ผลัดเซลล์ผิวหน้าใส: ทำเองได้ไหม? เลือกใช้ผลิตภัณฑ์แบบไหนดี? ข้อควรระวัง?


โอ้โห! เรื่อง "ผลัดเซลล์ผิวหน้าใส" เนี่ย ฮิตตลอดกาลจริงๆ นะคะคุณสาวๆ ไหนใครอยากมีหน้าใสปิ๊งเหมือนกระจกบ้าง ยกมือขึ้น! 🙌 บอกเลยว่าการผลัดเซลล์ผิวเป็นหนึ่งในเคล็ดลับกู้ชีพผิวหมองคล้ำ สิวอุดตัน รอยดำรอยแดงสารพัดสิ่งให้ออกไปจากชีวิตเราได้ แต่เอ๊ะ...แล้วเราจะผลัดเซลล์ผิวเองได้ไหม? เลือกใช้ผลิตภัณฑ์แบบไหนถึงจะปังไม่พัง? แล้วมีข้อควรระวังอะไรบ้างนะ? วันนี้จะมาเม้าท์มอยเรื่องนี้กันแบบหมดเปลือก ตามสไตล์สาวๆ อย่างเราค่ะ เตรียมตัวให้พร้อม แล้วไปดูกันเลย!
รู้จัก "ผลัดเซลล์ผิว" คืออะไร ทำไมต้องทำ?
เอาจริงๆ แล้วผิวหนังของเราเนี่ย เขามีวงจรธรรมชาติในการผลัดเซลล์เก่าที่ตายแล้วออกไปเองอยู่แล้วค่ะ เหมือนเป็นการเคลียร์พื้นที่ให้เซลล์ใหม่ใสๆ ขึ้นมาแทนที่ ปกติจะใช้เวลาประมาณ 28 วัน แต่พออายุมากขึ้น หรือเจอมลภาวะ แสงแดด ความเครียด วงจรนี้ก็อาจจะช้าลง ทำให้เซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วกองสุมอยู่บนหน้าเรานี่แหละ ทำให้ผิวดูหมองคล้ำ ไม่สดใส แถมยังอุดตันง่าย เป็นสิวอีกต่างหาก
ประโยชน์ของการผลัดเซลล์ผิวเลยมีเพียบ!
- ผิวใสปิ๊งกว่าเดิม: กำจัดเซลล์เก่าออกไป เผยผิวใหม่ที่กระจ่างใสกว่า
- ลดสิวอุดตัน: ช่วยลดการสะสมของเซลล์ผิวเก่ากับน้ำมันในรูขุมขน
- สกินแคร์ซึมดีขึ้น: พอไม่มีเซลล์เก่าขวางกั้น ครีมบำรุงตัวโปรดก็ซึมเข้าผิวได้เต็มที่
- ลดรอยต่างๆ: รอยดำรอยแดงจากสิวจางลงไวขึ้น
- กระตุ้นคอลลาเจน: ช่วยให้ผิวดูเรียบเนียน ยืดหยุ่นขึ้น
"ทำเองได้ไหม?" สูตรธรรมชาติใกล้ตัว
คำถามยอดฮิต! ทำเองได้ไหม? บอกเลยว่า ทำได้! ด้วยวัตถุดิบจากธรรมชาติใกล้ตัวเรานี่แหละค่ะ
นี่แหละคือ "ดีไซน์" สไตล์โฮมเมดที่แท้ทรู แค่เดินเข้าครัวก็เจอตัวช่วยแล้ว!
- สครับน้ำตาล + น้ำผึ้ง + มะนาว: น้ำตาลเป็นเม็ดสครับธรรมชาติ มะนาวมี AHA ช่วยผลัดเซลล์ (แต่ระวังเรื่องการระคายเคือง) น้ำผึ้งช่วยให้ความชุ่มชื้น
- กากกาแฟ + นมสด / โยเกิร์ต: กากกาแฟช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่า นมหรือโยเกิร์ตช่วยให้ผิวนุ่ม
- มะขามเปียก + โยเกิร์ต + น้ำผึ้ง: มะขามเปียกมี AHA ตามธรรมชาติ ช่วยให้ผิวกระจ่างใส
ข้อควรรู้เกี่ยวกับการทำเอง: วัตถุดิบธรรมชาติก็มีข้อจำกัดนะคะ เม็ดสครับบางอย่าง เช่น น้ำตาล เกลือ หรือกากกาแฟ ถ้าเม็ดใหญ่หรือคมไป อาจทำให้ผิวเกิดรอยขีดข่วนเล็กๆ ได้ ควรบดให้ละเอียดขึ้น หรือใช้เบามือมากๆ
"เลือกใช้ผลิตภัณฑ์แบบไหนดี?" เปิดกรุตัวช่วย
นอกจากทำเองแล้ว สมัยนี้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิวก็มีให้เลือกเยอะแยะเต็มไปหมด แบ่งเป็น 2 ประเภทหลักๆ ที่เราคุ้นเคยกันดีค่ะ
1. ผลัดเซลล์ผิวแบบกายภาพ (Physical Exfoliator)
อันนี้คือแบบที่เราใช้ "ขัด" หรือ "ถู" ผิวโดยตรงค่ะ ให้ความรู้สึกแบบได้ขจัดสิ่งสกปรกออกไปจริงๆ
- สครับแบบมีเม็ดบีด: สมัยก่อนฮิตมาก แต่เม็ดพลาสติกอาจทำร้ายผิวและสิ่งแวดล้อม ปัจจุบันเลยนิยมใช้เม็ดบีดธรรมชาติแทน
- แปรงทำความสะอาดผิวหน้า: ใช้ร่วมกับโฟมล้างหน้า ช่วยขจัดเซลล์ผิวและสิ่งอุดตัน
ฟีลลิ่งตอนใช้: สะใจ! รู้สึกผิวสะอาด นุ่มลื่นทันทีหลังใช้ แต่ต้อง เบามือมากๆ นะคะ ไม่งั้นผิวจะระคายเคืองได้
2. ผลัดเซลล์ผิวด้วยสารเคมี (Chemical Exfoliants)
อันนี้จะมาในรูปแบบน้ำ เซรั่ม หรือโทนเนอร์ ที่ใช้สารเคมีช่วยผลัดเซลล์ผิวแบบอ่อนโยนกว่าการขัดถู สารเคมีที่นิยมใช้ก็เช่น
- AHA (Alpha Hydroxy Acids): มาจากผลไม้ต่างๆ เช่น ไกลโคลิก (Glycolic Acid), แลคติก (Lactic Acid) ละลายในน้ำได้ดี ช่วยผลัดเซลล์ผิวชั้นบน เหมาะกับผิวแห้ง หมองคล้ำ มีริ้วรอย
- BHA (Beta Hydroxy Acids): ที่คุ้นเคยคือ ซาลิไซลิก (Salicylic Acid) ละลายในน้ำมันได้ดี สามารถซึมลึกเข้าสู่รูขุมขน ช่วยละลายสิ่งอุดตัน เหมาะกับผิวมัน เป็นสิว รูขุมขนกว้าง
- PHA (Polyhydroxy Acids): โมเลกุลใหญ่กว่า AHA/BHA อ่อนโยนกว่า ไม่ค่อยระคายเคือง เหมาะกับผิวแพ้ง่าย
ฟีลลิ่งตอนใช้: บางเบา ซึมไว ไม่รู้สึกบาดผิว แต่อาจมีTingling Sensation ยิบๆ เล็กน้อยช่วงแรก ผลลัพธ์จะค่อยเป็นค่อยไปกว่าแบบกายภาพ
ใช้งานง่ายไหม? ใช้ยังไงให้ถูกวิธี?
ไม่ว่าจะเลือกแบบไหน การใช้งานก็ไม่ยุ่งยากค่ะ แต่ต้องมีเทคนิคเล็กน้อย
- ล้างหน้าให้สะอาดก่อน: สำคัญมาก! เพื่อไม่ให้สิ่งสกปรกอุดตันเพิ่ม
- ใช้ปริมาณที่พอเหมาะ: ไม่ต้องเยอะเกินไปนะคะ
- แบบกายภาพ (สครับ): นวดวนเบาๆ เป็นวงกลม หลีกเลี่ยงการขัดแรงๆ
- แบบเคมี (AHA/BHA/PHA): ใช้ตามคำแนะนำบนผลิตภัณฑ์ ส่วนใหญ่จะใช้หลังล้างหน้าและลงโทนเนอร์ (ถ้ามี)
- เน้นใช้ตอนกลางคืน: ผิวที่เพิ่งผลัดเซลล์จะไวต่อแสงแดดมาก การใช้ตอนกลางคืนจะช่วยให้ผิวฟื้นฟูได้เต็มที่
ความง่ายในการใช้: ผลิตภัณฑ์สมัยนี้ส่วนใหญ่ใช้ง่ายมากๆ ค่ะ แค่บีบ เท หรือใช้สำลีเช็ด ไม่ต้องเรียนรู้อะไรซับซ้อน
ความถี่แค่ไหนถึงดี? ผลระยะยาวเป็นไง?
ไม่ใช่ว่ายิ่งขัดยิ่งใส ยิ่งใช้ยิ่งดีนะคะ! การผลัดเซลล์ผิวบ่อยเกินไปอาจทำร้ายผิวได้ ความถี่ที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับวิธีและสภาพผิว:
- แบบกายภาพ (สครับ): แนะนำ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ก็พอค่ะ
- แบบเคมี (AHA/BHA/PHA): ขึ้นอยู่กับความเข้มข้นค่ะ ถ้าความเข้มข้นต่ำ อาจใช้ได้ทุกวัน แต่ถ้าความเข้มข้นสูง ควรใช้ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์
ความคุ้มค่าระยะยาว: การผลัดเซลล์ผิวอย่างสม่ำเสมอในความถี่ที่เหมาะสมช่วยให้ผิวแข็งแรง สุขภาพดีในระยะยาว ลดปัญหาผิวหมองคล้ำ สิว และช่วยให้สกินแคร์อื่นๆ ทำงานได้ดีขึ้น ทำให้ไม่ต้องเสียเงินกับผลิตภัณฑ์ที่ไม่เห็นผลค่ะ
ข้อดี-ข้อเสีย สรุปให้เข้าใจง่าย!
ทุกอย่างมีสองด้านเสมอ การผลัดเซลล์ผิวก็เหมือนกันค่ะ
ข้อดีเด็ดๆ (ที่คนไทยน่าจะเลิฟ):
- หน้าใสขึ้นทันตาเห็น (บางวิธี)
- ผิวดูเรียบเนียน แต่งหน้าง่ายขึ้น
- สิวอุดตันลดลงอย่างเห็นได้ชัด
- รอยสิว จุดด่างดำดูจางลง
- สกินแคร์ซึมไว ใช้แล้วรู้สึกคุ้มค่ากับเงินที่จ่าย
ข้อเสียที่อาจทำให้ลังเลใจ:
- ถ้าทำไม่ถูกวิธี อาจระคายเคือง แดง แสบได้
- บางคนผิวอาจแห้งหรือลอกเป็นขุยช่วงแรก
- ถ้าโอเวอร์ไป ผิวอาจไวต่อแสงแดดและบางลง
- ถ้าเป็นสิวอักเสบอยู่ การขัดอาจทำให้สิวยิ่งเห่อ
เหมาะกับใคร & คำแนะนำในการเลือกซื้อ
การผลัดเซลล์ผิวเหมาะกับหลายคนเลยค่ะ โดยเฉพาะ:
- คนที่มีปัญหาผิวหมองคล้ำ ไม่สดใส
- คนที่มีปัญหาสิวอุดตัน รูขุมขนกว้าง
- คนที่มีรอยสิว จุดด่างดำที่อยากให้จางเร็วๆ
- คนที่รู้สึกว่าทาสกินแคร์แล้วไม่ค่อยซึม
แล้วจะซื้อแบบไหนดี?
- ผิวแห้ง/หมองคล้ำ/มีริ้วรอย: ลองมองหา AHA
- ผิวมัน/เป็นสิว/รูขุมขนกว้าง: BHA คือเพื่อนแท้
- ผิวแพ้ง่าย/บอบบาง: เน้น PHA หรือเอนไซม์จากธรรมชาติ จะอ่อนโยนกว่า
- อยากเห็นผลไวๆ แบบกายภาพ: เลือกสครับเม็ดละเอียด หรือแปรงล้างหน้า
คำแนะนำเพิ่มเติม: สำหรับมือใหม่หัดผลัด ลองเริ่มจากความเข้มข้นต่ำๆ หรือใช้ความถี่น้อยๆ ก่อนนะคะ แล้วค่อยๆ ปรับตามที่ผิวรู้สึก
"ข้อควรระวัง!" เรื่องสำคัญที่ห้ามมองข้าม
มาถึงเรื่องที่สำคัญที่สุด! ถ้าไม่อยากหน้าพัง ต้องอ่านตรงนี้ให้ดีเลยค่ะ
- ห้ามผลัดเซลล์ผิวทุกวัน: ผิวพังแน่นอนจ้า!
- อย่าขัด/ถูแรงเกินไป: โดยเฉพาะแบบกายภาพ เกิดรอย เกิดแผลเล็กๆ ได้
- ถ้าผิวอักเสบ เป็นสิวเม็ดใหญ่ หรือแพ้หนักๆ งดก่อน: รอให้ผิวแข็งแรงขึ้นค่อยทำ
- หลังผลัดเซลล์ผิว ต้องทาครีมกันแดด! ผิวจะไวต่อแสงแดดมากกกก ถ้าไม่ทา อาจเกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ หรือผิวคล้ำลงกว่าเดิมได้
- หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่อาจระคายเคือง: หลังผลัดเซลล์ผิว ให้พักหน้าจากพวก Retinol, Vitamin C เข้มข้น, หรือผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์เยอะๆ
- ฟังเสียงผิวตัวเอง: ถ้าเริ่มรู้สึกแดง แสบ คัน ลอก แปลว่าอาจจะมากเกินไป ให้ลดความถี่ หรือหยุดใช้ไปก่อน
- เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว: หลังผลัดเซลล์ผิว ควรใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์เพื่อเติมน้ำให้ผิว
บทสรุป & คำแนะนำสุดท้าย
สรุปแล้ว การผลัดเซลล์ผิวเนี่ย ดี! ควรทำ! ถ้าอยากมีผิวใส เรียบเนียน ลดสิว ลดรอย
สำหรับผู้เริ่มต้น:
- ลองเริ่มจากวิธีธรรมชาติง่ายๆ ในครัวก่อนก็ได้
- หรือถ้าจะใช้ผลิตภัณฑ์ ลองเลือกแบบเคมีที่มีความเข้มข้นต่ำๆ หรือแบบ PHA ที่อ่อนโยนมากๆ
- ทำแค่สัปดาห์ละ 1-2 ครั้งพอนะคะ
- และที่สำคัญสุดๆๆๆๆๆ คือ อย่าลืมทาครีมกันแดดหลังผลัดเซลล์ผิว!
ถ้าทำอย่างถูกวิธีและสม่ำเสมอ รับรองว่าผิวใสปิ๊งอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแน่นอนค่ะ! ขอให้สนุกกับการดูแลผิวนะคะ!
วิดีโอที่เกี่ยวข้อง
แนะนำสำหรับคุณ
จัดกระดูก คืออะไร? รีวิว ประสบการณ์ และข้อควรรู้
รวมร้านหมูจุ่ม เชียงใหม่ อร่อยเด็ด บรรยากาศดี
รีวิว Beauty Plus Clinic กำจัดขน: เลเซอร์ขนที่นี่ดีไหม ราคาเป็นอย่างไร?
รีวิวหนัง "ฮาวทูทิ้ง..ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ" ประทับใจแค่ไหน?
รีวิว Adidas Edge Lux Clima: รองเท้าวิ่ง Adidas ระบายอากาศดี น่าใส่ไหม?
รีวิว Hisense 55B7700UW ทีวี 55 นิ้ว ภาพสวย คุ้มราคาไหม?