10 เครื่องฟอกอากาศ ราคาไม่เกิน 5000 บาท ปี 2025 คุ้มค่า อากาศสะอาด


สวัสดีครับเพื่อนๆ สายช้อปออนไลน์และมนุษย์ที่รักอากาศบริสุทธิ์ทุกคน! 👋 ในยุคที่ฝุ่น PM 2.5 กลายเป็นเหมือนแขกไม่ได้รับเชิญที่มาเยี่ยมเยียนบ่อยซะเหลือเกิน แถมบางทีก็มาแบบจัดหนัก จัดเต็ม จนแสบจมูกแสบคอไปหมด การมีเครื่องฟอกอากาศดีๆ สักเครื่องติดบ้านไว้ ไม่ใช่เรื่องฟุ่มเฟือยอีกต่อไปแล้วครับ แต่มันคือ ไอเทมจำเป็นเพื่อสุขภาพปอดของเรา!
แต่พอมาดูในตลาดเท่านั้นแหละ โอ้โห... มีเครื่องฟอกอากาศให้เลือกเป็นร้อยเป็นพันรุ่น หลายยี่ห้อจนงงไปหมด! ตัวไหนดี? ตัวไหนคุ้ม? ตัวไหนกรองได้จริง? คำถามพวกนี้ผุดขึ้นมาเต็มหัว ทำให้หลายคนตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเสียเงินซื้อเครื่องไหนดี 🤔
ไม่ต้องกังวลครับ! ในฐานะที่ผมวนเวียนอยู่ในวงการช้อปปิ้งออนไลน์มานาน วันนี้ผมจะมาเป็นไกด์พาเพื่อนๆ ไปบุกตลาดเครื่องฟอกอากาศในไทย โดยเน้นที่งบสบายกระเป๋า ไม่เกิน 5,000 บาท แต่คุณภาพคับแก้ว เพื่อให้ทุกคนได้หายใจเต็มปอดแบบไม่ต้องคิดเยอะ! ผมคัดมาให้แล้ว 10 รุ่นเด็ดที่น่าจับตามองในปี 2025 นี้ พร้อมบอกหมดเปลือกข้อดีข้อเสีย รับรองว่าอ่านจบปุ๊บ เลือกซื้อได้ปั๊บ ไม่โดนปาดแน่นอน!
ตลาดเครื่องฟอกอากาศในไทย ฮอตแค่ไหนกันนะ?
บอกเลยว่าตลาดเครื่องฟอกอากาศในไทยช่วงนี้กำลัง พุ่งแรงแซงทุกโค้ง! ยิ่งช่วงไหนฝุ่น PM 2.5 มาหนักๆ หรือมีโรคระบาดทางอากาศ ผู้คนก็ยิ่งตื่นตัวและมองหาตัวช่วยกันมากขึ้น, เครื่องฟอกอากาศเลยกลายเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าสามัญประจำบ้านไปแล้วครับ จากที่เมื่อก่อนอาจจะยังเป็นของใหม่ แต่เดี๋ยวนี้คือมีติดบ้านกันเพียบ ทั้งในเมืองและต่างจังหวัดที่มีปัญหาฝุ่นควัน,
แบรนด์ที่เห็นในตลาดส่วนใหญ่จะเป็นแบรนด์ต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็น Sharp, Xiaomi, Philips, Electrolux, Samsung, Levoit หรือแบรนด์เกาหลีอย่าง Coway, LG,, ส่วนแบรนด์ไทยก็มีบ้างอย่าง Hatari หรือ BWELL ที่ทำเครื่องฟอกอากาศออกมาได้น่าสนใจและอยู่ในงบที่เข้าถึงง่าย,
พฤติกรรมผู้บริโภคคนไทยเวลามองหาเครื่องฟอกอากาศราคาไม่เกิน 5,000 บาท มักจะเน้นไปที่ ประสิทธิภาพในการกรองฝุ่น PM 2.5 เป็นหลัก, รองลงมาคือ ขนาดที่เหมาะกับห้อง (โดยเฉพาะห้องนอน) ระดับเสียงที่เงียบ (ตอนนอนจะได้ไม่รำคาญ) และ ความคุ้มค่าของไส้กรอง ในระยะยาวครับ, แหล่งช้อปปิ้งยอดฮิตก็หนีไม่พ้นแพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง Lazada และ Shopee ที่มักจะมีโปรโมชั่นลดราคาดีๆ ออกมาตลอด, หรือถ้าใครอยากไปดูของจริงก็มีตามร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าใหญ่ๆ ครับ
เลือกเครื่องฟอกอากาศยังไงให้โดนใจ?
ก่อนจะเสียเงินซื้อ เรามาดูกันก่อนว่ามีปัจจัยอะไรบ้างที่เราต้องพิจารณา เพื่อให้ได้เครื่องฟอกอากาศที่เหมาะกับการใช้งานของเราที่สุดครับ ลองดูลิสต์นี้เป็นแนวทางได้เลย:
- ขนาดห้องที่เครื่องรองรับ: สำคัญอันดับแรกเลยครับ! เครื่องฟอกอากาศแต่ละรุ่นมีพื้นที่ครอบคลุมการทำงานต่างกัน ดูค่า CADR (Clean Air Delivery Rate) เป็นหลัก ยิ่งสูงยิ่งครอบคลุมพื้นที่ได้เยอะและฟอกอากาศได้เร็วขึ้น เลือกให้เหมาะสมกับขนาดห้องที่เราจะนำไปตั้ง ไม่งั้นเครื่องอาจทำงานหนักเกินไปหรือไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควรครับ,
- ระบบการกรอง (Filter): ส่วนใหญ่เครื่องฟอกอากาศจะใช้แผ่นกรองหลายชั้นรวมกัน, ที่สำคัญคือ แผ่นกรอง HEPA (High Efficiency Particulate Air) ที่สามารถดักจับอนุภาคขนาดเล็กมากๆ ได้ถึง 0.3 ไมครอน รวมถึง PM 2.5 และสารก่อภูมิแพ้ต่างๆ,, และ แผ่นกรอง Activated Carbon ที่ช่วยดูดซับกลิ่นไม่พึงประสงค์ต่างๆ ครับ,
- ฟังก์ชันพิเศษ: บางรุ่นอาจมีฟังก์ชันเสริมที่น่าสนใจ เช่น เซ็นเซอร์ตรวจวัดคุณภาพอากาศและปรับความแรงลมอัตโนมัติ (Auto Mode),, โหมดกลางคืน (Sleep Mode) ที่ทำงานเงียบ,,,, การปล่อยประจุ (Ionizer หรือ Plasma Cluster) ช่วยดักจับอนุภาคและฆ่าเชื้อ,,, หรือควบคุมผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือได้,
- ระดับเสียง: เปิดเครื่องฟอกอากาศทั้งวันทั้งคืน เสียงก็เป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะถ้าจะใช้ในห้องนอน เลือกรุ่นที่มีระดับเสียงรบกวนต่ำๆ ในโหมดการทำงานปกติหรือโหมดกลางคืนครับ,
- ราคาตัวเครื่องและไส้กรอง: ราคาตัวเครื่องไม่เกิน 5,000 บาทเรามีตัวเลือกเยอะครับ แต่ต้องอย่าลืมเช็ค ราคาและอายุการใช้งานของไส้กรอง ด้วยนะครับ เพราะเราต้องเปลี่ยนไส้กรองเป็นระยะๆ ค่าใช้จ่ายส่วนนี้ก็เป็นสิ่งที่ต้องนำมาพิจารณาด้วยเพื่อให้คุ้มค่าในระยะยาว,
- ชื่อเสียงแบรนด์และรีวิว: ลองดูว่าแบรนด์ไหนเป็นที่นิยม มีคนใช้เยอะ รีวิวจากผู้ใช้งานจริงในไทยเป็นยังไง (ลองหาดูตาม Pantip, กลุ่มรีวิวต่างๆ ใน Facebook หรือร้านค้าออนไลน์)
- การรับประกันและบริการหลังการขาย: มีศูนย์บริการในไทยไหม เคลมง่ายหรือเปล่า ตรงนี้ก็สำคัญไม่แพ้กันครับ
จัดไป! 10 เครื่องฟอกอากาศ ราคาไม่เกิน 5000 บาท น่าสอย ปี 2025!
ถึงช่วงที่ทุกคนรอคอย! ผมคัดมาให้แล้ว 10 รุ่นเด็ดจากหลากหลายแบรนด์ ที่เป็นที่นิยมและอยู่ในงบไม่เกิน 5,000 บาทในปี 2025 นี้ครับ ลองพิจารณาตามสไตล์และความต้องการของตัวเองได้เลย!
1. Sharp Air Purifier FP-J30TA
แบรนด์จากญี่ปุ่น ที่คนไทยคุ้นเคยกันดี เป็นรุ่นยอดฮิตตลอดกาลในกลุ่มราคาเข้าถึงง่ายครับ
- เกี่ยวกับแบรนด์: แบรนด์ญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงด้านเครื่องใช้ไฟฟ้ามายาวนาน มีฐานลูกค้าในไทยเยอะ,
- สินค้ารุ่นเด่น: FP-J30TA
- วิเคราะห์ข้อดีข้อเสีย:
- ข้อดี: ราคาเป็นมิตรมากๆ,, มีเทคโนโลยีพลาสม่าคลัสเตอร์ (Plasmacluster) เอกสิทธิ์เฉพาะของ Sharp ช่วยดักจับเชื้อโรคและสลายกลิ่นได้ดี,,, ขนาดกะทัดรัด เหมาะกับห้องเล็กๆ เช่น ห้องนอน,, มีเซ็นเซอร์ตรวจจับฝุ่นและกลิ่น
- ข้อเสีย: เหมาะกับห้องขนาดไม่ใหญ่มาก (ประมาณ 16-23 ตร.ม.),, ฟังก์ชันอาจจะไม่หลากหลายเท่ารุ่นราคาสูง
- เหมาะกับใคร: คนที่มองหาเครื่องฟอกอากาศพื้นฐานในงบจำกัด เน้นใช้ในห้องนอนหรือห้องขนาดเล็ก ต้องการเทคโนโลยีช่วยลดกลิ่นและฆ่าเชื้อโรค
- แนะนำช่องทางการซื้อ:
- ออนไลน์: Lazada, Shopee,,
- ออฟไลน์: Power Buy, HomePro, Central, Lotus's
- ช่วงราคา: ประมาณ 3,000 - 4,500 บาท,
- รีวิวผู้ใช้งาน (แนวๆ คนไทย): "ซื้อมาให้ลูกใช้ในห้องนอน ฝุ่นน้อยลงเยอะเลยค่ะ หายใจคล่องขึ้น" "เปิดตอนนอนเสียงไม่ดังรบกวนดีค่ะ" "ชอบเทคโนโลยีพลาสม่าคลัสเตอร์ รู้สึกว่าช่วยลดกลิ่นอับในห้องได้จริง",
2. Xiaomi Smart Air Purifier (รุ่นเล็ก/กลาง เช่น 4 Compact, 4 Lite)
แบรนด์จากจีน ที่มาแรงสุดๆ ในยุคนี้ โดดเด่นที่ดีไซน์มินิมอล ฟังก์ชันเยอะในราคาคุ้มค่า
- เกี่ยวกับแบรนด์: แบรนด์ดังจากจีน มีสินค้าหลากหลายประเภท คุณภาพดี ราคาย่อมเยา เป็นที่นิยมมากในไทย,
- สินค้ารุ่นเด่น: Smart Air Purifier 4 Compact, Smart Air Purifier 4 Lite
- วิเคราะห์ข้อดีข้อเสีย:
- ข้อดี: ดีไซน์สวย มินิมอล เข้ากับบ้านได้ง่าย,, กรองฝุ่น PM 2.5 ได้ดีเยี่ยมด้วย HEPA Filter,,, มีเซ็นเซอร์และหน้าจอแสดงผลคุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์,,, ควบคุมผ่านแอปพลิเคชัน Mi Home ได้สะดวก,,, ราคาคุ้มค่า ฟังก์ชันครบ,,
- ข้อเสีย: ไส้กรองต้องซื้อเปลี่ยนเรื่อยๆ และมีไส้กรองปลอมในตลาดเยอะต้องระวัง, แผ่นกรองคาร์บอนบางรุ่นอาจจะช่วยเรื่องกลิ่นได้ไม่เท่ารุ่นราคาสูง
- เหมาะกับใคร: คนที่ต้องการเครื่องฟอกอากาศดีไซน์สวย ฟังก์ชันครบ ควบคุมผ่านมือถือได้ ในราคาไม่แรง เหมาะกับห้องขนาดกลาง
- แนะนำช่องทางการซื้อ:
- ออนไลน์: Lazada, Shopee (มีร้าน Official Store),,,
- ออฟไลน์: BaNANA IT, JIB, Advice, Power Buy
- ช่วงราคา: ประมาณ 2,000 - 5,000 บาท (ขึ้นอยู่กับรุ่น),
- รีวิวผู้ใช้งาน (แนวๆ คนไทย): "Xiaomi นี่คุ้มจริงๆ ค่ะ ฟังก์ชันเยอะ เชื่อมแอปได้สะดวกมาก", "ดีไซน์สวยถูกใจ แถมกรองฝุ่นได้ดีเลย" "ราคาดีมาก เมื่อเทียบกับฟังก์ชันที่ได้"
3. Electrolux Air Purifier (รุ่นเล็ก/กลาง เช่น FA31-202GY)
แบรนด์จากสวีเดน ที่เน้นเรื่องดีไซน์และประสิทธิภาพ
- เกี่ยวกับแบรนด์: แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าชั้นนำจากยุโรป เน้นดีไซน์เรียบหรูและคุณภาพ
- สินค้ารุ่นเด่น: FA31-202GY, UltimateHome 300 FA31-200WT
- วิเคราะห์ข้อดีข้อเสีย:
- ข้อดี: ดีไซน์สวยงาม ทันสมัย, ระบบการกรองหลายชั้น ดักจับฝุ่น กลิ่น และสารอันตรายได้ดี,, มีเซ็นเซอร์ปรับการทำงานอัตโนมัติ, ช่องปล่อยอากาศออกแบบพิเศษช่วยให้หมุนเวียนได้ดี
- ข้อเสีย: ตัวเลือกในงบ 5,000 อาจจะมีจำกัดรุ่น
- เหมาะกับใคร: คนที่ให้ความสำคัญกับดีไซน์ ต้องการเครื่องฟอกอากาศที่เข้ากับบ้านสไตล์โมเดิร์น มีประสิทธิภาพการกรองที่ดี
- แนะนำช่องทางการซื้อ:
- ออนไลน์: Lazada, Shopee
- ออฟไลน์: Power Buy, HomePro, Central
- ช่วงราคา: ประมาณ 3,000 - 5,000 บาท
- รีวิวผู้ใช้งาน (แนวๆ คนไทย): "ดีไซน์สวยมากค่ะ วางตรงไหนก็ดูดี" "ฟอกอากาศได้เร็ว รู้สึกอากาศสะอาดขึ้น" "Electrolux แบรนด์ยุโรปน่าเชื่อถือค่ะ"
4. Hatari Air Purifier AP12R1
แบรนด์ไทย คุณภาพดี ราคาเข้าถึงง่าย คนไทยไว้ใจ
- เกี่ยวกับแบรนด์: แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าของไทยที่อยู่คู่คนไทยมายาวนาน โดดเด่นเรื่องคุณภาพสมราคา หาซื้อง่าย
- สินค้ารุ่นเด่น: AP12R1
- วิเคราะห์ข้อดีข้อเสีย:
- ข้อดี: ราคาถูกมากกกก คุ้มค่าสุดๆ, มีระบบกรอง 4 ขั้นตอน, มีเซ็นเซอร์ตรวจวัดค่า PM 2.5
- ข้อเสีย: ดีไซน์อาจจะไม่ได้หวือหวาเท่าแบรนด์ต่างชาติบางแบรนด์
- เหมาะกับใคร: คนที่งบประมาณจำกัดมากๆ ต้องการเครื่องฟอกอากาศพื้นฐานที่ใช้งานได้จริง กรองฝุ่น PM 2.5 ได้
- แนะนำช่องทางการซื้อ:
- ออนไลน์: Shopee
- ออฟไลน์: ห้างสรรพสินค้าทั่วไป, ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าท้องถิ่น
- ช่วงราคา: ไม่เกิน 3,000 บาท
- รีวิวผู้ใช้งาน (แนวๆ คนไทย): "หาเครื่องฟอกอากาศราคาไม่เกินสองพัน Hatari นี่ตอบโจทย์เลยค่ะ" "แบรนด์ไทยเชื่อใจได้ คุณภาพดีเกินราคา" "ใช้ง่าย ฟังก์ชันครบสำหรับห้องเล็กๆ"
5. Mitsuta Air Purifier MAP450
แบรนด์ที่เน้นความคุ้มค่า และฟังก์ชันการกรองหลายขั้นตอน
- เกี่ยวกับแบรนด์: เป็นอีกแบรนด์ที่เน้นเครื่องใช้ไฟฟ้าในราคาที่เข้าถึงง่าย
- สินค้ารุ่นเด่น: MAP450 (6 ขั้นตอนการกรอง)
- วิเคราะห์ข้อดีข้อเสีย:
- ข้อดี: ระบบกรองหลายขั้นตอน (บางรุ่นถึง 6 ขั้นตอน) ช่วยกรองได้หลากหลาย,, ราคาน่าคบ,, มีโหมดเงียบสำหรับกลางคืน,
- ข้อเสีย: แบรนด์อาจจะไม่ได้เป็นที่รู้จักเท่าแบรนด์ใหญ่ๆ
- เหมาะกับใคร: คนที่มองหาเครื่องฟอกอากาศที่มีระบบกรองหลายชั้นในราคาประหยัด
- แนะนำช่องทางการซื้อ:
- ออนไลน์: Lazada, Shopee,
- ช่วงราคา: ประมาณ 3,000 - 4,000 บาท,
- รีวิวผู้ใช้งาน (แนวๆ คนไทย): "ซื้อตอนโปรโมชั่น ราคาดีมากค่ะ ได้เครื่องฟอก 6 ขั้นตอนเลย" "รู้สึกอากาศสะอาดขึ้นจริงค่ะ เปิดไว้ตอนนอนหลับสบาย"
6. Philips Air Purifier (รุ่นเล็ก เช่น AC0820)
แบรนด์จากเนเธอร์แลนด์ ที่เน้นเทคโนโลยีและประสิทธิภาพ
- เกี่ยวกับแบรนด์: แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าและเทคโนโลยีระดับโลกจากยุโรป มีชื่อเสียงด้านคุณภาพและนวัตกรรม,
- สินค้ารุ่นเด่น: AC0820/20
- วิเคราะห์ข้อดีข้อเสีย:
- ข้อดี: กรองอนุภาคเล็กมากๆ ได้ดีเยี่ยม (เล็กกว่า PM 2.5 ถึง 800 เท่าในบางรุ่น), ขนาดกะทัดรัด เคลื่อนย้ายง่าย, มีเซ็นเซอร์ตรวจจับคุณภาพอากาศ, แบรนด์น่าเชื่อถือ คุณภาพดี
- ข้อเสีย: ราคาในรุ่นเล็กอาจจะสูงกว่าแบรนด์จีนเล็กน้อยในสเปกใกล้เคียงกัน
- เหมาะกับใคร: คนที่ต้องการเครื่องฟอกอากาศจากแบรนด์ชั้นนำ เน้นประสิทธิภาพการกรองอนุภาคขนาดเล็กมากๆ เหมาะกับห้องขนาดเล็กถึงกลาง
- แนะนำช่องทางการซื้อ:
- ออนไลน์: Lazada, Shopee
- ออฟไลน์: Power Buy, HomePro, Central, ห้างสรรพสินค้าทั่วไป
- ช่วงราคา: ประมาณ 4,000 - 5,000 บาท,
- รีวิวผู้ใช้งาน (แนวๆ คนไทย): "Philips ไว้ใจได้เรื่องคุณภาพค่ะ เครื่องเล็กแต่ฟอกได้ดีเลย" "เห็นว่ากรองได้เล็กกว่า PM2.5 เยอะมาก มั่นใจได้เลยค่ะ"
7. Levoit Air Purifier (รุ่นเล็ก เช่น Core Mini, H128)
แบรนด์จากอเมริกา ที่เน้นเครื่องฟอกอากาศโดยเฉพาะ ได้รับความนิยมในตลาดออนไลน์
- เกี่ยวกับแบรนด์: แบรนด์จากอเมริกา เน้นผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและบ้าน โดยเฉพาะเครื่องฟอกอากาศ
- สินค้ารุ่นเด่น: Core Mini, H128
- วิเคราะห์ข้อดีข้อเสีย:
- ข้อดี: ดีไซน์สวยงาม,,, มีแผ่นกรอง HEPA และ Carbon ดักจับฝุ่น กลิ่น สารก่อภูมิแพ้ได้ดี,,, บางรุ่นมีช่องใส่น้ำมันหอมระเหยได้, ราคาอยู่ในงบที่กำหนด
- ข้อเสีย: อาจจะยังไม่เป็นที่รู้จักในไทยเท่าแบรนด์ใหญ่ๆ บางแบรนด์
- เหมาะกับใคร: คนที่มองหาเครื่องฟอกอากาศดีไซน์สวย ราคาไม่แพง เน้นฟังก์ชันการกรองพื้นฐาน และอาจจะอยากเพิ่มความหอมในห้องด้วย
- แนะนำช่องทางการซื้อ:
- ออนไลน์: Lazada, Shopee (มีร้าน Official Store),,
- ช่วงราคา: ประมาณ 2,000 - 4,000 บาท
- รีวิวผู้ใช้งาน (แนวๆ คนไทย): "Levoit ดีไซน์น่ารักมากค่ะ วางบนโต๊ะทำงานได้เลย" "กรองกลิ่นได้ดีเลยค่ะ ใช้แล้วห้องรู้สึกสดชื่น" "ราคาไม่แรง คุณภาพดีคุ้มค่า"
8. Toshiba Air Purifier CAF-H20(W)
แบรนด์จากญี่ปุ่น คุณภาพเชื่อถือได้
- เกี่ยวกับแบรนด์: แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าเก่าแก่จากญี่ปุ่น มีชื่อเสียงด้านคุณภาพและความทนทาน
- สินค้ารุ่นเด่น: CAF-H20(W)
- วิเคราะห์ข้อดีข้อเสีย:
- ข้อดี: คุณภาพดีเชื่อถือได้ตามสไตล์แบรนด์ญี่ปุ่น, มีระบบกรองช่วยยับยั้งแบคทีเรียและดักจับกลิ่นได้, ปรับความแรงลมได้หลายระดับ, ราคาอยู่ในงบ
- ข้อเสีย: อาจจะไม่ใช่รุ่นที่มีฟังก์ชันอัจฉริยะเยอะเท่าแบรนด์ใหม่ๆ
- เหมาะกับใคร: คนที่ชอบแบรนด์ญี่ปุ่น ต้องการเครื่องฟอกอากาศคุณภาพดี ทนทาน ใช้งานง่าย ในงบประมาณที่กำหนด
- แนะนำช่องทางการซื้อ:
- ออนไลน์: Lazada, Shopee
- ออฟไลน์: Power Buy, HomePro, Central
- ช่วงราคา: ประมาณ 3,500 - 4,500 บาท
- รีวิวผู้ใช้งาน (แนวๆ คนไทย): "ใช้ Toshiba มาหลายอย่างแล้ว ทนดีค่ะ เครื่องฟอกอากาศก็โอเคเลย" "กรองกลิ่นได้ดี ทำงานเงียบดีค่ะ"
9. BWELL Air Purifier AC-2103
แบรนด์ไทย ที่เน้นเรื่องสุขภาพโดยเฉพาะ
- เกี่ยวกับแบรนด์: แบรนด์ไทยที่เน้นผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและการแพทย์ มีความเชี่ยวชาญด้านเครื่องฟอกอากาศ
- สินค้ารุ่นเด่น: AC-2103
- วิเคราะห์ข้อดีข้อเสีย:
- ข้อดี: เน้นการกรองฝุ่นละเอียดมากๆ ได้ดีเยี่ยม (เล็กถึง 0.1 ไมครอน), กรองได้ทั้งฝุ่น ก๊าซพิษ และกลิ่น, ไม่มีอุปกรณ์ที่ก่อให้เกิดฝุ่นดำหรือโอโซน, ตั้งเวลาปิดได้
- ข้อเสีย: ดีไซน์อาจจะดูเรียบง่าย
- เหมาะกับใคร: คนที่เป็นภูมิแพ้ หรือกังวลเรื่องฝุ่นละเอียดมากๆ ต้องการเครื่องฟอกอากาศที่เน้นประสิทธิภาพการกรองสูงสุดในงบประมาณที่จับต้องได้
- แนะนำช่องทางการซื้อ:
- ออนไลน์: Lazada, Shopee
- ออฟไลน์: ร้านขายอุปกรณ์การแพทย์ หรือร้านค้าตัวแทนจำหน่าย
- ช่วงราคา: ประมาณ 3,500 - 4,500 บาท
- รีวิวผู้ใช้งาน (แนวๆ คนไทย): "เพื่อนแนะนำ BWELL มาค่ะ เขาบอกว่าดีสำหรับคนเป็นภูมิแพ้ ใช้แล้วอาการดีขึ้นจริงๆ ค่ะ" "มั่นใจในเรื่องการกรองฝุ่นละเอียดมากๆ ค่ะ"
10. Gmax Air Purifier AP-902
แบรนด์ทางเลือก ที่ให้สเปกคุ้มค่าในราคาประหยัด
- เกี่ยวกับแบรนด์: แบรนด์ที่เน้นสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้าในราคาที่เป็นมิตร
- สินค้ารุ่นเด่น: AP-902
- วิเคราะห์ข้อดีข้อเสีย:
- ข้อดี: ราคาถูกมาก,, ครอบคลุมพื้นที่ได้ค่อนข้างกว้างสำหรับราคานี้ (บางรุ่น 30-50 ตร.ม.), มีระบบกรองหลายชั้น,, ประหยัดพลังงาน
- ข้อเสีย: แบรนด์อาจจะยังไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้างเท่าแบรนด์ใหญ่ๆ การรับประกันและบริการหลังการขายต้องตรวจสอบให้ดี
- เหมาะกับใคร: คนที่ต้องการเครื่องฟอกอากาศที่ครอบคลุมพื้นที่ได้กว้างในงบที่จำกัดมากๆ ไม่ได้เน้นฟังก์ชันอัจฉริยะหรือดีไซน์หวือหวา
- แนะนำช่องทางการซื้อ:
- ออนไลน์: Lazada, Shopee,,
- ช่วงราคา: ประมาณ 2,000 - 4,000 บาท,
- รีวิวผู้ใช้งาน (แนวๆ คนไทย): "ราคาดีมากค่ะ ได้เครื่องใหญ่กว่าที่คิด" "ฟอกอากาศในห้องนั่งเล่นได้ทั่วถึงค่ะ คุ้มค่ากับราคา"
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) สไตล์คนไทย!
Q: เครื่องฟอกอากาศราคาไม่เกิน 5000 บาท จะกรองฝุ่น PM 2.5 ได้จริงเหรอ?
A: ได้แน่นอนครับ! เครื่องฟอกอากาศที่ผมคัดมาส่วนใหญ่ (ถ้าไม่ใช่ทั้งหมด) จะมีแผ่นกรอง HEPA ซึ่งเป็นมาตรฐานในการดักจับฝุ่น PM 2.5 ได้อย่างมีประสิทธิภาพครับ,,, แต่ประสิทธิภาพและความเร็วในการฟอกก็จะขึ้นอยู่กับขนาดเครื่องและค่า CADR ด้วยนะครับ
Q: อยู่คอนโด จำเป็นต้องใช้เครื่องฟอกอากาศไหมคะ?
A: จำเป็นมากๆ ครับ! ถึงจะอยู่บนตึกสูง ฝุ่น PM 2.5 ควัน กลิ่นไม่พึงประสงค์ หรือแม้แต่เชื้อโรค ก็สามารถเล็ดลอดเข้ามาในห้องได้ ทั้งจากทางหน้าต่าง ประตู หรือระบบระบายอากาศ การมีเครื่องฟอกอากาศในคอนโดจะช่วยให้เราได้หายใจอากาศที่สะอาดจริงๆ ลดความเสี่ยงภูมิแพ้และปัญหาระบบทางเดินหายใจครับ
Q: ใช้เครื่องฟอกอากาศนานๆ เปลืองไฟไหม?
A: เครื่องฟอกอากาศส่วนใหญ่ไม่ได้กินไฟเยอะมากครับ โดยเฉพาะเมื่อเปิดในโหมดปกติหรือโหมด Auto ที่เครื่องจะปรับความแรงตามคุณภาพอากาศ แต่ถ้าเปิดโหมดแรงสุดตลอดเวลาก็จะกินไฟมากขึ้น เลือกขนาดเครื่องให้เหมาะกับห้องก็ช่วยประหยัดไฟได้ในระยะยาวครับ
Q: ไส้กรองต้องเปลี่ยนบ่อยแค่ไหน ราคาแพงไหม?
A: อันนี้แล้วแต่รุ่นและยี่ห้อเลยครับ, ส่วนใหญ่อายุไส้กรองจะประมาณ 6 เดือนถึง 2 ปี ขึ้นอยู่กับการใช้งานและสภาพอากาศครับ ราคาไส้กรองก็แตกต่างกันไป ตั้งแต่หลักร้อยปลายๆ ไปจนถึงพันกว่าบาท ก่อนซื้อลองเช็คราคาไส้กรองของรุ่นที่เราสนใจด้วยนะครับ จะได้คำนวณค่าใช้จ่ายระยะยาวได้
Q: ซื้อเครื่องฟอกอากาศออนไลน์ใน Lazada/Shopee อันตรายไหม? กลัวได้ของปลอม
A: ถ้าซื้อจากร้านค้าที่เป็น Official Store ของแบรนด์นั้นๆ หรือร้านค้าที่น่าเชื่อถือ มีรีวิวดีๆ ก็ค่อนข้างปลอดภัยครับ แต่ถ้าเจอร้านที่ไม่คุ้นเคย ราคาถูกผิดปกติ ต้องระวังมากๆ ครับ เช็คข้อมูลร้าน อ่านรีวิว และดูว่ามีการรับประกันที่ชัดเจนไหม ทางที่ดีซื้อจากร้านค้าอย่างเป็นทางการ หรือตัวแทนจำหน่ายที่เชื่อถือได้จะปลอดภัยที่สุดครับ
สรุปส่งท้าย เลือกเครื่องฟอกอากาศให้ใช่ ในสไตล์เรา!
เห็นไหมครับว่าเครื่องฟอกอากาศราคาไม่เกิน 5,000 บาท ก็มีตัวเลือกดีๆ น่าสนใจเยอะแยะเลย! การจะเลือกรุ่นที่ใช่ ก็ต้องเริ่มจากถามตัวเองก่อนว่า เราจะเอาไปตั้งไว้ในห้องขนาดเท่าไหร่? มีใครในบ้านเป็นภูมิแพ้หรือเปล่า? ต้องการฟังก์ชันพิเศษอะไรบ้าง? และมีงบประมาณเท่าไหร่?
- ถ้า งบจำกัดมากๆ แนะนำให้ดู Hatari หรือ Gmax ครับ ราคาเป็นมิตร ฟังก์ชันพื้นฐานครบ,,
- ถ้าเน้น แบรนด์ญี่ปุ่น คุณภาพดี เชื่อถือได้ ลองดู Sharp หรือ Toshiba ครับ,,
- ถ้าอยากได้ ดีไซน์สวย ฟังก์ชันเยอะ ควบคุมผ่านแอปได้ ในราคาคุ้มค่า ต้องยกให้ Xiaomi เลยครับ,,
- ถ้าเน้น ประสิทธิภาพการกรองอนุภาคเล็กๆ หรือเป็น ภูมิแพ้ ลองดู Philips หรือ BWELL ครับ,
สิ่งที่สำคัญอีกอย่างคือ อย่าลืมเช็ค ขนาดห้องที่เครื่องรองรับ และ ราคาไส้กรอง ด้วยนะครับ, และระวังเรื่อง ของปลอม ที่อาจจะมาในราคาถูกจนน่าตกใจ ที่สำคัญ! ในช่วงเทศกาล หรือช่วงแคมเปญใหญ่ๆ บน Lazada Shopee มักจะมีโปรโมชั่นลดราคาเครื่องฟอกอากาศเยอะมากครับ เตรียมตัวให้พร้อมแล้วไปช้อปกันได้เลย! 😉
มาเมาท์มอยกันหน่อย! แชร์ประสบการณ์หน่อยจ้า!
เพื่อนๆ คนไหนใช้เครื่องฟอกอากาศรุ่นไหนอยู่บ้าง? เป็นยังไง เล่าสู่กันฟังหน่อยสิครับ! ชอบตรงไหน ไม่ชอบตรงไหน หรือมีรุ่นไหนอยากแนะนำเพิ่มเติม คอมเมนต์มาคุยกันได้เลยนะ! 👇
ถ้าใครถูกใจบทความนี้ อยากให้กำลังใจ หรืออยากได้พิกัดร้าน/ลิงก์โปรโมชั่นดีๆ รบกวนพิมพ์คำว่า "จัดลิงก์มาเลย!" เดี๋ยวผมรวบรวมให้เป็นพิเศษเลยจ้าาา! แล้วเจอกันใหม่บทความหน้า สวัสดีครับ! 👋