รีวิวและราคา Yamaha MCR-840: ชุดเครื่องเสียง Hi-Fi เสียงดี


สวัสดีจ้าขาช้อป ขาฟังเพลงทั้งหลาย! วันนี้เราจะมาเม้าท์มอยเรื่องชุดเครื่องเสียงจิ๋วแต่แจ๋ว เสียงดีเกินตัว ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นขวัญใจใครหลายๆ คน นั่นก็คือ Yamaha MCR-840 นั่นเองจ้า ถ้าใครกำลังมองหาชุดเครื่องเสียงเล็กๆ ตั้งบนชั้นสบายๆ แต่ให้คุณภาพเสียงแบบ Hi-Fi จ๋าๆ ต้องมาฟังทางนี้เลย เพราะเราจะมาเจาะลึกให้ฟังแบบหมดเปลือกตามสไตล์คนกันเอง พร้อมเคล็ดลับการสอยมาไว้ในครอบครองแบบคุ้มๆ! เตรียมตัวให้พร้อม แล้วไปลุยกันเลย!
1. เจ้า Yamaha MCR-840 นี่มันคืออะไรกันนะ?
มาทำความรู้จักกับพระเอกของเราวันนี้ก่อน เจ้า Yamaha MCR-840 เนี่ย มันคือ ชุดเครื่องเสียง Micro Component System สุดหรูจากแบรนด์ Yamaha ซึ่งเป็นแบรนด์เครื่องดนตรีและเครื่องเสียงระดับโลกจากประเทศญี่ปุ่น ที่มีประวัติยาวนานและเป็นที่ยอมรับเรื่องคุณภาพเสียงมาอย่างยาวนานในบ้านเราเลยนะ รุ่น MCR-840 นี้จัดอยู่ในซีรีส์ PianoCraft ซึ่งเน้นดีไซน์ที่สวยงามเหมือนงานศิลปะ แถมยังให้คุณภาพเสียงระดับ Hi-Fi อีกด้วย
พูดง่ายๆ คือมันเป็นชุดเครื่องเสียงที่มาครบเซ็ต ประกอบด้วย ตัวเครื่องหลัก (ที่เป็นทั้งแอมป์และเครื่องเล่น CD/DVD ในตัว) และ ลำโพงคู่สวยๆ หน้าตาเรียบหรูดูแพงมากเวอร์ ตัวเครื่องรองรับการเล่นแผ่น CD, DVD, ไฟล์เพลง MP3, WMA, WMV แถมยังดูไฟล์ภาพ JPEG ได้ด้วยนะ มีช่องต่อ USB ด้วยนะเออ และที่เด็ดสำหรับยุคนั้นคือมี แท่นวาง iPod/iPhone (รุ่นเก่าหน่อยนะ) พร้อมชาร์จไฟได้ด้วย! กำลังขับก็ไม่ใช่เล่นๆ นะ ให้มาถึง 65 วัตต์ต่อข้าง (บางแหล่งบอก 60 วัตต์สำหรับโซนเอเชียนะ) เหมาะมากๆ สำหรับคนที่อยากได้เครื่องเสียงคุณภาพดี เสียงเพราะๆ ไว้ฟังเพลง ดูหนังในห้องนอน ห้องนั่งเล่น หรือคอนโดมิเนียมที่มีพื้นที่จำกัด แต่ไม่อยากได้ชุดใหญ่เทอะทะ เจ้าตัวนี้คือตอบโจทย์สุดๆ ไปเลยจ้า เหมาะกับคนรักเสียงเพลงที่เน้นคุณภาพ ไม่ชอบความวุ่นวายเยอะสิ่งค่ะ
2. ราคาในตลาดไทยเป็นยังไงบ้างนะ?
มาถึงเรื่องราคาที่ทุกคนรอคอย! ต้องบอกก่อนเลยว่าเจ้า Yamaha MCR-840 เนี่ย เป็นรุ่นที่ออกมานานแล้วนะ (ช่วงปี 2009-2011 ประมาณนี้) เพราะฉะนั้น ตอนนี้ในตลาดส่วนใหญ่เราจะเจอเป็น สินค้ามือสอง ซะมากกว่าค่ะ
ราคาเปิดตัวเมื่อก่อนโน้นนนน ก็แรงพอสมควรเลยนะ อยู่ที่ประมาณ 21,900 - 23,900 บาท (฿) เลยทีเดียว ถือเป็นชุด Micro Hi-Fi ระดับกลางถึงสูงในยุคนั้นเลยแหละ แต่มาถึงตอนนี้ ราคาในตลาดมือสองก็ลงมาเยอะมากๆ ค่ะ จากที่ไปส่องๆ ดู บางทีเจอราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 9,000 บาท (฿) ก็มีนะ ราคานี้จะขึ้นอยู่กับสภาพเครื่อง อุปกรณ์ที่ให้มาครบมั้ย และผู้ขายตั้งราคาเท่าไหร่
แหล่งที่จะเจอส่วนใหญ่ก็ไม่ใช่ร้านค้าOfficial หรือร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าใหญ่ๆ อย่าง Power Buy หรือ JIB, Banana IT แล้วนะ เพราะเค้าเน้นขายรุ่นใหม่ๆ กันแล้ว ส่วนใหญ่จะเจอตาม เว็บไซต์ขายของมือสอง หรือ กลุ่มซื้อขายเครื่องเสียงมือสองใน Facebook ซะมากกว่าจ้า ต้องหมั่นเข้าไปส่อง เข้าไปเช็คราคาจากผู้ขายหลายๆ รายเปรียบเทียบดูนะ อาจจะต้องใช้เวลาหานิดนึงถึงจะเจอสภาพดีๆ ในราคาโดนๆ จ้า
3. แล้วถ้าเทียบกับเครื่องเสียงตัวอื่นล่ะ คุ้มมั้ย?
ถ้าให้เทียบกับชุดเครื่องเสียง Micro Component รุ่นใหม่ๆ ในปัจจุบันที่ราคาเริ่มต้นใกล้เคียงกับราคา MCR-840 มือสองเนี่ย ต้องบอกเลยว่า Yamaha MCR-840 มือสอง ถือว่า ให้คุณภาพเสียงที่ดีมากๆ ในราคาที่จ่ายไป นะคะ ด้วยความที่มันเคยเป็นรุ่นระดับกลาง-สูงในอดีต คุณภาพวัสดุ อุปกรณ์ภายใน และการออกแบบวงจรต่างๆ ก็ยังคงความดีงามแบบ Hi-Fi อยู่ ซึ่งบางทีชุดใหม่ๆ ในเรตราคามือสองของ MCR-840 อาจจะเน้นฟังก์ชันไร้สาย หรือการเชื่อมต่อที่หลากหลายกว่า แต่คุณภาพเสียงโดยรวมอาจจะยังสู้ MCR-840 ไม่ได้ก็ได้นะ
คู่แข่งในตลาด Micro Hi-Fi ก็มีหลายแบรนด์ เช่น Denon, Sony, Panasonic ซึ่งแต่ละแบรนด์ก็มีคาแรคเตอร์เสียงและฟังก์ชันที่แตกต่างกันไป ถ้าเทียบ MCR-840 กับรุ่นใหม่ๆ ที่ราคาเท่ากันตอนที่มันยังวางขายเป็นมือหนึ่งอยู่ MCR-840 ก็ถือเป็นตัวเลือกที่เน้นคุณภาพเสียงและดีไซน์ที่หรูหรามากๆ ค่ะ การสอยมือสองในตอนนี้จึงเป็นเหมือนการได้ของดีที่ครั้งหนึ่งเคยแพง ในราคาที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้นเยอะเลยจ้า
4. ซื้อแล้วจะได้อะไรมาบ้างนะ? แถมอะไรให้บ้าง?
อันนี้แหละคือจุดที่ต้อง เช็คให้ละเอียดสุดๆ เวลาซื้อ Yamaha MCR-840 มือสอง เพราะสิ่งที่ได้มาอาจจะไม่เหมือนกันเป๊ะๆ ในแต่ละดีล แต่ถ้าเป็นตอนซื้อเครื่องใหม่แกะกล่องเนี่ย ในชุดมาตรฐานเค้าจะให้มาประมาณนี้ค่ะ:
- ตัวเครื่องหลัก (Receiver R-840 และ DVD Player DVD-840)
- ลำโพง 2 ตัว (รุ่น NS-BP300) ที่เป็นแบบผิวเปียโนสวยๆ
- รีโมทคอนโทรล (พร้อมแบตเตอรี่) (สำคัญมาก! รีโมทหายากนะรุ่นนี้ บางทีเจอขายแยกก็เป็นร้อยแล้ว)
- สายเชื่อมต่อระหว่างเครื่องหลักกับลำโพง
- สาย System Control Cable
- สาย RCA Stereo
- สาย Composite Video
- เสาอากาศ FM แบบง่ายๆ
- ฝาปิดช่อง USB และช่องวาง iPod (ถ้ามี)
- คู่มือการใช้งาน
ส่วนเรื่อง การรับประกัน อันนี้ต้องทำใจเลยนะจ๊ะว่าถ้าซื้อมือสองจากผู้ใช้โดยตรง หรือร้านที่ไม่ได้ให้ประกัน ก็คือ ไม่มีประกันศูนย์ แล้วค่ะ บางทีร้านมือสองอาจจะมีประกันใจให้ 7 วัน หรือ 30 วัน อันนี้ต้องตกลงกับผู้ขายให้ชัดเจนมากๆ เพราะคนไทยเราค่อนข้างให้ความสำคัญกับการซ่อมแซมหลังการขายนี่เนอะ ส่วนเรื่อง ค่าขนส่ง ก็แล้วแต่ผู้ขายเลยจ้า ส่วนใหญ่ก็มีค่าส่งนะ นอกจากจะนัดรับเองจ้า
ของแถม หรือ โปรโมชั่น ต่างๆ ถ้าซื้อมือสองก็คาดหวังยากหน่อยนะ อาจจะมีแค่การลดราคา หรือแถมสายดีๆ ให้ถ้าเจอผู้ขายใจดีจ้า
5. มีช่วงไหนน่าซื้อเป็นพิเศษมั้ย?
สำหรับ Yamaha MCR-840 ซึ่งเป็นสินค้ารุ่นเก่าที่เน้นตลาดมือสองแล้วเนี่ย เราคงไม่ได้เจอโปรโมชั่นอลังการแบบ 12.12 หรือช่วงเทศกาลลดราคาจากแบรนด์ Yamaha โดยตรงหรอกนะจ๊ะ แต่! ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีโอกาสได้ของถูกนะเออ
ช่วงที่พอจะลุ้นได้ราคาดีๆ ก็อาจจะเป็นช่วงที่ผู้ขายเค้าอยากจะปล่อยของเร็วๆ หรือช่วงที่มีคนเอามาลงขายเยอะๆ ก็จะเกิดการแข่งขันด้านราคากันเองค่ะ ลองเข้าไปเช็คตามกลุ่มซื้อขายเครื่องเสียงมือสองบ่อยๆ นะคะ บางทีอาจจะมีคนร้อนเงินอยากขายด่วนในราคาพิเศษ หรือเจอคนที่ดูแลรักษาสภาพดีมากๆ แล้วตั้งราคาไม่แรงก็ได้จ้า
ถ้าถามว่าช่วงเทศกาลไทยๆ อย่างสงกรานต์ หรือช่วงปลายปีมีผลมั้ย? อาจจะไม่ได้มีผลโดยตรงกับราคาสินค้ามือสองเฉพาะรุ่นแบบนี้ แต่คนขายบางคนอาจจะอยากขายปิดยอดก่อนเที่ยว หรือก่อนสิ้นปี ก็อาจจะมีลดราคาให้บ้างเล็กๆ น้อยๆ ก็เป็นได้ค่ะ สรุปคือ ถ้าอยากได้ MCR-840 ต้องขยันส่อง ขยันเช็คตามช่องทางมือสองเป็นหลักเลยจ้า
6. คนไทยที่เคยใช้ เค้าว่ายังไงกันบ้างนะ?
แม้ว่าจะเป็นรุ่นเก่าแล้ว แต่จากเสียงตอบรับในกระทู้เก่าๆ หรือรีวิวที่พอจะหาเจอในเน็ตไทยเนี่ย คนที่เคยใช้ Yamaha MCR-840 ส่วนใหญ่จะค่อนข้างประทับใจนะ จุดที่เค้าชอบมากๆ เลยคือ:
- คุณภาพเสียงดีเยี่ยม: อันนี้คือจุดเด่นของรุ่นนี้เลย หลายคนบอกว่าเสียงดีเกินขนาดตัว ให้รายละเอียดเสียงที่ดี เบสพอเหมาะ กลางแหลมชัดใส ฟังสบายหู
- ดีไซน์สวย หรูหรา: ความเป็นซีรีส์ PianoCraft ทำให้หน้าตาเครื่องดูพรีเมียมมากๆ ลำโพงผิวเปียโนนี่สวยจับใจ วางตรงไหนก็ดูดี
- ขนาดกะทัดรัด: ไม่กินพื้นที่ เหมาะกับห้องหรือคอนโดที่มีพื้นที่จำกัด
- วัสดุดี ทนทาน: ด้วยความที่เป็นแบรนด์ Yamaha และอยู่ในซีรีส์ที่เน้นคุณภาพ ตัวเครื่องค่อนข้างแข็งแรงทนทาน ใช้งานได้ยาวๆ ถ้าดูแลรักษาดีๆ
- คุ้มค่า (ถ้าราคาดี): ถ้าได้มาในราคาตลาดมือสองที่ไม่แรงมาก ถือว่าคุ้มค่ากับคุณภาพเสียงและงานประกอบที่ได้รับไปมากๆ ค่ะ
สรุปคือ คนไทยที่ได้ใช้ MCR-840 ส่วนใหญ่จะแฮปปี้กับ เสียง และ ดีไซน์ เป็นหลักเลยจ้า ถึงแม้ฟังก์ชันบางอย่างจะดูล้าสมัยไปบ้างตามยุคสมัย แต่หัวใจหลักของเครื่องเสียงอย่างคุณภาพเสียงนี่คือสอบผ่านเลยค่ะ
7. แล้วจะไปตามหาซื้อได้จากช่องทางไหนดีล่ะ?
อย่างที่เน้นย้ำไปหลายรอบว่าเจ้า Yamaha MCR-840 เนี่ย ไม่ได้มีขายเป็นเครื่องใหม่ตามร้านทั่วไปแล้วนะจ๊ะ ช่องทางหลักๆ ที่เราจะตามล่าหามันมาไว้ในครอบครองก็คือ:
- เว็บไซต์ขายของมือสองต่างๆ: เช่น Kaidee หรือเว็บอื่นๆ ที่มีการลงขายของมือสองทั่วไป ข้อดีคืออาจจะเจอผู้ขายรายย่อยที่อยากปล่อยของเร็วๆ ในราคาไม่แรง แต่ต้องเช็คประวัติผู้ขายดีๆ และระวังเรื่องมิจฉาชีพด้วยนะจ๊ะ
- กลุ่มซื้อขายเครื่องเสียงมือสองใน Facebook: อันนี้เป็นแหล่งรวมคนรักเครื่องเสียงที่มักจะมีการปล่อยของดีๆ ออกมาอยู่เรื่อยๆ ข้อดีคือมักจะได้คุยกับผู้ใช้งานโดยตรง สอบถามข้อมูลได้ละเอียด ขอดูรูป/วิดีโอสภาพเครื่องได้ แต่ก็ต้องระวังและหาข้อมูลผู้ขายก่อนตัดสินใจโอนเงินนะ ถ้าเป็นไปได้ นัดเจอเพื่อเช็คของและจ่ายเงินจะปลอดภัยที่สุดจ้า
- ร้านขายเครื่องเสียงมือสองเฉพาะทาง: ในบางพื้นที่ โดยเฉพาะกรุงเทพฯ อาจจะมีร้านที่รับซื้อขายเครื่องเสียงมือสองโดยเฉพาะอยู่บ้างนะ ข้อดีคือเราจะได้ไป เห็นของจริง ลองฟังเสียง และเช็คสภาพเครื่องได้ก่อนตัดสินใจซื้อค่ะ แต่ราคาก็อาจจะสูงกว่าซื้อจากผู้ใช้โดยตรงเล็กน้อยนะ
ส่วนช่องทาง Official ของ Yamaha หรือร้านค้าปลีกใหญ่ๆ อย่าง Lazada, Shopee, Central, Big C ก็คงไม่มีขายรุ่นนี้แล้วจ้า เน้นตลาดมือสองสถานเดียวเลยค่ะ
8. สรุปแล้ว เจ้า MCR-840 นี้น่าซื้อไหม? เหมาะกับใครนะ?
มาถึงบทสรุปส่งท้ายแล้ว! ถามว่า Yamaha MCR-840 ยังน่าสอยมาใช้ไหมในยุคนี้? ถ้าคุณเป็นคนที่:
- มีงบประมาณระดับนึง (เผื่อไว้หมื่นต้นๆ) แต่อยากได้คุณภาพเสียงระดับ Hi-Fi จริงๆ
- เน้นฟังเพลง ดูหนัง ในพื้นที่จำกัด และให้ความสำคัญกับคุณภาพเสียงมากๆ
- ชอบดีไซน์เครื่องเสียงที่สวยงาม หรูหรา เหมือนเฟอร์นิเจอร์ชิ้นหนึ่ง
- ไม่ได้ซีเรียสเรื่องฟังก์ชันไร้สาย การสตรีมเพลงผ่านแอปพลิเคชัน (เพราะรุ่นนี้ไม่มี Wi-Fi หรือ Bluetooth ในตัว ต้องต่อสาย หรือใช้พวก Chromecast/Bluetooth Receiver แยกเอา)
- รับความเสี่ยงได้บ้าง กับการซื้อสินค้ามือสองที่ไม่มีประกันศูนย์ และต้องตรวจเช็คสภาพเองให้ดี
ถ้าเข้าข่ายนี้ บอกเลยว่า Yamaha MCR-840 มือสองสภาพดีๆ คือตัวเลือกที่โคตรน่าสนใจ! มันให้คุณภาพเสียงที่ยอดเยี่ยมมากเมื่อเทียบกับราคาในตลาดมือสอง เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับหูที่ต้องการคุณภาพค่ะ คุณจะได้เครื่องเสียงดีไซน์สวย เสียงเพราะๆ ในราคาที่จ่ายแค่หมื่นนิดๆ ซึ่งถ้าไปซื้อมือหนึ่งในงบนี้อาจจะได้แค่รุ่นเล็กๆ ฟังก์ชันเยอะๆ แต่คุณภาพเสียงอาจจะไม่เท่า
แต่ถ้าคุณเน้นความสะดวกสบาย อยากได้เครื่องที่เชื่อมต่อไร้สายได้ง่ายๆ มีฟังก์ชันใหม่ๆ ครบครัน หรืออยากได้ประกันยาวๆ สบายใจไร้กังวล อาจจะต้องมองหารุ่นใหม่ๆ แทนค่ะ เพราะ MCR-840 ฟังก์ชันค่อนข้างจำกัดตามยุคของมัน
ส่วนจะเลือกรุ่นสูงรุ่นต่ำในซีรีส์ใกล้เคียงกันอย่าง MCR-750 (ที่เล่น Blu-ray ได้ด้วย) หรือรุ่นอื่นๆ ก็ขึ้นอยู่กับงบและความต้องการเฉพาะตัวเลยจ้า แต่สำหรับ MCR-840 เนี่ย เป็นตัวเลือกที่บาลานซ์ระหว่างคุณภาพเสียง ดีไซน์ และราคา (มือสอง) ได้ดีมากๆ ค่ะ
หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้เพื่อนๆ ที่กำลังเล็งเจ้า Yamaha MCR-840 ได้ข้อมูลไปประกอบการตัดสินใจนะจ๊ะ ขอให้ทุกคนได้เครื่องเสียงที่ถูกใจ เสียงเพราะๆ ไว้ฟังเพลงโปรดกันค่ะ! แล้วเจอกันใหม่บทความหน้าน้าาา! บ๊ายบายยย!
แนะนำสำหรับคุณ
รีวิวรองเท้าผ้าใบ Puma Carina: สวยคลาสสิก แมทช์ได้ทุกลุค
รีวิว YSL Pure Shots: เซรั่มกู้ผิวโทรม บูสต์ผิวใสในข้ามคืน
เปิดกรุรีวิวไอเทมเด็ดจาก Watsons: ตัวไหนน่าสอย ตัวไหนต้องลอง?
รีวิว Hiby R3: เครื่องเล่นเพลงพกพาเสียงดี เหมาะกับคนรักเสียงเพลง
รีวิว มาร์คเท้ากู้ชีพ: เปลี่ยนเท้าหยาบกร้าน เป็นเท้าเนียนนุ่มน่าสัมผัส
รีวิว Yamaha Nouvo Elegance 135cc: ออโตเมติกยอดนิยม ดีไซน์สปอร์ต ขี่สบาย