สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า ราคาเท่าไหร่? แนะนำรุ่นยอดนิยมสำหรับเด็กและผู้ใหญ่


สวัสดีทุกคน! วันนี้เราจะพามาเจาะลึกเรื่องราวของ สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า ยานพาหนะส่วนตัวสุดฮิตที่กำลังมาแรงในตลาดประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นเด็กๆ ที่อยากได้ของเล่นชิ้นใหม่ หรือผู้ใหญ่ที่มองหาวิธีเดินทางที่สะดวก รวดเร็ว และประหยัดค่าใช้จ่าย สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าก็ตอบโจทย์ได้หมด! เราจะมาดูกันว่าสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้ามีราคาเท่าไหร่ รุ่นไหนน่าสนใจสำหรับทั้งเด็กและผู้ใหญ่ พร้อมเทคนิคการเลือกซื้อให้คุ้มค่าที่สุด บอกเลยว่าห้ามพลาด!
1. สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าคืออะไรและเหมาะกับใคร?
สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า (Electric Scooter) คือยานพาหนะส่วนบุคคลขนาดเล็กที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายทั่วโลกและในประเทศไทย เพราะใช้งานง่าย พกพาสะดวก และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเดินทางในระยะใกล้ เช่น การเดินทางจากบ้านไปสถานีรถไฟฟ้า, จากที่จอดรถไปที่ทำงาน, การใช้ในบริเวณมหาวิทยาลัยหรือหมู่บ้านจัดสรร หรือแม้แต่ใช้เป็นกิจกรรมยามว่างในสวนสาธารณะ
สำหรับ กลุ่มผู้ใช้ สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าแบ่งได้เป็น 2 กลุ่มหลักๆ:
- สำหรับเด็ก: สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าสำหรับเด็กมักมีขนาดเล็กกะทัดรัด น้ำหนักเบา ความเร็วไม่สูงมาก เน้นความปลอดภัยและใช้งานง่าย ช่วยเสริมสร้างทักษะการทรงตัวและเป็นกิจกรรมสนุกๆ ยามว่าง. แบรนด์ยอดนิยมสำหรับเด็ก เช่น Ninebot A6 ของ Segway-Ninebot ที่ออกแบบมาเพื่อพัฒนาการของเด็กโดยเฉพาะ มีเซ็นเซอร์ตรวจจับการเหยียบและปรับความเร็วได้อัตโนมัติ รวมถึงรุ่นอื่นๆ ที่มีไฟ LED ที่ล้อเพิ่มความสนุกสนาน.
- สำหรับผู้ใหญ่: สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าสำหรับผู้ใหญ่มีขนาดใหญ่ขึ้น รองรับน้ำหนักได้มากขึ้น มอเตอร์มีกำลังสูงขึ้น และทำความเร็วได้ดีกว่า. แบรนด์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในตลาดโลกและในไทยคือ Xiaomi (เสียวหมี่) และ Segway-Ninebot (เซกเวย์-ไนน์บอท) ซึ่งทั้งสองเป็นแบรนด์สัญชาติจีนที่โดดเด่นด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม โดย Xiaomi มีชื่อเสียงจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หลากหลายประเภท ส่วน Segway-Ninebot เป็นผู้นำด้านยานพาหนะส่วนบุคคลอัจฉริยะที่พัฒนามาจากเทคโนโลยี Segway ดั้งเดิม สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าของทั้งสองแบรนด์จึงขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพ ความทนทาน และฟังก์ชันการใช้งานที่ทันสมัย.
2. ช่วงราคาสินค้าในตลาดไทยเป็นอย่างไร?
ราคาของสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าในตลาดไทยมีความหลากหลายอย่างมาก ขึ้นอยู่กับแบรนด์ รุ่น สเปก และกลุ่มผู้ใช้งาน โดยส่วนใหญ่แล้วจะอยู่ระหว่าง หลักพันต้นๆ ไปจนถึงหลายหมื่นบาท.
สำหรับเด็ก
สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าสำหรับเด็กมักมีราคาที่เข้าถึงง่ายกว่า เริ่มต้นตั้งแต่ หลักร้อยปลายๆ ไปจนถึง 4,000 - 5,000 บาท. เช่น สกู๊ตเตอร์ 3 ล้อแบบมีไฟสำหรับเด็กอาจมีราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 200 - 1,000 บาท ในขณะที่รุ่นที่มีมอเตอร์ไฟฟ้าจริงจังขึ้นมาหน่อย อาจอยู่ที่ 3,000 - 4,000 บาท ขึ้นไป. แบรนด์อย่าง Xiaomi มีรุ่นสำหรับเด็กอย่าง Xiaomi Mitu Children's Scooter อยู่ที่ประมาณ 1,849 - 2,190 บาท.
สำหรับผู้ใหญ่
สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าสำหรับผู้ใหญ่มีราคาที่กว้างกว่ามาก:
-
รุ่นเริ่มต้น/ประหยัด: ราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 5,000 - 15,000 บาท. รุ่นเหล่านี้มักจะมีความเร็วสูงสุดและระยะทางในการวิ่งต่อการชาร์จหนึ่งครั้งที่พอเหมาะสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันทั่วไป.
-
รุ่นมาตรฐาน/ยอดนิยม: แบรนด์อย่าง Xiaomi และ Segway-Ninebot มีรุ่นยอดนิยมในช่วงราคา 12,000 - 30,000 บาท.
-
Xiaomi Mi Electric Scooter 3 (Youth): ประมาณ 12,490 - 16,900 บาท. ส่วน Xiaomi Electric Scooter 3 Lite มีราคาเปิดตัวในจีนประมาณ 9,999 บาท.
-
Ninebot KickScooter E2 Plus: ราคา 18,900 - 19,900 บาท.
-
Ninebot KickScooter F25/F30/F40 Series: Ninebot F25 ราคาประมาณ 19,900 บาท, Ninebot F40 ราคาประมาณ 28,900 บาท.
-
รุ่นประสิทธิภาพสูง/พรีเมียม: สกู๊ตเตอร์บางรุ่นที่เน้นสมรรถนะสูงขึ้น ระยะทางวิ่งไกลขึ้น หรือมีดีไซน์และฟังก์ชันพิเศษ อาจมีราคาสูงถึง 30,000 - 70,000 บาท หรือมากกว่านั้น.
สามารถหาซื้อได้ตามแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซหลักอย่าง Lazada และ Shopee ซึ่งมักจะมีตัวเลือกและช่วงราคาที่หลากหลาย พร้อมโปรโมชั่นที่น่าสนใจ. สำหรับร้านค้าปลีกสินค้าไอทีอย่าง JIB, Banana IT, หรือ Power Buy อาจมีสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าบางรุ่นวางจำหน่ายเช่นกัน โดยเฉพาะรุ่นจากแบรนด์ดังที่เน้นเทคโนโลยี.
3. เปรียบเทียบราคากับสินค้าประเภทเดียวกัน
หากเปรียบเทียบสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้ากับยานพาหนะขนาดเล็กอื่นๆ หรือสกู๊ตเตอร์แบรนด์อื่นในตลาด จะเห็นว่าสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้ามีความคุ้มค่าในแง่ของการลงทุนเริ่มต้นและค่าใช้จ่ายในการใช้งาน.
- สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าแบรนด์ดัง vs. แบรนด์ทั่วไป: แบรนด์อย่าง Xiaomi และ Ninebot มักจะมีราคาสูงกว่าแบรนด์ทั่วไปที่หาได้ตามแพลตฟอร์มออนไลน์ ซึ่งบางครั้งราคาอาจเริ่มต้นเพียง 2,000 - 4,000 บาท. อย่างไรก็ตาม แบรนด์ดังมักจะมาพร้อมกับ คุณภาพการผลิตที่ดีกว่า, ความทนทาน, เทคโนโลยีที่ทันสมัยกว่า (เช่น การเชื่อมต่อแอปพลิเคชัน, ระบบเบรกอัจฉริยะ), และ การรับประกันที่น่าเชื่อถือกว่า.
- สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า vs. จักรยานไฟฟ้า: จักรยานไฟฟ้าบางรุ่นอาจมีราคาใกล้เคียงกับสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้ารุ่นกลางๆ หรือสูงกว่าเล็กน้อย เช่น จักรยานไฟฟ้าบางรุ่นเริ่มต้นที่ประมาณ 3,000 - 8,000 บาท. สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้ามักจะได้เปรียบในเรื่องของ ความกะทัดรัดและน้ำหนักเบา ทำให้พกพาและจัดเก็บได้ง่ายกว่า ส่วนจักรยานไฟฟ้าอาจให้ความสะดวกสบายในการขับขี่ระยะไกลกว่าและมีที่นั่ง.
- ความคุ้มค่า: แม้ว่าสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าจากแบรนด์ยอดนิยมจะมีราคาสูงกว่าสกู๊ตเตอร์ขาไถธรรมดา หรือบางรุ่นที่ไม่มีแบรนด์ แต่เมื่อพิจารณาถึง ความสะดวกสบายในการเดินทาง, การประหยัดพลังงาน (ไม่ต้องออกแรงไถ), และ ฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครัน ทำให้หลายคนมองว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงปัญหาการจราจรติดขัดในเมือง.
4. อุปกรณ์เสริมและบริการที่รวมมา
เมื่อซื้อสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า สิ่งที่ผู้บริโภคควรตรวจสอบนอกเหนือจากตัวเครื่องคืออุปกรณ์เสริมและบริการหลังการขายที่ได้รับ ซึ่งแต่ละร้านค้าหรือแบรนด์อาจมีข้อเสนอที่แตกต่างกัน:
-
ค่าขนส่ง: ร้านค้าออนไลน์ใหญ่ๆ อย่าง Lazada และ Shopee มักจะมีโปรโมชั่น ฟรีค่าจัดส่ง สำหรับสินค้าบางชิ้น หรือเมื่อสั่งซื้อถึงยอดที่กำหนด. อย่างไรก็ตาม ควรตรวจสอบเงื่อนไขการจัดส่งสำหรับสินค้าขนาดใหญ่อีกครั้ง.
-
ระยะเวลารับประกัน: สำหรับผู้บริโภคชาวไทย การรับประกัน ถือเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆ. โดยทั่วไป สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าจากแบรนด์ดังมักมีการรับประกัน:
- โครงสร้าง: อาจมีการรับประกันโครงสร้างนานสูงสุด 3 ปี.
- มอเตอร์: โดยปกติรับประกันประมาณ 1-2 ปี.
- แบตเตอรี่: แบตเตอรี่เป็นส่วนสำคัญและมักมีระยะเวลารับประกันสั้นกว่าส่วนอื่นๆ โดยเฉลี่ยประมาณ 6 เดือน - 1 ปี. ควรสอบถามรายละเอียดเงื่อนไขการรับประกันแบตเตอรี่ให้ชัดเจน เนื่องจากเป็นส่วนที่มีค่าใช้จ่ายสูงหากต้องเปลี่ยน.
ควรเลือกซื้อจากร้านค้าหรือตัวแทนจำหน่ายที่น่าเชื่อถือ และมีศูนย์บริการในประเทศไทย เพื่อความสะดวกในการเคลมหรือซ่อมบำรุง.
-
ของแถม อุปกรณ์เสริม และโปรโมชั่น: บางครั้งร้านค้าอาจมีของแถม เช่น หมวกกันน็อค, กระเป๋าสำหรับพกพา, หรือชุดยางในสำรอง (สำหรับล้อที่ใช้ยางลม). นอกจากนี้ อาจมีคูปองส่วนลดพิเศษ หรือโปรโมชั่นผ่อนชำระ 0% ร่วมกับบัตรเครดิต ซึ่งช่วยให้การเป็นเจ้าของสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าเป็นเรื่องง่ายขึ้น.
5. โปรโมชั่นและคำแนะนำการซื้อ
การจับจ่ายสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าให้ได้ราคาคุ้มค่าที่สุดนั้น มักจะอยู่ในช่วงเวลาที่มีโปรโมชั่นพิเศษ:
- เทศกาลลดราคาใหญ่: แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซอย่าง Lazada และ Shopee มักจัดโปรโมชั่น Double Digit Sale เช่น 11.11, 12.12, หรือ Pay Day เป็นประจำ. ช่วงเวลาเหล่านี้เป็นโอกาสทองในการซื้อสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า เพราะร้านค้าแฟลกชิป (Official Store) หรือร้านค้าแนะนำมักจะจัดส่วนลด โค้ดส่วนลด หรือของแถมพิเศษที่คุ้มค่าอย่างมาก.
- เทศกาลไทย: แม้จะไม่ใช่โปรโมชั่นใหญ่เท่า Double Digit Sale แต่ในช่วงเทศกาลสำคัญของไทย เช่น สงกรานต์ หรือ ปีใหม่ บางร้านค้าก็อาจจะมีแคมเปญลดราคาหรือของแถมเพื่อกระตุ้นยอดขายเช่นกัน.
- คำแนะนำการซื้อ: หากไม่รีบใช้มากนัก การรอซื้อในช่วงโปรโมชั่นใหญ่ๆ จะช่วยให้ประหยัดเงินได้มากที่สุด. ควรติดตามข่าวสารจากร้านค้า Official Store บน Lazada และ Shopee เพราะมักจะมีส่วนลดและโปรโมชั่นพิเศษออกมาบ่อยครั้ง. นอกจากนี้ การเปรียบเทียบราคาก่อนซื้อเป็นสิ่งสำคัญ ควรเช็คราคาจากหลายๆ แหล่ง ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าออนไลน์ ตัวแทนจำหน่าย หรือร้านค้าปลีก เพื่อให้แน่ใจว่าได้ราคาที่ดีที่สุด.
6. รีวิวและฟีดแบ็กจากผู้ใช้ในไทย
จากรีวิวและฟีดแบ็กของผู้ใช้สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าในประเทศไทย ทั้งจากแพลตฟอร์มออนไลน์และเว็บบอร์ดต่างๆ พบว่าผู้ใช้งานส่วนใหญ่ให้การตอบรับที่ดีเยี่ยม โดยเฉพาะในเรื่องของ ความสะดวกสบายและประโยชน์ใช้สอย:
- ความคล่องตัวและการประหยัดเวลา: ผู้ใช้หลายคนชื่นชอบความสามารถในการพาหนะขนาดเล็กนี้ไป ซอกแซกตามตรอกซอกซอย หรือ หลีกเลี่ยงการจราจรติดขัด ได้เป็นอย่างดี. การเดินทางระยะสั้นกลายเป็นเรื่องง่ายและรวดเร็วขึ้นมาก ช่วยลดเวลาในการเดินทางในแต่ละวัน.
- ประหยัดค่าใช้จ่าย: การใช้สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าช่วย ลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง เช่น ค่าน้ำมัน ค่าโดยสารสาธารณะ หรือค่าที่จอดรถ.
- เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม: ผู้ใช้หลายคนรู้สึกดีที่ได้มีส่วนร่วมในการ ลดมลภาวะทางอากาศและเสียง เพราะสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าไม่ปล่อยไอเสีย.
- พกพาง่ายและจัดเก็บสะดวก: ด้วยคุณสมบัติที่ พับเก็บได้ ทำให้สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าสามารถนำขึ้นรถสาธารณะ เช่น รถไฟฟ้า หรือเก็บท้ายรถยนต์ได้อย่างง่ายดาย. น้ำหนักที่เบาก็เป็นอีกจุดเด่นที่ทำให้การพกพาไปในที่ต่างๆ ทำได้สะดวก.
- คุณภาพและความทนทาน: โดยเฉพาะรุ่นจากแบรนด์ดังอย่าง Xiaomi หรือ Ninebot ได้รับคำชมว่า แข็งแรงทนทาน ใช้งานได้นาน และมีระบบเบรกที่ปลอดภัย. อย่างไรก็ตาม บางรีวิวก็มีการกล่าวถึงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น แบตเตอรี่เสื่อม หรือการหาอะไหล่ในบางกรณี.
- ความสนุกสนาน: ไม่ใช่แค่ยานพาหนะ แต่สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้ายังเป็นอุปกรณ์ที่ให้ ความสนุกสนาน ในการขับขี่ เป็นกิจกรรมสันทนาการที่ได้รับความนิยมสำหรับทุกเพศทุกวัย.
7. ช่องทางการซื้อที่แนะนำ
การเลือกซื้อสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้ามีหลากหลายช่องทาง โดยแต่ละช่องทางก็มีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันไป:
- ช่องทางทางการ (Official Store/ตัวแทนจำหน่าย): การซื้อจาก Official Store ของแบรนด์โดยตรง (เช่น Monowheel ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่าย Ninebot ในไทย) หรือจากตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับอนุญาต เป็นช่องทางที่ น่าเชื่อถือที่สุด. คุณจะมั่นใจได้ว่าเป็นสินค้าของแท้ ได้รับการรับประกันที่ถูกต้อง และบริการหลังการขายตามมาตรฐานของแบรนด์.
- แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซหลักในไทย: Lazada และ Shopee เป็นแหล่งรวมสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย. ข้อดีคือมี ตัวเลือกเยอะมาก ทั้งรุ่นสำหรับเด็กและผู้ใหญ่ จากหลากหลายแบรนด์ รวมถึงแบรนด์จีนที่ไม่เป็นที่รู้จักมากนักในตลาดออฟไลน์ คุณสามารถ เปรียบเทียบราคา ได้ง่าย มีโปรโมชั่นและส่วนลดบ่อยครั้ง และมีระบบ Shopee/Lazada การันตี ที่ช่วยปกป้องผู้ซื้อ. แต่ควร ตรวจสอบคะแนนร้านค้าและรีวิวจากผู้ซื้อคนอื่นๆ อย่างละเอียดก่อนตัดสินใจซื้อ เพื่อหลีกเลี่ยงร้านค้าที่ไม่มีคุณภาพ.
- ร้านค้าปลีกสินค้าไอทีและแกดเจ็ต: ร้านค้าอย่าง JIB, Banana IT, และ Power Buy ก็มีสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าบางรุ่น โดยเฉพาะรุ่นยอดนิยมจากแบรนด์อย่าง Xiaomi หรือ Ninebot วางจำหน่าย. ข้อดีคือคุณสามารถ ไปดูสินค้าจริง ลองสัมผัส และสอบถามข้อมูลจากพนักงานได้โดยตรง ราคาที่ร้านค้าปลีกอาจจะไม่ได้ถูกเท่าออนไลน์เสมอไป แต่ก็มักจะมีโปรโมชั่นผ่อนชำระ หรือของแถมเฉพาะหน้าร้าน.
8. สรุปหรือคำแนะนำเรื่องราคา
โดยสรุปแล้ว สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าถือเป็น ยานพาหนะส่วนบุคคลที่คุ้มค่า และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การเดินทางในยุคปัจจุบันได้อย่างดีเยี่ยม.
- ความคุ้มค่า: สำหรับผู้ที่ต้องการ ประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง, หลีกเลี่ยงการจราจรติดขัด, และมองหาวิธีเดินทางที่ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าคือการลงทุนที่คุ้มค่าอย่างแน่นอน. แม้ราคาเริ่มต้นจะสูงกว่าจักรยานทั่วไป แต่เมื่อเทียบกับความสะดวกสบายที่ได้รับ ถือว่าสมเหตุสมผล.
- เหมาะกับใคร:
- ผู้ใหญ่: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการยานพาหนะสำหรับเดินทางใน ระยะใกล้ถึงปานกลาง ในเมือง หรือใช้เป็น Last-Mile Solution (การเดินทางระยะสุดท้าย) เชื่อมต่อกับการขนส่งสาธารณะ. ผู้ที่ต้องการความสะดวกสบายในการพกพาไปทำงาน หรือใช้ในพื้นที่จำกัด เช่น ภายในมหาวิทยาลัยหรือโรงงาน. หากเป็นผู้ที่เน้นความเร็ว ระยะทาง และฟังก์ชันล้ำๆ ก็ควรเลือกรุ่นมาตรฐานหรือรุ่น Pro จากแบรนด์ดัง.
- เด็ก: เหมาะสำหรับเด็กที่ต้องการ กิจกรรมสันทนาการใหม่ๆ ที่ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการด้านการทรงตัวและกล้ามเนื้อ. ควรเลือกรุ่นที่เน้น ความปลอดภัย ความเร็วไม่สูงมาก และมีขนาดที่เหมาะสมกับช่วงวัยของเด็ก.
- ควรซื้อรุ่นสูงหรือต่ำ:
- ถ้าคุณมี งบประมาณจำกัด และต้องการใช้งานทั่วไปในระยะทางไม่ไกลมากนัก รุ่นเริ่มต้นจากแบรนด์ยอดนิยม หรือรุ่นที่มีราคาประหยัดจากแบรนด์ทั่วไปก็เพียงพอต่อการใช้งานแล้ว.
- แต่ถ้าคุณ ต้องการฟังก์ชันที่ครบครัน เช่น ระยะทางวิ่งที่ไกลขึ้น ความเร็วที่สูงขึ้น ระบบเบรกที่ดีกว่า ระบบกันสะเทือน หรือการเชื่อมต่อแอปพลิเคชันที่ชาญฉลาด การลงทุนใน รุ่นมาตรฐานหรือรุ่น Pro จากแบรนด์ดังอย่าง Xiaomi หรือ Ninebot จะให้ประสบการณ์การใช้งานที่ดีกว่าและคุ้มค่าในระยะยาว.
ไม่ว่าคุณจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ การเลือกสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าที่เหมาะสมกับความต้องการและงบประมาณ จะช่วยให้คุณสนุกกับการเดินทางและใช้ชีวิตได้สะดวกสบายยิ่งขึ้นแน่นอน!
วิดีโอที่เกี่ยวข้อง
- รีวิว สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า พับได้ รับน้ำหนักได้ 150 Kg | family man ...
- สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าไฟฟ้า 2 รุ่นยอดฮิต เลือกรุ่นไหนดี? - Ninebot D38U vs ...
- แนะนำสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าสำหรับผู้ใหญ่ AENXRD
- [สกู๊ตทอร์ค EP.1] 10 สื่งที่ต้องรู้ก่อนซื้อสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า | yo2na.net
- สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า น่ารัก คันเล็ก ขี่ได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ราคา 6000 บาท
แนะนำสำหรับคุณ
ราคา Peugeot 3008 ในไทย: SUV สไตล์ยุโรป ไม่เหมือนใคร
รีวิวและราคา รอกตกปลา G-Max Wolf: ดีจริงไหม น่าใช้หรือเปล่า
ราคา iPhone 15 Pro ล่าสุด โปรโมชั่น และเคล็ดลับการซื้อ ปี 2025
แปรงล้างหน้า Foreo ราคาล่าสุด รุ่นไหนดีที่สุด?
ราคา Canon EOS RP ล่าสุด: กล้อง Mirrorless Full Frame ที่น่าจับตามอง
ราคาบ้านในขอนแก่น อัปเดตล่าสุด ทำเลไหนน่าลงทุน?