รีวิว Nike Vaporfly Next% รองเท้าวิ่งตัวท็อปใส่ทำ New PB คุ้มค่ากับการลงทุนมั้ย


คุณคือนักวิ่งที่กำลังมองหาสิ่งที่จะผลักดันตัวเองไปสู่ขีดจำกัดใหม่ๆ และทำลายสถิติส่วนตัว (New PB) อยู่ใช่ไหม? คงไม่มีรองเท้าวิ่งรุ่นไหนจะตอบโจทย์ได้ดีเท่ากับ Nike Vaporfly Next% อีกแล้ว รองเท้าที่มาพร้อมกระแสฮือฮาตั้งแต่เปิดตัวว่าเป็น "รองเท้าโกง" เพราะช่วยให้นักวิ่งทำความเร็วได้ดีขึ้นอย่างก้าวกระโดด แต่คำถามสำคัญคือ ด้วยป้ายราคาที่สูงลิบลิ่ว มันคุ้มค่ากับการลงทุนสำหรับนักวิ่งอย่างคุณจริงๆ หรือเปล่า? วันนี้เราจะมาเจาะลึกทุกแง่มุมของ Vaporfly Next% ตั้งแต่ดีไซน์ไปจนถึงประสิทธิภาพในสนามวิ่ง เพื่อให้คุณตัดสินใจได้ว่ารองเท้าคู่นี้คือคู่แท้ที่คุณกำลังตามหาหรือไม่
1. ภาพรวมผลิตภัณฑ์: รู้จัก Nike Vaporfly Next% รองเท้าแห่งความเร็ว
แบรนด์: Nike
รุ่น: Vaporfly Next% (ครอบคลุมรุ่น 1, 2, 3 และ 4)
ปีที่วางจำหน่าย: รุ่นแรก Next% เปิดตัวปี 2019 และมีการพัฒนาต่อยอดมาเรื่อยๆ
ช่วงราคา: ประมาณ 7,800 – 8,500 บาท (อาจแตกต่างกันตามรุ่นและโปรโมชั่น)
การวางตำแหน่งสินค้า: Nike Vaporfly Next% จัดเป็นรองเท้าวิ่งประเภท "Super Shoe" หรือ "รองเท้าแข่ง" ระดับตัวท็อป ที่ออกแบบมาเพื่อการแข่งขันโดยเฉพาะ ตั้งแต่ระยะ 5K ไปจนถึงมาราธอน เหมาะสำหรับนักวิ่งที่ต้องการทำลายสถิติส่วนตัว หรือยกระดับความเร็วในการวิ่ง
สรุปจุดเด่นหลัก:
- นุ่มเด้งเป็นพิเศษ: ด้วยพื้นโฟม ZoomX น้ำหนักเบา ให้แรงส่งคืนพลังงานสูงถึงขีดสุด
- ส่งแรงไปข้างหน้า: แผ่นคาร์บอนไฟเบอร์เต็มความยาวเท้า ช่วยสร้างแรงดีดและผลักดันให้คุณก้าวไปข้างหน้าได้อย่างต่อเนื่อง
- น้ำหนักเบาหวิว: ตัวรองเท้ามีน้ำหนักเบามาก ทำให้รู้สึกเหมือนไม่ได้สวมรองเท้า
- ระบายอากาศดีเยี่ยม: อัปเปอร์ Vaporweave หรือ Engineered Mesh ที่บางเบาและระบายอากาศได้ดี
- ลดความล้าของขา: โฟม ZoomX ช่วยลดแรงกระแทก ทำให้ขาล้าน้อยลงแม้ในระยะทางไกล
2. ดีไซน์ & รูปลักษณ์ภายนอก: หน้าตาบ่งบอกถึงความเร็ว
Nike Vaporfly Next% โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่ดูปราดเปรียวและโฉบเฉี่ยวตั้งแต่แรกเห็น ตัวรองเท้าถูกออกแบบมาให้มีรูปลักษณ์ที่สื่อถึงความเร็วโดยตรง พื้นโฟมที่หนาเป็นพิเศษและรูปทรงที่โค้งมนพร้อมรับการก้าวเท้าไปข้างหน้า
การออกแบบและวัสดุ: อัปเปอร์ (ส่วนบนของรองเท้า) ทำจากวัสดุ Vaporweave หรือ Engineered Mesh ซึ่งมีน้ำหนักเบา ระบายอากาศได้ดี และยังทนทานต่อน้ำ ทำให้รองเท้าไม่ซับน้ำหนักเพิ่มขึ้นจากเหงื่อหรือฝน ตัวรองเท้าให้ความรู้สึกกระชับแต่ไม่อึดอัด พื้นรองเท้าชั้นกลาง (Midsole) คือหัวใจสำคัญ ทำจากโฟม ZoomX ซึ่งเป็นโฟม Pebax ที่นุ่มและมีน้ำหนักเบาเป็นพิเศษ มอบการคืนพลังงานที่ยอดเยี่ยม พร้อมสอดไส้ด้วยแผ่นคาร์บอนไฟเบอร์เต็มความยาวเท้าที่วางตัวอยู่ภายใน
ขนาดและน้ำหนัก: รองเท้ารุ่นนี้มีน้ำหนักเบามาก โดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 200 กรัม สำหรับไซส์ผู้ชายเบอร์ 10 US ด้วยน้ำหนักที่เบาเช่นนี้ ทำให้รู้สึกคล่องตัวและไม่เป็นภาระขณะวิ่ง
สีที่มีให้เลือก: Nike Vaporfly Next% มีสีสันให้เลือกหลากหลาย ทั้งสีเรียบๆ ไปจนถึงสีสันจัดจ้านสะดุดตาตามคอลเลกชันต่างๆ ซึ่งมักจะออกแบบมาให้ดูทันสมัยและดึงดูดสายตา
อุปกรณ์เสริมในกล่อง: โดยปกติแล้ว รองเท้าจะมาพร้อมกับกล่องและอาจมีถุงผ้าสำหรับใส่รองเท้าติดมาให้ด้วย
3. ประสบการณ์ในการใช้งานฟังก์ชันหลัก: เมื่อความเร็วไม่ใช่แค่ความฝัน
หัวใจสำคัญที่ทำให้ Nike Vaporfly Next% เป็นที่กล่าวขานคือ ประสิทธิภาพในการส่งเสริมการวิ่งให้เร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สิ่งนี้มาจากสองเทคโนโลยีหลักที่ทำงานร่วมกันได้อย่างลงตัว:
- โฟม ZoomX: เป็นโฟมที่ให้ความนุ่มและการตอบสนองสูงมาก ทุกก้าวที่ลงสัมผัสพื้น โฟมจะยุบตัวและคืนรูปกลับอย่างรวดเร็ว ส่งแรงดีดกลับมาเพื่อช่วยให้คุณพุ่งทะยานไปข้างหน้า ความรู้สึกคือเหมือนมีสปริงอยู่ใต้ฝ่าเท้า
- แผ่นคาร์บอนไฟเบอร์: แผ่นคาร์บอนที่ฝังอยู่ภายในพื้นโฟมทำหน้าที่เป็นเหมือน "ไม้งัด" ช่วยเสริมความแข็งแรงและโครงสร้างให้กับพื้นรองเท้า ทำให้เกิดแรงผลักดันและรักษาโมเมนตัมของการก้าวเท้าไปข้างหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
การทดสอบในสถานการณ์จริง:
จากการใช้งานจริง Vaporfly Next% สามารถรับมือกับการวิ่งได้ทุกความเร็ว ตั้งแต่การวิ่ง Long Run ไปจนถึง Tempo Run และการวิ่ง Interval อย่างไรก็ตาม รองเท้าจะแสดงประสิทธิภาพได้โดดเด่นที่สุดเมื่อวิ่งที่ความเร็วสูง หรือในเพซที่เร็วกว่า 5:00 นาที/กิโลเมตรขึ้นไป ในขณะที่วิ่ง คุณจะรู้สึกได้ถึงแรงส่งที่ชัดเจนและจังหวะก้าวที่ยาวขึ้น ทำให้ไม่ต้องออกแรงมากเท่าปกติ แต่กลับได้ความเร็วที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ หลายคนยังกล่าวว่าการวิ่งด้วยรองเท้าคู่นี้ช่วยให้ขาล้าน้อยลงหลังจากการวิ่งระยะไกล ซึ่งเป็นข้อดีอย่างมากสำหรับการแข่งขันมาราธอน
4. ประสบการณ์การใช้งาน & ความง่ายในการใช้: ปรับตัวเล็กน้อย เพื่อก้าวใหญ่
การสวมใส่ Vaporfly Next% เป็นครั้งแรกอาจให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไปจากรองเท้าวิ่งทั่วไป ด้วยความหนาของพื้นโฟมและรูปทรงที่สูง อาจทำให้รู้สึกเหมือนเท้าลอยอยู่เหนือพื้นเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม รองเท้าคู่นี้ปรับตัวได้ง่าย และส่วนใหญ่ไม่ต้องใช้เวลาในการเรียนรู้มากนัก หากคุณคุ้นเคยกับการวิ่งอยู่แล้ว
ความสบายและกระชับ: ตัวอัปเปอร์ที่ทำจาก Vaporweave หรือ Engineered Mesh ให้ความรู้สึกสบายและกระชับเท้าพอดี ไม่บีบรัดจนเกินไป และมีพื้นที่บริเวณปลายเท้าที่กว้างขึ้นในบางรุ่น ทำให้ไม่กดทับนิ้วเท้า ระบบเชือกแบบออฟเซ็ต (Offset Lacing) ยังช่วยลดแรงกดบริเวณหลังเท้า เพิ่มความสบายขณะรัดเชือก แม้ว่าส้นเท้าอาจไม่ได้ล็อกแน่นเท่าบางรุ่น แต่ก็ไม่ส่งผลต่อการวิ่งมากนัก
ความมั่นคง: ด้วยความนุ่มของโฟม ZoomX และความสูงของพื้นรองเท้า อาจทำให้บางคนรู้สึกถึงความมั่นคงที่ลดลง โดยเฉพาะเมื่อลงน้ำหนักที่ส้นเท้าหรือวิ่งด้วยความเร็วต่ำ อย่างไรก็ตาม Next% รุ่นใหม่ๆ มีการปรับปรุงให้มีความมั่นคงมากขึ้นกว่ารุ่นก่อนๆ อย่างเห็นได้ชัด เมื่อวิ่งด้วยความเร็วที่รองเท้าถูกออกแบบมาให้ทำได้ (เพซเร็ว) อาการไม่มั่นคงจะลดลง และคุณจะรู้สึกถึงการเคลื่อนที่ไปข้างหน้าได้อย่างลื่นไหล
5. แบตเตอรี่ / พลังงาน / ความคุ้มค่าในระยะยาว: การลงทุนเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด
สำหรับรองเท้าวิ่ง "แบตเตอรี่" หรือ "พลังงาน" ของมันก็คือ ประสิทธิภาพของโฟม ZoomX และแผ่นคาร์บอน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้รองเท้าคู่นี้โดดเด่น โฟม ZoomX ขึ้นชื่อเรื่องการให้แรงส่งคืนพลังงานในระดับสูงที่สุดในบรรดาโฟมของ Nike และแผ่นคาร์บอนจะทำงานร่วมกันเพื่อผลักดันคุณไปข้างหน้า
ระยะเวลาการใช้งานและความทนทาน: นี่เป็นประเด็นที่นักวิ่งหลายคนถกเถียงกัน เนื่องจากเป็นรองเท้าประเภท Race Day ที่ออกแบบมาเพื่อความเร็วสูงสุด จึงไม่ได้เน้นความทนทานเท่ารองเท้าซ้อมทั่วไป อย่างไรก็ตาม มีรายงานจากผู้ใช้งานจริงว่าบางคนสามารถวิ่งได้มากกว่า 500 กิโลเมตรขึ้นไป โดยที่โฟมยังคงใช้งานได้ดี และมีการปรับปรุงเรื่องความทนทานของพื้นยางชั้นนอกในรุ่นหลังๆ การดูแลรักษาและการใช้งานที่เหมาะสม (เช่น ใช้เฉพาะวันแข่งหรือวันซ้อมวิ่งเร็ว) จะช่วยยืดอายุการใช้งานได้
ค่าใช้จ่ายระยะยาวและความคุ้มค่า: ด้วยราคาที่ค่อนข้างสูง Nike Vaporfly Next% จึงเป็นการลงทุนที่สำคัญสำหรับนักวิ่ง หากพิจารณาถึง "ต้นทุนต่อกิโลเมตร" รองเท้าคู่นี้อาจไม่คุ้มค่าเท่ารองเท้าซ้อมที่ทนทานกว่า แต่ถ้ามองในแง่ของการทำลายสถิติส่วนตัว การได้รับแรงส่งและลดความล้าของขา ซึ่งอาจนำไปสู่ผลงานที่ดีขึ้นในการแข่งขัน การลงทุนนี้ก็ถือว่า "คุ้มค่า" อย่างยิ่งสำหรับนักวิ่งที่จริงจัง เมื่อเทียบกับรองเท้าในกลุ่ม Super Shoe ที่มีราคาใกล้เคียงกัน Vaporfly Next% ยังคงเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ที่ได้รับการยอมรับในประสิทธิภาพ
6. ข้อดี-ข้อเสีย: ชั่งน้ำหนักก่อนตัดสินใจ
ข้อดี:
- ทำความเร็วได้เหนือกว่า: แรงส่งและแรงดีดจากโฟม ZoomX และแผ่นคาร์บอนช่วยให้วิ่งได้เร็วขึ้นอย่างเห็นผล
- ลดความล้าของกล้ามเนื้อ: โฟมที่นุ่มช่วยดูดซับแรงกระแทกได้ดี ทำให้ขาล้าน้อยลงหลังวิ่งไกล
- น้ำหนักเบาเป็นพิเศษ: ช่วยให้รู้สึกคล่องตัวและไม่เป็นภาระขณะวิ่ง
- ระบายอากาศเยี่ยม: อัปเปอร์ Vaporweave/Engineered Mesh ช่วยให้เท้าไม่อับชื้น
- ดีไซน์สวยงาม: รูปลักษณ์ที่โฉบเฉี่ยว ทันสมัย และมีสีสันให้เลือกหลากหลาย
ข้อเสีย:
- ราคาสูง: เป็นรองเท้าที่มีราคาสูง ทำให้เป็นการลงทุนที่ต้องคิดหนัก
- ความทนทานจำกัด: เนื่องจากเน้นประสิทธิภาพ อาจไม่ได้ทนทานเท่ารองเท้าซ้อม
- อาจไม่เหมาะกับการวิ่งช้า: ประสิทธิภาพสูงสุดจะเห็นได้ชัดที่เพซเร็ว
- ความมั่นคง: อาจรู้สึกไม่มั่นคงเล็กน้อยสำหรับบางคน โดยเฉพาะผู้ที่ลงน้ำหนักที่ส้นเท้าหรือวิ่งช้า
- เสียงดัง: อาจมีเสียงดังเล็กน้อยจากการที่แผ่นคาร์บอนกระทบกับพื้นในบางจังหวะ (ไม่ใช่ปัญหาใหญ่)
7. เหมาะกับใคร & คำแนะนำในการซื้อ: วิ่งสายไหน ต้องอ่าน!
Nike Vaporfly Next% เหมาะกับ:
- นักวิ่งที่ต้องการทำลายสถิติส่วนตัว (New PB): ไม่ว่าจะเป็นระยะ 5K, 10K, ฮาล์ฟมาราธอน หรือมาราธอน รองเท้านี้ถูกสร้างมาเพื่อเป้าหมายนี้โดยเฉพาะ
- นักวิ่งที่จริงจังกับการแข่งขัน: ใช้เป็นรองเท้าคู่ใจในวันแข่งขัน เพื่อดึงประสิทธิภาพสูงสุดออกมา
- นักวิ่งที่มีเพซเร็ว: รองเท้าจะแสดงศักยภาพสูงสุดเมื่อวิ่งที่ความเร็วสูงกว่าเพซ 5:00 นาที/กิโลเมตร
- นักวิ่งที่ต้องการลดความล้าของขา: เหมาะสำหรับลองรันหรือการซ้อมหนัก ที่ต้องการให้ขาล้าน้อยลงหลังวิ่ง
ไม่เหมาะกับ:
- นักวิ่งมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้น: อาจได้ประโยชน์ไม่เต็มที่ และราคาที่สูงเกินความจำเป็น
- นักวิ่งที่เน้นการวิ่งซ้อมประจำวัน: รองเท้าประเภทนี้ไม่เหมาะกับการใช้งานหนักทุกวัน เนื่องจากความทนทานที่จำกัด
ควรซื้อเลยไหม? หรือรอช่วงโปรโมชั่น?
หากคุณคือกลุ่มนักวิ่งที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อทำลายสถิติ และงบประมาณไม่ใช่ปัญหาใหญ่ Nike Vaporfly Next% คือรองเท้าที่คุณควรมี การซื้อในช่วงโปรโมชั่นอาจช่วยให้ประหยัดได้เล็กน้อย อย่างไรก็ตาม รองเท้ารุ่นนี้มักเป็นที่ต้องการสูง และบางรุ่นอาจหายากในช่วงที่วางจำหน่ายใหม่ๆ
8. เปรียบเทียบกับสินค้าคล้ายๆ กัน: ในตระกูล Super Shoe
ในโลกของรองเท้าวิ่ง Super Shoe Nike Vaporfly Next% มีคู่แข่งและพี่น้องร่วมค่ายที่น่าสนใจ:
- เทียบกับ Nike Alphafly Next%: Alphafly ถือเป็น Super Shoe อีกรุ่นของ Nike ที่มักถูกนำมาเปรียบเทียบ Alphafly มักจะให้ความรู้สึก "เด้ง" และ "กระเด้ง" มากกว่า เนื่องจากมี Air Zoom Pods เพิ่มเติมเข้ามา ขณะที่ Vaporfly จะเน้นไปที่ความนุ่มและแรงส่งที่ "ไหล" ไปข้างหน้าได้ดีกว่า บางคนพบว่า Alphafly มีความมั่นคงที่ดีกว่าเล็กน้อย แต่ Vaporfly อาจใส่ได้สบายและปรับตัวง่ายกว่าสำหรับคนส่วนใหญ่
- เทียบกับรองเท้าแผ่นคาร์บอนจากแบรนด์อื่น: แบรนด์อื่นๆ เช่น Saucony Endorphin Pro, Hoka Carbon X, adidas Adios Pro ก็มีรองเท้าแผ่นคาร์บอนที่น่าสนใจ แต่ Vaporfly Next% ยังคงเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในเรื่องการคืนพลังงานและความเร็ว
สำหรับนักวิ่งส่วนใหญ่ Vaporfly Next% ยังคงเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมและใช้งานได้หลากหลายกว่า Alphafly หากไม่ต้องการฟิลลิ่งที่กระด้างจนเกินไปนัก
9. บริการหลังการขายและช่องทางการซื้อ: มั่นใจได้ของแท้
Nike Vaporfly Next% เป็นรองเท้าระดับพรีเมียม ดังนั้นการซื้อจากช่องทางที่น่าเชื่อถือจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นของแท้และได้รับการบริการที่ดี
- การรับประกัน: รองเท้า Nike โดยทั่วไปมีการรับประกันตามเงื่อนไขของแบรนด์และผู้จัดจำหน่าย ซึ่งมักครอบคลุมข้อบกพร่องจากการผลิต
- ช่องทางการซื้อ: คุณสามารถหาซื้อ Nike Vaporfly Next% ได้จาก:
- ร้านค้าออนไลน์อย่างเป็นทางการของ Nike: มั่นใจได้ว่าเป็นของแท้ 100%
- ร้านตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ: เช่น Ari Running Store ซึ่งมักจะมีรุ่นใหม่ๆ เข้ามาอย่างรวดเร็ว
- แพลตฟอร์ม E-commerce ชั้นนำ: เช่น Shopee, Lazada โดยเลือกร้านค้าที่เป็น Official Store หรือร้านที่น่าเชื่อถือ มีรีวิวดี
- โปรโมชั่นและตัวเลือกการชำระเงิน: บ่อยครั้งที่ร้านค้าออนไลน์จะมีโปรโมชั่น เช่น โค้ดส่วนลด, ส่งฟรี, หรือตัวเลือกผ่อนชำระ 0% การติดตามโปรโมชั่นเหล่านี้จะช่วยให้คุณได้รองเท้าในราคาที่คุ้มค่ามากขึ้น
- การจัดส่ง: การสั่งซื้อออนไลน์มักใช้เวลาจัดส่งประมาณ 1-3 วันทำการ ขึ้นอยู่กับพื้นที่และผู้ให้บริการขนส่ง
10. บทสรุปและคำแนะนำในการซื้อ: ใช่หรือไม่?
หลังจากได้เจาะลึกทุกแง่มุมของ Nike Vaporfly Next% หากคุณคือนักวิ่งที่:
- มีเป้าหมายชัดเจนในการทำลายสถิติส่วนตัว (New PB)
- มองหารองเท้าที่จะใส่แข่งขันในวันสำคัญ
- ต้องการแรงส่งและแรงดีดที่ช่วยให้วิ่งได้เร็วขึ้นโดยใช้แรงน้อยลง
- พร้อมลงทุนกับอุปกรณ์ที่จะยกระดับประสิทธิภาพการวิ่งของคุณ
จากผลการเปรียบเทียบและทดสอบทั้งหมด Nike Vaporfly Next% คือ "สุดยอดรองเท้า" ที่แนะนำให้ซื้ออย่างยิ่ง! มันคือเครื่องมือชั้นยอดที่จะช่วยผลักดันให้คุณไปถึงเป้าหมายได้เร็วขึ้น และสัมผัสประสบการณ์การวิ่งที่แตกต่างออกไป
แต่สำหรับผู้เริ่มต้น หรือผู้ที่ต้องการรองเท้าสำหรับซ้อมวิ่งประจำวันที่มีความทนทานสูงในราคาที่เข้าถึงง่ายกว่า Nike Vaporfly Next% อาจไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุด คุณอาจจะพิจารณารองเท้ารุ่นอื่นๆ ที่เน้นความทนทานหรือการซัพพอร์ตสำหรับการวิ่งในชีวิตประจำวันจะเหมาะสมกว่า
ไม่ว่าคุณจะตัดสินใจอย่างไร สิ่งสำคัญที่สุดคือการเลือกรองเท้าที่เหมาะสมกับเป้าหมายและสไตล์การวิ่งของคุณ ขอให้สนุกกับการวิ่ง และพิชิต New PB ที่ตั้งใจไว้!
วิดีโอที่เกี่ยวข้อง
- รีวิวฟิลลิ่ง Vaporfly Next% 4 และ Next% ทุกรุ่น แตกต่างกันยังไง ...
- รีวิว รองเท้าวิ่ง NIKE ZOOMX VAPORFLY NEXT% 3 เวเปอร์ที่ไม่ ...
- รีวิว รองเท้าวิ่ง Nike Vaporfly Next% 4 การกลับมาของฟีลลิ่งที่ห่าง ...
- รีวิวอีกครั้งกับ Nike Vaporfly Next% 3 รอบนี้ของแท้แน่นอน
- รีวิว NIKE Vaporfly Next% 3 - Full review | จบมาแล้ว1ฟูล คู่นี้มีลุ้น ...
แนะนำสำหรับคุณ
รีวิว Sudocrem: ครีมสารพัดประโยชน์ แก้ผื่นผ้าอ้อม สิว และปัญหาผิวต่างๆ
รีวิว โครงการ Pleno (AP): ทาวน์โฮม/บ้าน ทำเลดี ราคาเข้าถึงง่าย น่าซื้อไหม?
รีวิว Hourglass Vanish Seamless Finish Foundation Stick: รองพื้นสติ๊ก ปกปิดเรียบเนียน คุมมัน กันน้ำไหม
รีวิว Park Origin ทองหล่อ: คอนโดหรูใจกลางเมือง ชีวิตดี๊ดีสมราคาไหม?
รีวิว กระเป๋าเป้ Anello กันน้ำ: สะพายไปเที่ยว ลุยฝน ของข้างในปลอดภัยจริงหรือ?
รีวิว Akyra Manor Chiang Mai: โรงแรมบูติคสุดฮิปในเชียงใหม่ บรรยากาศดี น่าพักไหม?