ราคา American Eskimo Dog น้องหมาขนปุย นิสัยดี


สวัสดีค่าทุกคนนน! วันนี้เราจะมาเม้าท์มอยเรื่องน้องหมาปุยๆ เหมือนปุยเมฆ เดินได้ แถมฉลาดสุดๆ อย่าง American Eskimo Dog หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า "เอสกี้" กัน ใครที่กำลังมองหาน้องหมาสีขาว ขนแน่นๆ น่ากอด แถมยังเป็นเพื่อนคู่คิด ชีวิตไม่เหงา มามุงตรงนี้เลยจ้า เพราะเราจะพาไปเจาะลึกถึงราคาในตลาดไทย รวมถึงเรื่องอื่นๆ ที่ควรรู้ก่อนจะรับน้องมาเป็นสมาชิกในครอบครัว เตรียมตัว เตรียมใจ เตรียมเงินให้พร้อม แล้วไปดูกันเลย!
1. น้องหมาขนปุยตัวนี้คือใคร มาจากไหน?
เจ้า American Eskimo Dog เนี่ย เป็นน้องหมาไซส์กลาง-เล็ก ที่มีเสน่ห์ตรงขนสีขาวฟูฟ่องเหมือนสำลีเดินได้นี่แหละ! นอกจากหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูแล้ว ยังขึ้นชื่อเรื่องความฉลาดเป็นกรด (บางทีก็ฉลาดแกมโกงนะบอกก่อน!) เค้าว่ากันว่าน้องฉลาดถึงขั้นเคยถูกฝึกให้แสดงในคณะละครสัตว์ที่อเมริกาช่วงสมัยก่อนนู้นนน ประวัติคร่าวๆ คือเป็นหมาในตระกูลสปิตซ์ (Spitz) หรือนอร์ดิค มีต้นกำเนิดในประเทศเยอรมนี แล้วค่อยย้ายสำมะโนครัวไปอเมริกาพร้อมผู้อพยพชาวเยอรมัน แล้วก็โดนเปลี่ยนชื่อจาก American Spitz เป็น American Eskimo ในปี ค.ศ. 1917 (ทั้งๆ ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับชาวเอสกิโมเลยนะ!)
น้องเอสกี้เนี่ยมีหลายไซส์ให้เลือกตามความเหมาะสมกับพื้นที่บ้านและไลฟ์สไตล์ของทาสเลยนะ มีตั้งแต่ Toy (ทอย) ตัวเล็กจิ๋ว, Miniature (มิเนียเจอร์) ไซส์กลางๆ ไปจนถึง Standard (มาตรฐาน) ไซส์ใหญ่ขึ้นมาหน่อย นิสัยหลักๆ คือร่าเริง เป็นมิตร ติดเจ้าของสุดๆ ชอบทำกิจกรรม ชอบเล่น แต่ก็มีความเป็นหมาเฝ้าบ้านที่ดี คือถ้าเจอคนแปลกหน้าหรือได้ยินอะไรผิดปกติก็พร้อมจะส่งเสียงเตือนทันที (บางทีก็เตือนพร่ำเพรื่อไปหน่อย อันนี้ต้องฝึกดีๆ นะ!) เค้าต้องการเวลาจากเจ้าของเยอะพอสมควรนะ ไม่ชอบถูกทิ้งให้อยู่ตัวเดียวนานๆ เพราะอาจจะเหงา เครียด แล้วพาลไปหาอะไรทำแก้เบื่อ เช่น ขุด หรือแทะข้าวของได้จ้า
2. ราคาในตลาดไทยเท่าไหร่กันนะ?
มาถึงเรื่องสำคัญที่ทำให้หลายคนถึงกับต้องกุมขมับ นั่นก็คือ "ราคา" นั่นเอง! สำหรับน้อง American Eskimo Dog ในตลาดประเทศไทยเนี่ย บอกเลยว่าไม่ได้หาเจอง่ายๆ ตามร้านขายสัตว์เลี้ยงทั่วไป หรือมีลิสต์อยู่ตามแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซใหญ่ๆ เหมือนสินค้าแฟชั่น หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์นะจ๊ะ ส่วนใหญ่แล้ว ถ้าอยากได้น้องจริงๆ อาจจะต้องหากจากฟาร์มเพาะพันธุ์โดยตรง หรือผู้เพาะพันธุ์รายย่อยที่นำเข้า หรืออาจจะเจอตามกลุ่มซื้อขายในโซเชียลมีเดีย ซึ่งราคาจะมีความหลากหลายมากๆ เลยค่ะ
เท่าที่สืบมา (จากแหล่งข้อมูลทั้งในไทยและต่างประเทศ แล้วเอามาเทียบเคียงกันนะ) ราคาของน้อง American Eskimo Dog ในไทยน่าจะอยู่ในช่วงประมาณ 20,000 - 80,000 บาท (฿) หรืออาจจะสูงกว่านั้นได้อีก ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยมากๆ ค่ะ เช่น
- ขนาด: ไซส์ Toy หรือ Miniature มักจะมีราคาสูงกว่าไซส์ Standard เนื่องจากความนิยมและอาจจะเพาะพันธุ์ยากกว่า
- สายเลือด/ใบเพ็ดดีกรี: ถ้าน้องมาจากสายเลือดแชมป์ มีใบเพ็ดดีกรีรับรอง ราคาแน่นอนว่าก็จะสูงขึ้นไปอีก
- ผู้เพาะพันธุ์/แหล่งที่มา: การซื้อจากฟาร์มที่มีชื่อเสียง ได้มาตรฐาน ย่อมมีราคาสูงกว่าการซื้อจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ แต่ก็มาพร้อมความมั่นใจเรื่องสุขภาพและสายพันธุ์มากกว่า
- การนำเข้า: ถ้าน้องถูกนำเข้าจากต่างประเทศ ราคาจะสูงขึ้นตามค่าใช้จ่ายในการขนส่งและเอกสารต่างๆ ค่ะ
ดังนั้น ถ้าถามหาราคาเปรียบเทียบตามแพลตฟอร์มออนไลน์หลักๆ แบบเป๊ะๆ เหมือนซื้อของอย่างอื่น อันนี้จะค่อนข้างยากเลยค่ะ เพราะไม่ใช่สินค้าที่มีร้านค้าทางการมาวางขายเกลื่อนกลาด แต่จะเป็นการตกลงซื้อขายระหว่างผู้ขายกับผู้ซื้อโดยตรงซะมากกว่าค่ะ
3. เทียบราคากับพันธุ์อื่นแล้วเป็นไงบ้าง?
ถ้านำราคาของ American Eskimo Dog มาเปรียบเทียบกับสุนัขพันธุ์อื่นๆ ที่คนไทยนิยมเลี้ยงและมีลักษณะคล้ายๆ กัน เช่น ขนฟูๆ สีขาวๆ น้องเอสกี้จัดว่าอยู่ในกลุ่มที่มีราคากลางๆ ไปจนถึงค่อนข้างสูงในตลาดบ้านเราค่ะ
- อย่างน้องหมาขนปุยยอดฮิตตลอดกาลอย่าง ปอมเมอเรเนียน เนี่ย ราคาเริ่มต้นก็มีตั้งแต่หลักไม่กี่พันไปจนถึงหลายหมื่น ขึ้นอยู่กับฟอร์ม สี และสายเลือด โดยเฉพาะปอมขาวสวยๆ อาจราคาสูงลิ่วได้เลย
- หรืออย่าง ซามอยด์ (Samoyed) ที่ตัวใหญ่กว่าและขนฟูอลังการกว่าน้องเอสกี้มาก ราคาก็จะสูงขึ้นไปอีก อาจมีตั้งแต่หลายหมื่นไปจนถึงหลักแสนได้เลย
- ส่วน เจแปนนิส สปิตซ์ (Japanese Spitz) ที่หน้าตาคล้ายเอสกี้มาก แต่ตัวเล็กกว่าหน่อย ราคาก็จะอยู่ในอีกระดับหนึ่ง ซึ่งบางครั้งก็มีการนำมาผสมกับปอมขาวแล้วบอกว่าเป็นปอมขาวราคาถูกกว่าก็มีนะ อันนี้ต้องระวัง!
- พันธุ์อื่นๆ อย่าง ชิบะ อินุ หรือ เชา เชา ที่ขนฟูๆ หน่อย ก็มีราคาตั้งแต่หลักหมื่นกลางๆ ไปจนถึงเกือบแสน
เทียบแล้ว น้องเอสกี้ก็ไม่ได้ถูก แต่ก็ไม่ได้แพงเท่าบางพันธุ์ที่ราคาหลักแสนหลักล้าน ถ้ามองหาหมาขนปุย ฉลาด เป็นเพื่อนที่ดี และยอมลงทุนเรื่องราคาหน่อย น้องเอสกี้ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจค่ะ
4. ซื้อแล้วได้อะไรติดไม้ติดมือกลับบ้านบ้าง?
อันนี้สำคัญมากกกก โดยเฉพาะการซื้อสัตว์เลี้ยง เราไม่ได้จ่ายแค่ค่าตัวน้องอย่างเดียวนะจ๊ะ สิ่งที่มักจะมาพร้อมกับน้องหมา (โดยเฉพาะถ้าซื้อจากฟาร์มหรือผู้เพาะพันธุ์ที่ได้มาตรฐาน) ควรจะมีสิ่งเหล่านี้ด้วยค่ะ:
- ตัวน้องหมา: แน่นอน! ได้น้องหมาขนปุยกลับบ้าน
- สมุดวัคซีนและประวัติสุขภาพ: อันนี้สำคัญสุดๆ ต้องมีหลักฐานว่าน้องได้รับการถ่ายพยาธิและฉีดวัคซีนพื้นฐานตามช่วงอายุแล้ว ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในการดูแลสุขภาพน้องในระยะยาว
- ใบเพ็ดดีกรี (ถ้ามี): ถ้าซื้อน้องหมาสายเลือดดี มีใบรับรองจากสมาคมพัฒนาพันธุ์สุนัขแห่งประเทศไทย (หรือสมาคมอื่นๆ) ก็จะช่วยยืนยันสายพันธุ์และความเป็นมาของน้องได้
- การรับประกันสุขภาพ: ฟาร์มที่ดีมักจะมีการรับประกันสุขภาพเบื้องต้นให้ เช่น รับประกันโรคติดเชื้อร้ายแรงภายใน 7 วัน หรือ 15 วัน อันนี้ต้องสอบถามให้ละเอียดเลยนะ เพราะถ้าเกิดน้องป่วยหลังรับมาดูแลแล้วจะได้รู้ว่าการรับประกันครอบคลุมแค่ไหน คนไทยให้ความสำคัญกับการรับประกันมากๆ ยิ่งถ้าเป็นสัตว์เลี้ยงที่ห่วงเรื่องสุขภาพเป็นพิเศษ
- อาหารเม็ดถุงเล็กๆ: ผู้ขายมักจะให้อาหารที่น้องกินอยู่ติดมาด้วย เพื่อให้เราเอาไปผสมกับอาหารใหม่ที่เราจะให้ เพื่อให้น้องปรับตัวได้ง่ายขึ้น
- ของเล่นเล็กๆ หรือผ้าที่มีกลิ่นแม่: บางที่อาจจะมีของแถมเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้มาให้ เพื่อช่วยให้น้องคลายความกังวลในการย้ายบ้าน
- คำแนะนำในการดูแล: ผู้ขายที่ดีควรให้คำแนะนำเรื่องการเลี้ยงดู อาหาร การฝึกเบื้องต้นแก่เราด้วย
ส่วนเรื่อง ค่าจัดส่ง เนี่ย ส่วนใหญ่แล้วถ้าไม่ได้อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกัน อาจจะต้องมีค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปรับเอง หรือถ้าให้ส่ง (ซึ่งต้องเป็นวิธีที่ปลอดภัยสำหรับสัตว์เลี้ยงนะ!) ก็อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม อันนี้ต้องตกลงกับผู้ขายให้ชัดเจนจ้า
5. ช่วงไหนน่าซื้อ มีโปรโมชั่นเหมือนของออนไลน์ไหม?
ถ้าคาดหวังโปรโมชั่นลดราคาแบบ 11.11, 12.12 หรือช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปีใหม่ แบบที่ช้อปออนไลน์เสื้อผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้ากัน อันนี้ต้องบอกเลยว่า สำหรับน้องหมาแล้วมันไม่เหมือนกันเป๊ะๆ ค่ะ การขายสุนัขพันธุ์แท้ส่วนใหญ่มักจะไม่ได้ลดราคาตามเทศกาลแบบนั้นค่ะ
แต่ถามว่ามีช่วงไหนที่อาจจะมีโอกาสเจอ "ดีลดีๆ" ไหม? ก็อาจจะมีบ้าง เช่น
- ช่วงที่ฟาร์มมีลูกหมาหลายครอกพร้อมย้ายบ้าน: บางทีผู้เพาะพันธุ์อาจจะมีข้อเสนอพิเศษเล็กน้อย ถ้ามีลูกหมาจำนวนมาก
- งานประกวดสุนัข หรืองานแฟร์สัตว์เลี้ยงต่างๆ: บางทีฟาร์มหรือผู้เพาะพันธุ์อาจจะไปออกบูธในงานเหล่านี้ และอาจมีโปรโมชั่นพิเศษเฉพาะในงาน หรือเรามีโอกาสได้พูดคุยสอบถามโดยตรง ซึ่งเป็นเรื่องดีมากๆ
อย่างไรก็ตาม คำแนะนำที่ดีที่สุดในการซื้อน้องหมา ไม่ใช่การรอช่วงโปรโมชั่น แต่คือการ หาผู้เพาะพันธุ์ที่น่าเชื่อถือและมีจรรยาบรรณ ค่ะ การได้ลูกหมาสุขภาพดี มีที่มาที่ไปชัดเจน ได้รับวัคซีนครบตามกำหนดอายุ และได้รับการดูแลเอาใจใส่มาอย่างดีก่อนจะย้ายมาอยู่กับเรา สำคัญกว่าส่วนลดหลักพันมากๆ เพราะถ้าได้น้องหมาป่วยมา ค่ารักษาพยาบาลบานปลายกว่าเยอะเลยนะจะบอกให้!
6. คนไทยที่เลี้ยงแล้วรู้สึกยังไงกันบ้างนะ?
จากที่ไปแอบส่องๆ ดูตามรีวิวหรือกระทู้พูดคุยของคนไทยที่เลี้ยง American Eskimo Dog มา ส่วนใหญ่จะบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าน้องเป็นหมาที่ น่ารัก ฉลาด และเป็นเพื่อนที่ดีมากๆ
จุดที่คนไทยประทับใจในตัวน้องเอสกี้:
- ความน่ารัก ขนฟู: อันนี้แน่นอน เป็น First Impression ที่ทำให้หลายคนตกหลุมรัก
- ความฉลาด ฝึกง่าย: หลายคนบอกว่าน้องเรียนรู้เร็ว สอนอะไรก็จำได้ไว
- นิสัยขี้อ้อน ติดเจ้าของ: ชอบอยู่ใกล้ๆ คนในครอบครัว ทำให้คนเลี้ยงรู้สึกอบอุ่น ไม่เหงา
- เป็นหมาพลังงานปานกลาง: ไม่ได้ไฮเปอร์วิ่งชนฝาบ้านตลอดเวลา แต่ก็ต้องการกิจกรรมและการเล่นพอสมควร
แต่ก็มีบางจุดที่คนเลี้ยงต้องปรับตัวหรือรับมือด้วยนะคะ:
- เรื่องขน: ขนฟูสวยก็จริง แต่ก็มาพร้อมกับการผลัดขนที่ค่อนข้างเยอะ ต้องแปรงขนเป็นประจำทุกวัน หรืออย่างน้อยสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ถ้าไม่อยากให้ขนพันกันและปลิวว่อนทั่วบ้าน การอาบน้ำก็ต้องทำให้แห้งสนิท ไม่งั้นอาจมีปัญหาเรื่องผิวหนังได้ค่ะ
- เรื่องอากาศร้อนในไทย: แม้ขนสีขาวจะช่วยสะท้อนแดดได้ดีกว่าที่คิด แต่น้องก็เป็นหมาเมืองหนาว ขนสองชั้นหนาปึ้ก การเลี้ยงในประเทศไทยที่อากาศร้อน น้องจำเป็นต้องอยู่ในที่ที่อากาศถ่ายเทสะดวก หรืออยู่ในห้องแอร์เป็นหลัก โดยเฉพาะช่วงกลางวัน ห้ามโกนขนเด็ดขาด เพราะขนสองชั้นช่วยควบคุมอุณหภูมิร่างกายนะ!
- เรื่องการเห่า: ด้วยความที่เป็นหมาเฝ้าระวัง น้องมีแนวโน้มที่จะเห่าเก่ง อันนี้ต้องฝึกให้ดีตั้งแต่เด็ก ถ้าไม่ฝึกอาจจะเห่าพร่ำเพรื่อจนรบกวนคนอื่นได้ค่ะ
- ไม่ชอบอยู่ตัวเดียว: คนที่ต้องออกไปทำงานนอกบ้านนานๆ ทุกวัน อาจจะไม่เหมาะกับน้องเอสกี้ เพราะน้องติดคนมากจริงๆ
โดยรวมแล้ว คนไทยที่เลี้ยง American Eskimo Dog มักจะเน้นย้ำถึงความผูกพันและความสุขที่ได้จากน้องค่ะ ถ้าเข้าใจธรรมชาติของเค้าและพร้อมจะดูแลในเรื่องที่กล่าวมา ก็จะมีความสุขกับการเลี้ยงน้องเอสกี้มากๆ เลย
7. จะไปหาน้องได้จากช่องทางไหนดี?
อย่างที่บอกไปว่าน้องไม่ได้มีขายทั่วไปเหมือนพันธุ์ยอดฮิตอื่นๆ ในไทย ช่องทางหลักๆ ที่แนะนำให้ลองหาดู คือ:
- ผู้เพาะพันธุ์โดยตรง: นี่คือช่องทางที่ดีที่สุดและแนะนำมากที่สุดค่ะ พยายามหาผู้เพาะพันธุ์ที่มีชื่อเสียง ได้มาตรฐาน มีความรู้ความเข้าใจในสายพันธุ์นี้จริงๆ สามารถสอบถามข้อมูลเรื่องพ่อแม่พันธุ์ ประวัติสุขภาพ การตรวจโรคทางพันธุกรรม (ถ้ามี) ได้อย่างละเอียด และควรขอเข้าไปเยี่ยมชมสถานที่เลี้ยงดูลูกหมาด้วยตัวเอง เพื่อดูสภาพแวดล้อมและความสะอาดค่ะ การหาผู้เพาะพันธุ์อาจต้องใช้เวลาและความพยายามหน่อย อาจจะลองหาตามเว็บไซต์สมาคมสุนัขในไทย (ถ้ามีรายชื่อผู้เพาะพันธุ์สายพันธุ์นี้) หรือสอบถามจากกลุ่มคนรัก American Eskimo Dog ในโซเชียลมีเดีย
- ร้านขายสัตว์เลี้ยงที่น่าเชื่อถือ: บางร้านอาจจะนำเข้า American Eskimo Dog มาขาย แต่ก็ต้องเลือกร้านที่เชื่อถือได้จริงๆ มีประวัติการขายที่ดี มีการรับประกันสุขภาพ และมีเอกสารยืนยันที่มาของน้องชัดเจนค่ะ พยายามหลีกเลี่ยงร้านที่ดูไม่สะอาด หรือมีลูกหมาอัดแน่นกันเยอะๆ เพราะอาจมาจากฟาร์มที่ไม่ได้มาตรฐาน (Puppy Mill)
- แพลตฟอร์มขายสัตว์เลี้ยงออนไลน์ หรือกลุ่มในโซเชียลมีเดีย: บางครั้งอาจเจอผู้ขายรายย่อย หรือเจ้าของที่จำเป็นต้องส่งต่อน้องหมาในช่องทางเหล่านี้ ราคาก็อาจจะหลากหลายมากๆ แต่ช่องทางนี้มีความเสี่ยงสูงที่จะเจอผู้ขายที่ไม่น่าเชื่อถือ หรือได้น้องหมาที่มีปัญหาสุขภาพได้ง่าย หากจะซื้อผ่านช่องทางนี้ ย้ำว่าต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ! ควรขอดูรูป วิดีโอ หรือวิดีโอคอลดูน้องให้ชัดเจนที่สุด และถ้าเป็นไปได้ ควรเดินทางไปดูตัวจริงน้องหมาด้วยตัวเองเท่านั้น! พร้อมทั้งขอดูสมุดวัคซีนและสอบถามเรื่องสุขภาพอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจค่ะ
หลีกเลี่ยงการซื้อจากแหล่งที่ไม่เปิดเผยข้อมูล ไม่มีที่มาที่ไปชัดเจน หรือเร่งรัดให้โอนเงินโดยที่ยังไม่ได้เห็นตัวจริงน้องนะคะ ความปลอดภัยและสุขภาพของน้องหมาต้องมาเป็นอันดับแรกเสมอ!
8. สรุปแล้วน่าสอยไหม? เหมาะกับใครบ้างนะ?
มาถึงช่วงสรุปกันแล้ว! ถามว่า American Eskimo Dog น่าซื้อมาเลี้ยงไหมในยุคนี้? ถ้าคุณเป็นคนที่ พร้อมและเข้าใจธรรมชาติของน้อง บอกเลยว่า น่าซื้อมากๆ ค่ะ! น้องจะเป็นเพื่อนคู่ใจที่เติมเต็มความสุขและเสียงหัวเราะในบ้านได้อย่างแน่นอน
น้องเหมาะกับ:
- ครอบครัวที่มีเวลา: น้องต้องการความรัก ความเอาใจใส่ และการทำกิจกรรมร่วมกับคนในบ้าน
- คนที่มีเวลาอยู่ที่บ้านบ่อยๆ หรือทำงานที่บ้าน: น้องไม่ชอบอยู่ตัวเดียวนานๆ ค่ะ
- คนที่พร้อมลงทุนเรื่องการดูแล: ทั้งเรื่องการแปรงขน อาบน้ำ พาไปตรวจสุขภาพ และการฝึก
- คนที่ชอบหมาฉลาด ฝึกง่าย และชอบเล่น: น้องเอสกี้ตอบโจทย์ข้อนี้สุดๆ
- คนที่มีพื้นที่เลี้ยงดูเหมาะสม: ไม่ว่าจะเป็นบ้านหรือคอนโด (ไซส์ Toy/Miniature) ขอแค่มีพื้นที่ให้น้องได้เดินเล่น ออกกำลังกาย และที่สำคัญคือมีพื้นที่ที่อากาศเย็นสบายให้น้องได้พักผ่อนค่ะ
ไม่เหมาะเท่าไหร่กับ:
- คนที่ไม่มีเวลา หรือต้องเดินทางบ่อย: เพราะน้องติดคนและอาจมีปัญหาเรื่องความเครียดจากการถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว
- คนที่แพ้ขนสัตว์ หรือไม่สะดวกเรื่องการทำความสะอาดขน: น้องผลัดขนค่อนข้างเยอะนะ
- คนที่อยู่ในพื้นที่ที่ร้อนจัดมากๆ และไม่มีวิธีคลายร้อนให้น้องได้: สุขภาพน้องอาจมีปัญหาได้ค่ะ
- คนที่ไม่ชอบเสียงเห่า หรือไม่พร้อมจะฝึกเรื่องการเห่า: น้องมีแนวโน้มจะเห่าเก่งนะ
ส่วนเรื่องราคาที่อาจจะค่อนข้างสูงในไทย ถ้ามองว่าเป็นการลงทุนเพื่อได้เพื่อนซี้แสนฉลาด สุขภาพดี มาอยู่ด้วยไปอีก 10-15 ปี (อายุขัยเฉลี่ยของน้อง) ก็ถือว่าคุ้มค่าค่ะ! จะเลือกไซส์ Toy, Miniature หรือ Standard ก็ขึ้นอยู่กับขนาดพื้นที่และกิจกรรมที่เราจะทำร่วมกับน้องเลยค่ะ
หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคนที่กำลังตัดสินใจรับน้อง American Eskimo Dog มาเลี้ยงนะคะ ขอให้ได้น้องหมาขนปุยน่ารักๆ ฉลาดๆ มาเป็นสมาชิกใหม่ในบ้านกันถ้วนหน้าจ้า! 😊
วิดีโอที่เกี่ยวข้อง
แนะนำสำหรับคุณ
รีวิวรองเท้าผ้าใบ Puma Carina: สวยคลาสสิก แมทช์ได้ทุกลุค
รีวิว YSL Pure Shots: เซรั่มกู้ผิวโทรม บูสต์ผิวใสในข้ามคืน
เปิดกรุรีวิวไอเทมเด็ดจาก Watsons: ตัวไหนน่าสอย ตัวไหนต้องลอง?
รีวิว Hiby R3: เครื่องเล่นเพลงพกพาเสียงดี เหมาะกับคนรักเสียงเพลง
รีวิว มาร์คเท้ากู้ชีพ: เปลี่ยนเท้าหยาบกร้าน เป็นเท้าเนียนนุ่มน่าสัมผัส
รีวิว Yamaha Nouvo Elegance 135cc: ออโตเมติกยอดนิยม ดีไซน์สปอร์ต ขี่สบาย