Oofos ลดราคา (เคย) ปี 2018! ตอนนี้มีรุ่นไหนน่าซื้อ?


สวัสดีค่าทุกคนนน! วันนี้เราจะมาขุดกรุเรื่องรองเท้าแตะที่เค้าว่ากันว่าใส่แล้วเหมือนลอยได้ เหมือนเดินอยู่บนเมฆนุ่มๆ อย่าง Oofos กัน! จำได้ว่าเมื่อนานมาแล้ววว (ก็ปี 2018 นั่นแหละแก!) เหมือนเคยมีช่วงที่เค้าลดราคาแบบฮือฮาใช่มั้ยล่าาาา? แต่ก็นั่นแหละค่ะซิส มันคือเรื่องในอดีตที่ผ่านไปแล้ว! วันนี้เราจะมาอัปเดตกันหน่อยว่า ณ ปี 2025 นี้ Oofos เค้ายังมีอะไรน่าสอยอยู่บ้าง แล้วถ้าคิดจะเปย์เนี่ย ต้องดูรุ่นไหน ราคาเท่าไหร่ ช้อปยังไงให้คุ้ม สไตล์คนไทยใจสู้ (เรื่องช้อป!) มาค่ะ เตรียมกระเป๋าตังค์ เอ้ย! เตรียมเท้าให้พร้อม แล้วไปดูกันเล้ยยยย!
1. Oofos คืออะไร? ทำไมใครๆ ก็ว่านุ่มเหมือนเหยียบขี้?!
มาทำความรู้จักเจ้า Oofos กันก่อนค่ะ หลายคนอาจจะเคยเห็นผ่านตามาบ้างตามฟีด หรือตามยิม ตามสนามวิ่ง เพราะนี่คือรองเท้าแตะที่ไม่ได้มีดีแค่ใส่เดินเล่น แต่เค้าเป็นรองเท้าที่ออกแบบมาเพื่อ "การฟื้นฟู" (Recovery) โดยเฉพาะ! คิดค้นมาจากประเทศสหรัฐอเมริกาโน่นแน่ะ เค้าเคลมว่าวัสดุพิเศษที่เรียกว่า OOfoam™ เนี่ย สามารถดูดซับแรงกระแทกได้มากกว่าโฟมทั่วไปถึง 37% ช่วยลดแรงกดที่เท้า ข้อต่อ และหลัง ได้ดีม้ากกก ใครที่ยืนนานๆ เดินเยอะๆ หรือออกกำลังกายมาหนักๆ แล้วปวดเมื่อยเนี่ย พอได้ลองสวม Oofos แล้วจะเข้าใจเลยว่า "โอ้โห! นี่มันสวรรค์ของฝ่าเท้าชัดๆ!"
กลุ่มผู้ใช้เนี่ยมีตั้งแต่สายกีฬา (นักวิ่ง นักบาส นักฟุตบอล) ที่ต้องการฟื้นฟูร่างกายหลังการฝึกซ้อม ไปจนถึงคนทำงานออฟฟิศที่ต้องยืนหรือเดินเยอะๆ หรือแม้แต่ผู้สูงอายุที่มีปัญหาเรื่องข้อต่อ ก็ใส่ได้สบายมากๆ ค่ะ ดีไซน์เค้าก็มีหลายแบบนะ ไม่ได้มีแค่แบบหูหนีบ แต่มีแบบสไลด์ แบบรองเท้าหุ้มส้นด้วย เรียกว่าครอบคลุมทุกความต้องการ (ของเท้าที่อยากพักผ่อน!)
2. ราคา Oofos ในไทย ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?
เอาล่ะ มาถึงเรื่องจริงจัง! เรื่องราคา! ลืมไปได้เลยกับราคาลดฮวบฮาบแบบปี 2018 (ถ้ามีก็คงเป็นโปรโมชั่นเฉพาะกิจจริงๆ) ณ ตอนนี้ (ปี 2025) ราคา Oofos ในตลาดไทยก็ถือว่า คงที่และค่อนข้างสูง ตามมาตรฐานของรองเท้าเพื่อสุขภาพพรีเมียมค่ะ
ราคาจะแตกต่างกันไปตามรุ่นและดีไซน์นะคะ
- รุ่นยอดฮิตอย่าง OOriginal (แบบหูหนีบ) และ OOahh (แบบสไลด์) ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 2,000 - 2,500 บาท (฿)
- รุ่นที่มีดีไซน์ซับซ้อนขึ้นมาหน่อย เช่น OOCloog (แบบหุ้มส้นคล้ายๆ Crocs) หรือ OOmg (แบบรองเท้าผ้าใบแต่ใช้วัสดุ OOfos) ราคาก็จะขยับขึ้นไปอีก อาจจะมีถึง 3,000 - 4,000 บาท (฿) เลยค่ะ
- ส่วนรุ่นแฟชั่น ดีไซน์พิเศษ หรือคอลเลกชันใหม่ๆ ราคาก็อาจจะสูงกว่านี้อีกนิดหน่อยจ้า
ช่องทางหลักๆ ที่เราจะเจอ Oofos ขายในไทยก็คือร้านค้าอย่างเป็นทางการของแบรนด์บนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซเจ้าใหญ่อย่าง Lazada และ Shopee ค่ะ นอกจากนี้ก็จะมีร้านค้าตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ เช่น Central หรือตามร้านขายอุปกรณ์กีฬาบางแห่ง ราคามักจะมาตรฐานเดียวกันตามที่แบรนด์กำหนดค่ะ
ถ้าเทียบกับราคานานาชาติ ถามว่ามีส่วนต่างไหม ก็อาจจะมีบ้างเล็กน้อยตามอัตราแลกเปลี่ยนและต้นทุนการนำเข้า แต่โดยรวมแล้วราคาในไทยก็ไม่ได้โดดจากราคาในต่างประเทศจนน่าตกใจอะไรค่ะ อยู่ในเกณฑ์ที่รับได้สำหรับสินค้าแบรนด์นี้
3. เทียบกับรองเท้าเพื่อสุขภาพอื่นล่ะ? Oofos คุ้มไหม?
แน่นอนว่าในตลาดรองเท้าเพื่อสุขภาพ หรือรองเท้าแตะที่เน้นความสบายเนี่ย ไม่ได้มีแค่ Oofos แบรนด์เดียวค่ะ มีคู่แข่งอยู่บ้างเหมือนกัน เช่น แบรนด์ที่เน้นเรื่องสุขภาพเท้าโดยตรง หรือแบรนด์รองเท้ากีฬาที่มีรุ่นรองเท้าแตะสำหรับ Recovery ออกมาเหมือนกัน
ถ้าเทียบกับรองเท้าแตะทั่วไปตามท้องตลาด ราคา Oofos ถือว่า สูงกว่ามากกกก ค่ะ แต่ถ้าเทียบกับรองเท้าแตะ Recovery ของแบรนด์กีฬาดังๆ บางรุ่น ราคา Oofos ก็อาจจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกัน หรือถูกกว่าบางรุ่นด้วยซ้ำไปค่ะ
สิ่งที่ทำให้ Oofos แตกต่างและหลายคนยอมจ่ายแพงกว่าก็คือ เทคโนโลยี OOfoam™ และการออกแบบที่เน้นการฟื้นฟูโดยเฉพาะ ที่เค้าเคลมว่าให้ความสบายและลดแรงกระแทกได้ดีกว่าจริงๆ ซึ่งอันนี้ก็เป็นความรู้สึกส่วนบุคคลด้วยนะ บางคนใส่แล้วชอบมาก รู้สึกว่าคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปเพราะช่วยบรรเทาอาการปวดได้จริง แต่บางคนก็อาจจะรู้สึกว่าแบรนด์อื่นที่ราคาถูกกว่าก็ให้ความสบายที่เพียงพอแล้ว
สรุปง่ายๆ ถ้าเน้น ความสบายสูงสุดและการฟื้นฟูโดยเฉพาะ ในงบที่ยอมจ่ายได้ถึงสองพันกว่าบาท Oofos ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากๆ ค่ะ แต่ถ้าแค่อยากได้รองเท้าแตะนุ่มๆ ใส่สบายๆ ทั่วไป อาจจะมีตัวเลือกอื่นในราคาที่ย่อมเยากว่า
4. ซื้อ Oofos แล้วได้อะไรบ้างนะ?
อันนี้ต้องบอกเลยว่าซื้อ Oofos เนี่ย สิ่งที่คุณจะได้หลักๆ เลยก็คือ ตัวรองเท้า เพียวๆ เลยจ้า! ไม่ได้มีอุปกรณ์เสริมอะไรมากมายเหมือนพวกสินค้า Gadget นะคะ
- ค่าขนส่ง: ส่วนใหญ่ถ้าซื้อจากร้านค้าอย่างเป็นทางการบน Lazada หรือ Shopee มักจะมีโปรโมชั่น ส่งฟรี ให้ค่ะ แต่อันนี้ก็ต้องเช็คเงื่อนไขของร้านและโปรโมชั่นในช่วงนั้นๆ ด้วยนะ บางทีอาจจะมีกำหนดขั้นต่ำในการซื้อถึงจะได้ส่งฟรี
- ระยะเวลารับประกัน: สำหรับรองเท้าแตะโดยทั่วไป จะไม่มีการรับประกันเหมือนสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ นะคะ ส่วนใหญ่จะเป็นการรับประกันความพึงพอใจ หรือการเปลี่ยนคืนสินค้าถ้าสินค้ามีตำหนิจากการผลิตภายในระยะเวลาสั้นๆ (เช่น 7 วัน) อันนี้ก็ต้องสอบถามกับทางร้านค้าโดยตรงตอนซื้อค่ะ คนไทยใจร้อนเรื่องการรับประกันอาจจะต้องทำใจนิดนึงนะ!
- ของแถม/คูปอง: นานๆ ทีอาจจะมีโปรโมชั่นแถมถุงผ้าเล็กๆ น้อยๆ หรือมีคูปองส่วนลดให้ใช้ค่ะ อันนี้ขึ้นอยู่กับแคมเปญของแบรนด์หรือของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในช่วงนั้นๆ ต้องหมั่นติดตามค่ะ
ดังนั้น เวลาซื้อ Oofos ก็เตรียมตัวเตรียมใจไว้เลยว่า สิ่งที่ได้คือรองเท้าเน้นๆ คุณภาพเน้นๆ ที่เหลืออาจจะต้องซื้อเพิ่มเอง เช่น ถ้าอยากได้ถุงใส่รองเท้าสวยๆ ก็อาจจะต้องหาซื้อแยกจ้า
5. มีช่วงไหนน่าสอย Oofos เป็นพิเศษไหม?
ถ้าถามว่าช่วงไหนมีโอกาสเจอ Oofos ลดราคา หรือมีโปรโมชั่นดีๆ บ้าง? ก็ต้องบอกเลยว่าช่วงเวลาที่น่าจับตามองที่สุดก็คือช่วงเทศกาลช้อปปิ้งออนไลน์ยอดฮิตของไทยเรานี่แหละค่ะ!
- ช่วง Double Digit Sales: อย่าง 11.11 (กลางเดือนพฤศจิกายน) และ 12.12 (กลางเดือนธันวาคม) เนี่ย Lazada กับ Shopee เค้าจัดใหญ่จัดเต็มทุกปีค่ะ ร้านค้าอย่างเป็นทางการของ Oofos บนแพลตฟอร์มเหล่านี้ก็มักจะมีส่วนลด มีโค้ดให้เก็บ หรือมีโปรโมชั่นร่วมกับแพลตฟอร์ม ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีมากๆ ในการซื้อ Oofos ในราคาที่ถูกลงกว่าปกติ
- ช่วงเทศกาลไทย: เทศกาลสำคัญๆ อย่าง สงกรานต์ (เมษายน) หรือ ช่วงปีใหม่ (ธันวาคม-มกราคม) ก็อาจจะมีโปรโมชั่นพิเศษออกมาบ้างค่ะ แต่ไม่บ่อยเท่าช่วง Double Digit Sales นะ
- โปรโมชั่น Flash Sale หรือ Campaign อื่นๆ: บางทีร้านค้าอย่างเป็นทางการเค้าก็จะมีโปรโมชั่นย่อยๆ ออกมาเรื่อยๆ ค่ะ อาจจะไม่ใช่ลดราคาเยอะมาก แต่ก็มีส่วนลด มีคูปองให้ใช้ได้ ต้องหมั่นเข้าไปเช็คในร้านค้าบน Lazada/Shopee บ่อยๆ ค่ะ
คำแนะนำคือ ถ้าไม่ได้รีบใช้มากๆ แล้วอยากได้ราคาที่คุ้มค่าที่สุด ให้รอซื้อช่วงโปรโมชั่นใหญ่ๆ เช่น 11.11 หรือ 12.12 ค่ะ มีโอกาสได้ราคาดีที่สุดแน่นอน!
6. คนไทยใส่ Oofos แล้วรู้สึกยังไงกันนะ?
ลองไปส่องๆ ดูรีวิวและฟีดแบ็กจากผู้ใช้ชาวไทยเนี่ย เสียงส่วนใหญ่ไปในทิศทางบวกเลยค่ะ อะไรที่ทำให้คนไทยเลิฟ Oofos ล่ะ?
- นุ่มสบายขั้นสุด: อันนี้เป็นจุดที่ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่านุ่มจริงอะไรจริง เหมือนเหยียบเจลลี่ หรือเหยียบขี้ก็ว่าไป! เหมาะมากกับสภาพอากาศร้อนๆ ของไทยที่เท้าเรามักจะเหนื่อยล้าจากการเดิน
- ช่วยลดอาการปวด: หลายคนที่มีปัญหาปวดเท้า ปวดส้นเท้า (รองช้ำ) หรือปวดเข่าจากการยืนนานๆ เดินเยอะๆ บอกว่าใส่ Oofos แล้วรู้สึกดีขึ้น อาการปวดลดลงอย่างเห็นได้ชัด
- เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนไทย: คนไทยเราเดินเยอะ ยืนเยอะ เดินห้าง ขึ้นรถไฟฟ้า ใช้ชีวิตเร่งรีบ Oofos เลยตอบโจทย์เรื่องการฟื้นฟูและให้ความสบายแก่เท้าได้ดีมากๆ
- ความทนทาน (โดยทั่วไป): แม้ราคาจะสูง แต่หลายคนบอกว่า Oofos ค่อนข้างทนทาน ใช้งานได้นานหลายปี คุ้มค่ากับการลงทุน (แต่ก็ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาและการใช้งานของแต่ละคนด้วยนะ!)
- ดีไซน์เรียบง่าย: ดีไซน์ของ Oofos ค่อนข้างเรียบง่าย ไม่หวือหวาเกินไป ทำให้ใส่ได้หลายโอกาส ใส่เดินเล่นในบ้าน ใส่ไปปากซอย ใส่ไปซูเปอร์มาร์เก็ต หรือใส่หลังออกกำลังกายก็ได้หมดจ้า
โดยรวมแล้ว คนไทยที่เคยใช้ Oofos ประทับใจใน ความนุ่มสบาย และ คุณสมบัติการฟื้นฟู ที่ช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อยได้จริงค่ะ
7. อยากได้ Oofos ต้องไปช้อปที่ไหนดี?
ถ้าตัดสินใจแล้วว่าจะเปย์ Oofos เนี่ย มีช่องทางให้เลือกช้อปอยู่หลายที่เลยค่ะ
- ร้านค้าอย่างเป็นทางการบน Lazada และ Shopee: อันนี้เป็นช่องทางที่แนะนำมากๆ เพราะเป็นร้านค้าอย่างเป็นทางการของแบรนด์เอง มั่นใจได้ว่าเป็นของแท้แน่นอนค่ะ ข้อดีคือสินค้ามีครบทุกรุ่น ทุกสี ทุกไซส์ ที่วางขายในไทย มีโปรโมชั่นลดราคาและโค้ดส่วนลดให้ใช้บ่อยๆ โดยเฉพาะช่วงแคมเปญใหญ่ๆ เปรียบเทียบราคาและอ่านรีวิวจากผู้ซื้อคนอื่นๆ ได้ง่าย มีระบบการจ่ายเงินที่ปลอดภัย และมีบริการจัดส่งถึงบ้าน (ส่วนใหญ่ส่งฟรีด้วย!)
- เว็บไซต์ทางการของ Oofos ประเทศไทย: ถ้ามีเว็บไซต์อย่างเป็นทางการในไทย ก็เป็นอีกช่องทางที่น่าเชื่อถือค่ะ อาจจะมีข้อมูลสินค้าครบถ้วนกว่า แต่บางทีโปรโมชั่นอาจจะไม่เยอะเท่าบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซใหญ่ๆ นะ
- ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายในห้างสรรพสินค้า: เช่น แผนกรองเท้าในห้าง Central หรือตามร้านขายอุปกรณ์กีฬา ข้อดีคือเราสามารถไปลองสวม ลองไซส์ ลองสัมผัสความนุ่มของ Oofos ของจริงได้เลย ก่อนตัดสินใจซื้อค่ะ ราคามักจะเป็นราคามาตรฐานตามที่แบรนด์กำหนด อาจจะมีโปรโมชั่นร่วมกับห้างบ้างเป็นครั้งคราว
ส่วนช่องทางอื่นๆ เช่น ร้านค้ารีเซลล์ หรือตามโซเชียลมีเดีย ก็อาจจะมีให้เห็นบ้าง แต่ต้องใช้ความระมัดระวังในการซื้อเป็นพิเศษ ตรวจสอบความน่าเชื่อถือของผู้ขายให้ดีก่อนตัดสินใจค่ะ
8. สรุปแล้ว Oofos น่าซื้อไหม? เหมาะกับใคร?
มาถึงโค้งสุดท้ายแล้วจ้า! สรุปว่า Oofos ยังน่าซื้ออยู่ไหมในปี 2025 นี้? คำตอบคือ น่าซื้อมากๆ ค่ะ ถ้าคุณกำลังมองหารองเท้าที่เน้น ความสบายสูงสุดและการฟื้นฟู เท้าของคุณจริงๆ
Oofos เหมาะกับใครบ้าง?
- นักกีฬา: ที่ต้องการรองเท้าใส่หลังซ้อมหนักๆ เพื่อช่วยลดอาการปวดเมื่อยและเร่งการฟื้นฟู
- คนทำงานที่ต้องยืน/เดินนานๆ: เช่น พนักงานขาย พยาบาล แอร์โฮสเตส ครู ที่ต้องการรองเท้าใส่สบายๆ เพื่อลดแรงกดที่เท้าและข้อต่อ
- ผู้สูงอายุ: ที่ต้องการรองเท้าที่นุ่มเป็นพิเศษ ช่วยลดแรงกระแทกและเดินได้สบายขึ้น
- คนที่กำลังมีปัญหาปวดเท้า ปวดส้นเท้า ปวดเข่า: หลายคนบอกว่าใส่ Oofos แล้วช่วยบรรเทาอาการได้จริง
- คนที่รักสุขภาพเท้า: และอยากลงทุนกับรองเท้าดีๆ ที่ช่วยดูแลเท้าของคุณในระยะยาว
ส่วนจะเลือกรุ่นไหนดี? ถ้าเน้นความคุ้มค่าและดีไซน์คลาสสิก รุ่น OOriginal (หูหนีบ) หรือ OOahh (สไลด์) ถือเป็นตัวเลือกเริ่มต้นที่ดีค่ะ ราคาอยู่ในช่วงสองพันต้นๆ ให้ความสบายขั้นสุดเหมือนกัน แต่ถ้าอยากได้ดีไซน์ที่ปิดเท้ามากขึ้น หรือเหมาะกับการใส่เดินนอกบ้านมากขึ้น ก็อาจจะมองเป็นรุ่น OOCloog หรือ OOmg ซึ่งราคาก็จะสูงขึ้นไปอีกตามฟังก์ชันและวัสดุค่ะ
ถามว่าคุ้มค่าที่จะซื้อไหม? ถ้าเท้าของคุณคือสิ่งสำคัญ และคุณกำลังมองหารองเท้าที่ให้ความสบายและการฟื้นฟูได้จริง ในราคาที่สองพันกว่าบาท Oofos ถือว่า คุ้มค่ากับการลงทุน ค่ะ แต่มันก็ขึ้นอยู่กับความจำเป็นและงบประมาณของแต่ละคนด้วยนะ ถ้าไม่ได้มีปัญหาเรื่องปวดเมื่อยเท้าเป็นพิเศษ หรือมีงบจำกัด อาจจะลองหารองเท้าแตะยี่ห้ออื่นที่เน้นความนุ่มแต่ราคาถูกกว่าดูก่อนก็ได้ค่ะ
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจเลือกซื้อ Oofos ของทุกคนนะคะ ขอให้ได้รองเท้าที่ใส่แล้วสบายเท้าเหมือนเดินอยู่บนปุยเมฆกันทุกคนเลยจ้า! แล้วเจอกันใหม่บทความหน้านะคะ บ๊ายบายยยย!
วิดีโอที่เกี่ยวข้อง
แนะนำสำหรับคุณ
รีวิวรองเท้าผ้าใบ Puma Carina: สวยคลาสสิก แมทช์ได้ทุกลุค
รีวิว YSL Pure Shots: เซรั่มกู้ผิวโทรม บูสต์ผิวใสในข้ามคืน
เปิดกรุรีวิวไอเทมเด็ดจาก Watsons: ตัวไหนน่าสอย ตัวไหนต้องลอง?
รีวิว Hiby R3: เครื่องเล่นเพลงพกพาเสียงดี เหมาะกับคนรักเสียงเพลง
รีวิว มาร์คเท้ากู้ชีพ: เปลี่ยนเท้าหยาบกร้าน เป็นเท้าเนียนนุ่มน่าสัมผัส
รีวิว Yamaha Nouvo Elegance 135cc: ออโตเมติกยอดนิยม ดีไซน์สปอร์ต ขี่สบาย