10 อันดับ บลัชออน สำหรับวัย 30 ปี 2025 แก้มสุขภาพดี เป็นธรรมชาติ


สวัสดีครับเพื่อนๆ ชาว 30 ยังแจ๋วทุกคน! 👋 เข้าสู่ช่วงวัยที่เราเริ่มดูแลตัวเองเป็นพิเศษ ทั้งสกินแคร์ อาหารการกิน และแน่นอน... เมคอัพ! เพราะวัย 30+ ผิวพรรณอาจจะไม่ได้สดใสปิ๊งปั๊งเหมือนวัยรุ่นแล้ว การปัดแก้มให้ดูมีเลือดฝาด สุขภาพดีเป็นธรรมชาติ จึงกลายเป็นไอเทมสำคัญที่ขาดไม่ได้เลยจริงๆ ครับ
แต่โลกของบลัชออนนี่สิ ช่างกว้างใหญ่และหลากหลายเหลือเกิน! ทั้งเนื้อฝุ่น เนื้อครีม เนื้อลิควิด สีสันอีกเป็นร้อยเป็นพันเฉด แถมแบรนด์ก็งัดไม้เด็ดออกมาแข่งกันเพียบ จนบางทีเลือกไม่ถูกเลยว่าจะตัวไหนดีที่จะปัดแล้วรอด ไม่ดูแก้มลิง ไม่เป็นคราบระหว่างวัน หรือช่วยให้ผิวดูเปล่งปลั่งแบบไม่ต้องพึ่งฟิลเตอร์! 🤔
ไม่ต้องกังวลไปครับ! เพราะวันนี้ผมได้รวบรวมข้อมูลและแอบไปส่องเทรนด์ รวมถึงรีวิวจากสาวๆ วัยใกล้เคียง (และกูรูบิวตี้) มาให้แล้ว กับ 10 อันดับ บลัชออน สำหรับวัย 30 ปี 2025 ที่คัดมาแล้วว่าเด็ดจริง ปัดแล้วแก้มสุขภาพดี เป็นธรรมชาติ เหมือนนอนเต็มอิ่มมาแล้ว 8 ชั่วโมง! ใครอยากมีพวงแก้มสวยใส อ่อนวัยลงสิบปี ตามมาดูกันเลยครับ!
ตลาดบลัชออนในไทย: อะไรที่มาแรงในวัย 30+?
ตลาดบิวตี้ในไทยนี่คึกคักสุดๆ ครับ โดยเฉพาะหมวดเมคอัพที่ช่วยคอมพลีทลุคให้ดูสดใสอย่างบลัชออนเนี่ย แบรนด์ต่างชาติยังคงครองตลาดส่วนใหญ่ ทั้งจากฝั่งยุโรป อเมริกา อย่าง NARS, Dior, Bobbi Brown หรือฝั่งเอเชียยอดฮิตตลอดกาลอย่างเกาหลีและญี่ปุ่น เช่น 4U2, Canmake, Etude, Dasique, Romand. แต่แบรนด์ไทยคุณภาพดีราคาน่ารักก็ตีตลาดขึ้นมาได้เยอะเหมือนกันนะครับ โดยเฉพาะที่หาซื้อง่ายใน Watsons หรือ Eveandboy เช่น Sasi, Meilinda, 2P Original.
เทรนด์ความนิยมบลัชออนสำหรับสาววัย 30+ ในไทยตอนนี้จะเน้นไปที่ ฟินิชที่ดูเป็นธรรมชาติ ไม่แมตต์หรือวาวเกินไป. เนื้อสัมผัสที่ได้รับความสนใจคือ เนื้อครีมและเนื้อลิควิด เพราะเกลี่ยง่าย ให้ความฉ่ำ ดูเหมือนสีผิวจริง และติดทนได้ดี. แต่บลัชออนเนื้อฝุ่นก็ยังเป็นที่นิยมอยู่ โดยเฉพาะสูตรที่เนื้อเนียนละเอียด บางเบา และมีชิมเมอร์เล็กๆ ที่ช่วยกระจายแสงให้ผิวดูสุขภาพดี.
พฤติกรรมผู้บริโภคไทยวัยนี้ หลายคนช้อปออนไลน์ผ่าน Lazada, Shopee เป็นหลัก เพราะสะดวก มีโปรโมชั่นเยอะ. แต่ก็ยังนิยมเดินเลือกดูสีและเทสต์เนื้อที่ร้าน Watsons, Boots, Eveandboy, Sephora หรือเคาน์เตอร์แบรนด์ในห้างสรรพสินค้าอยู่ครับ. นอกจากนี้ คนไทยยังให้ความสำคัญกับรีวิวจากผู้ใช้จริงมากๆ ทั้งในโซเชียลมีเดียต่างๆ หรือแอปรีวิวอย่าง Lemon8 ก่อนตัดสินใจซื้อครับ.
เลือกบลัชออนวัย 30+ ยังไงให้ปัง ไม่พัง ไม่โป๊ะ?
การเลือกบลัชออนให้เหมาะกับวัยและสภาพผิวของเราเป็นสิ่งสำคัญมากครับ. ลองดูปัจจัยเหล่านี้เพื่อช่วยในการตัดสินใจ:
- เนื้อสัมผัส (Texture):
- เนื้อฝุ่น (Powder): คลาสสิกที่สุด ใช้ง่าย มือใหม่ใช้ได้ ปรับความเข้มได้ดี เหมาะกับคนผิวมัน. เลือกที่เนื้อละเอียด เนียน ไม่เป็นแป้งๆ จะได้ไม่เน้นรูขุมขนหรือริ้วรอย.
- เนื้อครีม/บาล์ม (Cream/Balm): ให้ฟินิชดูเป็นธรรมชาติ ฉ่ำๆ ดูมีเลือดฝาด เหมาะกับคนผิวแห้ง-ผิวผสม. เกลี่ยง่ายด้วยนิ้วหรือฟองน้ำ.
- เนื้อลิควิด/น้ำ (Liquid/Tint): สีชัด ติดทนมาก เกลี่ยง่าย ให้ลุคธรรมชาติ บางเบา เหมาะกับทุกสภาพผิว แต่ต้องรีบเกลี่ยก่อนแห้ง.
- เฉดสี (Shade): เลือกสีที่เข้ากับ Undertone ผิวของเรา.
- ผิวขาวอมชมพู: ชมพูอ่อน, พีชอ่อน, ม่วงอ่อน.
- ผิวขาวเหลือง: ส้มแอปริคอต, ชมพูอมส้ม, แดงอมน้ำตาล.
- ผิวสองสี/ผิวแทน: ส้ม, น้ำตาลอมส้ม, แดงก่ำ, ชมพูกะปิ. เน้นสีที่เข้มขึ้นมาหน่อยเพื่อไม่ให้ดูซีด.
- ฟินิช (Finish): ชอบแบบแมตต์ (Matte) หรือโกลว์ (Glow)?
- แมตต์: ดูเรียบร้อย เหมาะกับวันทำงาน หรือคนผิวมัน.
- โกลว์/ซาติน: ช่วยให้ผิวดูฉ่ำ สุขภาพดี มีออร่า เหมาะกับคนผิวแห้งหรือผิวหมองคล้ำ. เลือกชิมเมอร์ที่ละเอียดมากๆ จะดูเป็นธรรมชาติกว่า.
- ส่วนผสม: มองหาส่วนผสมบำรุงผิว เช่น วิตามิน สารสกัดจากธรรมชาติ เพื่อช่วยให้ผิวดูเปล่งปลั่ง. ถ้าผิวแพ้ง่าย ให้เลือกสูตรที่ปราศจากน้ำหอม พาราเบน หรือสารที่อาจก่อการระคายเคือง.
- ความติดทน: สำคัญมากสำหรับสภาพอากาศเมืองไทยที่ร้อนชื้น!. เนื้อครีม/ลิควิดมักจะติดทนกว่าเนื้อฝุ่น แต่ถ้าใช้เนื้อฝุ่น ควรลงไพรเมอร์หรือบลัชออนเนื้อครีม/ลิควิดเป็นเบสก่อน แล้วเซ็ตด้วยแป้งฝุ่นเล็กน้อย.
- ราคา: มีตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักพัน เลือกตามงบประมาณได้เลยครับ ของถูกและดีก็มีเยอะนะจะบอกให้!.
- รีวิว: ลองอ่านรีวิวจากผู้ใช้จริงในไทยก่อนตัดสินใจ เพื่อดูว่าสีจริงเป็นยังไง ติดทนไหม เป็นคราบหรือเปล่า.
จัดมาให้แล้ว! 10 บลัชออนน่าตำ สำหรับวัย 30 ปี 2025!
ได้เวลาไปส่องบลัชออนตัวเด็ดที่เหมาะกับวัย 30+ เน้นงานแก้มสุขภาพดี เป็นธรรมชาติกันแล้วครับ!
1. NARS Blush
- เกี่ยวกับแบรนด์: แบรนด์ดังจากอเมริกา ขึ้นชื่อเรื่องเม็ดสีแน่น คุณภาพดี.
- สินค้ารุ่นเด่น: NARS Blush รุ่นตลับดำคลาสสิก โดยเฉพาะสี Orgasm ที่เป็นตำนาน.
- วิเคราะห์ข้อดีข้อเสีย: ข้อดี: เม็ดสีแน่นชัดเจน ปัดนิดเดียวสีก็ออก ติดทนตลอดวัน มีหลากหลายเฉดสีให้เลือกทั้งแมตต์และชิมเมอร์ โดยเฉพาะสี Orgasm ให้ฟินิชแบบมีชิมเมอร์ละเอียด ช่วยให้แก้มดูโกลว์สุขภาพดี. ข้อเสีย: ราคาค่อนข้างสูง.
- เหมาะกับใคร: คนที่ต้องการบลัชออนคุณภาพดี เม็ดสีชัด ติดทน อยากลงทุนกับไอเทมตัวปังในตำนาน ใช้ได้ทุกสีผิว.
- ช่องทางการซื้อ:
- ออนไลน์: Sephora, Central Online, Lazada, Shopee (ร้านค้าทางการ).
- ออฟไลน์: เคาน์เตอร์ NARS ในห้างสรรพสินค้า, Sephora.
- ช่วงราคา: ประมาณ 1,500 - 1,600 บาท.
- รีวิวผู้ใช้งาน: "NARS Orgasm คือบลัชที่ต้องมีจริงๆ สีสวยมาก ปัดแล้วแก้มดูมีเลือดฝาดสุขภาพดีค่ะ ติดทนทั้งวันเลย" "เม็ดสีแน่นมาก ปัดนิดเดียวพอเลย ตลับนึงใช้ได้นานคุ้มราคาค่ะ"
2. Dior Backstage Rosy Glow
- เกี่ยวกับแบรนด์: แบรนด์หรูจากฝรั่งเศส โดดเด่นเรื่องความงามสง่าและนวัตกรรม.
- สินค้ารุ่นเด่น: Dior Backstage Rosy Glow Blush.
- วิเคราะห์ข้อดีข้อเสีย: ข้อดี: มีเทคโนโลยี Color Reviver ที่ปรับสีให้เข้ากับ pH ของผิวแต่ละคน ทำให้ได้สีชมพูที่ดูเป็นธรรมชาติมากๆ เหมือนแก้มอมชมพูจริงๆ. เนื้อบางเบา ปัดแล้วดูเด็กลง. ข้อเสีย: เฉดสีมีให้เลือกไม่เยอะมากในรุ่นนี้ เน้นโทนชมพูเป็นหลัก ราคาค่อนข้างสูง.
- เหมาะกับใคร: คนที่ชอบบลัชออนที่ให้สีชมพูดูเป็นธรรมชาติมากๆ เหมือนแก้มสุขภาพดีแต่เกิด อยากได้ไอเทมที่ดูหรูหราน่าใช้.
- ช่องทางการซื้อ:
- ออนไลน์: Sephora, Central Online, Lazada, Shopee (ร้านค้าทางการ).
- ออฟไลน์: เคาน์เตอร์ Dior ในห้างสรรพสินค้า, Sephora.
- ช่วงราคา: ประมาณ 1,600 บาท.
- รีวิวผู้ใช้งาน: "ปัด Dior Rosy Glow แล้วเพื่อนทักว่าแก้มใสมาก! เหมือนไม่ได้ปัดบลัชเลย แต่ดูมีเลือดฝาดธรรมชาติสุดๆ" "ชอบที่สีปรับตามผิวเรา ทำให้ได้สีที่เข้ากับตัวเองจริงๆ ค่ะ"
3. 4U2 For You Too Matte Blush / Moji Blush
- เกี่ยวกับแบรนด์: แบรนด์ไทยยอดนิยม คุณภาพดี ราคาเป็นมิตร มีสีสันและรุ่นให้เลือกเยอะมาก.
- สินค้ารุ่นเด่น: For You Too Matte Blush หรือรุ่นฮิตตลอดกาลอย่าง Moji Blush.
- วิเคราะห์ข้อดีข้อเสีย: ข้อดี: ราคาถูกและดีมาก!. มีเฉดสีให้เลือกเยอะสุดๆ ครอบคลุมทุกโทนผิวและความชอบ. เนื้อบลัชเกลี่ยง่าย สีชัด ติดทน. รุ่น Moji Blush เนื้อนุ่มคล้ายครีม ให้ฟินิชฉ่ำๆ. ข้อเสีย: บางรุ่นเนื้อแมตต์อาจจะต้องระวังเรื่องการเกลี่ยถ้าผิวแห้ง หรือใช้เยอะเกินไปอาจจะเป็นปื้นได้.
- เหมาะกับใคร: ทุกคน! โดยเฉพาะคนที่มองหาบลัชออนคุณภาพดีในราคาไม่แพง อยากลองหลายๆ สี หรือเป็นมือใหม่หัดแต่งหน้า.
- ช่องทางการซื้อ:
- ออนไลน์: Lazada, Shopee (ร้านค้าทางการ 4U2), Watsons Online.
- ออฟไลน์: Watsons, Eveandboy, Multy Beauty และร้านเครื่องสำอางชั้นนำทั่วไป.
- ช่วงราคา: ประมาณ 150 - 299 บาท.
- รีวิวผู้ใช้งาน: "4U2 คือที่สุดของบลัชถูกและดี! สีสวยเยอะมาก เลือกไม่ถูกเลยจริงๆ คุณภาพเกินราคาไปเยอะค่ะ" "ชอบ Moji Blush สีออกใหม่ๆ ปัดแล้วแก้มใสๆ ดูเกาหลีมาก"
4. MEILINDA Dewy Blush / Soft Cheek Liquid Blush
- เกี่ยวกับแบรนด์: แบรนด์ไทยคุณภาพดี ราคาน่ารัก ดีไซน์สวยน่าใช้.
- สินค้ารุ่นเด่น: Dewy Blush (เนื้อลิควิด) หรือ Soft Cheek Liquid Blush.
- วิเคราะห์ข้อดีข้อเสีย: ข้อดี: เป็นบลัชเนื้อลิควิดที่เกลี่ยง่าย ให้ความฉ่ำวาว ดูเหมือนผิวจริง. เม็ดสีชัดเจนแต่ไม่แน่นเกินไป บิลต์เพิ่มได้ ให้ฟินิชที่ดูเป็นธรรมชาติเหมือนสาวเกาหลี. ราคาเป็นมิตรมาก. ข้อเสีย: เนื้อลิควิดอาจจะแห้งไวนิดหน่อย ต้องรีบเกลี่ย.
- เหมาะกับใคร: คนที่ชอบบลัชเนื้อลิควิด อยากได้แก้มฉ่ำๆ ดูสุขภาพดีแบบธรรมชาติ ในราคาที่เข้าถึงง่าย เป็นมือใหม่ก็ใช้ได้.
- ช่องทางการซื้อ:
- ออนไลน์: Lazada, Shopee (ร้านค้าทางการ Meilinda).
- ออฟไลน์: Watsons, Eveandboy, Multy Beauty และร้านเครื่องสำอางชั้นนำทั่วไป.
- ช่วงราคา: ประมาณ 199 - 329 บาท.
- รีวิวผู้ใช้งาน: "Meilinda Dewy Blush สีสวยมากกกก เกลี่ยง่าย ให้แก้มฉ่ำๆ ดูสุขภาพดีสุดๆ ค่ะ" "เป็นบลัชเนื้อลิควิดที่ใช้ทุกวันเลยค่ะ แต่งหน้าลุคไหนก็รอด ราคาไม่แรงด้วย"
5. CANMAKE Cream Cheek / Glow Fleur Cheeks
- เกี่ยวกับแบรนด์: แบรนด์ญี่ปุ่นสุดคิ้วท์ คุณภาพดี ราคาเบาๆ.
- สินค้ารุ่นเด่น: Cream Cheek (เนื้อครีม) หรือ Glow Fleur Cheeks (เนื้อฝุ่นมีชิมเมอร์).
- วิเคราะห์ข้อดีข้อเสีย: ข้อดี: ราคาเป็นมิตรมาก. เนื้อบลัชเกลี่ยง่าย ให้สีละมุนๆ ดูเป็นธรรมชาติ. รุ่น Cream Cheek ให้ความชุ่มชื้น เหมาะกับคนผิวแห้ง. รุ่น Glow Fleur Cheeks ให้ฟินิชโกลว์ใส ดูมีมิติ. แพ็กเกจน่ารัก พกพาสะดวก. ข้อเสีย: เม็ดสีอาจจะไม่แน่นเท่าแบรนด์ฝั่งยุโรป ต้องปัดซ้ำหลายรอบหน่อยถ้าอยากได้สีชัดๆ.
- เหมาะกับใคร: คนที่ชอบบลัชออนโทนสีละมุนๆ สไตล์ญี่ปุ่น เน้นความเป็นธรรมชาติ ราคาไม่แพง แพ็กเกจน่ารัก.
- ช่องทางการซื้อ:
- ออนไลน์: Lazada, Shopee (ร้านค้าทางการ Canmake), Watsons Online, Eveandboy Online.
- ออฟไลน์: Watsons, Eveandboy, Tsuruha และ Drugstore ชั้นนำทั่วไป.
- ช่วงราคา: ประมาณ 250 - 380 บาท.
- รีวิวผู้ใช้งาน: "Canmake Cream Cheek สีสวยใสๆ น่ารักมากค่ะ ปัดแล้วแก้มดูเด็กเลย ชอบเนื้อครีมเกลี่ยง่ายดี" "Glow Fleur Cheeks ปัดแล้วแก้มดูโกลว์ๆ เหมือนผิวสุขภาพดีจริงๆ ค่ะ มีแปรงเล็กๆ แถมมาด้วยสะดวกดี"
6. Rare Beauty Soft Pinch Liquid Blush
- เกี่ยวกับแบรนด์: แบรนด์ของนักร้องสาว Selena Gomez จากอเมริกา เน้นความงามที่เป็นธรรมชาติและไม่สมบูรณ์แบบ.
- สินค้ารุ่นเด่น: Soft Pinch Liquid Blush.
- วิเคราะห์ข้อดีข้อเสีย: ข้อดี: เป็นลิควิดบลัชที่เม็ดสีแน่นมาก ใช้แค่จุดเล็กๆ ก็ทาได้ทั่วแก้ม. เกลี่ยง่าย ให้ฟินิชที่สวยงามดูเป็นธรรมชาติ มีทั้งเนื้อแมตต์และดิวอี้. สีสวยติดทนตลอดวัน แม้ในสภาพอากาศร้อนชื้น. มีเฉดสีให้เลือกหลากหลาย. ข้อเสีย: เม็ดสีแน่นมาก ถ้าไม่ระวังอาจจะปัดแล้วเป็นจุด ต้องค่อยๆ แตะและรีบเกลี่ย ราคาค่อนข้างสูง.
- เหมาะกับใคร: คนที่ชอบบลัชออนเนื้อลิควิดเม็ดสีแน่น ติดทนมากๆ ใช้แค่นิดเดียวก็สวย เหมาะกับคนที่อยากลงทุนกับบลัชที่ใช้ได้นาน.
- ช่องทางการซื้อ:
- ออนไลน์: Sephora Online.
- ออฟไลน์: Sephora ทุกสาขา.
- ช่วงราคา: ประมาณ 800 - 900 บาท.
- รีวิวผู้ใช้งาน: "Rare Beauty Liquid Blush คือที่สุดของความติดทน! ปัดเช้าอยู่ยันเย็น สีชัดสวยตลอดวันค่ะ" "ใช้แค่นิดเดียวจริงๆ เกลี่ยง่ายมาก ได้แก้มที่ดูเป็นธรรมชาติสวยๆ"
7. Charlotte Tilbury Cheek To Chic
- เกี่ยวกับแบรนด์: แบรนด์เมคอัพหรูจากอังกฤษ สร้างสรรค์โดยเมคอัพอาร์ติสมืออาชีพ.
- สินค้ารุ่นเด่น: Cheek To Chic Blusher โดยเฉพาะสี Pillow Talk.
- วิเคราะห์ข้อดีข้อเสีย: ข้อดี: บลัชออนสองสีในตลับเดียว ใช้ปัดผสมกันหรือแยกสีได้. เนื้อเนียนนุ่ม มีชิมเมอร์ละเอียดที่ช่วยให้ผิวดูโกลว์สวย. สี Pillow Talk เป็นสีชมพูนู้ดที่ดูผู้ดีมากๆ เข้าได้หลายลุค. ติดทนนาน. ข้อเสีย: ราคาสูงมากที่สุดในลิสต์นี้.
- เหมาะกับใคร: คนที่ชอบบลัชออนคุณภาพสูง อยากได้ลุคดูแพง ดูผู้ดี เน้นสีที่ใช้ง่าย ใช้ได้ทุกวัน และมีงบประมาณ.
- ช่องทางการซื้อ:
- ออนไลน์: Central Online, Sephora Online.
- ออฟไลน์: เคาน์เตอร์ Charlotte Tilbury ในห้างสรรพสินค้า, Sephora (บางสาขา).
- ช่วงราคา: ประมาณ 1,900 - 2,000 บาท.
- รีวิวผู้ใช้งาน: "ยอมจ่ายให้ป้าชาล็อตจริงๆ ค่ะ สี Pillow Talk คือสวยตะโกน ปัดแล้วดูแพงมาก หน้าดูละมุนขึ้นเยอะ" "เนื้อบลัชเนียนละเอียด ปัดง่าย ไม่เป็นคราบเลยค่ะ ติดทนดีมากๆ"
8. MAC Powder Blush
- เกี่ยวกับแบรนด์: แบรนด์เมคอัพมืออาชีพจากอเมริกา มีสีสันและผลิตภัณฑ์หลากหลาย.
- สินค้ารุ่นเด่น: MAC Powder Blush รุ่นตลับเดียวเดี่ยวๆ มีหลายสีให้เลือก.
- วิเคราะห์ข้อดีข้อเสีย: ข้อดี: มีเฉดสีให้เลือกเยอะมากๆ ครอบคลุมทุกโทนสีผิวและความต้องการ. เม็ดสีชัด ติดทน. คุณภาพดีตามมาตรฐานแบรนด์มืออาชีพ. ข้อเสีย: บางสีอาจจะต้องระวังเรื่องการเกลี่ยถ้าใช้เยอะไป เนื้อค่อนข้างแน่น.
- เหมาะกับใคร: คนที่มองหาบลัชออนเนื้อฝุ่นคุณภาพดี มีสีให้เลือกเยอะ อยากได้สีที่ตรงใจจริงๆ.
- ช่องทางการซื้อ:
- ออนไลน์: Central Online, M Online, Lazada, Shopee (ร้านค้าทางการ).
- ออฟไลน์: เคาน์เตอร์ MAC ในห้างสรรพสินค้า.
- ช่วงราคา: ประมาณ 1,200 - 1,300 บาท.
- รีวิวผู้ใช้งาน: "ใช้ MAC Powder Blush มาหลายสีแล้วค่ะ คุณภาพดีทุกสีเลย เม็ดสีชัด ติดทน ใช้ได้นานคุ้มราคา" "ชอบที่มีสีให้เลือกเยอะมาก หา Endowment สีที่เข้ากับตัวเองได้ง่ายค่ะ"
9. Fwee Blurry Pudding Pot
- เกี่ยวกับแบรนด์: แบรนด์เกาหลีที่กำลังมาแรง โดดเด่นด้วยเนื้อสัมผัสแบบพุดดิ้ง.
- สินค้ารุ่นเด่น: Blurry Pudding Pot.
- วิเคราะห์ข้อดีข้อเสีย: ข้อดี: เนื้อสัมผัสแปลกใหม่ เป็นเนื้อพุดดิ้งนุ่มๆ เด้งๆ เกลี่ยง่าย ให้ฟินิชเบลอๆ ดูเป็นธรรมชาติ. สีสันน่ารักสไตล์เกาหลี. ใช้ได้ทั้งแก้มและปาก. ข้อเสีย: อาจจะยังไม่คุ้นเคยกับเนื้อสัมผัสเท่าบลัชแบบฝุ่นหรือครีมทั่วไป.
- เหมาะกับใคร: คนที่ชอบลองไอเทมใหม่ๆ อยากได้บลัชเนื้อสัมผัสพิเศษที่ให้ฟินิชเบลอๆ ดูเป็นธรรมชาติสไตล์เกาหลี.
- ช่องทางการซื้อ:
- ออนไลน์: Shopee, Lazada (ร้านค้า Official หรือร้านพรีออเดอร์).
- ออฟไลน์: อาจจะมีในร้านมัลติแบรนด์เครื่องสำอางเกาหลีบางแห่ง.
- ช่วงราคา: ประมาณ 400 - 600 บาท.
- รีวิวผู้ใช้งาน: "เนื้อ Fwee Pudding Pot น่ารักมากกกก นุ่มๆ เด้งๆ เกลี่ยง่าย สีก็สวยเบลอๆ ดูธรรมชาติสุดๆ ค่ะ" "ชอบที่ใช้ได้ทั้งแก้มทั้งปาก พกตลับเดียวจบเลย"
10. sasi Kiss & Blush Stick
- เกี่ยวกับแบรนด์: แบรนด์ไทยในเครือศรีจันทร์ ราคานักเรียนนักศึกษา คุณภาพดีเกินราคา.
- สินค้ารุ่นเด่น: Kiss & Blush Stick.
- วิเคราะห์ข้อดีข้อเสีย: ข้อดี: ราคาถูกมาก!. เป็นบลัชออนแบบแท่ง ใช้งานง่าย พกพาสะดวก. เนื้อเนียนนุ่ม เกลี่ยง่าย ไม่เป็นคราบ. ใช้ได้ทั้งแก้ม ตา ปาก. มีสีที่เหมาะกับผิวคนไทย. ข้อเสีย: ความติดทนอาจจะไม่เท่าแบรนด์เคาน์เตอร์หรูๆ อาจจะต้องเติมระหว่างวันถ้าต้องการให้สีชัดเป๊ะตลอดเวลา.
- เหมาะกับใคร: คนที่มองหาบลัชออนราคาเบาๆ คุณภาพดี ใช้งานง่าย พกพาสะดวก เป็นไอเทม Everyday Look หรือมือใหม่หัดแต่งหน้า.
- ช่องทางการซื้อ:
- ออนไลน์: Lazada, Shopee, Watsons Online, Eveandboy Online.
- ออฟไลน์: Watsons, Eveandboy, Boots, Tops และร้านสะดวกซื้อ/Drugstore ทั่วไป.
- ช่วงราคา: ประมาณ 130 - 150 บาท.
- รีวิวผู้ใช้งาน: "sasi Kiss & Blush Stick คือถูกและดีในตำนาน! พกไปเติมระหว่างวันสะดวกมาก สีสวยเป็นธรรมชาติค่ะ" "เนื้อบลัชสติ๊กเกลี่ยง่าย ไม่เป็นคราบเลยค่ะ ใช้ทาปากก็ได้สีน่ารักดี"
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) สไตล์สาววัย 30+!
Q: ระหว่างบลัชเนื้อครีมกับเนื้อฝุ่น วัย 30+ ควรเลือกแบบไหนดีคะ?
A: ถ้าผิวค่อนข้างแห้งหรืออยากได้ลุคฉ่ำๆ ดูสุขภาพดีเป็นธรรมชาติ แนะนำ เนื้อครีมหรือลิควิด ครับ. แต่ถ้าผิวมัน หรือชอบความคลาสสิก ใช้ง่าย ปรับสีง่าย เนื้อฝุ่น ก็ยังเป็นตัวเลือกที่ดีอยู่ครับ. ลองใช้ทั้งสองแบบคู่กันก็ได้นะ ลงเนื้อครีมก่อนแล้วทับด้วยเนื้อฝุ่น จะช่วยให้ติดทนมากขึ้นครับ.
Q: กลัวปัดบลัชแล้วเป็นคราบ เป็นปื้น ควรทำยังไงดีคะ?
A: ถ้าเป็นบลัชเนื้อฝุ่น ให้ใช้แปรงที่ฟูและนุ่ม แตะบลัชแค่เบาๆ แล้วเคาะส่วนเกินออกก่อนปัดครับ. ถ้าเป็นเนื้อครีมหรือลิควิด ให้วอร์มเนื้อผลิตภัณฑ์ที่หลังมือหรือนิ้วก่อน แล้วค่อยๆ แตะลงบนแก้มทีละน้อย ใช้ฟองน้ำหรือนิ้วเกลี่ยให้เนียนฟุ้งทันทีครับ. การเตรียมผิวก่อนลงเมคอัพก็สำคัญนะครับ ทามอยส์เจอร์ไรเซอร์หรือไพรเมอร์ก่อน จะช่วยให้บลัชเกลี่ยง่ายขึ้นและติดทนขึ้นด้วย.
Q: บลัชออนสีไหนปัดแล้วช่วยให้ดูหน้าเด็ก ลดอายุคะ?
A: โทนสีที่ปัดแล้วดูหน้าเด็กมักจะเป็นโทนสีชมพูอ่อนๆ หรือสีพีช ที่ให้ความรู้สึกสดใส ดูมีเลือดฝาดแบบธรรมชาติครับ. เลี่ยงสีที่เข้มหรือจัดจ้านเกินไป อาจจะทำให้ดูไม่เป็นธรรมชาติได้ครับ.
Q: ซื้อบลัชออนออนไลน์ใน Lazada/Shopee มั่นใจได้แค่ไหนว่าเป็นของแท้?
A: เพื่อความมั่นใจสูงสุด แนะนำให้ซื้อจากร้านที่เป็น Official Store ของแบรนด์นั้นๆ บนแพลตฟอร์ม หรือร้านค้าที่เป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการที่มีชื่อเสียงครับ. หลีกเลี่ยงร้านที่ราคาถูกผิดปกติ หรือไม่มีข้อมูลผู้ขายที่ชัดเจนครับ.
Q: บลัชออนสำหรับวัย 30+ ควรมีส่วนผสมบำรุงผิวไหมคะ?
A: มีก็ดีครับ! วัย 30+ ผิวอาจจะเริ่มแห้งง่ายขึ้น การมีส่วนผสมบำรุงผิวในบลัชออน เช่น วิตามิน หรือสารสกัดจากธรรมชาติ จะช่วยให้ผิวดูชุ่มชื้น เปล่งปลั่ง และสุขภาพดีขึ้นได้ครับ.
สรุปและคำแนะนำ: เลือกบลัชออนให้ปังในวัย 30+!
เห็นไหมครับว่าการเลือกบลัชออนสำหรับวัย 30+ ไม่ได้ยากอย่างที่คิด แค่เข้าใจสภาพผิวตัวเอง รู้ว่าชอบเนื้อสัมผัสแบบไหน และเลือกสีที่เข้ากับโทนผิวของเรา ก็ช่วยให้พวงแก้มดูสุขภาพดี เปล่งปลั่ง เป็นธรรมชาติได้แล้วครับ!
- ถ้า งบจำกัด แนะนำแบรนด์ไทยอย่าง 4U2, MEILINDA หรือ sasi ครับ คุณภาพดีเกินราคาแน่นอน. แบรนด์ญี่ปุ่นอย่าง CANMAKE ก็เป็นตัวเลือกที่ดีเช่นกัน.
- ถ้าเน้น ความติดทนขั้นสุด ในอากาศเมืองไทย ลองดู Rare Beauty หรือ NARS ครับ.
- ถ้าชอบ ลุคแก้มใสๆ ดูเป็นธรรมชาติเหมือนไม่ได้ปัด แนะนำ Dior Backstage Rosy Glow หรือ CANMAKE Cream Cheek.
- ถ้าชอบ เนื้อครีมหรือลิควิด เป็นพิเศษ ลองดู MEILINDA, Rare Beauty หรือ Fwee ครับ.
ข้อควรระวัง! ในสภาพอากาศเมืองไทยที่ร้อนชื้นมากๆ การใช้บลัชออนเนื้อครีมหรือลิควิดอาจจะต้องเซ็ตด้วยแป้งฝุ่นบางๆ หรือสเปรย์น้ำแร่ เพื่อให้ติดทนยาวนานขึ้นนะครับ. และที่สำคัญมากๆ คืออย่าลืมเช็ควันหมดอายุของเครื่องสำอางด้วยนะจ๊ะ ใช้ของที่หมดอายุอาจจะทำให้ผิวแพ้ได้ง่ายครับ.
มาเม้าท์มอยกันหน่อย! แชร์บลัชออนตัวโปรดกันจ้า!
เพื่อนๆ วัย 30+ คนไหนกำลังใช้บลัชออนตัวไหนอยู่บ้าง หรือมีตัวไหนที่ปัดแล้วรู้สึกว่า "ใช่เลย!" ช่วยให้แก้มดูสุขภาพดี เป็นธรรมชาติสุดๆ มาแชร์ประสบการณ์กันในคอมเมนต์หน่อยนะค้าบ! 👇
ถ้าใครอ่านแล้วอยากได้พิกัดร้านค้าออนไลน์ของบลัชออนตัวไหนเป็นพิเศษ หรืออยากให้แนะนำสีเพิ่มเติมสำหรับโทนผิวต่างๆ พิมพ์คำว่า "จัดพิกัดมาเลย!" เดี๋ยวผมไปรวบรวมมาให้ครับ แล้วเจอกันใหม่บทความหน้า ขอให้ทุกคนมีพวงแก้มที่สวยใส สุขภาพดีตลอดปี 2025 นะครับ! 👋
วิดีโอที่เกี่ยวข้อง
แนะนำสำหรับคุณ
10 อันดับ คีย์บอร์ด Nubwo รุ่นไหนดี ปี 2025 ตอบสนองไว ใช้งานทนทาน
แหล่งรวม เช่ารถขับเอง กรุงเทพ ราคาถูก: เที่ยวสะดวก ประหยัดงบ
รีวิว MX10 Android TV Box: กล่องทีวีดูหนังฟังเพลง รุ่นเล็ก ราคาประหยัด ดีพอไหม?
รองเท้า Agatha Paris สวยหรู คู่โปรดของคุณ: เช็คราคาล่าสุดที่นี่!
แปรงล้างหน้า Foreo ราคาล่าสุด รุ่นไหนดีที่สุด?
Apple AirPort Time Capsule ราคาเท่าไหร่? คุ้มไหมที่จะซื้อปี 2024?