ทำสีรถกระบะทั้งคัน ราคาเท่าไหร่? เลือกอู่แบบไหนดี?


สวัสดีพี่น้องชาวสองล้อ เอ้ย! ชาวสี่ล้อ โดยเฉพาะชาวรถกระบะที่รักทั้งหลาย วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจยอดฮิตติดเพจ ติดกลุ่มคนรักรถว่าด้วยเรื่อง "ทำสีรถกระบะทั้งคัน ราคาเท่าไหร่? เลือกอู่แบบไหนดี?" บอกเลยว่าเรื่องสีๆ นี่มันจี๊ดถึงใจจริงๆ เพราะนอกจากจะทำให้รถเราหล่อ สวย เนี้ยบเหมือนใหม่แล้ว ยังเป็นหน้าตาของเราเวลาขับไปไหนมาไหนอีกด้วย ใครที่รถเริ่มสีซีด สีด่าง มีรอยขีดข่วนบุบสลายตามกาลเวลา หรือเบื่อสีเดิม อยากเปลี่ยนลุคให้รถคู่ใจ มาทางนี้เลยจ้า เรามีข้อมูลแบบบ้านๆ เข้าใจง่าย สไตล์เป็นกันเองสุดๆ มาฝาก!
1. ทำสีรถกระบะทั้งคัน คืออะไร? ใครควรทำ?
เอาล่ะ มาเริ่มกันที่ว่า "ทำสีรถกระบะทั้งคัน" นี่มันคืออะไร? ก็คือการจับรถกระบะสุดรักของเราไปอาบน้ำปะแป้งใหม่ทั้งตัวไงล่ะ! ไม่ว่าจะเป็นการทำสีเดิมให้กลับมาสดใสเหมือนออกจากศูนย์ หรือจะเปลี่ยนสีไปเลยก็ได้ตามใจปรารถนา การทำสีทั้งคันนี่เหมาะสำหรับคนที่รถเริ่มมีสภาพสีไม่ไหวแล้วจริงๆ เช่น สีแตก สีลอก สีซีดเป็นด่างๆ ดวงๆ รอบคัน หรือโดนขีดข่วน บุบสลายมาเยอะจนซ่อมเป็นจุดไม่คุ้มแล้ว หรือบางคนก็แค่เบื่อสีเดิม อยากได้สีใหม่ไฉไลกว่าเดิมไปเลย! กลุ่มคนที่เหมาะกับการทำสีทั้งคันก็คือเจ้าของรถที่อยากให้รถกลับมาสวยงามเหมือนใหม่ เพิ่มมูลค่าให้รถ หรือคนที่ใช้รถทำงานบรรทุกของแล้วสีเป็นรอยเยอะจนดูไม่จืดนั่นแหละ
2. ราคาในตลาดไทยเป็นยังไงบ้าง? มีตั้งแต่หลักพันถึงหลักแสนเลยนะ!
มาถึงเรื่องสำคัญที่ทำให้หลายคนกุมขมับ นั่นก็คือ "ราคา" นั่นเอง! บอกเลยว่าราคาทำสีรถกระบะทั้งคันในไทยนี่มีหลากหลายมาก ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างมากๆ เหมือนเวลาเราไปสั่งส้มตำอ่ะนะ ว่าจะใส่ปลาร้าหรือไม่ใส่ ใส่ปูม้า หรือปูเค็ม ราคาก็ต่างกันไป๊! สำหรับรถกระบะ ราคาทำสีทั้งคันแบบคร่าวๆ ในตลาดไทยจะอยู่ที่ประมาณ 9,000 บาท ไปจนถึง 50,000 บาท หรือมากกว่านั้น ก็มีนะ
แยกตามประเภทอู่และคุณภาพงานก็จะประมาณนี้:
- อู่บ้านๆ อู่เล็กๆ ทั่วไป: ราคามิตรภาพสุดๆ อาจจะเจอตั้งแต่ 9,000 - 25,000 บาท อันนี้เน้นไว เน้นถูก อาจจะไม่เน้นความเนี้ยบกริ๊บเหมือนออกจากโรงงานนะ
- อู่อิสระขนาดกลางถึงใหญ่ หรืออู่ที่รับงานประกัน: คุณภาพดีขึ้นมาหน่อย มีมาตรฐาน มีห้องอบสี (บางที่) ราคาจะขยับขึ้นมาที่ประมาณ 25,000 - 40,000 บาท ขึ้นอยู่กับชื่อเสียงอู่และวัสดุที่ใช้
- ศูนย์บริการรถยนต์ (ศูนย์ใหญ่): อันนี้แพงสุด คุณภาพดีสุด ใช้สีมาตรฐานเดียวกับโรงงาน มีการรับประกันงานที่ชัดเจน ราคาอาจจะพุ่งไปถึง 40,000 - 70,000 บาท หรือมากกว่านั้นถ้าเป็นรถรุ่นใหญ่หรือสีพิเศษ
ราคายังขึ้นอยู่กับ:
- สภาพรถ: ถ้ามีรอยบุบ สนิม หรือต้องเคาะ ปะผุเยอะ ก็มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม
- ประเภทสี: สีพื้นธรรมดาจะถูกสุด ถ้าเป็นสีเมทัลลิค สีมุก หรือสีพิเศษอื่นๆ ราคาจะแพงขึ้นอีก 20-30%
- ยี่ห้อสีและวัสดุ: ใช้สีแบรนด์ดัง คุณภาพดี ราคาก็สูงตาม
ถ้าแค่ทำสีเฉพาะจุด ราคาจะถูกกว่าเยอะเลยนะ เริ่มต้นประมาณ 1,500 - 8,000 บาท ต่อชิ้น แล้วแต่ขนาดชิ้นงานและความยากง่าย
3. ทำสี หรือติดสติกเกอร์แร็ปดี? เปรียบเทียบความคุ้มค่าแบบมวยคนละรุ่น!
นอกจากทำสีแล้ว เดี๋ยวนี้ก็มีอีกทางเลือกที่ฮิตไม่แพ้กัน นั่นก็คือการ "ติดสติกเกอร์แร็ปรถ" (Car Wrapping) นั่นเอง! แล้วสองอย่างนี้ต่างกันยังไง? อันไหนคุ้มกว่า?
- การทำสี: เหมือนการศัลยกรรมใหญ่ให้รถ สีติดทนถาวรกว่า (ถ้าทำดี) ดูเรียบเนียนเป็นเนื้อเดียวกับตัวรถ แต่ใช้เวลานานกว่า และถ้าเบื่อสีเดิม อยากเปลี่ยนอีกก็ต้องทำสีใหม่ ซึ่งมีขั้นตอนยุ่งยากและค่าใช้จ่ายสูง
- การติดสติกเกอร์แร็ป: เหมือนใส่เสื้อใหม่ให้รถ เปลี่ยนสีได้ง่ายและรวดเร็ว (ใช้เวลาไม่กี่วัน) มีสีและลวดลายให้เลือกเยอะมาก ปกป้องสีเดิมจากรอยขีดข่วนเล็กๆ น้อยๆ ได้ แต่ถ้าสติกเกอร์เป็นรอยก็ต้องเปลี่ยนแผ่นใหม่ อาจมีปัญหาเรื่องฟองอากาศหรือรอยย่นตามส่วนโค้งเว้าได้บ้าง และอายุการใช้งานสั้นกว่าสีจริง (ประมาณ 3-5 ปี แล้วแต่คุณภาพสติกเกอร์และการดูแล)
เรื่องราคา การแร็ปทั้งคันก็มีหลายราคามากๆ เหมือนทำสีเลย ตั้งแต่หลักหมื่นต้นๆ ไปจนถึงหลายหมื่น ขึ้นอยู่กับคุณภาพสติกเกอร์และฝีมือร้าน โดยทั่วไปอาจจะใกล้เคียงหรือถูกกว่าการทำสีแบบดีๆ หน่อย แต่ก็แพงกว่าการทำสีอู่บ้านๆ เยอะอยู่เหมือนกัน
สรุปง่ายๆ: ถ้าอยากได้ความทนทาน อยู่ยาวๆ เหมือนใหม่ และเน้นความเนี้ยบเป็นเนื้อเดียวกับตัวรถ "ทำสี" คือคำตอบ แต่ถ้าชอบเปลี่ยนสีรถบ่อยๆ อยากได้ลวดลายเก๋ๆ หรืออยากปกป้องสีเดิมไว้เผื่อขายต่อ "ติดสติกเกอร์แร็ป" ก็น่าสนใจกว่านะจ๊ะ
4. จ่ายเงินไปแล้ว ได้อะไรกลับมาบ้างนะ? (นอกจากรถสีใหม่)
เวลาเราเอาไปรถไปทำสีทั้งคันเนี่ย ไม่ใช่แค่จ่ายเงินแล้วได้รถสีใหม่เอี่ยมกลับมานะจ๊ะ ปกติแล้วค่าบริการก็จะครอบคลุมหลายอย่างเลย:
- การเตรียมพื้นผิว: อันนี้สำคัญมาก! เค้าก็จะล้างทำความสะอาด ขัดสีเก่าออก (อาจจะไม่ทั้งหมด ขึ้นอยู่กับวิธีทำ) เคาะส่วนที่บุบ ปะผุส่วนที่เป็นสนิม โป๊วสี ปรับพื้นผิวให้เรียบเนียน ก่อนจะพ่นสีจริง
- พ่นสีจริง: อันนี้ก็แล้วแต่ตกลงว่าจะใช้สีเกรดไหน ระบบไหน (เช่น สี 2K)
- พ่นแลคเกอร์เคลือบเงา: เพื่อให้สีทนทาน เงางาม
- ขัดสีและเก็บรายละเอียด: หลังจากสีแห้ง ก็จะมีการขัดสีเพื่อความเรียบเนียนและเงางาม
ส่วนเรื่อง "การรับประกัน" นี่สำคัญมากๆ สำหรับคนไทย! ปกติแล้วอู่มาตรฐานหรือศูนย์บริการมักจะมีการรับประกันงานสีให้ด้วย ระยะเวลาก็แตกต่างกันไป ตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 1 ปี หรือ 3 ปี ก็มี ต้องสอบถามให้ชัดเจนว่ารับประกันอะไรบ้าง เช่น สีไม่ซีดจาง สีไม่ลอก ไม่พอง
ของแถมหรือบริการพิเศษ: บางอู่อาจจะมีบริการเสริมเล็กๆ น้อยๆ เช่น ล้างห้องเครื่อง ทำความสะอาดภายใน หรือมีรถสำรองให้ใช้ระหว่างซ่อม (อันนี้ต้องดูเงื่อนไขดีๆ นะจ๊ะ) บางทีก็อาจจะได้ส่วนลดถ้าจ่ายเงินสด หรือมีโปรโมชั่นร่วมกับบริษัทประกันภัย
ค่าขนส่ง: แน่นอนว่าเราต้องขับรถไปที่อู่เองนะ ไม่มีบริการมารับรถฟรีถึงบ้าน ยกเว้นเป็นกรณีพิเศษจริงๆ
5. มีช่วงไหนเหมาะแก่การทำสีรถกระบะเป็นพิเศษไหม? โปรโมชั่นมีบ้างหรือเปล่า?
ถามว่ามีช่วงไหนที่เหมาะกับการทำสีรถกระบะเป็นพิเศษไหม? อันนี้ก็แล้วแต่สะดวกเลยจ้า แต่ถ้าถามหา "โปรโมชั่น" เนี่ย อาจจะต้องคอยสอดส่องตามอู่ต่างๆ หรือหน้าเพจ Facebook ของอู่ที่เราสนใจ บางอู่อาจจะมีโปรโมชั่นพิเศษในช่วงเทศกาลต่างๆ เช่น:
- ช่วงก่อนสงกรานต์/ปีใหม่: หลายคนอยากทำรถให้สวยรับปีใหม่ไทย ก็อาจจะมีอู่จัดโปรโมชั่นบ้าง
- ช่วงปลายปี: เพื่อกระตุ้นยอดก่อนปิดงบ
- โปรโมชั่นฉลองครบรอบอู่: อันนี้ก็แล้วแต่ดวงว่าจะเจอช่วงไหน
ส่วนโปรโมชั่นแบบ Double Digit Sale ยอดฮิตอย่าง 11.11 หรือ 12.12 ที่มีในแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ อาจจะไม่ได้มีผลโดยตรงกับการทำสีรถที่อู่ แต่บางทีร้านที่ขายอุปกรณ์ทำสีรถ (เช่น สี สเปรย์) อาจจะมีโปรโมชั่นได้ ถ้าใครจะซื้อมาทำเองก็อาจจะใช้ประโยชน์ตรงนี้ได้นะ
คำแนะนำ: ถ้าไม่รีบมากๆ ลองโทรสอบถามโปรโมชั่นจากอู่หลายๆ ที่ดูก่อน หรือติดตามโซเชียลมีเดียของอู่ที่สนใจ เผื่อจะได้ราคาพิเศษ หรือมีบริการแถมที่น่าสนใจ แต่ถึงไม่มีโปรฯ ถ้าสภาพรถไม่ไหวแล้วจริงๆ ก็อย่ารอช้า ทำเลยดีกว่า เพราะถ้าปล่อยไว้นานๆ อาจจะลุกลามเป็นสนิมหนักกว่าเดิม ค่าซ่อมก็จะแพงขึ้นไปอีกนะเออ!
6. คนไทยทำสีรถกระบะแล้วรู้สึกยังไง? ฟีดแบ็กจากผู้ใช้จริง!
จากที่ลองไปส่องตามเว็บบอร์ดหรือกลุ่มต่างๆ ของคนรักรถกระบะในไทยเนี่ย ฟีดแบ็กเรื่องการทำสีรถก็มีหลากหลายมากๆ ปะปนกันไป ทั้งดีและไม่ดี จุดที่คนไทยมักจะพูดถึงและให้ความสำคัญมีประมาณนี้:
- คุณภาพงานสี: อันนี้สำคัญสุด! อยากได้สีที่เรียบเนียน เงางาม สีตรงกับของเดิม หรือสีใหม่ที่ถูกใจ ไม่ซีด ไม่ลอกง่าย หลายคนเจอปัญหาทำสีมาแล้วสีเพี้ยนบ้าง สีไม่เรียบบ้าง หรือใช้ไปพักเดียวสีลอกเป็นแผ่นก็มี
- ความทนทาน: อยากให้สีที่ทำมาอยู่ได้นานๆ อย่างน้อย 4-5 ปี เหมือนที่อู่โฆษณาไว้
- ระยะเวลาในการทำ: หลายคนใจร้อน อยากได้รถคืนไวๆ แต่การทำสีทั้งคันต้องใช้เวลา ส่วนใหญ่จะประมาณ 1-4 อาทิตย์ ขึ้นอยู่กับสภาพรถ คิวงาน และขนาดอู่ บางทีอาจต้องรอนานกว่านั้นถ้าอู่คิวยาวมากๆ หรือมีปัญหาจุกจิก
- ราคาและความคุ้มค่า: อยากจ่ายในราคาที่สมเหตุสมผลกับคุณภาพงานที่ได้ บางคนรู้สึกว่าจ่ายแพงแล้วงานไม่เนี้ยบก็มี
- การบริการของอู่: ชอบอู่ที่ให้ข้อมูลชัดเจน ซื่อสัตย์ ไม่เรียกเก็บเงินเพิ่มนอกเหนือจากที่ตกลงไว้ ดูแลรถเราดีระหว่างที่อยู่ในอู่
- การรับประกัน: อยากได้อู่ที่มีการรับประกันงานสีที่ชัดเจน เคลมง่ายไม่ยุ่งยาก
สรุป: คนไทยส่วนใหญ่เน้นเรื่อง "คุณภาพงานสีและความทนทาน" เป็นหลัก รองลงมาก็เป็นเรื่องของ "ราคา" และ "การบริการ" นะจ๊ะ
7. จะไปทำสีรถกระบะทั้งคัน ต้องไปที่ไหนดี?
ทีนี้ถ้าตัดสินใจแล้วว่าจะทำสีรถกระบะทั้งคัน จะไปทำที่ไหนดีล่ะ? ก็มีหลายทางเลือกให้พิจารณา:
- ศูนย์บริการรถยนต์ (ศูนย์ใหญ่): เหมาะสำหรับรถใหม่ที่ยังอยู่ในระยะประกัน หรือคนที่เน้นคุณภาพและมาตรฐานสูงสุด ไม่เกี่ยงเรื่องราคา และต้องการความสบายใจเรื่องการรับประกัน (แต่รถกระบะที่อายุเกิน 5 ปี อาจจะทำประกันชั้น 1 แบบซ่อมศูนย์ไม่ได้แล้วนะ) ข้อดีคือช่างมีความเชี่ยวชาญเฉพาะรุ่น ใช้อะไหล่แท้ สีมาตรฐานโรงงาน มีการรับประกันที่ดี ข้อเสียคือแพงและอาจใช้เวลานาน
- อู่อิสระขนาดกลางถึงใหญ่ / อู่ที่รับงานประกัน: เป็นทางเลือกที่คนส่วนใหญ่นิยม เพราะคุณภาพงานดี ได้มาตรฐาน ใกล้เคียงศูนย์ แต่ราคาเป็นมิตรมากกว่า มีเครื่องมือที่ทันสมัย มีห้องอบสี ข้อดีคือราคาสมเหตุสมผล มีความเชี่ยวชาญในการซ่อมสีเฉพาะทาง บางอู่มีชื่อเสียงมากๆ ก็ไว้ใจได้ ข้อเสียคือคุณภาพอาจแตกต่างกันไปในแต่ละอู่ ต้องหาข้อมูลและดูรีวิวดีๆ
- อู่บ้านๆ / อู่เล็กๆ ทั่วไป: เหมาะสำหรับคนงบน้อย หรือต้องการทำสีเฉพาะจุดเล็กๆ น้อยๆ หรืองานที่ไม่เน้นความเนี้ยบมาก ข้อดีคือราคาถูกและอาจจะทำได้เร็วในบางกรณี ข้อเสียคือคุณภาพงานไม่แน่นอน อาจไม่มีการรับประกัน หรือรับประกันในระยะสั้นๆ และเครื่องมืออาจไม่ทันสมัยเท่าอู่ใหญ่
คำแนะนำในการเลือกอู่:
- ดูรีวิวและสอบถามจากผู้ที่เคยใช้บริการ: ทั้งจากคนรู้จัก หรือดูตามกลุ่ม/เว็บบอร์ดออนไลน์
- เข้าไปดูสถานที่จริง: ดูว่าอู่ดูเป็นระเบียบเรียบร้อยไหม มีเครื่องมือที่ดูทันสมัยหรือเปล่า
- ขอใบเสนอราคาจากหลายๆ อู่: เปรียบเทียบราคา รายละเอียดงาน และการรับประกัน
- สอบถามรายละเอียดให้ชัดเจน: ขั้นตอนการทำ สีที่ใช้ ระยะเวลาในการทำ และการรับประกัน
- ถ้าเป็นไปได้ ให้ขอเข้าไปดูงานระหว่างทำ: เพื่อติดตามความคืบหน้าและคุณภาพงาน (แต่อันนี้ก็แล้วแต่นโยบายของแต่ละอู่นะ)
8. สรุปแล้ว ทำสีรถกระบะทั้งคัน คุ้มไหม? ใครควรจ่ายแพง ใครจ่ายน้อยได้?
มาถึงบทสรุปกันแล้ว! ถามว่า "ทำสีรถกระบะทั้งคัน" คุ้มไหม? ก็ต้องบอกว่า คุ้มค่ามากๆ ถ้าคุณต้องการให้รถกลับมาสวยงามเหมือนใหม่ เพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ หรือต้องการเพิ่มมูลค่าให้รถก่อนจะขายต่อ
ใครควรจ่ายแพง (ไปที่ศูนย์หรืออู่มาตรฐานสูง):
- คนที่เน้นคุณภาพสูงสุด อยากได้งานเนี้ยบกริ๊บเหมือนออกจากโรงงาน
- รถยังใหม่ หรือเป็นรถรุ่นยอดนิยม ที่ต้องการรักษามาตรฐานงานสีไว้
- คนที่มีงบประมาณพร้อมจ่ายเพื่อคุณภาพและการรับประกันที่ดี
ใครที่จ่ายน้อยลงมาหน่อยได้ (ไปที่อู่อิสระขนาดกลาง หรืออู่ที่ไว้ใจได้):
- คนที่ต้องการคุณภาพงานที่ดีในราคาสมเหตุสมผล
- รถที่อายุหลายปีแล้ว ไม่ได้ซีเรียสว่าต้องเนี้ยบ 100% แต่ขอให้สีสวยเรียบเนียนทั่วคัน
- คนที่หาข้อมูลและดูรีวิวอู่มาอย่างดีแล้ว
ใครที่จ่ายน้อยสุดๆ (ไปที่อู่บ้านๆ หรืออู่เล็กๆ):
- คนที่งบจำกัดมากๆ
- ต้องการทำสีเพื่อใช้งาน ไม่ได้เน้นความสวยงามระดับประกวด
- รถเก่ามากๆ ที่ทำเพื่อใช้งานชั่วคราว หรือทำก่อนขายแบบถูกๆ
- ทำสีเฉพาะจุดเล็กๆ น้อยๆ
จำไว้นะจ๊ะว่า "ราคา" มักจะมาพร้อมกับ "คุณภาพ" เสมอ (แต่บางทีก็ไม่เสมอไปนะ ต้องเช็คดีๆ) การทำสีรถกระบะทั้งคันเป็นการลงทุนที่ค่อนข้างสูง ดังนั้นหาข้อมูล เปรียบเทียบราคา และเลือกอู่ที่ไว้ใจได้ จะได้ไม่เสียเงินฟรีแล้วยังต้องมาปวดหัวกับงานที่ไม่ได้คุณภาพนะจ๊ะ ขอให้ทุกคนได้รถกระบะสีสวย หล่อ/สวย เหมือนใหม่กันทุกคน ขับขี่ปลอดภัย เที่ยวให้สนุก ทำงานให้รุ่งเรืองจ้า! ไปล่ะ บ๊ายบาย!
วิดีโอที่เกี่ยวข้อง
แนะนำสำหรับคุณ
รีวิวรองเท้าผ้าใบ Puma Carina: สวยคลาสสิก แมทช์ได้ทุกลุค
รีวิว YSL Pure Shots: เซรั่มกู้ผิวโทรม บูสต์ผิวใสในข้ามคืน
เปิดกรุรีวิวไอเทมเด็ดจาก Watsons: ตัวไหนน่าสอย ตัวไหนต้องลอง?
รีวิว Hiby R3: เครื่องเล่นเพลงพกพาเสียงดี เหมาะกับคนรักเสียงเพลง
รีวิว มาร์คเท้ากู้ชีพ: เปลี่ยนเท้าหยาบกร้าน เป็นเท้าเนียนนุ่มน่าสัมผัส
รีวิว Yamaha Nouvo Elegance 135cc: ออโตเมติกยอดนิยม ดีไซน์สปอร์ต ขี่สบาย