พร้อม แล้วไปลุยกันเลย!

1. ผลิตภัณฑ์นี้มันคืออะไรกันนะ?

เอาล่ะ เริ่มต้นกันที่ว่าเจ้า E-book Reader นี่มันคืออะไร? พูดง่ายๆ มันคืออุปกรณ์ที่ออกแบบมาเพื่อการอ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-book) โดยเฉพาะเลยจ้า จุดเด่นที่ทำให้มันแตกต่างจากแท็บเล็ตทั่วไปคือหน้าจอแบบ E-ink หรือกระดาษอิเล็กทรอนิกส์นี่แหละ หน้าจอแบบนี้เนี่ยเค้าเลียนแบบการอ่านบนกระดาษจริงๆ ทำให้สบายตามากๆ ต่อให้จ้องนานๆ ก็ไม่แสบตาเหมือนจอมือถือ แถมยังอ่านกลางแดดจ้าๆ ได้สบายๆ อีกด้วยนะ แบตเตอรี่ก็อึดสุดๆ ชาร์จทีนึงอยู่ได้เป็นอาทิตย์ๆ เลยทีเดียว

กลุ่มผู้ใช้ที่เหมาะกับเจ้า E-book Reader เนี่ยก็แน่นอนว่าเป็นคนที่ รักการอ่านเป็นชีวิตจิตใจ เลยจ้า อ่านเยอะ อ่านนาน อ่านได้ทุกที่ทุกเวลา หรือใครที่เดินทางบ่อยๆ แล้วไม่อยากแบกหนังสือเป็นตั้งๆ เจ้าเครื่องนี้คือตอบโจทย์มากๆ เลยนะ นอกจากนี้ยังเหมาะกับนักเรียน นักศึกษาที่ต้องอ่านตำราเยอะๆ ด้วย ช่วยถนอมสายตาได้ดีเลยล่ะ

ส่วนเรื่องแบรนด์ดังๆ ในตลาดโลกที่เข้ามาในไทยเราก็มีหลายเจ้าอยู่นะ อย่างแบรนด์จากต่างประเทศที่คุ้นหูคนไทยหน่อยก็อาจจะเป็น Kindle จาก Amazon อันนี้เค้าก็เป็นเจ้าตลาด E-book Reader ของโลกเลยนะ มีประวัติยาวนานในการทำอุปกรณ์และแพลตฟอร์มอีบุ๊ก ส่วนอีกแบรนด์ดังก็คือ Kobo อันนี้ก็มาจากแคนาดา เค้าก็มีจุดเด่นเรื่องการรองรับไฟล์ที่หลากหลายกว่า Kindle และมีรุ่นที่น่าสนใจหลายตัวเลย นอกจากนี้ก็ยังมีแบรนด์จากฝั่งเอเชียที่กำลังมาแรงในไทย อย่าง BOOX และ Meebook ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android ทำให้ลงแอปอ่านหนังสือได้หลากหลายแพลตฟอร์มมากๆ อันนี้ถูกใจคนไทยไม่น้อยเลยล่ะ


2. ราคาในตลาดไทยเป็นยังไงบ้าง?

มาถึงเรื่องสำคัญที่ทุกคนรอคอย นั่นก็คือ "ราคา" นั่นเอง! สำหรับ E-book Reader เนี่ย ต้องบอกว่าปี ๒๕๖๘ ราคามีความหลากหลายมากๆ เลยนะ ขึ้นอยู่กับยี่ห้อ รุ่น ขนาดหน้าจอ และสเปกต่างๆ จ้า

ถ้ารุ่น เริ่มต้น เบสิกๆ หน่อย ที่เน้นแค่อ่านอย่างเดียว จอประมาณ 6 นิ้ว ความละเอียดมาตรฐาน ราคาก็จะอยู่ที่ประมาณ 3,000 - 6,000 บาท (฿) อันนี้เหมาะสำหรับคนที่อยากลองใช้ หรือเน้นความคุ้มค่า อ่านไม่ซับซ้อนมาก

ขยับขึ้นมาหน่อยเป็นรุ่น ระดับกลาง ที่อาจจะมีฟังก์ชันเพิ่มขึ้น เช่น ไฟหน้าจอสำหรับอ่านกลางคืน (Warm Light), ความละเอียดหน้าจอสูงขึ้น หรือกันน้ำได้บางรุ่น จอประมาณ 6-7 นิ้ว ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 7,000 - 12,000 บาท (฿) กลุ่มนี้จะเป็นรุ่นยอดนิยม เพราะฟังก์ชันครบครันสำหรับการใช้งานทั่วไป

ส่วนรุ่น ระดับสูง หรือรุ่น Pro จอใหญ่ขึ้น (8 นิ้วขึ้นไป), มีฟังก์ชันเขียนได้ด้วยปากกา Stylus, เป็นจอสี, แรม/รอมเยอะขึ้น, หรือมีระบบปฏิบัติการ Android ที่ลงแอปได้เยอะๆ ราคาก็จะโดดขึ้นไปที่ประมาณ 13,000 บาท (฿) ขึ้นไป บางรุ่นท็อปๆ อาจจะถึงสองหมื่นบาทเลยก็มี กลุ่มนี้เหมาะกับคนที่ต้องการฟังก์ชันพิเศษ หรือใช้งานแบบ Advance ขึ้นมาหน่อย

แหล่งที่เราจะไปส่องราคาได้ก็หนีไม่พ้นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซใหญ่ในไทย อย่าง Lazada กับ Shopee นี่แหละ มีร้านค้าทั้ง Official Store (ของบางแบรนด์) และร้านค้ารายย่อยที่นำเข้ามาขายเยอะมากๆ ส่วนร้านค้าปลีกอย่าง Central, Big C, The Mall อาจจะต้องลองเช็คดูเป็นบางสาขาใหญ่ๆ ที่มีโซนเครื่องใช้ไฟฟ้าหรือ Gadget นะคะ ส่วนร้าน IT อย่าง JIB, Banana IT เค้าจะเน้นคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ แท็บเล็ตเป็นหลัก E-book Reader อาจจะหายากหน่อย แต่ลองดูที่ Power Buy อาจจะมีบางรุ่นบ้างจ้า

เรื่องส่วนต่างอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างราคานานาชาติกับราคาขายในไทยเนี่ยก็มีผลนะ เพราะสินค้าพวกนี้ส่วนใหญ่นำเข้า ราคาในไทยก็จะมีบวกค่าภาษี ค่าขนส่ง ค่าการตลาดต่างๆ เข้าไป ทำให้ราคาอาจจะสูงกว่าที่เห็นในเว็บไซต์ต่างประเทศบ้างเป็นเรื่องปกตินะจ๊ะ


3. แล้วเทียบกับรุ่นอื่นล่ะ ราคาโอเคมั้ย?

ถ้าให้เทียบราคา E-book Reader กับอุปกรณ์อื่นที่พอจะใช้อ่าน E-book ได้เนี่ย เราก็จะนึกถึง แท็บเล็ต ใช่มั้ยล่ะ แต่ต้องบอกเลยว่าราคาเนี่ยต่างกันเยอะอยู่! แท็บเล็ตส่วนใหญ่ราคาเริ่มต้นก็หลายพันบาทแล้ว รุ่นดีๆ หน่อยก็เหยียบหมื่นหรือหลายหมื่นบาทเลย ในขณะที่ E-book Reader รุ่นเริ่มต้นแค่ไม่กี่พันบาทก็มีแล้วนะ ถ้าเทียบกันในแง่ของ "อุปกรณ์สำหรับการอ่านโดยเฉพาะ" เนี่ย E-book Reader ถือว่ามีราคาที่เป็นมิตรกับกระเป๋าสตางค์กว่ามากๆ เลยจ้า

แต่แน่นอนว่าแท็บเล็ตมันทำอะไรได้หลากหลายกว่า ทั้งดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม ทำงาน ส่วน E-book Reader เค้าเน้นอ่านอย่างเดียวเลย ดังนั้นการเปรียบเทียบมันก็อยู่ที่ว่าเราเน้นใช้งานอะไรเป็นหลัก ถ้าเน้นอ่านแบบจริงจัง ถนอมสายตา E-book Reader คือคุ้มค่ากว่าแน่นอนในระยะยาว ทั้งเรื่องราคาเครื่องและสุขภาพตา

ทีนี้มาเทียบกับ E-book Reader ด้วยกันเอง บ้าง อย่างแบรนด์ Kindle เนี่ย เค้าขึ้นชื่อเรื่องราคาที่เข้าถึงง่าย โดยเฉพาะรุ่นพื้นฐาน แต่ข้อจำกัดคือเค้าจะผูกกับร้านหนังสือของ Amazon เป็นหลัก ถ้าซื้ออีบุ๊กจากแพลตฟอร์มอื่นในไทยอย่าง MEB หรือ Hytexts ก็อาจจะต้องแปลงไฟล์หรือมีขั้นตอนยุ่งยากกว่า

ส่วนแบรนด์อย่าง BOOX หรือ Meebook ที่เป็น Android เนี่ย ราคาอาจจะสูงกว่า Kindle ในสเปกใกล้เคียงกันบ้าง แต่ข้อดีคือเค้าลงแอป MEB, Hytexts, ReadAwrite ได้เลย สะดวกมากๆ สำหรับคนที่ซื้ออีบุ๊กจากร้านค้าไทยเป็นหลัก อันนี้ก็ต้องชั่งน้ำหนักดูว่าความสะดวกในการลงแอปกับการประหยัดเงินค่าเครื่อง อันไหนสำคัญกับเรามากกว่ากันนะจ๊ะ


4. อุปกรณ์เสริมและบริการที่รวมมา

เวลาซื้อ E-book Reader เนี่ย สิ่งที่ได้มาในกล่องหลักๆ เลยก็จะมีตัวเครื่อง กับสายชาร์จ USB-C เป็นส่วนใหญ่ หัวชาร์จอาจจะต้องใช้ของมือถือเราเอง หรือซื้อแยกนะจ๊ะ ส่วนอุปกรณ์เสริมอื่นๆ ที่สำคัญสำหรับ E-book Reader ก็คือ เคส กับ ฟิล์มกันรอย อันนี้แนะนำให้ซื้อเพิ่มมากๆ เลยนะ ช่วยป้องกันเครื่องได้เยอะเลย บางร้านค้าอาจจะมีจัดโปรโมชั่นแถมเคสหรือฟิล์มมาให้ด้วย ก็ถือเป็นความคุ้มค่าที่เพิ่มขึ้นนะ

เรื่องที่คนไทยให้ความสำคัญมากๆ คือ การรับประกัน ใช่ไหมล่ะ! ส่วนใหญ่ E-book Reader ที่ขายในไทยจะมี การรับประกันศูนย์ไทย 1 ปี นะจ๊ะ อันนี้อุ่นใจได้เลย ถ้าเครื่องมีปัญหาจากการใช้งานปกติก็ส่งเคลมได้ตามเงื่อนไข แต่ถ้าซื้อจากร้านหิ้ว หรือร้านค้ารายย่อยมากๆ อาจจะต้องสอบถามเรื่องการรับประกันให้ดีนะ บางทีเค้าอาจจะมีประกันร้านให้สั้นๆ หรือไม่มีประกันเลยก็เป็นได้

ส่วนเรื่อง ค่าขนส่ง ถ้าซื้อออนไลน์บน Lazada หรือ Shopee เนี่ย ส่วนใหญ่ร้านค้าจะมีโปรโมชั่น ส่งฟรี เมื่อซื้อครบยอดที่กำหนดนะจ๊ะ ก็ช่วยประหยัดไปได้อีกหน่อย แต่ถ้าซื้อจำนวนน้อย หรือราคาไม่ถึงเกณฑ์ก็อาจจะมีค่าส่งตามปกติ ก็ต้องลองเช็คดูดีๆ ก่อนกดสั่งนะ

นอกจากนี้บางร้านอาจจะมี ของแถมเล็กๆ น้อยๆ เช่น E-book ฟรี, คูปองส่วนลดสำหรับซื้ออีบุ๊กในร้าน หรือส่วนลดสำหรับซื้ออุปกรณ์เสริมอื่นๆ ด้วยนะ อันนี้ก็เป็นอีกจุดที่ช่วยให้การซื้อคุ้มค่ามากขึ้นจ้า


5. โปรโมชั่นและคำแนะนำการซื้อ

ถ้าอยากได้ E-book Reader ในราคาแบบดีต่อใจมากๆ เนี่ย ต้องอาศัยช่วง โปรโมชั่น เลยจ้า! แพลตฟอร์มออนไลน์ใหญ่ๆ อย่าง Lazada กับ Shopee เค้าจัดหนักจัดเต็มเรื่องส่วนลดกันตลอดทั้งปี โดยเฉพาะช่วง Double Digit Sale ยอดฮิต อย่าง 11.11, 12.12 นี่คือที่สุดแห่งความปัง! นอกจากนี้ยังมีโปรโมชั่นช่วงเทศกาลสำคัญของไทย อย่าง สงกรานต์ หรือ ปีใหม่ ด้วยนะ บางทีร้านค้าก็เอาสินค้ามาลดราคา หรือมีโค้ดส่วนลดพิเศษแจกจ้า

ร้านค้าที่เป็น Official Store หรือร้านแนะนำบน Lazada/Shopee เนี่ย เค้ามักจะมีโปรโมชั่น Flash Sale หรือ Voucher ส่วนลด ให้เก็บบ่อยๆ นะจ๊ะ ก็ต้องหมั่นเข้าไปเช็คเข้าไปส่องดูบ่อยๆ ใครไวคนนั้นได้โค้ดก่อนนะ!

คำแนะนำคือ ถ้าไม่ได้รีบใช้มากๆ แล้วละก็ รอซื้อช่วงโปรโมชั่น เนี่ย มีโอกาสได้ราคาที่ถูกลงเยอะเลยนะ อาจจะลดราคาเครื่องโดยตรง หรือได้โค้ดส่วนลดเพิ่ม หรือได้ของแถมพิเศษต่างๆ คุ้มกว่าซื้อช่วงปกติแน่นอนจ้า แต่ก็ต้องระวังของหมดด้วยนะ รุ่นยอดนิยมอาจจะหมดไวในช่วงโปรโมชั่นหนักๆ นะจ๊ะ


6. รีวิวและฟีดแบ็กจากผู้ใช้ในไทย

จากที่ลองไปส่องๆ ดูตามรีวิวของคนไทยเนี่ย เสียงตอบรับเกี่ยวกับ E-book Reader ถือว่าดีมากๆ เลยนะ โดยเฉพาะคนที่ชอบอ่านหนังสือมากๆ จุดที่คนไทยชอบและพูดถึงบ่อยๆ ก็คือ:

  • สบายตามากๆ อันนี้เป็นเสียงจากผู้ใช้จริงเลยว่าต่างจากการอ่านบนมือถือหรือแท็บเล็ตเยอะมากๆ จ้องนานๆ ก็ไม่ล้า ไม่ปวดตา เหมือนอ่านจากกระดาษจริงๆ
  • พกพาง่าย น้ำหนักเบา เหมือนพกหนังสือเล่มเดียวแต่มีหนังสือเป็นร้อยเป็นพันเล่ม สะดวกมากๆ เวลาเดินทาง ไปข้างนอก หรือจะนอนอ่านบนเตียงก็สบาย
  • แบตเตอรี่อึดสะใจ ชาร์จครั้งเดียวใช้อ่านได้นานเป็นสัปดาห์ ไม่ต้องคอยชาร์จแบตบ่อยๆ
  • ช่วยให้มีวินัยในการอ่านมากขึ้น หลายคนบอกว่าพอมี E-book Reader แล้วอ่านหนังสือได้เยอะขึ้น เพราะหยิบมาอ่านได้ง่าย สะดวก ไม่ต้องแบกเล่มหนาๆ
  • ฟังก์ชันไฟหน้าจอดีงาม โดยเฉพาะรุ่นที่มี Warm Light ปรับแสงส้มได้ ช่วยให้อ่านตอนกลางคืนได้สบายตา ไม่รบกวนคนข้างๆ ด้วย
  • คุ้มค่ากับราคา (โดยเฉพาะรุ่นเริ่มต้นถึงกลาง) หลายคนมองว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับสุขภาพตาและความสะดวกในการอ่าน

ส่วนข้อสังเกตบางอย่างที่เจอในรีวิวก็มีบ้าง เช่น การพลิกหน้าอาจจะไม่ได้เร็วปรื๊ดเหมือนแท็บเล็ต หรือบางรุ่นที่ใช้ระบบปิดอาจจะลงแอปอ่านหนังสือของไทยยากหน่อย แต่โดยรวมแล้วผู้ใช้ในไทยส่วนใหญ่จะแฮปปี้กับ ประสบการณ์การอ่านที่ดีกว่า และ ความคุ้มค่า ที่ได้รับจาก E-book Reader จ้า


7. ช่องทางการซื้อที่แนะนำ

สำหรับช่องทางการซื้อ E-book Reader ที่แนะนำในไทยปี ๒๕๖๘ เนี่ย มีหลายทางเลือกเลยจ้า:

  • แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซขนาดใหญ่: อันนี้คือแหล่งหลักเลยจ้า ทั้ง Shopee และ Lazada ข้อดีคือมีตัวเลือกเยอะมากๆ ทั้งรุ่น ยี่ห้อ และราคา สามารถเปรียบเทียบง่ายๆ มีระบบคุ้มครองผู้ซื้อ มีโค้ดส่วนลดและโปรโมชั่นเยอะ สะดวกสบาย สั่งออนไลน์รอรับที่บ้านได้เลย ควรเลือกร้านที่เป็น Official Store หรือร้านที่มีรีวิวดีๆ น่าเชื่อถือนะจ๊ะ
  • ร้านค้าออนไลน์ของแบรนด์โดยตรง หรือตัวแทนจำหน่าย: บางแบรนด์อาจจะมีเว็บไซต์ของตัวเอง หรือมีตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการในไทย เช่น Hytexts ของ MEB ก็เป็นผู้จัดจำหน่าย E-reader หลายแบรนด์ การซื้อจากช่องทางทางการจะมั่นใจได้เรื่องคุณภาพสินค้า การรับประกัน และบริการหลังการขายจ้า
  • ร้านค้าปลีก: ลองดูตามร้าน Power Buy หรือบางร้านหนังสือใหญ่ๆ อย่าง B2S หรือ Kinokuniya (บางสาขา) อาจจะมี E-book Reader วางขายให้เราได้ไป ลองจับ ลองดูหน้าจอจริง ก่อนตัดสินใจซื้อได้นะ อันนี้ดีมากๆ สำหรับคนที่อยากเห็นของจริงก่อนซื้อจ้า

สำหรับร้าน IT อย่าง JIB หรือ Banana IT เค้าอาจจะไม่ได้เน้น E-book Reader มากนักนะ ส่วนใหญ่จะเป็นสินค้ากลุ่มคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟนมากกว่า


8. สรุปหรือคำแนะนำเรื่องราคา

มาถึงบทสรุปกันแล้ว! ถามว่า E-book Reader น่าซื้อไหมในปี ๒๕๖๘? คำตอบคือ น่าซื้อมากๆ เลยจ้า โดยเฉพาะถ้าคุณเป็นหนอนหนังสือตัวจริง หรือใช้เวลาอ่านหนังสือนานๆ แล้วรู้สึกว่าการอ่านบนจอปกติมันไม่สบายตา

สำหรับเรื่องความคุ้มค่าและความเหมาะสมกับกลุ่มผู้ใช้แต่ละแบบ:

  • ถ้า งบจำกัด เน้นแค่อ่านอย่างเดียว ไม่ต้องการฟังก์ชันเสริมเยอะแยะ แนะนำให้มองหารุ่น เริ่มต้นราคาไม่เกิน 6,000 บาท (฿) ก็เพียงพอต่อการใช้งานแล้ว ได้สัมผัสประสบการณ์ E-ink ที่สบายตาในราคาเบาๆ ถือว่าคุ้มค่าเกินราคาเลยล่ะ
  • ถ้า อ่านจริงจัง ต้องการฟังก์ชันครบครัน เช่น มีไฟหน้าจอปรับแสงได้ กันน้ำได้ในระดับหนึ่ง หรือต้องการหน้าจอที่ละเอียดขึ้น มองหารุ่น ระดับกลาง ราคาประมาณ 7,000 - 12,000 บาท (฿) กลุ่มนี้ฟังก์ชันจะครอบคลุมการใช้งานส่วนใหญ่ของนักอ่าน ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับสุขภาพตาและประสบการณ์การอ่านที่ดีขึ้น
  • ถ้า ต้องการฟังก์ชันพิเศษมากๆ เช่น ต้องการหน้าจอใหญ่ไว้ใช้อ่านเอกสาร PDF หนักๆ, ต้องการรุ่นที่เป็นจอสีไว้อ่านการ์ตูน/นิตยสาร หรือต้องการรุ่นที่ลงแอป Android ได้หลากหลาย เพื่ออ่านอีบุ๊กจากหลายๆ แพลตฟอร์ม หรือต้องการใช้ปากกา Stylus จดบันทึก รุ่น ระดับสูง ราคา 13,000 บาท (฿) ขึ้นไป ก็เป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ แต่ก็ต้องยอมจ่ายในราคาที่สูงขึ้นตามฟังก์ชันที่ได้นะจ๊ะ

สรุปคือ E-book Reader เป็น Gadget ที่ คุ้มค่าที่จะลงทุน สำหรับคนรักการอ่านแน่นอนจ้า เลือกให้ตรงกับความต้องการและงบประมาณของเรา แล้วชีวิตการอ่านของคุณจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น สบายตาขึ้น และสนุกกับการอ่านได้ทุกที่ทุกเวลาเลยล่ะ! ขอให้ทุกคนได้ E-book Reader ที่ถูกใจและมีความสุขกับการอ่านมากๆ นะจ๊ะ! บ๊ายบายยย!

วิดีโอที่เกี่ยวข้อง

บทความที่เกี่ยวข้อง

สวัสดีผู้อ่านทุกท่าน วันนี้เราจะมาเจาะลึกเรื่องราวของ เครื่องอ่านอีบุ๊ก Kindle อุปกรณ์คู่ใจของหนอนหนังสือทั่วโลก ที่กำลังได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นในตลาดเมืองไทยหลายคนคงสงสัยว่าเจ้าเครื่องนี้หาซื้อได้ที่ไหน โดยเฉพาะที่ร้าน B2S และราคาเท่าไหร่
เครื่องอ่านอีบุ๊ก Kindle หาซื้อที่ B2S ราคาเท่าไหร่? มีรุ่นไหนขายบ้าง

บทความล่าสุดดูเพิ่มเติม

สวัสดีผู้อ่านทุกท่านครับ! สำหรับใครที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนมือสองคุณภาพดีในงบประมาณที่คุ้มค่า วันนี้เราจะมาเจาะลึกถึง Samsung Galaxy A9s หรือที่รู้จักกันในชื่อ Samsung Galaxy A9 (2018) กันครับ โทรศัพท์รุ่นนี้เคยสร้างความฮือฮาในตลาดมาแล้วด้วยฟ
โทรศัพท์ Samsung Galaxy A9s ราคามือสองล่าสุดตอนนี้เท่าไหร่
สวัสดีค่ะทุกคน! วันนี้เราจะมาคุยกันเรื่อง แหวนทอง 2 กรัม กันค่ะ ใครที่กำลังมองหาเครื่องประดับทองคำชิ้นเล็กๆ น่ารักๆ ที่สวมใส่ได้ทุกวัน หรืออยากจะเริ่มต้นเก็บออมทองคำในรูปแบบที่จับต้องได้ ห้ามพลาดเลยนะคะ เพราะแหวนทอง 2 กรัม ถือเป็นตัวเลือกที
แหวนทอง 2 กรัม ราคาเท่าไหร่? อัปเดตราคาล่าสุดและลายยอดนิยม
สวัสดีค่ะทุกคน วันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับเครื่องดนตรีไทยประเภทเครื่องตีที่มีเสน่ห์และเป็นเอกลักษณ์อย่าง "อังกะลุง" กันค่ะ ซึ่งหลายคนอาจจะคุ้นเคยกันดี เพราะเป็นเครื่องดนตรีที่มักใช้ในการเรียนการสอน หรือพบเห็นตามงานแสดงวัฒนธรรมต่างๆ
อังกะลุงราวและอังกะลุงเดี่ยว ราคาเท่าไหร่? ซื้อที่ไหนได้มาตรฐาน

บทความยอดนิยม

บทความที่แนะนำ