logo

ราคา Rado Sapphire: คู่มือเลือกรุ่นยอดนิยม พร้อมวิธีดูแท้

user avatar
สิริกร จิรพัฒน์·06/26/2025 17:04
点赞
ราคา Rado Sapphire: คู่มือเลือกรุ่นยอดนิยม พร้อมวิธีดูแท้

สวัสดีครับพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ที่กำลังเล็งหานาฬิกาดีๆ สักเรือนที่แบบว่าใส่แล้วคนต้องเหลียวหลัง แถมยังทนไม้ทนมือสุดๆ วันนี้เราจะมาเจาะลึกเรื่องของ Rado Sapphire หรือนาฬิกา Rado ที่มีกระจกแซฟไฟร์นี่แหละครับ บอกเลยว่าแบรนด์นี้เค้ามีของ! มาดูกันว่ามีรุ่นไหนฮิต ราคาเท่าไหร่ แล้วจะซื้อยังไงให้ได้ของแท้ชัวร์ๆ ไม่โดนหลอกขายของปลอมกันนะคร้าบบบ!

1. Rado Sapphire มันคืออะไร? ทำไมต้องมี?

เอาล่ะ มาทำความรู้จักเจ้า Rado กันก่อน แบรนด์นี้เค้ามาจากสวิตเซอร์แลนด์นะครับพี่น้อง! มีประวัติยาวนาน แถมยังเป็นส่วนหนึ่งของ Swatch Group ที่เป็นบริษัทนาฬิกาใหญ่ระดับโลก Rado เค้าโดดเด่นเรื่องการใช้วัสดุล้ำๆ ที่ทนทานเป็นพิเศษ ไม่เหมือนใครจริงๆ ครับ โดยเฉพาะเรื่องของ กระจกแซฟไฟร์ (Sapphire Crystal) ที่ไม่ใช่แค่กระจกธรรมดาๆ แต่เป็นวัสดุที่แข็งมากๆ ทนรอยขีดข่วนได้แบบสุดๆ ไปเลยครับ เหมือนกับชื่อหัวข้อเราเป๊ะๆ เลย เพราะนาฬิกา Rado ส่วนใหญ่ โดยเฉพาะรุ่นใหม่ๆ หรือรุ่นยอดนิยม มักจะใช้กระจกตัวนี้แหละครับ ทำให้มั่นใจได้ว่าหน้าปัดนาฬิกาเราจะใสกิ๊ง แทบไม่เป็นรอยกวนใจเลย ถึงแม้จะใช้งานหนักแค่ไหนก็ตาม

นอกจากกระจกแซฟไฟร์แล้ว Rado ยังดังเรื่อง วัสดุเซรามิกไฮเทค (High-Tech Ceramic) ที่เค้าคิดค้นขึ้นมาเองด้วยนะ วัสดุนี้ก็ทนรอยขีดข่วน น้ำหนักเบา ใส่สบาย แถมยังมีสีสันและผิวสัมผัสที่เป็นเอกลักษณ์มากๆ ครับ

กลุ่มคนที่เหมาะกับ Rado เหรอครับ? ก็คนที่มองหานาฬิกาที่ไม่ใช่แค่บอกเวลา แต่เป็นเครื่องประดับที่บ่งบอกถึงสไตล์ ความมั่นคง และความพิถีพิถันในการเลือกใช้ของดี คนที่ชอบดีไซน์แบบไม่ซ้ำใคร ดูแข็งแกร่ง ทนทาน ใช้ได้ยาวๆ ไม่ต้องมานั่งกังวลเรื่องรอยขนแมวบนกระจกหรือตัวเรือนบ่อยๆ นั่นแหละครับ โดยเฉพาะรุ่น DiaStar นี่นะ คนไทยรู้จักกันดีมานาน ใส่แล้วดูมีภูมิฐานมากๆ ครับ

2. ราคา Rado Sapphire ในไทย ประมาณเท่าไหร่กันนะ?

มาถึงเรื่องเงินๆ ทองๆ ที่ทุกคนอยากรู้! ราคานาฬิกา Rado Sapphire ในตลาดไทยเนี่ย มีตั้งแต่หลักหมื่นกลางๆ ไปจนถึงแสนกว่าบาทเลยครับ ขึ้นอยู่กับรุ่น วัสดุ และกลไกข้างในด้วยนะ ถ้าเป็นรุ่นยอดฮิตติดลมบนอย่างตระกูล DiaStar Original รุ่นออโตเมติก หน้าปัดพลอย 11 เม็ดเนี่ย ราคาป้ายจะอยู่ประมาณ 4 หมื่นกว่าบาท ครับ แต่ก็มีบางช่วงที่มีโปรโมชั่น ลดลงมาหน่อย

ส่วนรุ่นใหม่ๆ ที่ใช้วัสดุเซรามิกไฮเทคแบบเต็มๆ หรือรุ่นที่มีฟังก์ชันซับซ้อนขึ้นมาหน่อยอย่างพวก Captain Cook หรือ True Square ราคาก็จะขยับสูงขึ้นไปอีกครับ อย่าง Captain Cook High-Tech Ceramic นี่มีตั้งแต่ประมาณ แสนสาม ไปจนถึงแสนปลายๆ เลยทีเดียว ส่วน True Square รุ่นใหม่ๆ ก็มีตั้งแต่ประมาณ แปดหมื่นกว่าบาท ไปจนถึง แสนต้นๆ ครับ

ถ้ามองหามือสองล่ะ? อันนี้ราคาจะลงมาพอสมควรเลยครับ โดยเฉพาะรุ่น DiaStar ตัวเก่าๆ อาจจะหาได้ในราคาหลักหมื่นต้นๆ หรือหมื่นกลางๆ ก็มีให้เห็นนะ แต่ก็ต้องเช็คสภาพดีๆ หน่อยนะครับ

ช่องทางซื้อเนี่ยหลักๆ ก็จะมี Central Online, Shopee Mall (Official Store ของ Rado), ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการตามห้างสรรพสินค้า หรือร้านนาฬิกาใหญ่ๆ ที่เป็นตัวแทนจำหน่าย และก็มีตลาดออนไลน์สำหรับมือสองอีกเพียบ

3. เทียบราคากับแบรนด์อื่นในระดับเดียวกันเป็นไง?

Rado จัดเป็นนาฬิการะดับ Mid-to-High Range นะครับ อยู่ในระดับเดียวกับแบรนด์ดังๆ อย่าง Longines ใน Swatch Group เดียวกัน ถ้าเทียบกับนาฬิกาสวิสอื่นๆ ในช่วงราคาใกล้เคียงกัน Rado เค้าจะเด่นเรื่องการใช้วัสดุที่ล้ำกว่าและทนทานกว่า โดยเฉพาะเรื่องรอยขีดข่วนนี่กินขาดหลายๆ แบรนด์ที่ยังใช้สแตนเลสสตีลเป็นหลักเลยครับ คือถ้าเราเน้นเรื่องความทนทานของวัสดุเป็นพิเศษ อยากได้นาฬิกาที่ใส่ไปนานๆ แล้วยังดูใหม่ ไม่ค่อยมีรอยเนี่ย Rado ถือว่าให้ ความคุ้มค่า ในมุมนี้มากๆ ครับ แม้ว่าราคาอาจจะดูสูงกว่าบางแบรนด์ในเรทเดียวกันที่ใช้วัสดุแบบดั้งเดิมกว่าก็ตาม

แต่ถ้าเทียบกับแบรนด์หรูที่ราคาสูงกว่ามากๆ อย่าง Rolex หรือ Omega อันนั้นก็จะเป็นอีกระดับไปเลย ทั้งในด้านประวัติศาสตร์ กลไก หรือชื่อชั้นของแบรนด์ ซึ่ง Rado ก็ไม่ได้ไปแข่งตรงนั้นครับ เค้ามีจุดยืนที่ชัดเจนเรื่องวัสดุศาสตร์มากกว่า

4. ซื้อแล้วได้อะไรมาบ้าง? มีประกันไหม?

ถ้าซื้อ Rado ของใหม่จากตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ หรือ Official Store บนแพลตฟอร์มออนไลน์เนี่ย สิ่งที่จะได้มาหลักๆ เลยก็คือ ตัวนาฬิกา, กล่องนาฬิกา (สวยงามตามมาตรฐานแบรนด์หรู), และที่สำคัญคือ ใบรับประกัน ครับ ประกันเนี่ยสำคัญมากๆ สำหรับคนไทยนะ! Rado ส่วนใหญ่จะให้ประกันศูนย์ของ Swatch Group Thailand ครับ สามารถนำนาฬิกาเข้ารับบริการที่ศูนย์ได้ทั่วประเทศ

ระยะเวลารับประกันเนี่ย ส่วนใหญ่จะเป็น 2 ปี สำหรับรุ่นทั่วไป แต่พักหลังๆ Rado เค้าใจดีมากครับ สำหรับนาฬิกาที่ซื้อตั้งแต่ช่วงปลายปี 2021 เป็นต้นมา หลายรุ่นจะได้รับประกันยาวๆ ถึง 5 ปี เลยนะ! อันนี้ต้องเช็คกับร้านค้าอีกทีว่าเป็นรุ่นที่เข้าเงื่อนไขประกัน 5 ปีหรือเปล่า

เรื่อง ค่าจัดส่ง ถ้าซื้อออนไลน์ส่วนใหญ่ร้านค้าทางการมักจะมีบริการส่งฟรีให้ครับ ส่วนของแถมหรือโปรโมชั่นอื่นๆ อันนี้แล้วแต่ช่วงและแล้วแต่ร้านเลยครับ บางทีอาจจะมีแถมอุปกรณ์ทำความสะอาด หรือในบางรุ่นอย่าง Captain Cook อาจจะมีโปรโมชั่นแถมสายนาฬิกาอีกเส้นให้ด้วย ต้องลองสอบถามหรือดูรายละเอียดของโปรโมชั่นตอนที่เราจะซื้อครับ

แต่ถ้าเป็นมือสอง ของที่ได้ก็จะแตกต่างกันไปครับ ต้องเช็คกับผู้ขายให้ละเอียดว่ามีกล่อง ใบ หรืออุปกรณ์อะไรมาให้บ้าง ส่วนใหญ่จะ ไม่มีประกันศูนย์ แล้วนะครับ อาจจะมีแค่ประกันใจจากผู้ขาย หรือประกันร้านเล็กๆ น้อยๆ ถ้าซื้อจากร้านมือสองครับ

5. ช่วงไหนน่าซื้อ Rado ที่สุด? มีโปรโมชั่นเด็ดๆ ไหม?

ถ้าอยากได้ Rado ในราคาที่คุ้มค่าขึ้นมาหน่อย แน่นอนว่าต้องเล็งช่วง โปรโมชั่น ครับ! แบรนด์หรูเค้าอาจจะไม่ได้ลดแบบกระหน่ำเหมือนสินค้าแฟชั่นทั่วไป แต่ก็มีส่วนลดหรือข้อเสนอพิเศษให้เห็นอยู่เรื่อยๆ ครับ

ช่วงเทศกาลช้อปปิ้งออนไลน์ใหญ่ๆ อย่าง 11.11, 12.12 เนี่ย ถึงแม้จะไม่ใช่โปรโมชั่นของ Rado โดยตรง แต่ร้านค้าที่เป็น Official Store บน Lazada หรือ Shopee อาจจะมีโค้ดส่วนลดจากแพลตฟอร์ม หรือมี Flash Sale ลดราคาบางรุ่นในช่วงเวลาสั้นๆ ก็เป็นไปได้ครับ นอกจากนี้ ตามห้างสรรพสินค้าเองก็จะมีโปรโมชั่นในช่วงเทศกาลต่างๆ เช่น ปีใหม่ ตรุษจีน สงกรานต์ หรือช่วงจัดรายการลดราคาของห้าง ซึ่งร้าน Rado ที่อยู่ในห้างก็มักจะเข้าร่วมด้วยครับ

ร้านค้าออนไลน์ตัวแทนจำหน่ายบางแห่งก็อาจจะมีจัดโปรโมชั่นของตัวเองเหมือนกันครับ แนะนำว่าให้ ติดตามข่าวสารจาก Official Line Account ของ Rado Thailand [@radothailand] หรือกดติดตาม Official Store บน Shopee/Lazada รวมถึงเพจ Facebook หรือเว็บไซต์ของตัวแทนจำหน่ายต่างๆ เพื่อไม่พลาดโปรโมชั่นดีๆ ครับ

สรุปคือ ถ้าไม่รีบมาก อดใจรอช่วงโปรโมชั่น ต่างๆ มีโอกาสสูงที่จะได้ Rado ในราคาที่สบายกระเป๋ามากขึ้น พร้อมรับประกันเต็มๆ ด้วยครับ!

6. คนไทยที่ใช้ Rado Sapphire เค้าว่ายังไงกันบ้าง?

ลองไปส่องๆ ดูตามเว็บบอร์ด Pantip หรือคอมเมนต์ตามช่องรีวิวต่างๆ ในไทยนะ เสียงตอบรับส่วนใหญ่เกี่ยวกับ Rado โดยเฉพาะรุ่น DiaStar หรือรุ่นที่ใช้กระจกแซฟไฟร์และเซรามิกเนี่ย เค้าชมเรื่อง ความทนทาน เป็นเสียงเดียวกันเลยครับ หลายคนบอกว่าใช้มานานหลายปี หน้าปัดยังใสกิ๊ง ตัวเรือนแทบไม่มีรอย ทั้งๆ ที่ใส่ลุยๆ มาเยอะ

ดีไซน์ก็เป็นอีกจุดที่คนไทยชอบครับ โดยเฉพาะรุ่น DiaStar Original ที่มีรูปทรงเป็นเอกลักษณ์ดูคลาสสิกเหนือกาลเวลา ใส่แล้วดูภูมิฐาน เหมาะกับการใส่ไปทำงาน ออกงาน หรือใส่ในชีวิตประจำวันที่อยากดูดีเป็นพิเศษ ส่วนรุ่นใหม่ๆ อย่าง Captain Cook หรือ True Square ก็ได้รับความนิยมเช่นกัน ด้วยดีไซน์ที่ดูทันสมัยขึ้น แต่ยังคงความทนทานตามสไตล์ Rado

บางคนก็ซื้อ Rado เป็นเหมือนของสะสม หรือเป็นนาฬิกาที่ส่งต่อให้รุ่นลูกรุ่นหลาน เพราะความทนทานนี่แหละครับ เรียกได้ว่าเป็นนาฬิกาที่ซื้อแล้วใช้ได้ยาวๆ คุ้มค่ากับการลงทุนครับ!

7. จะไปสอย Rado Sapphire ได้จากที่ไหนบ้างนะ?

สำหรับ Rado Sapphire ของแท้ มือหนึ่งเนี่ย ช่องทางที่ชัวร์ที่สุดคือ:

  • ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ: อันนี้คือดีที่สุดครับ สามารถไปดู ไปลองที่ร้านได้เลย สอบถามข้อมูลกับพนักงานได้เต็มที่ แถมมั่นใจได้ว่าเป็นของแท้แน่นอน พร้อมใบรับประกันศูนย์ครับ ลองเช็ครายชื่อร้านได้จากเว็บไซต์ Official ของ Rado ได้เลย
  • ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ: แผนกนาฬิกาในห้างใหญ่ๆ อย่าง Central ก็มีเคาน์เตอร์ Rado อยู่ครับ สะดวกในการเดินทางไปเลือกชม
  • Official Online Store: บนแพลตฟอร์ม E-commerce ใหญ่ๆ อย่าง Central Online และ Shopee Mall (Rado Official Store) ก็เป็นอีกช่องทางที่สะดวกมากๆ ครับ มั่นใจได้ว่าเป็นของแท้ เพราะเป็นร้านค้าอย่างเป็นทางการ มีระบบการจ่ายเงินที่ปลอดภัย แถมมีโปรโมชั่นหรือโค้ดส่วนลดให้ใช้บ่อยๆ ด้วย

ส่วนถ้าอยากได้ มือสอง ก็จะมีตามร้านนาฬิกามือสองโดยเฉพาะ หรือบนแพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง Lazada/Shopee (ที่ไม่ได้เป็น Official Store) หรือตามกลุ่มซื้อขายนาฬิกาใน Facebook ครับ แต่ต้องระวังมากๆ ในการเช็คสภาพและที่มาของนาฬิกา เพื่อป้องกันการได้ของปลอมนะครับ!

วิธีดู Rado ของแท้เบื้องต้น ก็ดูจากความเนียนของงาน วัสดุที่ใช้ (แซฟไฟร์แท้จะแข็งมาก ทนรอยขีดข่วน ไม่เป็นรอยง่ายๆ เซรามิกก็จะมีน้ำหนักและผิวสัมผัสที่เป็นเอกลักษณ์), โลโก้ Rado ที่พริกหมุนได้ (ในบางรุ่น), เลขซีเรียลที่ฝาหลัง (ลองเอาไปเช็คกับศูนย์หรือเว็บไซต์ Rado ถ้าเป็นรุ่นใหม่ๆ), และที่ชัวร์ที่สุดคือ เปิดดูเครื่องข้างใน ครับ กลไกของแท้จะมีรายละเอียดและการตกแต่งที่แตกต่างจากของปลอมชัดเจนมากๆ แต่ถ้าไม่ชำนาญ แนะนำให้ซื้อจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ หรือให้ผู้เชี่ยวชาญช่วยดูก่อนตัดสินใจซื้อครับ!

8. สรุปแล้ว Rado Sapphire น่าซื้อไหม? ใครควรจัด?

ถามว่าน่าซื้อไหม? ถ้าคุณกำลังมองหานาฬิกาที่ ทนทานสุดๆ แทบไม่เป็นรอย แถมยังมี ดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ ไม่เหมือนใคร ใส่แล้วดูดี มีระดับ และอยากได้นาฬิกาที่ใช้ได้ยาวๆ ส่งต่อได้ Rado Sapphire นี่แหละ น่าซื้อมากๆ ครับ!

เหมาะกับใคร? ก็เหมาะกับคนที่ ให้ความสำคัญกับคุณภาพวัสดุและความทนทาน เป็นอันดับต้นๆ ครับ คนที่อยากได้นาฬิกาที่ดูภูมิฐาน มั่นคง ไม่ต้องตามเทรนด์จ๋าจนเกินไป ใส่ได้เรื่อยๆ ไม่ตกยุค

ส่วนจะเลือกรุ่นไหนดี? ถ้าชอบความคลาสสิก เป็นอมตะ ดีไซน์ที่คนไทยรู้จักกันดี และงบประมาณไม่สูงมาก รุ่น DiaStar Original นี่แหละคือคำตอบครับ ยิ่งถ้าซื้อมือสองนี่ราคาเป็นมิตรสุดๆ

แต่ถ้าชอบดีไซน์ที่ดูทันสมัยขึ้นมาหน่อย แอคทีฟขึ้น หรืออยากได้นวัตกรรมวัสดุเซรามิกที่ล้ำกว่าเดิม รุ่น Captain Cook หรือ True Square ก็น่าสนใจมากๆ ครับ ราคาก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย

สุดท้ายแล้ว การเลือกซื้อ Rado Sapphire ก็เหมือนกับการเลือกลงทุนในสิ่งที่ทนทานและมีคุณค่าครับ เลือกจากงบประมาณ ไลฟ์สไตล์ และดีไซน์ที่ชอบ ที่สำคัญคือ ซื้อจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ เพื่อให้ได้ของแท้พร้อมการรับประกันที่ดีที่สุดนะครับ จะได้ใส่ Rado คู่ใจไปได้อีกนานแสนนานนนน!

วิดีโอที่เกี่ยวข้อง

บทความที่เกี่ยวข้อง

สวัสดีค่าเหล่านักช้อปทั้งหลาย! วันนี้ไม่ได้จะมาชวนเสียตังค์กับเสื้อผ้าหรือรองเท้านะจ๊ะ แต่จะพาไปส่องอีกหนึ่งไอเทมที่เรียกได้ว่าเป็นการลงทุน แถมใส่แล้วดูดีมีชาติตระกูล นั่นก็คือ นาฬิกา Rado Sapphire นั่นเองค่าาา! ใครที่กำลังมองหานาฬิกาหรูๆ ท
ราคา Rado Sapphire: คู่มือเลือกรุ่นยอดนิยม พร้อมวิธีดูแท้

บทความล่าสุดดูเพิ่มเติม

สวัสดีค่าทุกคนนน! วันนี้เราจะมาเม้าท์มอยเรื่องที่ดินแดนสวรรค์อย่าง ภูเก็ต กัน! ใครที่กำลังมองหาทำเลทองจะซื้อ จะลงทุน จะเก็บไว้เก็งกำไร หรือแค่อยากรู้ว่าช่วงปี 2568 เนี่ย ราคาที่ดินที่ภูเก็ตมันเป็นยังไงบ้าง แล้วโซนไหนที่เค้าว่ากันว่าเด็ดสุดๆ
ราคาที่ดินภูเก็ต อัปเดต 2568: โซนไหนน่าลงทุนที่สุด (เทียบปี 2562)
สวัสดีจ้าทุกคนนน! วันนี้เราจะมาเม้าท์มอยเรื่องแกดเจ็ตสุดปังที่ชีวิตยุค 4G ขาดไม่ได้ นั่นก็คือ TP-Link Archer MR200 เราเตอร์ใส่ซิม 4G ที่เค้าว่ากันว่าคุ้มค่าน่าใช้สุดๆ! ใครที่กำลังปวดหัวเรื่องอินเทอร์เน็ตบ้านช้าบ้าง ไม่มีเน็ตไฟเบอร์เข้าถึงบ้
รีวิว TP-Link MR200 และราคา: เราเตอร์ใส่ซิม 4G คุ้มค่าไหม
สวัสดีคร้าบบบทุกคนนน! วันนี้เราจะมาคุยเรื่องที่ดินกันบ้างจ้าาา เรื่องใกล้ตัวที่ใครๆ ก็อยากเป็นเจ้าของ นั่นก็คือ "ที่ดิน" นั่นเอง! แล้วถ้าเป็น ที่ดินขนาด 50 ตารางวา เนี่ย ราคามันจะประมาณไหน ซื้อตอนนี้ดีมั้ย เหมาะกับเราหรือเปล่า? มาค่ะ! เราจะ
ที่ดิน 50 ตารางวา ราคาเท่าไหร่: วิธีคำนวณและประเมินง่ายๆ

บทความที่แนะนำ